สวีเหม่ยเหรินจากไปแล้วเซียวเหอเป็นผู้จัดให้คนสนิทนำส่งด้วยตนเอง ย่อมต้องปลอดภัยแน่นอน“แล้วเจ้าเล่า? จะเข้าเฝ้าฮ่องเต้อีกหรือไม่?” น้ำเสียงเยือกเย็นของเซียวเหอเอ่ยถาม ดวงตาคู่นั้นแฝงไว้ด้วยความอ่อนโยนและความเป็นห่วง จ้องมองเฉียวเนี่ยนไม่วางตาเฉียวเนี่ยนส่ายหัวช้าๆ “ไม่แล้วเจ้าค่ะ หากฮ่องเต้ทรงอยากพบข้า ย่อมจะมีรับสั่งมาเอง”ระหว่างพูด เฉียวเนี่ยนก็เผลอมองไปทางประตูวังก็เห็นรถม้าคันคุ้นตากำลังจอดอยู่ไม่ไกลข้างรถม้ามีคนยืนอยู่สองคน คือ ลุงเกิ่งกับหนิงซวงพอหนิงซวงเห็นเฉียวเนี่ยนหันมาทางนี้ ก็รีบเขย่งเท้ายกมือขึ้นสูง โบกมือให้เฉียวเนี่ยนกลัวนางจะมองไม่เห็นเฉียวเนี่ยนก็รีบโบกมือตอบ ยืนยันว่านางเห็นแล้วเซียวเหอมองตามสายตาเฉียวเนี่ยนไป ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปาก “นางมาทุกวัน”คำพูดแผ่วเบาเพียงประโยคเดียว ทำเอาเฉียวเนี่ยนรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่งก็ได้ยินเซียวเหอเอ่ยว่า “บางทีก็พารถม้ามาด้วย บางทีก็ยืนอยู่คนเดียวหน้าประตูวัง ข้าบอกนางไปแล้วว่าเจ้าต้องอยู่ในวังอีกพักหนึ่ง หากจะออกจากวัง จะให้จีเยว่ไปแจ้งนางล่วงหน้า แต่ถึงอย่างนั้น นางก็ยังมารออยู่หน้าวังทุกวัน บางวันรอเพียงหนึ
อวิ๋นเอ๋อร์ถูกดุเข้า นางก็หลุบตาลง ไม่พูดอะไรอีกเพียงได้ยินองค์หญิงซูหยวนตรัสว่า “เจ้าไปให้ห้องเครื่องจัดเตรียมไว้หนึ่งชุด อย่าทำให้ดีนัก ถึงเวลาองค์หญิงผู้นี้จะถือไปถวายเสด็จพ่อด้วยมือตนเอง เพียงบอกว่าทำเองก็พอ”อวิ๋นเอ๋อร์ถึงได้พยักหน้าและกล่าวรับคำในเวลาเดียวกัน เมื่อฮ่องเต้ทรงทราบว่าองค์หญิงซูหยวนหายจากฤทธิ์ยาแล้ว ก็ถอนหายใจยาวหนึ่งเฮือก สายตาที่มองเฉียวเนี่ยนก็ไม่อาจห้ามความชื่นชมไว้ได้ “ล้วนเป็นเพราะเจ้าช่วยไว้ ไม่อย่างนั้น วันนี้เราก็ไม่รู้จริงๆ ว่าจะจัดการอย่างไรดี!”ท่าทางของซูหยวนเช่นนั้น จะให้พวกหมอแก่ๆ ในโรงหมอหลวงมารักษาได้อย่างไร!เฉียวเนี่ยนยิ้มมุมปาก “ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่หม่อมฉันควรทำเพคะ”กล่าวจบ เฉียวเนี่ยนก็หันไปมองข้างๆ อีกครั้งเซียวเหิงได้จากไปแล้ว นางจึงเอ่ยว่า “ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หม่อมฉันกับสวีเหม่ยเหรินก็พอมีไมตรีต่อกันอยู่บ้าง ขณะนี้อยากไปส่งสวีเหม่ยเหรินเป็นครั้งสุดท้าย หวังว่าฝ่าบาทจะอนุญาต”“อืม สมควรอยู่” ฮ่องเต้พยักหน้า “เจ้าไปเถอะ!”“ขอบพระทัยฝ่าบาท!” เฉียวเนี่ยนคำนับหนึ่งครั้ง ก่อนเร่งรีบออกจากตำหนักซิ่วชุนไปร่างของสวีเหม่ยเหรินถูกเคล
สบสายตากับองค์หญิงซูหยวนแล้ว เฉียวเนี่ยนก็เดาได้ทันทีว่าองค์หญิงซูหยวนกำลังคิดอะไรอยู่แต่นางก็ไม่ได้ใส่ใจเพียงหันไปพูดกับอวิ๋นเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ ว่า “พาองค์หญิงกลับไปพักที่เตียงเถอะ!”ได้ยินเช่นนั้น อวิ๋นเอ๋อร์ก็รับคำ แล้วถือผ้าขนหนูเดินเข้าไป ประคององค์หญิงขึ้นจากอ่างน้ำ พากลับไปยังเตียงส่วนเฉียวเนี่ยนก็ค่อยๆ รินน้ำอุ่นนหนึ่งถ้วย แล้วยื่นให้ด้วยท่าที ‘เอาใจใส่’ “องค์หญิงดื่มน้ำอุ่นสักหน่อย จะได้ช่วยขับไล่ความเย็นเพคะ”ไม่คาดว่าองค์หญิงซูหยวนกลับยกมือปัดใส่ น้ำอุ่นสาดกระเซ็นใส่ตัวเฉียวเนี่ยน “ไสหัวไป! องค์หญิงผู้นี้ไม่ต้องการความหวังดีจอมปลอมของเจ้า! ไป!”หลังจากกินยาแก้เข้าไปแล้ว ความร้อนรุ่มในกายของนางก็หายไปจริงๆ!ผลลัพธ์ที่ชัดเจนขนาดนี้ ไม่เท่ากับว่าเฉียวเนี่ยนตั้งใจจะทรมานนางหรอกหรือ?เฉียวเนี่ยนมองชายกระโปรงที่เปียกน้ำแวบหนึ่ง โดยไม่พูดอะไรสักคำ หันกายเดินออกไปก่อนออกจากห้อง นางหันไปมองอวิ๋นเอ๋อร์เพียงแวบเดียวอวิ๋นเอ๋อร์เห็นสายตาของเฉียวเนี่ยนก็เข้าใจทันที แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรจนเฉียวเนี่ยนออกไปแล้ว อวิ๋นเอ๋อร์จึงเดินไปยังโต๊ะข้างๆ รินน้ำอีกถ้วยอย่างรีบร้อน แล้วยื่น
บังเอิญว่าหลบมาทางเฉียวเนี่ยนพอดีทำให้ทั้งสองชนกันเข้าอย่างจังร่างของเซียวเหิงแข็งแกร่งดั่งกำแพงพุ่งเข้ามา เฉียวเนี่ยนถึงกับเซล้มไปด้านหลังทั้งตัว โชคดีที่เซียวเหิงตาไวมือไว คว้านางกลับมาได้ทันเฉียวเนี่ยนจึงซบเข้าไปในอ้อมอกของเซียวเหิง พอรู้สึกถึงอ้อมกอดที่แข็งแรงนั้น ใจนางก็สะท้าน รีบจะผลักเซียวเหิงออกไปไม่คาดว่าในมือกลับถูกยัดขวดยาเข้าให้ขวดหนึ่งหัวใจเฉียวเนี่ยนเต้นสะท้าน จึงเงยหน้าขึ้นมองเซียวเหิงดวงตาล้ำลึกดั่งหมึกคู่นั้นสะท้อนใบหน้าที่เต็มไปด้วยความลนลานของนางไว้นางเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเก็บขวดยานั้นอย่างแนบเนียนยาขวดนี้น่าจะเป็นยาแก้แต่ในสายตาฮ่องเต้ ทุกอย่างดูเป็นแค่อุบัติเหตุเพราะฮองเฮาเกิดคลุ้มคลั่งขึ้นกะทันหัน เซียวเหิงกับเฉียวเนี่ยนจึงชนกันทันใดนั้นก็ตวาดลั่น “ใครก็ได้! พาฮองเฮากลับเรือนนอนไปพักให้ดี! หากไม่มีคำอนุญาตจากเรา ห้ามผู้ใดเข้าไปวุ่นวาย!”หมายความว่าจะกักบริเวณฮองเฮานั่นเอง!ฮองเฮาตกใจ “ฝ่าบาท! จะทรงทำกับหม่อมฉันเช่นนี้ไม่ได้นะเพคะ! อีกเดี๋ยวถ้าซูหยวนไม่เห็นหม่อมฉัน นางจะต้องเสียใจแน่เพคะฝ่าบาท!”กลยุทธ์ที่เคยใช้ได้ผลมาตลอด ในเวลานี้กลับไร้ป
หนึ่งชั่วยามต่อมาเฉียวเนี่ยนมององค์หญิงซูหยวนซึ่งตอนนี้แช่น้ำเย็นอยู่ตั้งแต่หัวไหล่ลงไป ตัวสั่นเทา นางกลับไม่ได้รู้สึกสะใจนักตามเหตุผลแล้ว สามปีนั้นเป็นเพราะองค์หญิงซูหยวนมีคำสั่งให้คนมาทรมานนาง เวลานี้เห็นองค์หญิงซูหยวนถูก ‘ลงโทษ’ เช่นนี้ นางควรจะดีใจสิถึงจะถูกทว่าเฉียวเนี่ยนรู้ดีว่า ใจนางหาได้ยินดีไม่แม้กระทั่งยามมององค์หญิงซูหยวนที่ตัวสั่นงันงก นางก็อดคิดไม่ได้ว่าตอนนั้นตนเองจะดูน่าสงสารเช่นนี้หรือไม่ลึกๆ แล้วนางไม่อยากให้ตัวเองกลายเป็นคนเช่นเดียวกับองค์หญิงซูหยวน แต่ก็ต้องยอมรับว่านางจงใจจะลงโทษองค์หญิงซูหยวนจริงๆฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัด นอกจากจะขจัดได้ด้วยการร่วมสัมพันธ์ ก็ต้องใช้ยาแก้ที่ตรงกับตัวยาที่โดนไปการแช่น้ำเย็น ทำได้เพียงระงับอาการไว้ชั่วคราวเท่านั้นแต่การที่นางจงใจให้องค์หญิงซูหยวนแช่อยู่ในน้ำเย็นนานขนาดนี้ ก็เพื่ออยากให้องค์หญิงได้บทเรียน ว่าอย่าทำตามอำเภอใจอีกเห็นว่าได้เวลาแล้ว เฉียวเนี่ยนจึงเดินออกมาจากห้องขององค์หญิงซูหยวนภายในเรือน นอกจากฮ่องเต้กับเซียวเหิงแล้ว ยังมีฮองเฮาเพิ่มมาอีกคนพอเห็นเฉียวเนี่ยนออกมา ฮองเฮาก็รีบเข้ามาหา ถามว่า “ซูหยวนเป็นอย่า
องค์หญิงซูหยวนรีบหันไปมองเฉียวเนี่ยน พอเห็นรอยยิ้มพึงใจที่มุมปากของนาง ก็เพิ่งจะตระหนักถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ความทรงจำทั้งหมดค่อยๆ ปะติดปะต่อขึ้น นางนึกถึงตอนที่ลวงให้เซียวเหิงกินยานั่น แต่เซียวเหิงกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เลย ก็รู้ได้ทันทีว่าตนถูกหลอก จึงด่าทันทีว่า “นังสารเลว กล้าดียังไงเอายาปลอมมาหลอกองค์หญิงผู้นี้!”พูดจบ นางก็รู้สึกได้ถึงกระแสความร้อนพุ่งขึ้นจากท้องน้อย ทำให้ผิวทั่วร่างขนลุกชันไปหมดเฉียวเนี่ยนยืนอยู่ข้างๆ จับสังเกตปฏิกิริยาขององค์หญิงซูหยวนได้หมด นางจึงกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “องค์หญิงเพคะ ฤทธิ์ยาในร่างพระองค์ยังคุกรุ่นอยู่ หม่อมฉันขอทูลว่าอย่าทรงโกรธเลยเพคะ มิเช่นนั้น ต่อให้น้ำเย็นก็ไม่อาจระงับฤทธิ์ยาในร่างพระองค์ได้ ถึงตอนนั้น พระองค์จะตกอยู่ในสภาพน่าเวทนาอย่างยิ่ง และมิใช่มีเพียงฮ่องเต้เท่านั้นที่ได้เห็น”ฟังถึงตรงนี้ องค์หญิงซูหยวนก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ สายตาหวาดผวาหันไปทางประตู “เสด็จ เสด็จพ่อ...”“ฮ่องเต้ทรงรู้ทุกอย่างแล้วเพคะ ขอพระองค์วางพระทัย หม่อมฉันจะพยายามสุดความสามารถ ขจัดฤทธิ์ยาออกจากร่างพระองค์เพคะ เพียงแต่ตอนนี้ ขอองค์หญิงแช่อยู่ในน้ำเย็นไปอี