“ ค่ะ เจ้านาย” หญิงสาวขยับจนชิดด้านขวา แต่เจ้านายตัวดีกลับขยับมานั่งใกล้จนขาแทบจะจะติดกัน หญิงสาวหันไปมองหน้า แต่เจ้านายหนุ่มกลับเฉย พร้อมกับกดสมาร์ทโฟนเช็คอีเมล์หน้าตาเฉย
หญิงสาวขยับนั่งด้วยความอึดอัด เพราะเหมือนใบหน้าของชายหนุ่มห่างจากหน้าของตัวเองไม่เกินคืบ เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นทำเอาหญิงสาวตื่นจากภวังค์
“ ไปร้านประจำผมนะครับลุงแช่ม” ชายหนุ่มสั่งคนขับรถ
‘ ไปไหนของเค้านะ วันนี้จะได้ทานข้าวกลางวันไหมเนี่ยหิวจะแย่ ปกติเวลานี้ เจะได้กินข้าวกับสุดาและเจ๊ทราย ตอนนี้คงโซ้ยอาหารกันให้อร่อยเพลินไปแล้ว’ หญิงสาว บ่นพึมพำในใจ
รถมาจอดเทียบร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ดูภายนอกร่มรื่นเหมือนไม่ใช่ร้านอาหารในกรุงเทพฯ ดอกไม้นานาพรรณทำเอาณพิชชาอารมณ์เบิกบานไม่ใช่น้อย หญิงสาวเดินตามชายหนุ่มเข้าไปในร้านจัดตกแต่งเหมือนในหนังสือตกแต่งบ้านสไตล์ยุโรป สวยหรู หญิงสาวมองรอบ ๆ อย่างนึกทึ่งฝีมืออินทีเรียที่ตกแต่งร้านนี้
‘ว่าแต่เค้ามาคุยงานอะไรที่ร้านอาหารแห่งนี้นะ’ หญิงสาวคิดคำนึงในใจ
“ นั่งสิ” พีทษรุทเอ่ยปาก รับเมนูจากพนักงานที่รีบตรงมาให้การต้อนรับ
หญิงสาวนั่งตรงข้ามกับชายหนุ่ม พร้อมกับเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“ เจ้านายคะ เจ้านายมาคุยงานที่นี่เหรอคะ” ชายหนุ่มเงยหน้าจากเมนูแล้วตอบกลับออกไปว่า
“ เปล่านี่ แค่ผมอยากหาเพื่อนกินข้าว” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ คุณอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม” ชายหนุ่มเอ่ยถามต่อ ไม่สนใจอากัปกิริยาที่ อ้าปากค้างของหญิงสาว
“คุณเลือกเถอะ ภาษาเยอรมัน ฝรั่งเศสฉันอ่านไม่ออกหรอก” หญิงสาว
ตอบออกไปด้วยท่าทางและน้ำเสียงงุนงงไม่หาย
“ คุณทานปลาหรือล๊อปสเตอร์ดี” ชายหนุ่มเอ่ยถามต่อ
“ ปลาก็ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบ พร้อมหันไปมอง บรรยากาศรอบ ๆ ที่นี่มีโต๊ะเก้าอี้ที่ห่างกันพอสมควร เขาคงจัดรับแขกแบบไม่เน้นปริมาณ แอบพลิกดูเมนู อาหารจานหนึ่งเท่ากับค่าอาหารเกือบครึ่งเดือนของบ้านเธอ
หลังจากที่ชายหนุ่มสั่งอาหารเสร็จก็มองมาที่เธอ ทำเอาหญิงสาวตั้งตัวแทบไม่ทัน สายตาคมเข้มทำเอาหญิงสาวรู้สึกร้อนไปทั้งตัว โฮ๊ย คนบ้าอะไร สายตาช่างมีพลังอะไรเช่นนี้ หญิงสาวก็ประสานสายตาพร้อมกับนึกอะไรขึ้นได้
“ เจ้านายคะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะที่ให้ลุงแช่มมารับส่งดิฉันทั้งอาทิตย์ ในเมื่อเจ้านายกลับมาแล้ว วันพรุ่งนี้ไม่ต้องให้ลุงแช่มมารับดิฉันแล้วนะคะ ดิฉันมาทำงานเองได้ค่ะ” หญิงสาวพนมมือก้มไหว้ชายหนุ่ม
ชายหนุ่มถอนหายใจ พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ เหมือนเดิม
“คุณไม่คิดจะมาอยู่ในเมืองบ้างหรือไง บ้านคุณไกล ไปมาคงลำบาก” ชายหนุ่มกล่าว
“ ฉันทิ้งแม่กับยาย ไม่ได้หรอกค่ะ แล้วฉันเป็นคนติดบ้านเสียด้วย ฉันยอมเหนื่อยเพื่อจะกลับบ้านค่ะ” ณพิชชากล่าวตอบ พร้อมยกน้ำขึ้นดื่ม
“ คุณไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะณพิชชา สักวันคุณก็ต้องมีครอบครัว แล้วคุณก็ต้องย้ายออกจากบ้าน คุณคงไม่คิดเป็นลูกแหง่ตลอดชีวิตใช่ไหม” ชายหนุ่มกล่าวโดยเริ่มตักอาหารใส่จานของตัวเอง
“ มันยังมาไม่ถึงฉันยังไม่คิดหรอกค่ะ แต่ปัจจุบันฉันพอใจจะอยู่กับแม่และยายค่ะ เจ้านาย” หญิงสาวตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
จากนั้นต่างคนต่างรับประทานอาหารโดยไม่มีบทสนทนาใด ๆ อีก จนกระทั่งทานเสร็จ หญิงสาวก็ขอตัวเข้าห้องน้ำ
“ไปอิมโพเรี่ยมลุงแช่ม” ว่าแล้วชายหนุ่มก็เปิดประตู แล้วผลักหญิงสาวให้เข้าไปนั่ง พร้อมกับตนเองขยับมานั่งใกล้แขนแทบจะชนกัน หญิงสาวแทบจะกรี๊ดด้วยความอึดอัดพร้อมบ่นพึมพำในใจ ‘ อีตาบ้า ที่นั่งข้างซ้ายก็เยอะแยะมานั่งเบียดฉันทำไมยะ’ แต่ก็ไม่กล้าแม้จะเอ๋ยอะไรออกไป แอบรู้สึกถึงความอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก จนอยากให้มีช่วงเวลานี้นานๆ จนมาถึงห้างสรรพสินค้าใหญ่ หญิงสาวเดินตามชายหนุ่มไปเรื่อยๆ แต่แอบสงสัย อยู่เหมือนกันว่า เค้ามาทำไรที่นี่เนี่ย ชายหนุ่มเข้ามาร้านเสื้อผ้าสตรีแบรนเนมชื่อดัง จากนั้นก็ทักทายคนขายเหมือนสนิทพอสมควร
“ โอ๊ย ลมอะไรพาคุณพีทมาร้านพี่คะนี่” หญิงสาวเจ้าของร้านกรูเข้ามาทักทายชายหนุ่ม
“ หวัดดีครับคุณติ๊ก ผมมีเรื่องมาให้รบกวนช่วยจัดการเสื้อผ้าทั้งงานกลางวันกลางคืนกับชุดทำงานให้เลขาผมสักสิบยี่สิบชุดนะคับ แบรนไรก็ได้ กระเป๋ารองเท้าด้วยนะครับ เดี๋ยวผมจะไปรอร้านกาแฟข้าง ๆ” เจ้าของร้านตอบกลับด้วยสีหน้ายินดี
“ นี่เจ้านาย มาซื้อของให้ดิฉันทำไม ดิฉันไม่มีปัญญาจ่ายหรอกนะ แต่ละชิ้นเกือบเท่าเงินเดือนฉันแทบทั้งเดือน” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“ คุณเป็นเลขาผมควรแต่งตัวให้สมกับหน้าที่การงานด้วย ชุดนี้เหมาะสำหรับเด็กมัธยมใส่ไม่ใช่เลขาประธานบริษัท ผมจ่ายให้เอง ผมเป็นคนสั่งคุณมีหน้าที่ทำตาม เข้าใจไหม” ว่าแล้วก็สะบัดตัวเดินจากไป
หญิงสาวทำปากยื่นด้วยความหมั่นไส้ของคนวางอำนาจ ในชีวิตณพิชชาไม่เคยเจอใครที่เอาแต่ใจตัวเอง วางอำนาจและเสียมารยาทเท่านี้มาก่อนในชีวิต จากนั้นพี่ติ๊กก็ลากเธอไปจุดโน้นจุดนี้ ลองนั่นนี่โน่นจนหน้าปวดหัวผ่านไปชั่วโมงสองชั่วโมง กระบวนการทุกอย่างเสร็จสิ้น พี่ติ๊กก็จับเธอแต่งตัวแต่งหน้าทำผมให้เข้ากับชุด แล้วจูงมาส่งพร้อมใบเสร็จ ที่เธอแอบเห็นว่าเป็นเลขห้าหลักเป็นอย่างน้อย ชายหนุ่มรับใบเสร็จไปเซ็นต์พร้อมดึงเครดิตการ์ดบัตรทองมาจ่าย
ชายหนุ่มหันมาทางหญิงสาวยืนตะลึงไปอึดใจ “ ว่าไงค่ะ เจ้านาย “
“ อืม ใช้ได้” ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่ทำเอาชีวิตช่วงนี้ของตนว้าวุ่นพอสมควรอย่างชื่นชม
“ ไปกันได้แล้ว” ว่าแล้วชายหนุ่มหันไปคุยกับเจ้าของร้านสาวต่อ
“ คุณติ๊กช่วยจัดของส่งไปที่บริษัทเย็นนี้ทันไหมฮะ”
“ สบายมากค่ะสำหรับคุณพีท อีกไม่เกินชั่วโมงดิฉันจะส่งให้ถึงบริษัทเลยค่ะ” เจ้าของร้านกุลีกุจอตอบ
ชายหนุ่มจูงกึ่งลากหญิงสาวออกไปท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของคุณติ๊ก และเด็กในร้าน
“ ฉันว่าแฟนคนใหม่คุณพีท แน่ ๆ ว่าไหมยัยจิ๋๊ม”
“ โห แต่ดูคนนี้มาวินนะคะ ขนาดคุณพีทรูดการ์ดเรือนแสนขนาดนี้” เด็กในร้านพูดสนับสนุน
“ เจ้านายคะ ช้า ๆ หน่อยค่ะ” ชายหนุ่มชะลอฝีเท้าแล้วหันกลับมาที่หญิงสาวที่เหงื่อตกแล้วหอบเป็นระยะ
“ ณพิชชาคุณออกกำลังกายบ้างไหม เดินแค่นี้ก็เหนื่อยแล้ว”
หญิงสาวค้อนชายหนุ่ม พร้อมกับตอบว่า
“ ก็ดิฉันไม่ได้ขายาวเหมือนเจ้านายนี่คะ แล้วยังใส่ส้นสูงอีก”
ชายหนุ่มยิ้มขันคำพูดที่หญิงสาวจีบปากจีบคอเถียง ทำเอาหญิงสาว
ตะลึงในรอยยิ้มของชายหนุ่ม
‘โห อีตายักษ์วัดแจ้ง ยิ้มแล้วทำเอา ใจละลายเหมือนกันนะเนี่ย ใครนะว่าเค้าไม่เคยยิ้มมาก่อน นี่ไงยิ้มแล้ว’
หญิงสาวอดไม่ได้ จงเอ่ยชม
“ เจ้านายยิ้มแล้วดูดีจังค่ะ น่านะยิ้มบ่อย ๆ นะคะ” หญิงสาวว่าแล้วก็เดินก้าวต่อ ทำเอาชายหนุ่มหุบยิ้มแทบไม่ทัน
ลุงแช่มเปิดประตูให้เจ้านายหนุ่ม แต่ชายหนุ่มหยุดแล้วผลักเธอเข้าไปก่อน
แล้;ก็เหมือนเดิมขยับมานั่งจนตัวแทบจะติดกัน แล้วชายหนุ่มก็ยื่นผ้าเช็ด
หน้ามาตรงหน้า
“ เอ้าเช็ดซะ เหงื่อคุณเต็มหน้าแล้ว ผมยกให้”
หญิงสาวเอ่ยขอบคุณเบา ๆ ก่อนเช็คหน้าเช็ดตา ได้ยินเสียงชายหนุ่มสั่งคนขับรถว่า
“ กลับบ้านก่อนนะลุง ผมลืมเอกสารสำคัญที่ต้องใช้เย็นนี้” แล้วหันมาทางหญิงสาว พร้อมบอกว่า
“ แวะบ้านผมเดี๋ยว ผมลืมเอกสารบางอย่างที่ต้องใช้ประชุมเย็นนี้”
ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมจ้องตาหญิงสาว หญิงสาวอึ้งไปกับถ้อยคำของชายหนุ่ม
‘ ไปบ้านเจ้านาย โฮ๊ยอะไรเนี่ย วันนี้เค้าจะลากเธอไปลากเธอมาจวนจะบ่ายสี่ แล้ว’ หญิงสาวนึกในใจอย่างว้าวุ่น
แล้วรถก็เลี้ยวเข้าบ้านหลังใหญ่ เนื้อที่คงราว ๆ สามไร่ มีบ้านหลังใหญ่ ๆสวยหรูสไตล์ยุโรป โรงรถที่มีรถยุโรปจอดเรียงรายรายเจ็ดแปดคัน ศาลากลางสวนเด่นตระหง่าน สวนดอกไม้หลากสีทำเอาหญิงสาว ตะลึงในอาณาจักร “ อาณาวรรต” ที่ล่ำลือ มานานนับศตวรรษ
เรือนหลังเล็กคงเป็นเรือนคนรับใช้ เพราะมองจากในรถเห็นหญิงสาวใส่ชุดฟอร์ม เหมือนพนักงานทำความสะอาดของบริษัทอยู่สองสามคน พอรถจอดเทียบหน้าบ้าน ชายหนุ่มก้าวลงจากรถเดินจากไป สักพักชายหนุ่มเดินกลับมาพร้อมก้มลงมาพูดกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงเข้มเหมือนเดิมแกมหงุดหงิด
“ ลงมาสิ ผมต้องใช้เวลาค้นเอกสารสักพัก”
ชายหนุ่มพูดน้ำเสียงหงุดหงิด หญิงสาวเงยหน้ามองพร้อมเอ่ย
“ ตามสบายค่ะเจ้านาย ดิฉันขอนั่งรอ ในรถ” หญิงสาวยืนยันความตั้งใจ
“ ผมบอกให้ลงมาก็ลงมา อย่าดื้อสักพักได้ไหม ผมไม่มีเวลามานั่งเยิ่นเย้อกับคุณนะจะบอกให้” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเช่นเดิม
หญิงสาวเดินลงมาแบบอิดออด พร้อมรู้สึกเหมือนหนูน้อยในป่าใหญ่เดินตามชายหนุ่มช้า ๆ จนทำให้ชายหนุ่มจุปากเหมือนรำคาญในความเรื่องมากของหญิงสาว พร้อมกับคว้ามือลากหญิงสาวเข้าไปในบ้านท่ามกลางสายตาตะลึงของแม่บ้านและเด็ก ๆ ในบ้าน ของชายหนุ่มสองสามคนที่เดินตามหญิงชราอายุ ราวห้าสิบกว่าตามสายตาคาดคะเนของหญิงสาว พร้อมเด็กรุ่นเดียวกับหญิงสาวสองสามคน
“นี่ป้าชม้ายแม่นมของผม” เสียงชายหนุ่มทำให้หญิงสาวตื่นจากภวังค์
หญิงสาวยกมือไหว้ “ สวัสดีค่ะ” หญิงชรารับไหว้พร้อมยิ้มด้วยสายตาอบอุ่นนึกเอ็นดูหญิงสาวที่ยืนตรงหน้า พร้อมนึกในใจ
‘สวยหวาน หญิงสาวคนนี้ต้องมีความสำคัญกับเจ้านายหนุ่มแน่ ๆ เพราะนายน้อย ไม่เคยพาหญิงสาวคนไหนเข้าบ้านหลังจากเลิกลากับคู่หมั้นสาวเมื่อห้าปีก่อน’
จนหญิงชราแอบนึกห่วงเจ้านายหนุ่มเงียบ ๆ หญิงชรายิ้มพร้อมจ้องชายหนุ่มที่เลี้ยงมากับมือสายตารู้ทันด้วยเพราะเลี้ยงและดูแลชายหนุ่มจึงรู้ใจ พร้อมเอ่ยถาม
“ คุณพีท กลับบ้านเร็วนะคะทูนหัว” หญิงชรากล่าวทักทายนายน้อยหนุ่ม
“ พีทลืมเอกสารสำคัญ พีทขอตัวไปหยิบเอกสารก่อนนะจ๊ะ” ชายหนุ่มเดินแยกไป
“เชิญค่ะคุณ เชิญนั่งข้างในค่ะ เดี๋ยวป้าไปยกน้ำมาให้” ว่าแล้วหญิงชราก็เดินหายไปข้างในคงเข้าไปในครัว ทำเอาหญิงสาวเคว้ง แต่ก็เดินไปเรื่อย ๆจนไปสะดุดตากับรูปใหญ่กลางห้องโถง ทำเอาหญิงสาวทึ่ง นี่คงเป็นรูปประมุขทั้งสองของบ้านที่ถ่ายพร้อมกับลูกชาย
“ เค้าเหมือนพ่อกับแม่อย่างละครึ่ง เค้าดูหล่อมากเวลาเค้ายิ้ม นัยน์ตาสุกใสเหมือนคนที่มีความสุขที่อยู่ในอ้อมกอดของประมุขทั้งสอง”
“ รูปคุณหญิงกับคุณผู้ชายคุณพ่อคุณแม่คุณพีทค่ะหนู” หญิงชราพูดพลางชี้นิ้วให้เด็กสาววางน้ำส้มกับของว่างไว้ที่โต๊ะรับแขกขวามือของหญิงสาว
“ นั่งก่อนสิคะหนู” หญิงชรากล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น