Home / รักโบราณ / พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ / 9. นักเลงหัวไม้กับเฒ่าหัวงู

Share

9. นักเลงหัวไม้กับเฒ่าหัวงู

last update Last Updated: 2025-06-24 23:08:37

“ตรงนี้เป็นที่ของข้า! พวกเจ้าถือสิทธิ์อันใดมาตั้งร้านตรงนี้” ชายตัวสูงใหญ่สามคนปรี่เข้ามายืนประจันหน้ากับเหล่าพี่น้องสกุลลู่ ชายหนุ่มทั้งสามแต่งตัวมอมแมม ทั้งยังมีท่าทางหาเรื่องเช่นนี้ มิน่าวางใจแม้แต่น้อย

“เอ่อ พี่ชายคงจะเข้าใจผิดแล้ว พวกเรามาตั้งร้านที่นี่ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว อีกทั้งเราก็มาจับจองที่ตั้งร้านนี้ก่อนผู้ใด” เฉินกงรีบเดินออกมาพูดคุยกับชายหนุ่มทั้งสามคน

“แล้วอย่างไร ข้าจะตั้งร้านของข้าที่นี่ เจ้าย้ายของของเจ้าออกไปให้หมด มิเช่นนั้นก็จ่ายค่าเช่าที่มา” หนึ่งในชายหนุ่มแบมือไปตรงหน้าเฉินกง

“เอ่อ พวกเรายังมิมีลูกค้าสักคนเดียว จะเอาเงินที่ใดมาให้ท่านเล่า” บ่าวชายสกุลลู่สองคนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้ามากันคุณชายใหญ่จากพวกนักเลงเอาไว้

“หากไม่มีก็…ย้ายออกไป พวกเรา! ทำลายให้หมด” ชายพวกนั้นขว้างปาก้อนหินขนาดเท่ากำมือเข้าไปในร้านจนข้าวของบางส่วนเสียหาย บ่าวชายพยายามเข้าไปห้ามปรามก็โดนทำร้ายกลับมา

“เฮ้ย! หยุดนะ ข้าวของของข้าเสียหายหมดแล้ว เจ้าพวกบ้า!” หมิงยู่โมโหจนเลือดขึ้นหน้า คิดปรีเข้าไปหยุดนักเลงพวกนั้นแต่เด็กชายกลับต้องชะงัก

“หยุด! พอแย้ว เอาเงินนี่ไป” เยว่ชิงโยนถุงเงินจำนวนหนึ่งลงบนพื้น

“หึ! ให้เงินพวกข้าตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง ข้าวของคงมิเสียหายเช่นนี้” ว่าแล้วชายพวกนั้นก็เก็บถุงเงินแล้วเดินจากไป

“เยว่ชิง! เจ้าจะให้เงินพวกนั้นไปทำไมกัน” หมิงยู่หัวเสียไม่น้อยที่ต้องเสียเงินที่หามาได้อย่างยากลำบากไปกับการรีดไถของพวกนักเลงหัวไม้

“จะเดือดย้อนทำไมกัน ให้ได้ก็ไปเอาคืนได้”

หึ! หากคิดว่าเยว่ชิงผู้นี้จะยอมให้เจ้าพวกนั้นรีดไถละก็ ผิดแล้ว!

“มูมู่ ตามไป หากพ้นสายตาผู้คน เจ้าก็กัดตูดพวกนั้นสักสองสามที” เยว่ชิงออกคำสั่งพร้อมกับปล่อยเชือกในมือ เจ้าเสือน้อยที่ใส่ผ้าคลุมสีดำรีบวิ่งตามพวกนักเลงไปทันที

“นะ นี่ นี่เจ้าจะให้มูมู่ฆ่าคนหรือ อ๊ากกกก น่ากลัวเกินไปแล้ว” หมิงยู่อ้าปากหวอ ร้องตะโกนออกมาอย่างตกใจ

“แค่กัดตูดเท่านั้น มิถึงตายแน่” เยว่ชิงกรอกตาไปมา นางสุดจะทนกับนิสัยที่เพ้อเจ้อใหญ่โตของพี่รองของนางเหลือเกิน

“พี่ว่าเราตามไปดูมูมู่ดีหรือไม่ เกรงว่ามูมู่จะทำอันตรายพวกนั้นจนถึงชีวิต” เฉินกงเองก็กังวลว่าหากมูมู่กัดโดนจุดสำคัญเข้า นักเลงหัวไม้พวกนั้นอาจถึงแก่ชีวิตได้

“เยว่ชิงไปด้วย พวกเจ้าสองคนก็ตามมาด้วย เยาจะจับพวกนั้นส่งทางการ” เยว่ชิงออกคำสั่งกับบ่าวชายทั้งสอง แล้วจึงยกแขนให้พี่ใหญ่ของนางอุ้ม

หึๆ เด็กอย่างไรก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ

ทั้งสี่คนเดินมาเรื่อยๆ จนมาถึงที่ตรอกแห่งหนึ่ง ดูเหมือนว่าตรอกนี้จะเป็นทางตันมีทางเข้าออกทางเดียว เสียงเอะอะโวยวายที่ดังมาจากด้านในทำให้เฉินกงมั่นใจว่านักเลงพวกนั้นจะต้องอยู่ในนี้เป็นแน่

“คื่ออออ ฮื่อ!”

“เจ้าเสือเฮงซวยนี่มันกัดตูดข้า ฮื่อออออ” เมื่อทั้งสี่มาถึงก็เห็นสภาพยับเยินของนักเลงทั้งสาม บ้างมีแผลที่แขนขา บ้างมีแผลที่ตูด นักเลงพวกนั้นล้มลงโอดครวญ ทั้งสามต่างก็ถอยหนีเจ้าเสือขาวตัวน้อยอย่างหวาดกลัว

เดิมทีเมื่อเห็นว่ามูมู่เป็นเพียงลูกเสือ พวกเขาก็คิดว่าคงจะมิน่าหวาดกลัวเท่าใดนัก จึงช่วยกันรุมจับ แต่เจ้าเสือน้อยตัวนี้กลับมีเรียวแรงมาก ทั้งยังกัดพวกเขาเสียจมเขี้ยว พวกเขาจึงได้รีบถอยหนีกันอย่างที่เห็น

“นั้นไง พวกเจ้าไปจับพวกมันมัดไว้ให้แน่น แล้วรีบนำไปส่งทางการ” เฉินกงรีบสั่งการให้บ่าวไพร่นำตัวนักเลงหัวไม้ส่งทางการ ส่วนตนเองพาน้องสาวไปดูเจ้ามูมู่ว่าบาดเจ็บที่ใดหรือไม่

“มูมู่ เจ็บที่ใดหยือไม่” เยว่ชิงลูบตัวสำรวจหาบาดแผลบนตัวมูมู่ แต่ก็มิพบร่อยรอยใด นางจึงโล่งใจไปบ้าง มูมู่เมื่ออยู่นิ่งให้เยว่ชิงสำรวจบาดแผลเรียบร้อยแล้ว ก็รีบวิ่งไปคาบถุงเงินที่ชายพวกนั้นทำตกไว้มาให้เยว่ชิง

“เด็กดีๆ ทำดีมาก เนื้อของเจ้าพวกนั้นมิอย่อยใช่หยือไม่ ไว้ข้าจะให้ท่านแม่ต้มเนื้ออย่อยๆ ให้เจ้ากินนะ” เยว่ชิงหยิบผ้าคลุมสีดำมาเช็ดคราบเลือดที่ปากมูมู่ออก จากนั้นจึงพากันกลับไปที่ร้านทันที

“เป็นอย่างไร มีผู้ใดตายหรือไม่” หมิงยู่ที่เห็นว่าพี่ใหญ่กับน้องสาวกลับมาแล้วก็รีบเอ่ยทักทันที

“พี่ยอง อย่าพูดเกินจริงได้หยือไม่” มาว่ามูมู่เป็นผู้ร้ายฆ่าคนเช่นนี้ เดี๋ยวก็ปล่อยไปกัดเสียเลย ฮึ้ย!!

“หึๆ มิมีผู้ใดตาย ว่าแต่ทางนี้ข้าวของเสียหายมากหรือไม่”

“มิเสียหายมากขอรับ ยังใช้งานได้อยู่” เป็นลี่อินที่เอ่ยตอบผู้เป็นพี่

“เช่นนั้นก็เริ่มเรียกลูกค้ากันเถิด วันนี้เราก็ต้องหาให้ได้หนึ่งตำลึงเงิน” ว่าแล้วทุกคนก็ไปยืนประจำตำแหน่งของตนเอง แต่วันนี้เฉินกงตัดสินใจเพิ่มเครื่องมือละเล่นการโยนห่วงมาอีกหนึ่งชุด เพราะเมื่อสังเกตจากผู้คนที่มาละเล่นเมื่อวาน บ้างก็ยืนรอจนเมื่อย บ้างก็รอไม่ไหวจึงไม่เล่น วันนี้เขาจึงคิดจะแบ่งเป็นสองแถว

“เชิญเจ้าค่ะ มาโยนห่วงเสี่ยงโชคกันได้แย้วเจ้าค่ะ มีของยางวัลมากมายเยยนะเจ้าคะ” เยว่ชิงโปรยยิ้มหวานไปทั่ว ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็แวะเข้ามาดู แวะเข้ามาละเล่นกันมากมาย เด็กน้อยหลายคนได้แมลงปอสานติดมือกลับไป บ้างก็ได้ขนมฝีมือแม่นมลี่ สี่พี่น้องช่วยกันทำงานอย่างขยันขันแข็งจะเวลาล่วงเลยเข้าปลายยามโหย่ว (17:00 – 18:59 น.) เฉินกงกำลังจะบอกให้น้องๆ เก็บของกลับบ้าน แต่กลับมีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินเข้ามาที่ร้าน

“เด็กน้อยสิ่งนี้คืออันใดหรือ”

“โยนห่วงเจ้าค่ะ ได้ยางวัลด้วยนะเจ้าคะ ท่านลุงอยากเย่นดูหยือไม่” เยว่ชิงเอ่ยตอบท่านลุงที่เข้ามาถามไถ่ ดูแล้วท่านผู้นี้คงจะมียศสูงอยู่ไม่น้อย อาภรณ์ที่สวมใส่ดูเรียบหรู ผมเผ้าถูกเก็บอย่างเรียบร้อย ทั้งหน้าตาก็ดูสะอาดสะอ้าน

คงจะมีเงินทองไม่น้อยเลยทีเดียว คึๆ

“โอ้ อยากลองๆ เอามาให้ลุงสักสิบห่วงแล้วกันนะ” เยว่ชิงยิ้มน่าบาน แบมือเก็บเงินแล้วก็รีบพยักหน้าให้พี่สามนำห่วงมาให้ท่านลุงทันที ท่านลุงลองโยนอยู่หลายครั้งก็ไม่สำเร็จเสียที

“เห้อออ ข้าคงมิมีความสามารถด้านนี้จริงๆ”

“ลูกพ่อ พ่อว่าวันนี้เราพอเท่านี้ก่อนดีหรือไม่” ลู่หวังเหล่ยและซูเมิ่งเห็นว่าใกล้มืดค่ำแล้วจึงได้มารับบุตรกลับเรือน แต่กลับพบเข้ากับ…

“โอ้ นี่บุตรของท่านหรอกหรือใต้เท้าลู่”

ท่านเสนาบดีอู๋” ลู่หวังเหล่ยและซูเมิ่งค่อมหัวคำนับ

“หึๆ นี่เรือนสกุลลู่มิมีจะกินแล้วหรืออย่างไร ถึงได้ให้บุตรวัยเพียงเท่านี้ออกมาทำงานหาเงิน หากว่ามิมีเงินทอง อย่างไรก็ไปที่เรือนข้าได้ ข้าก็พอจะมีให้หยิบยืมบ้าง แต่คงจะต้องนำสิ่งอื่นมาแลกนะ” เสนาบดีอู๋หลี่เฉียงส่งสายตาแทะโลมไปยังซูเมิ่งอย่างเปิดเผย จนนางต้องรีบถอยไปหลบอยู่หลังสามี มือบางจับอาภรณ์ของสามีแน่นด้วยความหวาดกลัว ลู่หวังเหล่ยเองก็ทำได้เพียงเบี่ยงตัวบังภรรยาและกัดกรามข่มอารมณ์ของตนเท่านั้น หากใจร้อนเผลอทำร้ายอีกฝ่ายขึ้นมา ผู้ที่จะเดือดร้อนคงมิพ้นครอบครัวของเขา

“น่ายังเกียจเสียจริง พวกเฒ่าหัวงู” เยว่ชิงเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศที่คุกรุ่น

เมื่อเช้าเจอนักเลงหัวไม้ ตกเย็นยังมาเจอเฒ่าหัวงู วันนี้มิใช่วันของสกุลลู่หรืออย่างไร เห้อออ!

“นี่! เจ้าว่าข้างั้นหรือเด็กน้อย” อู๋หลี่เฉียงหน้าตึงขึ้นมาทันใดเมื่อได้ยินคำพูดของเด็กหญิงวัยสามหนาว

“ข้ามิได้เอ่ยนาม จะว่าท่านได้อย่างไย อีกอย่าง แม้พวกข้าจะเป็นเด็กแต่ก็คิดทำมาหากิน ตอนที่บุตรของท่านอายุเท่าข้า เขาทำอันใดเป็นบ้างหยือ” คำพูดที่ยาวเหยียดและดูเย้ยหยันจากเด็กน้อยทำให้ผู้ใหญ่หลายคนที่ได้ยินถึงกับรู้สึกจุกเสียดแทนท่านเสนาบดีอู๋ไม่น้อย

โดนเด็กวัยสามหนาวด่าว่าเช่นนี้ น่าอายยิ่งกว่าสิ่งใด

“…” อู๋หลี่เฉียงชะงักนิ่ง ตกใจกับคำพูดของเยว่ชิงจนไม่อาจเอ่ยสิ่งใดออกมาได้เพียงครึ่งคำ

“หึ! เงียบเช่นนี้บุตรของท่านคงจะทำสิ่งใดไม่เป็น วันๆ เอาแต่ย้องไห้สินะ น่าสงสารเสียจริง เห้ออออ นี่คงอิจฉาที่ท่านพ่อมีบุตรที่ดีเช่นพวกข้าสินะ จิ๊ๆ” เยว่ชิงส่ายหัวเบาๆ ท่าทางถือดีของเยว่ชิงยิ่งทำให้เสนาบดีอู๋อารมณ์คุกรุ่นมากขึ้น แต่ก็มิอาจทำสิ่งใดได้เพราะตรงนี้มีผู้คนอยู่มาก ทั้งฝ่ายตรงข้ามยังเป็นเพียงเด็กวัยสามหนาว หากเขาลงมือไปมีหวังคนทั้งเมืองได้ประณามสาปส่งเขาเป็นแน่ เสนาบดีอู๋จึงทำได้เพียงสะบัดชายผ้าแล้วรีบเดินจากไปเท่านั้น

“เหอะ! นึกว่าจะแน่” เยว่ชิงกระตุกยิ้มอย่างสะใจ คำพูดของนางเมื่อครู่คงทำให้อีกฝ่ายเจ็บแสบไม่น้อย แม้จะขัดใจการพูดไม่ชัดของตนเองอยู่บ้างก็เถอะ เยว่ชิงหัวเราะสะใจอยู่คนเดียว โดยมิได้สังเกตเลยว่าทุกคนกำลังตกตะลึงในสิ่งที่นางพูดออกมา

“ทะ ท่านพี่ ข้าว่าเราพาเยว่ชิงไปหาหมอเถิดเจ้าค่ะ”

“อืม พี่จะพาลูกไปให้ท่านมอตรวจดู…”

“ท่านพ่อ ท่านแม่ เยว่ชิงมิได้ป่วยเสียหน่อยยยยยย~”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   9. นักเลงหัวไม้กับเฒ่าหัวงู

    “ตรงนี้เป็นที่ของข้า! พวกเจ้าถือสิทธิ์อันใดมาตั้งร้านตรงนี้” ชายตัวสูงใหญ่สามคนปรี่เข้ามายืนประจันหน้ากับเหล่าพี่น้องสกุลลู่ ชายหนุ่มทั้งสามแต่งตัวมอมแมม ทั้งยังมีท่าทางหาเรื่องเช่นนี้ มิน่าวางใจแม้แต่น้อย“เอ่อ พี่ชายคงจะเข้าใจผิดแล้ว พวกเรามาตั้งร้านที่นี่ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว อีกทั้งเราก็มาจับจองที่ตั้งร้านนี้ก่อนผู้ใด” เฉินกงรีบเดินออกมาพูดคุยกับชายหนุ่มทั้งสามคน“แล้วอย่างไร ข้าจะตั้งร้านของข้าที่นี่ เจ้าย้ายของของเจ้าออกไปให้หมด มิเช่นนั้นก็จ่ายค่าเช่าที่มา” หนึ่งในชายหนุ่มแบมือไปตรงหน้าเฉินกง“เอ่อ พวกเรายังมิมีลูกค้าสักคนเดียว จะเอาเงินที่ใดมาให้ท่านเล่า” บ่าวชายสกุลลู่สองคนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้ามากันคุณชายใหญ่จากพวกนักเลงเอาไว้“หากไม่มีก็…ย้ายออกไป พวกเรา! ทำลายให้หมด” ชายพวกนั้นขว้างปาก้อนหินขนาดเท่ากำมือเข้าไปในร้านจนข้าวของบางส่วนเสียหาย บ่าวชายพยายามเข้าไปห้ามปรามก็โดนทำร้ายกลับมา“เฮ้ย! หยุดนะ ข้าวของของข้าเสียหายหมดแล้ว เจ้าพวกบ้า!” หมิงยู่โมโหจนเลือดขึ้นหน้า คิดปรีเข้าไปหยุดนักเลงพวกนั้นแต่เด็กชายกลับต้องชะงัก“หยุด! พอแย้ว เอาเงินนี่ไป” เยว่ชิงโยนถุงเงินจำนวนหนึ่งลงบนพ

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   8. เทศกาลลีชุน

    “โอ้โห ผู้คนมากมายถึงเพียงนี้เลยหรือ” ลี่อินตื่นตาตื่นใจกับงานเทศกาลลีชุน(เทศกาลตรุษจีน)ที่ถูกจัดขึ้นในครานี้ ท้องถนนเต็มไปด้วยห้างร้านที่ประดับประดาตกแต่งอย่างสวยงาม ผู้คนต่างออกจากเรือนมาเลือกซื้อสิ่งของจำเป็น สกุลลู่เองก็เช่นกัน ลู่หวังเหล่ยพาฮูหยินของตนและบ่าวรับใช้ออกมาเลือกซื้อของใช้จำเป็นที่จะใช้เฉลิมฉลองเทศกาลลีชุน รวมถึงพาบุตรทั้งสี่มาเปิดร้านการละเล่นโยนห่วง“หึๆ มาทางนี้เถิด พ่อให้คนของเรามาจับจองที่ตั้งร้านให้พวกเจ้าแล้ว ตำแหน่งที่ตั้งดีทีเดียว ผู้คนที่เดินเข้ามาซื้อของในตลาดย่อมต้องผ่านร้านการละเล่นของพวกเจ้า” ลู่หวังเหล่ยอุ้มเยว่ชิงเดินนำภรรยาและบุตรไปบริเวณที่ว่าทันที เมื่อมาถึงก็พบว่าบ่าวในเรือนได้ตั้งร้านให้เรียบร้อยแล้ว เยว่ชิงมองดูร้านของตนเองแล้วพอใจไม่น้อย ร้านที่ว่าดูเหมือนจะเป็นแผงขายเล็กๆ ตัวร้านเป็นทรงสี่เหลี่ยม ใช้แผ่นไม้กั้นรอบทั้งสี่ด้าน แต่แผ่นไม้กั้นสูงเพียงสี่ฉื่อ (ประมาณ 1 เมตร) ทั้งยังมีทางออกอยู่ด้านหลัง ส่วนพื้นที่ตรงกลางถูกเว้นว่างไว้สำหรับตั้งหุ่นไม้ที่พี่น้องสกุลลู่เตรียมมา“ดียิ่งขอรับท่านพ่อ มีไม้กั้นเช่นนี้ผู้คนจะได้ไม่เข้าใกล้เกินตำแหน่งที่เรา

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   7. วางแผนตั้งร้าน

    เช้าวันนี้เยว่ชิงตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ โดยมีแม่นมลี่จัดการเช็ดหน้าเช็ดตาและแต่งกายให้ เด็กน้อยนั่งอยู่หน้ากระจกแกว่งขาไปมาให้แม่นมลี่สางผมอย่างอารมณ์ดี ปากเล็กๆ ยกยิ้มไม่หุบ มืออ้วนป้อมก็ลูบหัวเจ้าเสือตัวน้อยไปพลาง“อื่อ อือ อื้อ ล้า ลา~”“อารมณ์ดีอันใดเจ้าคะคุณหนู บ่าวเห็นคุณหนูยิ้มไม่หุบตั้งแต่ตื่นนอน”“วันนี้พี่ๆ จะมาเย่นด้วย”“หึๆ ทุกวันก็เล่นด้วยกันมิใช่หรือเจ้าคะ”“ไม่เหมือน วันนี้มีความยับ ยังบอกไม่ได้” แม่นมลี่ถึงกับหัวเราะร่ากับคำพูดของเด็กน้อย คุณหนูของนางถึงกับรู้จักเก็บความลับช่างรู้ความเกินไปแล้ว“เจ้าค่ะๆ เช่นนั้นเรารีบไปที่ห้องโถงดีหรือไม่เจ้าคะ ทุกคนคงรอทานมื้อเช้าอยู่แล้ว” แม่นมลี่จูงมือเด็กน้อยไปที่ห้องโถงเพื่อทานมื้อเช้า มือเล็กก็จับจูงสายคล้องคอมูมู่ให้เดินตามมาด้วย เดิมทีเยว่ชิงจะไม่ใส่สายคล้องคอให้กับมูมู่ แต่ท่านพ่อกลัวว่ามูมู่จะไม่คุ้นเคยกับสถานที่แล้วหนีไป จึงต้องคล้องสายให้มูมู่ก่อนสักระยะ“เป็นอย่างไรบ้างพี่ใหญ่” หมิงยู่เอ่ยถามพี่ชายที่กำลังเหลาไม้ให้มีปลายแหลมเพื่อใช้เป็นลูกดอก หลังจากที่พวกเขารอส่งท่านพ่อไปทำงานเรียบร้อยแล้ว สี่พี่น้องสกุลลู่ก็รีบมารวมตัวก

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   6. ลู่ทางหาเงิน (2)

    “พี่ชายทั้งสาม เยว่ชิงมีเยื่องจะพูดด้วย หาว~” เช้าวันนี้เยว่ชิงตื่นขึ้นมาแต่เช้า แม้ว่าเมื่อคืนนางแทบจะมิได้นอน แต่อย่างไรก็ต้องรีบนำสิ่งที่นางคิดมาปรึกษาพี่ชายทั้งสาม เพราะแผนการที่นางวางไว้ใหญ่โตเกินกว่าที่เด็กวัยสามหนาวจะทำสำเร็จด้วยตนเองได้ นางจึงมาขอความช่วยเหลือจากพี่ชายทั้งสาม เดิมทีเยว่ชิงมิมีความมั่นใจสักนิดว่าพี่ชายทั้งสามของนางจะรับฟังความคิดของเด็กวัยสามหนาวอย่างนาง แต่อย่างไรก็ต้องลองเสี่ยงดูสักครา“หึๆ ให้พี่กล่อมนอนก่อนดีหรือไม่ หืม! เจ้าดูจะง่วงเต็มที” เฉินกงยกมือลูบศีรษะเล็กของน้องสาวเบาๆ ด้วยว่าวันนี้เขาไม่ต้องคัดตำรา หลังจากที่ส่งท่านพ่อไปทำงานแล้ว เขาจึงอาสาดูแลน้องๆ แทนท่านแม่ เพื่อให้ท่านแม่ได้พักผ่อนอย่างสงบเสียบ้าง“ไม่เจ้าค่ะ ทุกคนฟังเยว่ชิงนะ…เยว่ชิงอยากหาเงิน”“ฮ่าๆ เจ้าเด็กน้อยคนนี้ เพ้อเจ้ออันใดของเจ้า” หมิงยู่หัวเราะจนปวดท้องไปหมด ต่างจากเฉินกงที่เริ่มขมวดคิ้วเข้มเข้าหากันน้องสาวเขานี่อย่างไร เหตุใดจึงมีความคิดความอ่านไม่เหมือนกับเด็กวัยสามหนาวแม้แต่น้อย“เหตุใดต้องหาเงินด้วยเล่า เยว่ชิง”“ก็…ก็มูมู่ของน้องกินเยอะ สิ้นเปลืองเงินทอง” เยว่ชิงมิอาจบอกออกไปไ

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   5. ลู่ทางหาเงิน (1)

    “ท่านพี่ได้มูมู่มาได้อย่างไรหรือเจ้าคะ ทั้งยังไม่เสียเงินสักตำลึงเดียว” ซูเมิ่งเอ่ยถามสามีพลางวางชาและขนมเชาปิ้งที่แม่นมลี่ทำให้บุตรและสามี“พี่ก็ทูลขอต่อฝ่าบาทมาอย่างไรเล่า กว่าจะได้เจ้ามูมู่มา พ่อเกือบหัวขาดเสียแล้ว” ลู่หวังเหล่ยเองยังตกใจกับความใจกล้าของตนที่กล้าทูลขอต่อฮ่องเต้เฉิงเจี้ยนกั๋ว ด้วยความที่บุตรสาวของเขาถามถึงลูกเสืออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน พอเห็นว่ามีลูกเสืออยู่ตรงหน้าจึงได้พลั้งปากออกไป“ห๊า!!! หัวขาดเยยหยือ…เยว่ชิง โอ๋ๆ ท่านพ่อนะเจ้าคะ” เยว่ชิงที่รับรู้ถึงความยากลำบากของบิดาจึงรีบเข้าไปกอดออดอ้อนให้บิดาชื่นใจ“เจ้าคงต้องโอ๋ๆ พ่อให้มากเสียแล้ว” ผู้เป็นบิดาโอบกอดบุตรสาวเข้าแนบอกอย่างสุขใจ“เรื่องราวเป็นอย่างไรเจ้าคะ เหตุใดถึงขั้นต้องทูลขอต่อฝ่าบาท”“ในวันล่าสัตว์ องค์ชายรองเฉิงเจียงหยวนล่าเสือขาวตัวเมียมาได้ แต่เมื่อนำเสือตัวนั้นกลับมาที่ลานพิธีกลับพบว่ามีลูกเสือตัวน้อยถึงสองตัวที่เดินตามมา ฝ่าบาททรงคาดเดาว่าอาจจะเป็นลูกของเสือขาวที่ถูกล่า คราแรกฝ่าบาทจะสังหารเพื่อเซ่นไหว้เทพเจ้า แต่เป็นองค์ชายใหญ่เฉิงหลิวหยางที่ทูลขอเอาไว้ พระองค์จะนำไปเลี้ยง พ่อได้ยินเช่นนั้นจึงพลั้งปากท

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   4. มู่มู่น้อย

    และแล้วคำภาวนาของเยว่ชิงก็เป็นผล บัดนี้นางอายุได้สามหนาวแล้ว เด็กน้อยตัวกลมสมส่วน ผิวขาวราวหิมะ พวงแก้มสีแดงระเรื่อป่องออกมาจนบิดามารดาและพี่ชายที่เดินผ่านไปผ่านมาต้องแวะหอมแก้มกลมให้ชื่นใจ จะมีก็เพียงหมิงยู่เท่านั้นที่มักจะชอบบีบแก้มเยว่ชิงเล่นอยู่เสมอ อย่างเช่นตอนนี้…“โอ๊ยยย พี่ยอง!” ใบหน้าน่ารักชักสีหน้าใส่พี่ชายของนางอย่างเอือมระอา วันๆ มิคิดจะทำสิ่งใด เดินผ่านไปก็บีบ เดินผ่านมาก็บีบ!“คุณชายรอง อย่าได้กลั่นแกล้งคุณหนูนักเลยเจ้าค่ะ” แม่นมลี่ที่นั่งเล่นเป็นเพื่อนคุณหนูของนางอดเอ่ยห้ามปรามออกมาไม่ได้“โถ่ ก็แก้มน้องข้าน่าบีบถึงเพียงนี้ จะให้ข้าอดใจไหวได้อย่างไร ข้าไปหล่ะ ขอไปคัดอักษรก่อนหากวันนี้ไม่แล้วเสร็จ ท่านพ่อจะโมโหจนหน้าดำหน้าแดงอีก ฮ่าๆ” ว่าแล้วหมิงยู่ก็หยิบโฉยเอาขนมของเยว่ชิงเข้าปากแล้วเดินเข้าห้องของตนเองไปเยว่ชิงได้แต่ส่ายหัวให้กับท่าทีของพี่ชาย บัดนี้พี่ใหญ่อายุได้สิบหนาว พี่รองอายุแปดหนาว พี่สามอายุหกหนาว และนางอายุได้สามหนาว ซึ่งเป็นวัยเดียวกับที่นางรบเร้าขอเลี้ยงกระต่าย ดังนั้นแล้ววันนี้นางคงจะต้องขอให้ท่านพ่อหาสัตว์เลี้ยงให้นางสักตัวเสียแล้ว ตอนแรกนางนั่งคิดนอนคิดอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status