Share

บทที่ 80

Author: โม่เสียวชี่
แม้ว่านางจะรู้ว่าเฉียวเนี่ยนกำลังพยายามยั่วยุนาง แต่นางก็ทนเงียบไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

แม้จะรู้ดีว่าวันนี้ที่นางแกล้งเป็นลมเป็นความคิดของพี่ชาย แต่หากพี่ชายได้ยินคำพูดเหล่านี้ พี่ชายต้องเสียใจมากเป็นแน่!

นางไม่อยากให้พี่ชายเข้าใจนางผิด!

ในตอนนี้ นางสูดหายใจลึกกว่าเดิม "ท่านพี่ไม่จำเป็นต้องยั่วยุข้าเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ ข้าจะไปคุกเข่าที่โถงบรรพบุรุษให้เดี๋ยวนี้แหละ! เพียงแต่ ข้าสำนึกผิดแล้วจริงๆ แม้ว่าท่านย่าจะไม่อยากพบข้า ข้าก็ต้องไปขอขมาท่านย่าอยู่ดี!"

หลังจากพูดเช่นนั้น นางก็หันไปทางเรือนของฮูหยินเฒ่าแล้วคุกเข่าลง พูดทั้งน้ำตาคลอเบ้าด้วยเสียงอันอ่อนโยนของนาง "ท่านย่า ยวนเอ๋อร์สำนึกผิดแล้ว ยวนเอ๋อร์ไม่กล้าทำให้ท่านย่าโกรธอีกแล้ว ท่านย่าโปรดอภัยให้ยวนเอ๋อร์ด้วยเถอะเจ้าค่ะ!"

เมื่อพูดจบ นางก็ก้มหัวคำนับทางเรือนของฮูหยินเฒ่าสามครั้ง

ทำให้ดูเหมือนนางรู้สึกผิดมากจนต้องร้องไห้ออกมา

เฉียวเนี่ยนคิดในใจว่า หลินยวนคงไม่ได้กำลังรู้สึกว่าตัวเองกตัญญู ให้ความสำคัญกับความรู้สึกและความยุติธรรมเสียเต็มประดา จนทำให้คนอื่นเห็นแล้วรู้สึกตื้นตันใจอยู่หรอกนะ?

เหอะ เห็นได้ชัดว่ามีเพียงแต่ความน่าขัน!

ท่านย
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Ann-Earth Oua-nguan
ท่านแม่ทัพก็น่ารำคาญนะ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1212

    คงเพราะเร่งเดินทางต่อเนื่องหลายวัน เหน็ดเหนื่อยจนถึงขีดสุดหรือบางทีอาจเพราะได้พบคนที่อยากพบมาตลอด ใจที่หวั่นไหวก็พลันสงบลงคืนนั้น เฉียวเนี่ยนหลับสนิทลึกยิ่งนักรุ่งขึ้น เมื่อเฉียวเนี่ยนลืมตาตื่น ฟ้าข้างนอกก็สว่างจ้าแล้วผลักประตูออกไป ก็พลันตะลึงกับภาพเบื้องหน้าสำนักราชาโอสถตั้งอยู่ลึกที่สุดในหมู่ขุนเขาเขียวชอุ่มราวเกล็ดมรกต รอบด้านรายล้อมด้วยผาหินชันประหนึ่งถูกเทพเจ้าฟาดด้วยขวานใหญ่จนแยกออกเฉียวเนี่ยนมองเห็นผาหินสูงเสียดฟ้าเพียงแวบเดียว ก็รู้สึกเหมือนมีบางสิ่งกดทับอยู่บนหน้าอก หายใจไม่ทั่วท้องโดยไม่รู้สาเหตุในจังหวะนั้นเอง มีคนเดินเข้ามา“แม่นาง เจ้าสำนักให้มาเชิญ”เขาแต่งกายด้วยชุดสีครามเข้ม เหมือนกับพวกที่เมื่อคืนนั้นหามหลินเย่ว์ไป คงเป็นชุดประจำของสำนักราชาโอสถแน่เฉียวเนี่ยนพยักหน้าเล็กน้อย แล้วเดินตามชายคนนั้นตรงไปยังเรือนหลังใหญ่ที่สุดทางด้านตะวันออกที่นั่น คือที่พำนักของเจ้าสำนักราชาโอสถทันทีที่ผลักประตูเรือนเข้าไป กลิ่นยาเข้มข้นก็พุ่งเข้าปะทะใบหน้าเฉียวเนี่ยนรีบยกมือขึ้นปิดปากและจมูกท่าทางนั้นกลับทำให้ผู้นำทางเหลือบตามองอย่างเหยียดหยาม“เจ้าสำนักของพวกเ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1211

    เฉียวเนี่ยนมองเจ้าสำนักราชาโอสถอย่างตกตะลึง “ท่าน... เหตุใดกัน?”“ชีวิตแลกชีวิต แล้วจะมีประโยชน์อันใดแก่ข้า? เช่นนั้นก็เท่ากับขาดทุนอยู่ดี! เก็บชีวิตเจ้าต่อไปเถิด ยังจะมีประโยชน์เสียกว่า!” พูดจบ เจ้าสำนักราชาโอสถก็ลุกขึ้น เดินออกไปทางประตูเพิ่งเดินถึงหน้าประตู ก็หัวเราะพลางว่า “เจ้าหนุ่ม เจ้ามาพอดีเลย พานางไปล้างเนื้อล้างตัวที สกปรกสิ้นดี! จิ๊ๆๆ!”เสียงแสดงความรังเกียจดังมา เฉียวเนี่ยนจึงหมดแรงวางมีดสั้นลง ร่างทั้งร่างทรุดลงกับพื้น ราวกับยังไม่อาจหลุดออกจากความสิ้นหวังและการตัดสินใจตายเมื่อครู่ได้แต่ไม่คาดคิดเลยว่า เบื้องหลังกลับมีเสียงที่คุ้นเคยมานานดังขึ้น"เนี่ยนเนี่ยน"เสียงทุ้มต่ำแต่หนักแน่น ดุจเดียวกับเจ้าของเสียงนั้นเฉียวเนี่ยนหันกลับไปมองทันที ก็เห็นเขายืนอยู่ตรงประตู ร่างสูงใหญ่แทบจะบดบังกรอบประตูไว้ทั้งบานภายในห้อง แสงเทียนไหวระยับฉู่จืออี้ไม่คิดเลยว่า การพบกันครั้งแรกหลังจากห่างหายกันไปเนิ่นนาน จะเป็นฉากเช่นนี้มวยผมของนางยุ่งเหยิงจนไม่เป็นทรง ใบหน้าเปรอะเปื้อน คราบน้ำตาที่เคยไหลทิ้งไว้ยิ่งดูเด่นชัดขึ้นชุดกระโปรงก็ขาดรุ่งริ่ง แม้แต่รองเท้ายังมีรูใหญ่ เผยให้เ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1210

    พูดอีกอย่างก็คือ กฎนี้ก็ตั้งขึ้นมาเพื่อเอาชนะเฉียวเนี่ยนโดยเฉพาะเฉียวเนี่ยนเงียบลงเมื่อนึกถึงว่าเจ้าสำนักราชาโอสถผู้นี้นั้น แท้จริงแล้วชื่อเสียงไม่เกินจริง ตอนนั้นที่เมืองจี๋เสียงนางเสียมารยาทกับเขา เขาก็ผูกใจเจ็บมาจนถึงวันนี้ ชีวิตถูกเขากุมไว้ ก็นับเป็นกรรมสนองเห็นเฉียวเนี่ยนเงียบ เจ้าสำนักราชาโอสถกลับหัวเราะเย็น “ทำไม? เมื่อครู่ยังทำท่าทีพี่น้องรักใคร่กันนัก เวลานี้ต้องเอาชีวิตแลกชีวิตกลับลังเลแล้วหรือ? เช่นนั้นเจ้าต้องรีบตัดสินใจให้ไว ว่าจะเลือกชีวิตของพี่ใหญ่เจ้าหรือชีวิตของเจ้า”เฉียวเนี่ยนเงยหน้าขึ้นมองเจ้าสำนักราชาโอสถหนึ่งครั้ง จึงเอ่ยปาก “ขอท่านเจ้าสำนักช่วยรักษาพี่ชาย ข้ายอมมอบชีวิตของข้าไว้แก่ท่านเจ้าสำนัก”ได้ยินคำนี้ แววตาของเจ้าสำนักราชาโอสถก็พลันขุ่นมัว กระทั่งน้ำเสียงยังหม่นหมองขึ้น “ข้าได้ยินมาว่าพี่ใหญ่เจ้าไม่ได้ดีต่อเจ้าสักเท่าไร คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะมีจิตใจดีถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยอมสละชีวิตเพื่อช่วยเขา”เฉียวเนี่ยนก็ไม่คาดคิดว่าเจ้าสำนักราชาโอสถจะสืบเรื่องราวในอดีตของนางมาแล้วแต่พอคิดอีกที เขาเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นถึงเพียงนี้ จะสืบเรื่องนางก็ไม่แปลกจึงสูดลมหา

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1209

    รอดแล้วเฉียวเนี่ยนฝืนยิ้มทั้งน้ำตา นางรีบวิ่งไปที่ข้างกายหลินเย่ว์ เรียกเขาด้วยเสียงดังว่า “หลินเย่ว์ ข้าทำสำเร็จแล้ว! เรามีทางรอดแล้ว! หลินเย่ว์ เจ้าได้ยินหรือไม่? เรามีทางรอดแล้ว!”น่าเสียดาย เสียงของนางจมหายไปในความมืดมิดของราตรี ไม่อาจได้รับคำตอบใดๆแต่ไม่นานนัก คนของสำนักราชาโอสถก็มาถึงในที่สุดพวกเขาพาเฉียวเนี่ยนกับหลินเย่ว์ไปยังเชิงหุบเขาเมื่อชายชราผมขาวคนนั้นมาถึง เฉียวเนี่ยนยังนั่งอยู่ข้างหลินเย่ว์ คอยเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผากให้เขา“โอ้ นี่ใครกัน?” น้ำเสียงของเจ้าสำนักราชาโอสถแฝงด้วยการเย้ยหยันเฉียวเนี่ยนไม่ใส่ใจ รีบลุกขึ้นทำความเคารพต่อเจ้าสำนักราชาโอสถ “ท่านเจ้าสำนัก ได้โปรดช่วยชีวิตพี่ชายข้าด้วย”เจ้าสำนักราชาโอสถเหลือบตามองหลินเย่ว์ “เจ้าคิดว่าสำนักราชาโอสถของข้าเป็นที่ใดกัน? คนเช่นนี้ก็สมควรให้ข้าลงมือหรือ?”เฉียวเนี่ยนได้ฟังก็ชะงัก กำหมัดแน่น ก่อนจะโขกศีรษะลงกับพื้นเสียงดังตรงหน้าเจ้าสำนักราชาโอสถ “เมื่อก่อนเป็นเฉียวเนี่ยนเองที่ตาไม่ถึง มีตาหามีแววไม่ ทำให้ล่วงเกินเจ้าสำนัก หากเจ้าสำนักจะลงโทษ จะตีจะด่า เฉียวเนี่ยนย่อมไม่ปริปาก แต่พี่ชายข้าได้ถูกยิงกลางป่าเพรา

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1208

    กองใบไม้แห้งในป่าลึกท่วมถึงข้อเท้าแม้รูปร่างของหลินเย่ว์จะไม่สูงใหญ่เท่าฉู่จืออี้ แต่เฉียวเนี่ยนก็ยังสูงแค่บ่าของเขาอยู่ดียิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่เขาเข้าร่วมกองทัพ ก็ผ่านการฝึกฝนมาแล้ว ร่างกายกำยำแข็งแรง น้ำหนักย่อมไม่เบาเฉียวเนี่ยนไม่มีแรงพอจะยกเขาขึ้นไปบนหลังม้าได้ จึงทำได้เพียงแบกเขาเดินไปข้างหน้าก้าวเดินไปอย่างยากลำบากเมื่อเฉียวเนี่ยนก้าวพลาด เหยียบกิ่งแห้งหักลง ร่างของหลินเย่ว์ที่อยู่บนหลังนางก็ไถลลงมาอีกแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแน่เฉียวเนี่ยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ใช้ดาบในมือกรีดผ้าจากกระโปรงของตัวเอง ฉีกออกมาใช้ผูกหลินเย่ว์กับตัวเองให้แน่นจากนั้นจึงใช้ดาบแทนไม้เท้า ค่อยๆ ก้าวเดินไปข้างหน้าลมหายใจของหลินเย่ว์รินรดข้างหูนาง แผ่วเบาไม่ต่างจากเสียงกระพือปีกของจักจั่นยามใกล้สิ้นฤดูนางก็พลันนึกถึงตอนเด็กๆ ที่ตัวเองเคยส่งเสียงหัวเราะร่าอยู่บนแผ่นหลังของหลินเย่ว์นับครั้งไม่ถ้วนหลินเย่ว์มักจะแบกนางเสมอบางครั้งเพื่อเก็บผลไม้บนต้นไม้บางครั้งเพื่อจับหนอนตัวอ้วนเขาเคยแบกนางวิ่งผ่านตลาดอันคึกคัก เคยแบกนางหนีหลังจากเล่นต่อสู้กับผู้อื่นในตอนนั้น นางมักหัวเราะอย่างมีความ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1207

    ทางขึ้นเขาทุรกันดารยากแก่การสัญจร อีกทั้งคนสองคนยังขี่ม้าตัวเดียวกัน ไม่นานก็ช้าลงเฉียวเนี่ยนมีแววกังวล ไม่วายหันกลับไปมองด้านหลังอยู่เรื่อยแต่สายตาของหลินเย่ว์กลับมองไปยังศิลาจารึกไม่ไกลนัก แล้วมุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย เอ่ยว่า "พวกเราเข้ามาถึงเขตสำนักราชาโอสถแล้ว วางใจเถอะ นักลอบสังหารจะไม่ตามมาแล้ว"เฉียวเนี่ยนก็เห็นอักษรบนศิลาจารึกนั้นว่า ‘สำนักราชาโอสถ’ จึงคลายใจกังวลลงทันทีอาศัยแสงจันทร์ นางมองไปยังเส้นทางเบื้องหน้า "ข้างหน้าคือสำนักราชาโอสถหรือ?""อื้ม"เสียงของหลินเย่ว์ดังมาจากเหนือศีรษะ ทุ้มต่ำและหนักแน่น "เดินไปอีกกว่าร้อยวาก็จะพ้นป่า ถึงตอนนั้นจะเห็นต้นท้อหลายต้น แม้ตอนนี้จะไม่ใช่ฤดูดอกบาน แต่ต้นท้อแถบสำนักราชาโอสถกลับเบ่งบานตลอดปี ใต้ต้นท้อต้นที่สาม จะมีหินก้อนเท่ากำปั้น หินนั้นเชื่อมกับกลไกภายในสำนักราชาโอสถ เพียงหมุนหิน สำนักราชาโอสถก็จะรู้ว่ามีแขกผู้ทรงเกียรติมาเยือน"เฉียวเนี่ยนพยักหน้าช้าๆ แต่ยังสงสัย "เจ้ารู้เรื่องสำนักราชาโอสถมากมายถึงเพียงนี้ได้อย่างไร? เคยมาที่นี่หรือ?""เนี่ยนเนี่ยน"หลินเย่ว์ไม่ได้ตอบคำถามเฉียวเนี่ยน น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความอ่อนโยน "พี่ใหญ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status