วันต่อมา
โรงพยาบาลรักษ์บดินทร์
การที่พงศ์พยัคฆ์ไปไหนมาในกับแพรวารินทร์ถือเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงไม่หยุดตั้งแต่ที่หญิงสาวเดินออกมาจากห้องทำงานของหมอหนุ่ม บ้างก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับหมอหนุ่มผู้แสนเย็นชาและเงียบขรึมที่ทำให้หมอหนุ่มเปลี่ยนเป็นคนที่มีรอยยิ้ม บ้างก็ใคร่รู้เหลือเกินว่าหญิงสาวเป็นใครทำไมถึงได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับเสือยิ้มยากของโรงพบายาลได้แบบนี้
และข่าวล่ามาแรงวันนี้ก็คือข่าวสารที่ว่าคืนวานนี้คุณหมอหนุ่มและหญิงสาวคนนั้นไม่ได้กลับออกไปจากโรงพยาบาลจนกระทั่งช่วงสาย ๆ จึงได้จูงมือกันออกไปข้างนอก
คุณหญิงปริศนาเงี่ยหูฟังพยาบาลสาวที่เม้าท์กันอย่างเมามันก่อนจะหันมามองหน้าลูกสาวที่กำลังตั้งใจฟังอยู่ไม่แพ้กันแล้วก็ได้แต่พ้นลมหายใจอย่างเบื่อหน่าย
“เรื่องชาวบ้านนี่ขยันจริง ๆ คนเรานี่”
“นั่นสิคะ โอ๊ะ นั่นพี่เสือกับพี่แพรนี่คะ” ปรียาภัทรเอ่ยอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของผู้เป็นแม่ก่อนจะหันไปเห็นคนที่ถูกพูดถึงกำลังเดินไปยังลิฟต์จึงส่งเสียงเรียกทันที
“พี่แพร พี่เสือ” เสียงร้องเรียกทำให้แพรวารินทร์และพงศ์พยัคฆ์ต้องหันไปมองก่อนจะยกมือไหว้ผู้อาวุโสกว่า
“ป้าปริม ปิ่น มาหาพี่ปัญจ์กันเหรอคะ?”
“มาเยี่ยมพี่ทรายต่างหากล่ะค่ะ” ปรียาภัทรชี้แจงก่อนจะอมยิ้มน่ารักเมื่อเห็นพงศ์พยัคฆ์กุมมือลูกพี่ลูกน้องสาวของเธอไม่ยอมปล่อย
“ใช่จ้ะ วันนี้ปิ่นว่างพอดีป้าเลยให้พามาเยี่ยมหนูทรายน่ะ มีขนมมาฝากด้วยนะ” คุณหญิงปริศนาเอ่ยเสริมพร้อมกับชูถุงผ้าให้หลานสาวและหลานเขยสามีได้ดู “มีของลูกเสือกับหนูแพรด้วยนะ”
“งั้นก็เข้าไปพร้อมกันเลยครับม้า น้องปิ่น เสือกับหนูแพรกำลังจะไปหาน้องพอดี” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกก่อนจะจูงมือแพรวารินทร์เดินนำไปยังห้องพักของพิมพ์พิชชา โดยที่แพรวารินทร์ขัดขืนไม่ได้ คุณหญิงปริศนาลอบยิ้มกับปรียาภัทรก่อนจะเดินตามไปโดยไม่เอ่ยแซวอะไรให้ใครต้องเขิน...เวลาแซวน่ะมีอีกเยอะแยะ ค่อยแซวก็ได้
“หนูทราย ดูสิใครมา”
“ไฮ” ปรียาภัทรส่งเสียงคนแรกก่อนที่สองแม่ลูกจะเข้ามาภายในห้องและทักทายคนที่อยู่ภายใน แพรวารินทร์อาสานำขนมและมื้อเที่ยงที่คุณหญิงปริศนาเอามาเยี่ยมคนป่วยไปจัดใส่จานขณะที่พิมพ์พิชชานั้นมองสองแม่ลูกผู้มาใหม่อย่างจับผิด
“นอกจากมาเยี่ยมแล้วมีอะไรมาปรึกษาด้วยใช่มั้ย ทรายมองออกนะคะป้าปริม”
“ปิดใครก็ปิดได้ แตปิดเด็กคนนี้ไม่ได้จริง ๆ พราวดูลูกพราวสิ”
“โธ่พี่ปริมคะ ก็ลูกพราวนี่คะพราวยังดูพี่ปริมออกเลย ลูกพราวจะดูไม่ออกได้ยังไง”
“พี่ก็ลืมไป เอาล่ะ เข้าเรื่องเลยล่ะกันนะ”
“ประเด็นก็คือเมื่อวานนี้เฮียหมอพาผู้หญิงคนนึงไปทานข้าวที่บ้านค่ะ” ปรียาภัทรแย่งคนเป็นแม่เอ่ยก่อนจะโดนค้อนเข้าให้
“แล้วยังไงต่อ ผู้หญิงที่ไหน อะไรยังไงคะป้าปริม”
“หมอผู้หญิงที่โรงพยาบาลนี่แหละทราย ประเด็นก็คือตาปัญจ์บอกป้าว่าบอกว่าเธอคนนี้คือว่าที่สะใภ้ป้าแต่...” คุณหญิงผู้มากับเรื่องอยากจะปรึกษาคนรุ่นลูกหยุดคำพูดอย่างนึกลังเลว่าควรจะพูดดีหรือไม่
“แต่?...แต่เธอคนนั้นไม่รู้แถมชอบคนอื่นใช่มั้ยคะ” พิมพ์พิชชาคาดเดาก่อนจะได้รับการพยักหน้าเป็นการตอบกลับ “แล้วยังไงต่อคะ?
“คือ...เธอคนนั้นนอกจากไม่รู้ว่าตาปัญจ์ชอบแล้วเธอยังชอบ...” ดวงตาของคุณหญิงปริศนาหันไปยังเพื่อนสนิทของลูกชาย
“พี่ผู้หญิงคนนั้นชอบพี่เสือค่ะพี่ทราย”
“เธอคนนั้นเป็นใคร” พิมพ์พิชชาเอ่ยถามอย่างโมโหนิดๆ ก่อนหันไปมองพี่ชายที่ทำหน้าไม่ใส่ใจอะไรนอกจากแพรวารินทร์อยู่ข้างเตียง
“หมอฟ้า เธอเป็นกุมารแพทย์” คุณหญิงปริศนาให้คำตอบก่อนที่คนป่วยจะเบนสายตาไปจ้องพี่ชาย
“พี่รู้จักหมอฟ้ารดาอะไรนั่นรึเปล่า”
“หมอฟ้าเธอเป็นเพื่อนคนนึงของพี่ ในโรงพยาบาลมีข่าวลืออยู่บ่อย ๆว่าพี่กับเธอมีอะไรลึกซึ่งกว่าเพื่อนธรรมดา แต่ทุกครั้งที่เธอชวนพี่ไปไหนนายปัญจ์ก็จะไปด้วยตลอด พี่ยืนยันได้พี่กับเธอเป็นเพื่อนกันแค่นั้นจริง ๆ” พงศ์พยัคฆ์ตอบน้องสาวทว่าสายตานั้นเมียงมองแพรวารินทร์ที่ดูจะแปลกไปจากตอนแรกไม่น้อย
“ป้าปริมอยากให้หมอฟ้าอะไรนั่นหันไปมองพี่ปัญจ์ใช่มั้ยคะ”
“ป้าอยากให้ปัญจ์สมหวังเพราะที่ผ่านมาปัญจ์ไม่เคยบอกป้าแบบนี้สักครั้ง ทรายพอจะมีวิธีให้ปัญจ์สมหวังสักนิดมั้ย” คุณหญิงปริศนาเอ่ยบอก เธอไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อยด้วยว่าทุกคนก็สนิทคุ้นเคยกัน
“ถึงจะยังไม่เคยเจอหมอฟ้าแต่ถ้าพี่ปัญจ์มั่นใจว่าคนนี้แหละที่เขาจะเอามาเป็นสะใภ้ป้าปริม ทรายจะช่วยเอง...ขอเวลาทรายคิดสักแป๊บค่ะ” พิมพ์พิชชาเอ่ยบอกก่อนจะมองไปที่แพรวารินทร์และพงศ์พยัคฆ์ เพียงไม่นานพิมพ์พิชชาดีดนิ้วด้วยใบหน้ายินดี
“คิดออกแล้วมันต้องใช้แผนนี้”
“แผนอะไรของแกทราย อย่าเล่นพิเรนทร์นะ” แพรวารินทร์เอ่ยถามอย่างไม่ไว้ใจ
“แผนนี้มีชื่อว่า แผนปลอบใจให้รู้ว่ารัก” พิมพ์พิชชาเอ่ยบอกก่อนจะอธิบายเมื่อทุกคนมองเธอเป็นตาเดียว
“มีคนบอกว่าความรักเริ่มจากความเห็นใจกันถ้ามีผู้หญิงคนนึงรักผู้ชายคนนึงมากแต่ต้องอกหักเพราะเขา พอมีผู้ชายอีกคนมาปลอบเธอคนนั้นก็จะรู้สึกดีกับเขาคนนั้นไงล่ะ ทีนี่จะจีบจะอะไรก็ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก”
“มันไม่เห็นเกี่ยวกับคุณหมอคนนั้นกับพี่ปัญจ์เลยนะเพราะคุณหมอคนนั้นไม่ได้อกหัก พี่ปัญจ์ก็ไม่ได้จะหาทางปลอบเธอได้ง่ายๆ” แพรวารินทร์เอ่ยแย้ง พิมพ์พิชชายิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยบอก
“ไม่มีก็สร้างขึ้นสิค่ะคุณเพื่อน ในเมื่อมีแกกับพี่เสืออยู่นี่ทั้งคน ป้าปริมคะโทรบอกพี่ปัญจ์ให้ชวนหมอคนนั้นไปทานข้าวที่บ้านเย็นนี้หรือไม่ก็เย็นพรุ่งนี้ พี่เสือกับแพรก็ต้องไปอยู่ตรงนั้นด้วย”
“มันไม่ใจร้ายไปเหรอทราย” แพรวารินทร์เอ่ยถามเมื่อเข้าใจความหมายของเพื่อนก่อนจะหันไปมองพงศ์พยัคฆ์ที่ไม่พูดอะไรแต่เธอรู้ว่าชายหนุ่มเข้าใจแผนการของพิมพ์พิชชาเช่นกัน
“เอาน๊าแกให้คุณหมอเจ็บแค่วันนี้ดีกว่างมงายรักพี่เสือแล้วเจ็บปวดตลอดไป” พิมพ์พิชชาเอ่ยบอก ใช่ว่าเธอใจดำแต่ถ้าปล่อยต่อไปคนที่เจ็บอาจเป็นเธอคนนั้นหรือถ้าไม่คนที่ต้องเสียใจอาจเป็นแพรวารินทร์และพงศ์พยัคฆ์ก็เป็นได้
“ปิ่นว่าที่พี่ทรายพูดก็ถูกนะคะ” ปรียาภัทรเอ่ยบอกเพราะเธอมั่นใจว่า “เฮียปัญจ์” ของเธอจะทำให้เธอชอบได้ไม่ยากถ้าเธอคนนั้นตัดใจจากพงศ์พยัคฆ์ได้
“เจ็บวันนี้ดีกว่าเจ็บในวันที่สายไปสินะ” คุณหญิงปริศนาพึมพำก่อนจะถอนใจ “อะ ลองแผนทรายดูสักครั้ง เผื่อจะทำให้หนูฟ้าตัดใจจากเสือได้จริง ๆ สักท”
“งั้นก็ตามนั้น อย่าเพิ่งบอกพี่ปัญจ์นะตะว่าพี่เสือกับยัยแพรไปด้วย” พิมพ์พิชชาเอ่ยบอกก่อนที่คุณหญิงปริศนาจะโทรศัพท์หาปัญจวัตร แพรวารินทร์มองหน้าพ่อแม่สามีแต่ทั้งสองก็ไม่พูดอะไรได้แต่ยกไหล่อย่างช่วยไม่ได้ พอหันมามองพงศ์พยัคฆ์ที่พิมพ์พิชชากำลังกระซิบกระซ่ากอะไรบางอย่างอยู่ก็ได้แต่ถอนหายใจเมื่อหมอหนุ่มก็ดูจะให้ความร่วมมือกับแผนการของน้องสาวเป็นอย่างดีทั้งที่จริง ๆแล้วพงศ์พยัคฆ์จะไม่ยุ่งเรื่องของเพื่อนถ้าปัญจวัตรไม่ต้องการ
แผนกกุมารเวช
“หมอรดา หมออ้าย หมอธันวา หมอฟ้าครับเย็นนี้ไปทานข้าวบ้านผมกันมั้ยครับวันนี้ม้าทำอาหารทะเลแบบครบเซต” ปัญจวัตรเอ่ยถามกุมารแพทย์ที่สนิทและเคยชวนไปทานอาหารที่บ้านบ่อย ๆ แต่จริง ๆแล้วหมอหนุ่มต้องการจะชวนฟ้ารดาตามคำสั่งของผู้เป็นแม่นั่นล่ะแต่ถ้าชวนเธอไปเธอคงไม่ไปแน่
“จริงเหรอค่ะไปสิ ฟ้าไปด้วยกันสิถ้าเธอไม่มีนัดที่ไหน” หมอรดาหรืออารดาเพื่อนสนิทของฟ้ารดาเอ่ยรับคำชวนก่อนจะหันมาชวนฟ้ารดาพร้อมทำหน้าราวกับบังคับเพื่อนสนิทว่าปฏิเสธไม่ได้เด็ดขาด ฟ้ารดาได้แต่พยักหน้าก่อนจะทำงานต่อราวกับไม่ได้สนใจ ทั้งที่จริง ๆ แล้วก็ติดใจรสมือคุณหญิงปริศนาเข้าให้แล้ว
“แล้วนี่ชวนแค่เราสี่คนหรือมีอีกครับ” หมอธันวาเอ่ยถามเพราะปกติปัญจวัตรจะชวนไปทานอาหารที่บ้านจะชวนหมอที่สนิททุกแผนกก็ว่าได้
“มีอีกสามคนครับมีหมอรามแผนกศัลยกรรม หมอพลแผนกอายุรกรรม หมอพลอยแผนกสูติ-นารีเวช ครับ”
“ก็รวมเป็นเจ็ดสินะ จริงสิผมเห็นหมอปัญจ์สนิทกับหมอเสือมากแต่ไม่เคยเห็นหมอเสือไปทานข้าวบ้านหมอเลย” หมออ้ายหรืออติวิทย์เอ่ยถามเพราะตนไม่เคยได้ร่วมโต๊ะกับพงศ์พยัคฆ์ทั้งที่ปัญจวัตรสนิทกับพงศ์พยัคฆ์ที่สุด
“นายเสือไม่ค่อยว่างนะครับอีกอย่างตอนนี้น้องสาวก็ใกล้จะผ่าตัดนายเสือคงไม่มีกะจิตกะใจมานั่งทานข้าวตามคำชวนของผมหรอกครับ” ปัญจวัตรเอ่ยบอกตามความจริงแต่สิ่งที่ชายหนุ่มเอ่ยสร้างความตกใจให้ผู้ฟังและรวมไปถึงฟ้ารดาที่นั่งทำงานอยู่
“น้องสาวหมอเสือจะผ่าตัด มิน่าล่ะทั้งที่บางวันไม่มีเวรยังเข้ามาที่โรงพยาบาลว่าแต่น้องสาวหมอเสือเนี่ยอยู่ห้องไหนอ่ะ ใช่ห้องวีไอพีที่คุณแดนสรวงสั่งให้เปิดรับคนไข้รึเปล่า” อารดาเอ่ยถามหลังจากมีข่าวลือว่าผู้บริหารหนุ่มของโรงพยาบาลส่งเปิดห้องวีไอพีด้วยตัวเอง
“ผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวผมไม่ชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของเพื่อนรักถ้าเขาไม่ต้องการ ผมขอไม่ตอบแล้วกันครับ” ปัญจวัตรเอ่ยบอกแม้ตนกับพงศ์พยัคฆ์เป็นเพื่อนรักที่แทบจะตายแทนกันได้แต่ทั้งสองก็เลือกจะไม่ยุ่งเรื่องของอีกฝ่ายถ้าอีกฝ่ายไม่ต้องการเหมือนเรื่องของแพรวารินทร์แม้จะไม่พอใจแต่ปัญจวัตรก็ไม่ยุ่ง โดยหารู้ไม่ว่าตอนนี้พงศ์พยัคฆ์ยุ่งเรื่องของเขาอย่างไม่ลังเล
“เอ่องั้นก็ได้ค่ะ ไม่เล่าก็ไม่เล่าเจอกันตอนเย็นแล้วกัน” อารดาเอ่ยบอกก่อนจะขอตัวไปทำงาน เมื่ออารดาขอตัวออกไปที่เหลืออยู่ก็สลายตัวกันไปหมดรวมถึงฟ้ารดาด้วย
บ้านเกตทิวรากุล
“สวัสดีค่ะ/ครับ คุณน้า” เสียงทักทายของเพื่อนบุตรชายดังขึ้นทันทีที่ลงจากรถ คุณหญิงปริศนารับไหว้หมอที่คุ้นหน้าก่อนจะหันมองฟ้ารดาถือว่าโชคเข้าข้างที่กุมารแพทย์สาวมาทานข้าวที่นี่แม้จะสงสารไม่น้อยกับสิ่งที่ฟ้ารดาต้องเจอ แต่ก็เพื่อตัวหญิงสาวเองคุณหญิงปริศนาจึงได้แต่แอบขอโทษหญิงสาวอยู่ในใจ
“เข้ามารอข้างในกันก่อนสิจ๊ะ ยัยปิ่นยังไม่มาเลย”
“น้องปิ่นไปไหนต่อครับ อย่าบอกนะว่าไปไหนกับไอ้บอสดี้นั่นอีกน่ะ” ปัญจวัตรเอ่ยถาม รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาทันทีเมื่อคิดว่าน้องสาวกับเจ้านายนั่นไปไหนกันต่อ
“น้องอยู่คุยกับหนูแพรกับลูกเสือต่อเลยเพลินจนป่านนี้ยังไม่กลับแต่โทรมาว่าจะกลับแล้วอีก15นาทีนี่ล่ะ”
“หึใช่สินะ ผมมันมีค่าน้อยกว่าไอ้เสือในสายตาน้องปิ่นนิ เข้าบ้านกันเถอะครับทุกคนยัยน้องปิ่นคงติดลมกับหมอเสืออยู่” ปัญจวัตรทำทีแย่งอนไม่จริงจังเมื่อรู้ว่ายัยน้องสาวจอมจุ้นไม่ได้ไปกับคนที่ตนคิดก่อนจะชวนบรรดาแขกเข้าบ้าน
สายตาคมมองโต๊ะทำงานที่มีร่องรอยของการกรีดอย่างขบคิดว่าใครกันที่ทำแบบนี้ ใครที่เกลียดเธอถึงขนาดนี้ ใครกัน? ฟ้ารดาเฝ้าถามตัวเองโดยไม่รู้สึกถึงการมาของใครบางคน“ทำอะไรอยู่คะพี่ฟ้า ตายแล้วนี่เกิดอะไรขึ้นคะพี่ฟ้า ทำไมโต๊ะถึงได้เป็นแบบนี้” เสียงร้องอย่างตกใจของคนข้างหลังทำให้ฟ้ารดาถึงกับสะดุ้ง คนที่ยืนอยู่หลังเธอคือสุนิสาหรือนิดพยาบาลสาวรุ่นน้องที่ดีกับเธอคนนึงแต่เมื่อเกิดข่าวลือเรื่องเธอกับพงศ์พยัคฆ์เมื่อสามเดือนก่อนทำให้เธอเปลี่ยนความคิดในทันทีเพราะสุนิสาเป็นคนนึงที่เอาข่าวลือไปใส่สีตีไข่จนไม่เหลือเค้าความจริงเธอจึงหลีกเลี่ยงที่จะคบค้ากับคนหน้าซื่อใจคดหน้าไหว้หลังหลอก“มีอะไรเหรอคะคุณนิด” ฟ้ารดาเอ่ยตอบเสียงเรียบราวกับไม่รู้สิ่งที่พยาบาลสาวเคยทำแต่ก็ไม่ได้ยินดีที่จะคุยด้วย“ทำไมพี่ฟ้าทำเสียงแบบนั้นล่ะคะน่ากลัวมากเลย”สุนิสาแกล้งใสซื่อจนถ้าเธอไม่รู้มาก่อนคงคิดว่าผู้หญิงตรงหน้านั้นใสซื่อจริง ๆ“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พี่แค่ตกใจไปหน่อยคุณนิดมีอะไรก็พูดมาเถ
ร่างสูงของอัคนีเดินเข้ามาในโรงพยาบาลด้วยใบหน้านิ่งก่อนจะเผยยิ้มออกมาเมื่อเห็นร่างของคนที่ทาบทามเขามาทำงานที่นี่“สวัสดีครับอาจารย์” อัคนีเอ่ยทักอีกฝ่ายอย่างสนิทสนม เขานนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นผู้บริหารโรงพยาบาลแห่งนี้นั่นเอง เขาได้รู้จักกับแดนสรวงเมื่อ7ปีก่อนสมัยเรียนแพทย์ปี1แดนสรวงเป็นอาจารย์หมอที่เขาสนิทด้วยที่สุดหลังจากเรียนจบอาจารย์หมอหนุ่มทาบทามเขาให้มาทำงานที่นี่หลายครั้งแต่เพราะอยากอยู่ใกล้ครอบครัวทำให้ปฏิเสธไปจนในช่วง2ปีมานี้ที่ฟ้ารดาย้ายมาทำงานที่นี่ทำให้เขาลังเลอยากตามมาอยู่หลายครั้งจนกระทั่งปัญจวัตรโผล่เข้ามาทำให้เขาติดต่ออาจารย์หมอคนสนิทอย่างรวดเร็ว“ไงอัคนี นึกยังไงถึงอยากย้ายมา หวงพี่สาวเหรอ?”แดนสรวงเอ่ยถามลูกศิษย์คนสนิทอย่างขบขัน ไม่คิดว่าที่เคยพูดว่าหวงพี่สาวมากจะหวงขนาดยอมย้ายตามมาขัดขวางเลยทีเดียว สงสารก็เเต่เพื่อนรักของญาติผู้น้องป่านนี้จะรู้รึยังว่าตัวป่วนมาถึงถิ่นแล้ว“หวงมากครับจารย์ ว่าแต่จารย์รู้จักไอ้หน้าจืดปัญญาอ่อนที่มาป้วนเปี้ยนเกาะเกะพี่สาวผมแค่ไหน” อัคนีเอ่ยถามแดนสรวงถึงปัญจวัตร
หลังจากที่พิมพ์พิชชาวางสายจากปลายสายหญิงสาวก็ยืนมองบรรยากาศอย่างมีความสุขกับแผนการทำให้สองสาวขี้อิจฉาหน้าแตกกับใครบางคน“ทำแบบนี้ไม่กลัวแพรโกรธเหรอครับทราย”เสียงที่ดังมาจากด้านหลังทำให้พิมพ์พิชชาต้องสะดุ้ง คนที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอคือรณพีร์นั่นเองเขายืนฟังเธอตั้งแต่แรกแล้วแต่ไม่ได้แสดงตัวเท่านั้นพิมพ์พิชชาหันมามองก่อนจะเอ่ยบอก“ความลับนะคุณพีร์อย่าให้ยัยแพรรู้เชียว”“มันก็ต้องมีอะไรมาแลกกันสิ แบบเงินมาผ้าหลุดอะไรประมาณเนี่ย” รณพีร์เอ่ยบอกพร้อมยิ้มอย่างมีเลศนัย“ก็ได้คุณอยากได้อะไร”พิมพ์พิชชาเอ่ยถามอย่างเป็นรอง“ดินเนอร์กันสักมื้อ เสาร์นี้” รณพีร์เอ่ยบอกและลุ้นรอคำตอบจากหญิงสาว“ก็ได้เสาร์นี้” หญิงสาวตอบรับอย่างว่าง่ายก่อนจะถามต่อ “วันศุกร์คุณว่างมั้ยถ้าว่างมาแจมกับแผนของฉันหน่อยนะ”“ได้สิ ผมก็เบื่อที่จะต้องถูกคนโยงไปทำร้ายคนอื่นแล้ว ถ้าเรื่องไม่จบผมคงต้องไล่พวกเธอออก”รณพีร์เอ่ยบอกตามใจคิดปัญหานี้บานปลายมานานแล้วเขาเองก็ควรทำอะไร
รุ่งเช้าวันจันทร์ที่แสนสดใสพิมพ์พิชชาเดินยิ้มน่าระรื่นเข้ามาในบริษัทพร้อมแพรวารินทร์ด้วยกิริยาอาการที่บ่งบอกว่ามีความสุขมากมายหลังจากพักผ่อนมาหนึ่งอาทิตย์วันนี้เป็นวันที่หญิงสาวจะได้กลับไปทำงานที่รักอีกครั้งหลังจากหยุดไป1เดือนเต็มๆและที่ทำให้ดีใจยิ่งกว่าคือจะได้ไปเจอหน้าใครบางคนที่หายหน้าไปทั้งอาทิตย์แต่ยังส่งดอกไม้มาเยี่ยมทุกวันอย่างเจ้านายสุดหล่อด้วย“นี่เลิกยิ้มได้แล้วแก ฉันนึกว่าเดินกับคนบ้า” แพรวารินทร์ออกเสียงปรามอย่างไม่จริงจัง ตั้งแต่เช้าที่ผ่านมาเพื่อนรักเอาแต่ยิ้มกว้างจนเธอได้แต่งง นางจะดีใจอะไรขนาดนั้นเล่นใหญ่จริง ๆ“ก็คนมันดีใจอ่า เดือนนึงแล้วน๊าที่ฉันไม่ได้มาทำงานคิดถึงงานแล้วก็เพื่อนร่วมงานจะแย่”“หรา ไม่ใช่คิดถึงคนที่หายไปหนึ่งอาทิตย์เหรอจ๊ะ”แพรวารินทร์ถามกลับอย่างรู้ทัน ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเพื่อนเธอคิดอย่างไรอยู่“รู้มากไปแล้วยะ ไปเข้าไปทำงานกันได้แล้ว”พิมพ์พิชชาว่าให้ก่อนจะดึงเพื่อนรักเข้าไปทำงาน“อ้าว ยัยทรายดูดมาทำงานแล้วเหรอนึกว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอหล่อนซะแล้
“สวัสดีครับคุณพิชชา อาการเป็นยังไงบ้างครับ” เสียงทรงเสน่ห์เอ่ยทักทายไถ่ถามอาการทำให้คนไข้วัยทำงานถึงกับใจละลายความจริงเธอไม่ได้ป่วยแต่แค่อยากจะเห็นหน้าหมอหนุ่มเท่านั้นนายแพทย์อัคนี อัครวิทย์ อายุรแพทย์หนุ่มสุดหล่อวัย25ปีขวัญใจสาวน้อยสาวใหญ่ในแถบนี้ยิ้มให้คนไข้อย่างเป็นมิตรแม้จะรู้ดีว่าสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งหลายแค่อยากมาเห็นหน้าเขาเท่านั้นบ้างก็เอาของมาเยี่ยมเป็นประจำจนเป็นที่ชินตาของบุคลากรคนอื่นในโรงพยาบาล“วันนี้พิชชาจะเป็นอะไรดีเอ๋ย” อัคนีเอ่ยถามพร้อมยิ้มเอาใจอย่างน่ารักในสายตาเพื่อนหลายคนเขาเป็นคนกระล่อนและกวนประสาทสุดๆแต่สำหรับสาวน้อยสาวใหญ่ที่มาปลาบปลื้มเขากลับเป็นคนปากหวานและเอาใจเก่งเป็นอย่างมาก“วันนี้พิชชี่ปวดหัว ตัวร้อน ใจเต้นแรงมั๊กมากเลยค่ะหมอไฟขา” คนไข้สาวเอ่ยบอกทำท่าให้สมจริงจนหมอหนุ่มแอบขำ“แบบนี้คุณพิชชี่คงต้องมาหาหมอบ่อย ๆแล้วล่ะครับ หมอไฟว่าคุณพิชชี่เป็นโรครักหมอไฟแน่เลย” หมอหนุ่มเอ่ยหยอดพร้อมยิ้มแพรวพราว คนไข้สาวได้แต่เขินม้วนกับคำหยอดของหมอหนุ่ม&n
บ้านอัครวิทย์เพราะเกมพนันที่เคยพนันเดตแรกไว้กับฟ้ารดาที่ไร่พยัคฆ์ทำให้ปัญจวัตรต้องมาที่บ้านของฟ้ารดาในวันนี้หมอหนุ่มหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกความมั่นใจ ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ทำให้น้องชายฟ้ารดากลับมาบ้านเพื่อเดตแต่เพื่อเอาชนะใจพ่อแม่ของหญิงสาวด้วยและที่ปรึกษาหมายเลขหนึ่งในครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อนรักแต่เป็นผู้เป็นพ่อแทนจากข้อมูลที่ได้รับทำให้หมอหนุ่มมั่นใจเกือบ90%ว่าจะได้ใจของว่าที่แม่แฟนในอนาคตส่วนอีก10%คือพ่อและน้องชายที่เขาไม่มีความมั่นใจเลยว่าทั้งสองจะยอมให้เขาคบกับฟ้ารดา“เข้าไปข้างในกันคุณ” ฟ้ารดาเอ่ยบอกก่อนจะเดินนำเข้าไปในบ้านหมอหนุ่มเดินตามอย่างมั่นคงและมั่นใจทุกสรรพสิ่งในบ้านอัครวิทย์เหมือนจะหยุดเคลื่อนไหวทันทีเมื่อลูกสาวคนโตของบ้านเดินนำผู้ชายเข้ามาในตัวบ้านนายแพทย์หมออาศิระยืนมองชายหนุ่มรุ่นลูกอย่างไม่วางตาส่วนคุณนายฝนนภากลับมองอย่างตกใจไม่น้อยที่ลูกสาวคนเดียวพาชายหนุ่มที่หน้าคล้ายอดีตคนรักเข้ามาที่บ้านและแนะนำว่าเป็นแฟนหนุ่ม“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ ผมปัญจ์ครับ”ปัญจวัตรเอ่ยทักทายอย่างเ