หญิงสาวยกมือไหว้ “ ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยกน้ำส้มดื่มอย่างกระหายน้ำ
“ว่าแต่แม่หนูไปไงมาไงกับคุณพีทคะนี่” หญิงชราซักด้วยความอยากรู้
“ หนูเป็นผู้ช่วยเลขาของคุณพีทษรุทค่ะ คุณป้าเรียกหนูว่าแพมก็ได้ค่ะ หนูมาช่วยงานคุณอุดมค่ะ” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
หญิงชราขยับแว่น นึกในใจไม่ธรรมดาแน่ ๆ หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับกวาดตามองหญิงสาวด้วยสายตาของผู้ผ่านโลกมาก่อน
ผมตรงดำเหยียดยาว คิ้วเข้ม นัยน์ตาหวานรับกับจมูกโด่ง ริมฝีปากอวบอิ่ม รูปร่างก็สมส่วนไปหมด เรียวขายาว สวยตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า กิริยามารยาทเรียบร้อยกว่าสาว ๆ อีกหลายนางที่หมุนเวียนมาเยี่ยมเยียนชายหนุ่มไม่เว้นแต่ละวัน สาว ๆ พวกนั้นกิริยามารยาทไม่ไหวเหลือจะรับ หญิงชราแอบสำรวจหญิงสาวเงียบ ๆ พร้อมชวนสนทนาไปเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปพอสมควร
ชายหนุ่มเปิดประตูห้องทำงานพร้อมนั่งลงมองไปที่รูปบิดามารดาพร้อมพูดกับรูปเบา ๆ ว่า
“ พ่อฮะแม่ ฮะ พีทพาว่าที่ลูกสะใภ้มาให้ดู พ่อกับแม่ช่วยดลบันดาลใจให้เค้าใจตรงกับพีทด้วยนะฮะ แม่ฮะเป็นกำลังให้พีทด้วย” ชายหนุ่มไล้นิ้วมือไปที่รูปใบหน้าของมารดา ที่เสียชีวิตไปแล้ว ชายหนุ่มพึมพำด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ชายหนุ่มเงยหน้าเพื่อที่จะไม่ให้น้ำตาไหลลงมาแสดงความอ่อนแอ ห้าปีที่ผ่านมาเค้าอาจจะเข้มแข็งดุดันในสายตาคนภายนอก แต่เมื่อมาในห้องนี้ชายหนุ่มเหมือนถอดหน้ากากที่เข้มแข็งดุดัน เพราะพนักงานหลายแสนคนฝากอนาคตไว้ในมือและการตัดสินใจของตน ชายหนุ่มนั่งหลับตา เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง ชายหนุ่มก็มองหาเอกสารอะไรสักแผ่นเพื่อจะเป็นข้ออ้างให้หญิงสาวข้างล่างที่เค้าแอบปล่อยให้แม่ชม้ายดูแล
ที่ห้องรับแขกหญิงสาวฟังป้าชม้ายเล่าวีรกรรมตอนเด็ก ๆ ของนายน้อยหนุ่มอย่างนึกขัน เสียงหัวเราะของหญิงสาวสองวัยทำเอาชายหนุ่มที่เดินบันไดลงมาเลิกคิ้วแปลกใจไม่ใช่น้อย ปกติเวลาที่เค้ามีเพื่อนสาวมาเยี่ยม ป้าชม้ายมาทักนิดเดียวก็หายเข้าไปเรือนหลังบ้านเป็นแบบนี้แทบทุกคนแต่ทำไมคนนี้ถึงได้เข้ากันได้เป็นพิเศษ เสียงหัวเราะดังเป็นระยะ ๆ ทำเอาชายหนุ่มชะลอฝีเท้าให้เดินช้าลง
พอได้ยินเสียงฝีเท้าชายหนุ่ม ณพิชชาหยุดหัวเราะแล้วหันไปทางประตูที่เชื่อมมากับ บันไดเห็นชายหนุ่มหยิบแฟ้มสีน้ำเงินติดมือมาด้วยเล่มหนึ่ง
‘ หายไปเป็นชั่วโมงได้มาแค่เนี่ย’ หญิงสาวนึกนินทาเจ้านายหนุ่มในใจ
“ กลับเถอะค่ะเจ้านาย ดิฉันยังทำงานที่ได้รับมอบหมาย ตอนเช้าไม่เสร็จ”
หญิงสาวหันไปไหว้ป้าชม้ายอีกครั้งอย่างนอบน้อม หญิงชรากล่าวด้วยน้ำเสียงเอ็นดู ว่า
“ ว่าง ๆมาเที่ยว อีกสิจ๊ะ คุณแพม “
หญิงสาวสั่นหน้า พร้อมตอบกลับไปว่า “ คงไม่ได้มาหรอกค่ะคุณป้า วันนี้โอกาสพิเศษค่ะ”
หญิงชราอมยิ้ม พร้อมมองหน้านายน้อยหนุ่มด้วยแววตารู้ทัน พร้อมนึกในใจว่า ‘ ต้องมีแน่นอน พนันกันได้’
ว่าแล้วหญิงชราก็กล่าวลา “ ป้าขอตัวไปเตรียมอาหารเย็นให้คุณพีทก่อนนะจ๊ะ ว่าง ๆ มาเที่ยวอีกนะคุณแพม” แม่ชม้ายกำชับอีกครั้งพร้อมเดินจากไป
ชายหนุ่มเดินนำหน้าไปที่รถสปอร์์ตสีดำสองประตูเปิดประทุน พร้อมเอ่ยกับลุงแช่ม คนขับรถว่า
“ ผมขับเองลุง ลุงไปพักผ่อนเถอะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินไปที่ เปิดที่นั่งข้างคนขับให้หญิงสาว พร้อมกับเอ่ยเสียงดัง
“ เอ้ารีบไม่ใช่เหรอ เข้าไปสิยืนงงอะไรอยู่” เสียงดังวางอำนาจทำลายห้วงความคิดของหญิงสาวทันที ณพิชชาก้าวเข้าไปนั่งได้ยินเสียงพีทษรุทปิดประตูดังปัง หญิงสาวหลับตาพร้อมกับนึกแช่งชายหนุ่มในใจ
‘ อีตานี่ทำอะไรนุ่มนวลกับใครเค้าเป็นไหมเนี่ย ปิดประตูซะดังไปแปดบ้าน’ หญิงสาวนึกด่าชายหนุ่มในใจ
ชายหนุ่มก็ออกรถกระชากทำเอาหญิงสาวหน้าคะมำไปข้างหน้า เขายังหงุดหงิดกับคำตอบของหญิงสาวที่ให้กับแม่นมของตนไม่หายที่ตอบปฏิเสธว่าคงไม่มาที่นี่อีก ชายหนุ่ม นึกแล้วโมโหจนเหยียบรถร้อยแปดสิบแสดงถึงอารมณ์ขุ่นมัวที่มีอยู่ในใจ
“ ไม่มีโอกาสงั้นเหรอณพิชชา คอยดูนะแม่สาวน้อย ฉันจะพาเธอมาอยู่บ้านนี่ให้ได้ เร็ว ๆ นี่แหละ”
ชายหนุ่มตวัดสายตามาที่หญิงข้างกายด้วยสายตามุ่งมั่นในความปรารถนาของตนเอง
ณพิชชาแอบคิดในใจว่า ‘อีตาบ้านี่เป็นไรอีกเนี่ย ขับรถยังกับจะไปไล่ควายที่ไหน นี่ฉันต้องมารองรับอารมณ์ ขึ้น ๆ ลง ๆ วันละสิบรอบนี่อีกนานสักแค่ไหนหนอ’
บรรยากาศในรถค่อนข้างอึมครึมใช้ได้ จนกระทั่งรถมาจอดที่จอดรถวีไอพี ชายหนุ่ม เดินออกจากรถ ในขณะที่หญิงสาวกำลังสาละวนอยู่กับแฟ้มเอกสารที่เตรียมมาจดงาน เมื่อตอนเที่ยง เสียงปิดประตูดังอีก แก้วหูแทบแตก หญิงสาว ถอนหายใจพรืดพร้อมกับ เปิดประตูก้าวเดินตามหลังชายหนุ่มที่จ้ำอ้าวไปก่อนอย่างรักษาระยะ กลัวว่ายักษ์วัดแจ้งจะหันมาบีบคอตนถ้าเดินเข้าไปใกล้อีกสักนิด
บรรยากาศภายในลิฟท์เงียบสนิท แทบจะได้ยินเสียงหายใจของกันและกัน จนกระทั่งถึงชั้นสามสิบเอ็ด ชายหนุ่มก็ก้าวเดินออกไปรวดเร็ว ใบหน้าบึ้งตึงเหมือนโกรธ ใครมาสักสิบชาติ
หญิงสาวบ่นพึมพำ “ นี่ฉันทำอะไรผิดอีกเนี่ย”
หญิงสาวนั่งประจำโต๊ะ พร้อมกับทำงานที่คั่งค้างในตอนเช้า จนกระทั่งห้าโมงครึ่ง ประตูห้องเจ้านายยังปิดสนิท ณพิชชาก้มมองนาฬิกาพร้อมกับเก็บของแล้วเดินไปลารุ่นพี่
“ พี่ดม แพมกลับก่อนนะคะ” หญิงสาวไหว้ลา
“ นี่ยัยแพม เจ้านายเป็นอะไรอย่างกับไปโกรธใครมาเนี่ย พี่เห็นหน้าบึ้งตั้งแต่กลับมาจากข้างนอกแล้ว” เลขาหนุ่มเอ่ยถาม
“ หนูก็ไม่รู้ค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมยักไหล่ประกอบไปด้วย
“ เจอกันพรุ่งนี้นะคะพี่ดม บ๊ายบาย”
ว่าแล้วหญิงสาวก็เดินกลับไป ผิดกับชายหนุ่มที่นึกขุ่นมัวกับคำตอบของหญิงสาวไม่หาย พร้อมกับนึกหาหนทางว่าจะทำอย่างไรจะได้หญิงสาวไปเคียงข้างกาย เดินวนอยู่ในห้องจนเวลาล่วงเลยไปหกโมงเย็นก็เดินออกจากห้อง เห็นเลขาหนุ่มสาละวนกับหน้าคอมพิวเตอร์
“ ยังไม่กลับอีกเหรอดม” ถามพร้อมเดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะเลขาคู่ใจ
“ ผมรอเจ้านายกลับก่อนฮะ” เลขาหนุ่มกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
“ ผู้ช่วยคุณล่ะ” ชายหนุ่มถามถึงผู้ช่วยสาวที่ทำให้ตนหงุดหงิดตลอดบ่ายมานี้
“อ๋อกลับไปได้ครึ่งชั่วโมงแล้วฮะ” เลขาหนุ่มตอบ
“ กลับเหอะดม ผมขอโทษด้วยผมคิดอะไรเพลินไป” ชายหนุ่มเอ่ยขอโทษพร้อมเดินจากไป
“ แม่คะ ตายแน่สายแน่ ๆเลย”
หญิงสาวบ่นพร้อมกับใส่เสื้อผ้าวิ่งตามบันไดลงมา นึกแช่งเจ้านายหนุ่มในใจ เพราะ เค้าทีเดียวทำให้เธอนอนไม่หลับเพราะนอนนึกหาเหตุผลว่าตนได้ทำอะไรให้เจ้านายหนุ่ม ขุ่นมัวหรือเปล่าทำให้นอนดึกจนตื่นสาย
“ไม่ทานอาหารเช้าก่อนหรือลูก ไม่หิวเหรอจ๊ะ”
“แม่ขาแพมไม่ทันแล้ว ไปนะคะสายแน่ ๆ งานนี้” หญิงสาวบ่นพร้อมกับออกวิ่งไปตามทาง จนกระทั่งได้ยินเสียงแตรรถบีบตามมาข้างหลังหญิงสาวหันไปดู เห็นนายตำรวจหนุ่มเพื่อนบ้าน พี่ชายของเพื่อนสาวที่ตามจีบเธอมาตั้งแต่สมัยมัธยมพร้อมเอ่ยทักทาย
“ พี่ต้อมย้ายกลับมาเมื่อไหร่เนี่ย ไม่เห็นยัยนุชเล่าให้ฟังเลย”หญิงสาวเอ๋ยทักทาย
นายตำรวจหนุ่มจอดรถพร้อมเดินอ้อมมาเปิดประตู
“ เราจะไปไหน เดี๋ยวพี่ไปส่ง สายแล้วไม่ใช่เหรอ พี่เห็นเราวิ่งมาตั้งแต่บ้านแล้ว”
ชายหนุ่มกวาดสายตามองหญิงสาวที่เคยหักอกตนเองสมัยมัธยม ยังสวยน่ารักเหมือนเดิม หญิงสาวที่แม่และน้องสาวเขาเชียร์ให้จีบตั้งแต่ผูกเนคไทมาจนถึงปัจจุบัน ไม่ได้เจอกันสามสี่ปีสาวน้อยตรงหน้าก็ยังสวยหวานเช่นเดิม
หญิงสาวก้าวขึ้นไปนั่งพร้อมกับกล่าวขอบคุณ
“ โฮ๊ยเหมือนพระมาโปรดเลยพี่ต้อม ว่าแต่พี่ย้ายลงมาเมื่อไหร่เนี่ย เห็นยัยนุชเล่าว่าพี่ได้ไปประจำที่เชียงใหม่ ไม่ใช่เหรอ”
“พี่มาช่วยราชการชั่วคราว ว่าแต่เราจะไปไหน ช่วงเช้าพี่ว่างเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
ชายหนุ่มกล่าวด้วยความเต็มใจ
“ เย้ พี่ต้อมน่ารักสุด ๆ ไปเลย” หญิงสาวกล่าวออกไปด้วยความบริสุทธิ์ใจว่าแล้ว หนุ่มสาวก็คุยสัพเพเหระไปด้วยเรื่องต่าง ๆ สารวัตรหนุ่มหันมามองหญิงสาวที่ตนเองแอบรักมาเป็นสิบปี ตอนนี้ความรู้สึกก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงด้วยความชื่นชมในความน่ารักสดใสของหญิงสาว จนกระทั่งรถเคลื่อนมาจอดที่หน้าบริษัทเอสทีจี หญิงสาวก้าวลงจากรถ สารวัตรหนุ่มเดินลงมาส่งพร้อมโบกมือร่ำลา หญิงสาวหันไปยิ้มหวาน ขอบคุณพี่ชายของเพื่อนรักที่เธอนับถือเสมือนพี่ชายตนเอง ภาพนั้นทำเอาเจ้านายหนุ่มที่มองลงมาจากลิฟท์ด้วยอารมณ์เสียจากภาพที่เห็น หญิงสาวและชายหนุ่มดูสนิทสนมกันมาก ชายหนุ่มกำหมัดพร้อมกัดฟันกับภาพบาดตาที่เห็น สะบัดหน้าให้พ้นไปจากภาพในใจเดือดด้วยอารมณ์ หึงหวง
เปิดประตูพร้อมกับปิดประตูดังปังเหมือนจะระบายอารมณ์ทางอ้อม ทำเอาเลขา หน้าห้องตกใจ
“ว้ายเจ้าชายอารมณ์เสียแต่เช้า”
สักครู่เสียงอินเตอร์คอมดังขึ้นทำลายบรรยากาศ
“ ดมถ้าผู้ช่วยคุณมาถึงให้เค้าเข้ามาพบผมด่วนที่สุด” เสียงดังห้วนสั้น ทำเอาเลขาหนุ่มคู่ใจที่ทำงานมากว่าห้าหกปีย่นคอ กลืนน้ำลายอกสั่นขวัญหาย
“โฮ๊ยพายุสลาตันลูกไหนเนี่ย ว่าแล้วก็ยกมือทาบอก แล้วก็ต้องตกใจด้วยเสียงของผู้ช่วยสาวที่ทำให้ตื่นจากภวังค์
“ พี่ดมแพมมาถึงแล้ว” ว่าแล้วหญิงสาวยิ้มหวานให้กับเลขาหนุ่มรุ่นพี่
“ต๊าย เข้าไปเร็วเจ้านายเรียกหา รีบ ๆเข้าไปพายุสลาตันกำลังจะลง” เลขาหนุ่มทั้งผลัก ทั้งดัน หญิงสาวถอนหายใจ
‘ อะไรของเค้าอีกเนี่ย ตามไปรังควานในฝันเรื่องเมื่อวาน แล้วนี่ฉันจะโดนอะไรอีกเนี่ย’ บ่นในใจด้วยความเซ็ง
“ ก๊อก ๆ”
“เชิญ” เสียงห้วน ทำเอาหญิงสาวก็ฝ่อไปเหมือนกัน
ชายหนุ่มจ้องหญิงสาว ดวงตาราวกับไฟพร้อมจะไหม้ทุกอย่างข้างกายของหญิงสาวให้ไหม้ เป็น จุน
“ คุณณพิชชาคุณอายุเท่าไหร่แล้วปีนี้” สุ้มเสียงคุกคาม ทำเอาหญิงสาวชักฝ่อเหมือนกัน
‘ อีตาบ้า ถามอายุผู้หญิงไม่เกรงใจ อารมณ์ไปเสียจากที่ไหนแต่เช้าเนี่ย’
พร้อมกับตอบ ด้วยท่าทางเซ็ง ๆ “ ยี่สิบสี่ค่ะเจ้านาย”
“ ก็โตพอจะมาทำงานเองได้แล้วสินะ “ น้ำเสียงเยาะเย้ยอย่างไรชอบกลในความรู้สึก หญิงสาว ดวงตายังจ้องที่หญิงสาวไม่กระพริบ
“ ก็มาทำงาน เองนี่ค่ะ” หญิงสาวตอบด้วยความงุนงงกับมาดเจ้านายหนุ่ม
“ แล้วทำไมวันนี้ดัดจริตต้องมีคนมาส่งด้วยฮะ” โอ้มายก้อดหญิงสาวชักฉุนตรงที่ เค้าว่าเธอ ‘ดัดจริต’ ตอบต่อไปน้ำเสียงสั่นด้วยความโกรธแต่ระงับเสียงไม่ให้สั่น
“ ฉันจะมีใครมาส่งไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องใส่ใจ ฉันมาทำงานให้คุณตรงเวลาก็แล้วกัน” ว่าแล้วหญิงสาวก็สะบัดหน้าก้าวเดินจะออกจากห้องนี้ไปด้วยความฉุนกับความปากจัดและไร้มารยาทของชายหนุ่มตรงหน้า ยังไม่พ้นประตูก็มีมือเหมือนคีมเหล็กลาก