ดวงตาคู่หวานทอดสายตามองปลาสวยงามในตู้ปลาตรงหน้าด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้าไม่ว่างานจะหนักแค่ไหนเธอก็ไม่เคยเหนื่อยล้าและหมดแรงเท่าตอนนี้เลย ตอนรู้ความสัมพันธ์ของพงศ์พยัคฆ์และหญิงสาวอีกคนก็ช็อคแล้วยิ่งได้เห็นทั้งคู่เดินจับจูงมือกันอีกยิ่งรู้สึกเสียใจ
“ยังไม่เลิกทำหน้าเหมือนหมาเปิดปลากระป๋องไม่ได้อีกเหรอคุณ” น้ำเสียงยียวนเอ่ยทักจากด้วยหลังทำให้คนยืนมองตู้ปลาอยู่ต้องละลายตาไปมอง “อุตส่าห์พาไปเลี้ยงข้าวปลอบใจถึงที่บ้านคุณยังไม่หายเศร้าอีกเหรอ อะไรจะอกหักเบอร์นั้นครับหมอฟ้ารดา”
“ยุ่ง” คนโดนถามว่าแล้วก็หัวกลับไปดูปลาในตู้ต่อไป “เป็นปลานี่ดีเนอะ ไม่เห็นจะอกหักรักคุดเหมือนคนเลย”
“อกหักแล้วเพี้ยนก็มีด้วยเว้ยเห้ย ไปกันใหญ่ ปะ ไปกินข้าวบ้านผมดีกว่าวันนี้ม้าผมทำแต่ของอร่อย เผื่อจะหายจากอาการอกหักบ้าง” ว่าแล้วก็ดันไหล่หญิงสาวจากด้านหลังออกไปจากโรงพยาบาลทันที ที่รีบก็เพราะเขากลัวสาวเจ้าจะได้เห็นภาพบาดตาเข้าอีกน่ะสิ
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่บ้านเกตทิวรากุลได้ต้อนรับแขกสาวอีกครั้งหลังจากที่เมื่อวานนี้ได้ต้อนรับไปแล้วทว่าคุณหญิงปริศนากลับไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไรแม้แต่น้อย ออกจะชอบใจเสียด้วยที่ปัญจวัตรพาคุณหมอสาวมาอีกครั้งให้เธอได้สำรวจมากขึ้น
“ม้าดูไว้ดี ๆ นะ คนนี้ล่ะว่าที่สะใภ้ม้า” น้ำเสียงที่เขาบอกมารดาเมื่อวันนั้นดังขึ้นในหัว วันนั้นเขาแอบกระซิบบอกคนเป็นแม่ไว้อย่างนั้นและสักวันเขาจะทำให้สำเร็จ
คุณหญิงปริศนาเองก็จำถ้อยคำที่ลูกายพูดได้แม่น เมื่อมีโอกาสเธอจึงลอบทอดสายตามองหญิงสาวที่นั่งเงียบอยู่ข้าง ๆ บุตรชายอย่างสำรวจอีกรอบก่อนจะถอนหายใจโดยไม่ให้คุณหมอสาวได้ยิน เธอรู้จากลูกชายมาบ้างว่าหญิงสาวคนนี้มีใจให้กับพงศ์พยัคฆ์การจะตัดใจจากใครสักคนคงต้องใช้เวลาทำใจสักพัก เธออยากให้ฟ้ารดาตัดใจได้ไว ๆ และเปิดใจให้ใครสักคนบ้าง อย่างลูกชายเธอคนนี้ที่รอโอกาสอยู่
“ทานเยอะ ๆ นะจ๊ะหนูฟ้า” หญิงชราเอ่ยบอกก่อนที่จะตักผัดผักที่ลงมือทำเองกับมือให้กับหญิงสาวแต่ก่อนที่ฟ้ารดาจะได้ขอบคุณในน้ำใจของเจ้าบ้านเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นอย่างล้อเลียน
“ว้าว วันนี้เฮียปัญจ์พาสาวมาด้วย สงสัยฝนฟ้าจะตกแฮะ”
“เกินไปแล้ว เกินไป ไม่ต้องมาทำแซวกลบเกลื่อน ทำไมวันนี้กลับเสียมืดค่ำบอกมายัยปิ่น” ปัญจวัตรถามคนมาใหม่อย่างเอาเรื่องจนคนมาใหม่อย่างปรียาภัทรหรือปิ่นน้องสาวเพียงคนเดียวได้แต่ทำหน้าจ๋อยไม่รู้จะตอบอย่างไร
เธออุตส่าห์กลบเกลื่อนด้วยการแซวแล้วแท้ ๆ คิดว่าพี่ชายหรือหญิงสาวแปลกหน้าจะต้องเขินจนพี่ชายหลงลืมคำถามที่จะถามเธอทุกครั้งที่กลับบ้านมืดค่ำไปซะอีก...ดันไม่ได้ผลซะงั้น
“ว่ายังไง?”
“ก็ทำงานไงเลยกลับค่ำ ทีเฮียยังกลับบ้างไม่กลับบ้างเลย”
“เฮียเป็นหมอแต่เราเป็นเลขายัยปิ่น เหมือนกันที่ไหน ไม่ต้องมาแถ เมื่อวานก็ด้วย วันนี้ก็ด้วยไปไหนต่อกับไอ้บอสดี้นั่น” คนเป็นพี่ถามทันทีอย่างตรงประเด็นเสียจนคนเป็นน้องอยากจะกระโดดหนี ช่างเป็นพี่ชายที่ถามได้น่ากลัวเสียจริง
“บอสเขาชื่อพี่ทอม ไม่ได้ชื่อดี้บอกแล้วไม่จำ เฮ้ย อารมณ์เสียกับคงกับข้าวไม่กินมันแล้ว” ปรีญาภัทรแสร้งเอ่ยเสียงโมโหก่อนที่จะพาตัวเองออกจากห้องอาหารอย่างว่องไว
“ยัยน้องบ้า อย่ามาทำโมโหกลบเกลื่อนแล้วหนีนะ มันน่าตีนักเชียว” คนเป็นพี่ได้แต่บ่นอุบตามหลัง ถ้าไม่ติดว่าฟ้ารดาอยู่ตรงนี้ด้วยเขาจะตามขึ้นไปคาดคั้นให้รู้เรื่อง คิดว่าเขาไม่รู้หรืออย่างไรว่าไปกินข้าวดูหนังกับเจ้านายหนุ่มมาน่ะ ‘มันต้องมากกว่าเจ้านายลูกน้องเพื่อนน้องสาวกับพี่ชายเพื่อนแน่ ๆ ถึงได้เฉไฉไม่พูดให้เคลียร์แบบนี้น่ะ’
“เอานา อย่าถือสาน้องเลย ทานข้าวกันต่อดีกว่า” คุณหญิงปริศนาส่งเสียงปรามก่อนจะชวนลูกชายและหญิงสาวทานอาหารต่อ เธอไม่คิดว่าเรื่องการไปทานข้าวดูหนังของลูกสาวกับเจ้านายหนุ่มจะเป็นเรื่องผิด เธอมองว่าเป็นเรื่องของหนุ่มสาวทั่ว ๆ ไปถ้าวันหนึ่งทุกอย่างชัดเจนปรียาภัทรก็คงจะพามาแนะนำให้เธอและสามีรู้จักเองนั่นแหละ แต่ปัญจวัตรนั้นไม่ใช่ ลูกชายคนนี้รักและหวงน้องสาวมากเกินความพอดีไปสักหน่อยมากจนปรียาภัทรไม่อยากให้รู้เรื่องแฟนเลยล่ะ ‘ปวดหัวกับพี่น้องคู่นี้จริง ๆ คนพี่ก็หวงอยากรู้เรื่องน้อง คนน้องก็ไม่อยากให้พี่รู้ เฮ้อ’
“เออ แล้วหนูทรายเป็นไงบ้างได้ไปเยี่ยมบ้างไหมปัญจ์” คุณหญิงปริศนารู้ว่าลูกชายยังคงจดจ่อกับเรื่องของน้องสาวจึงเปลี่ยนเรื่องไปถามถึงพิมพ์พิชชาแทน นอกจากเป็นการถามเปลี่ยนเรื่องแล้วยังเป็นการถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงด้วย
“ก็ไปเมื่อวานนะ ก็เห็นยังร่าเริงเหมือนเดิม ไม่น่ามีอะไรผิดปกติ”
“แต่คนที่หนักใจที่สุดคงหนีไม่พ้นเสือ ไหนจะหนูแพร สิงห์กับพราวอีก...เอาอย่างนี้ดีพรุ่งนี้สาย ๆ แม่กับปิ่นจะไปเยี่ยมสักหน่อยดีกว่า” คุณหญิงปริศนาเอ่ยบอกก่อนที่จะหันมาชวนแขกของบ้านคุยเมื่อเห็นสีหน้าซีดเซียวยามเธอพาดพิงถึงใครอีกคนของฟ้ารดา “หนูฟ้าชอบทานอาหารจีนไหมลูก”
“ชอบค่ะ ทุกวันหยุดฟ้าจะต้องพาคุณพ่อกับคุณแม่ไปทานอาหารจีนอยู่เป็นประจำเลยค่ะ เรียกว่าชอบมากถึงมากที่สุดเลย” ฟ้ารดาตอบกลับราวกับว่าในใจไม่ได้คิดเรื่องอะไรอยู่ ปัญจวัตรมองแล้วก็คีบอาหารจีนฝีมือคุณหญิงปริศนาให้หญิงสาว
“เอา ๆ กินนี่ อาหารจีนบ้านนี้ไม่ต้องเสียเงิน ไม่แพง ขอแค่ไม่กัดลูกชายเจ้าของบ้านก็มีสิทธิ์กินฟรีได้ตลอดชาติ”
“แค่ฟรีบางวันก็พอ ใครจะบ้ามากินฟรีบ้านคนอื่นได้ทุกวัน” กุมารแพทย์สาวเอ่ยก่อนที่จะยิ้มเกรงใจเมื่อมองไปทางมารดาของหมอหนุ่ม
“ก็มาเป็นเขยเป็นสะใภ้บ้านนี้สิจ๊ะ แบบนั้นล่ะมากินอาหารจีนที่นี่ได้ตลอดเลย ลูกเขยคงไม่ได้...เป็นสะใภ้บ้านนี้ไหมจ๊ะหนูฟ้า” คุณหญิงปริศนาเอ่ยบอกในขณะที่คนเป็นลูกชายนั้นถึงกับทำตะเกียบหลุดมือ คุณหมอสาวเองก็อยู่ในอาการตกตะลึงเช่นกัน
“เรื่องชงนี่ไม่เป็นรองใครเลยจริง ๆ” คุณหมอหนุ่มพึมพำเบา ๆ ก่อนที่จะเอ่ยโวยวายเสียงดัง “เป็นสะพงสะใภ้อะไรของม้าเนี่ย ม้าก็พูดเล่นไปเรื่อย ดูดิหมอฟ้าตกใจเป็นจริงเป็นจังจนหน้าเหมือนแมวเมากาวเลยเห็นมั้ยเนี่ย”
“หน้าฉันเหมือนแมวเมากาวตรงไหนยะ” คนโดนหาว่าหน้าเหมือนแมวเมากาวหันจวับมาแหวใส่ทันที ให้ตายเถอะอย่างกับตัวเองเคยเห็นแมวเมากาวอย่างนั้นล่ะ แล้วหน้าตัวเองตกใจน้อยกว่าเธอที่ไหนกัน
“ก็ส่องกระจกดูตัวเองตอนตกใจดิ แล้วคุณจะเห็น หน้าเนี่ยแมวเมากาวชัด ๆ ”
“อีตาบ้า คุณเคยเห็นแมวเมากาวรึไงหา” เธออยากจะข่วนหน้าอีตาหมอปลื้มนี่นักกล้าดียังไงมาว่าหน้าเธอเหมือนแมวเมากาว
“เคย หน้าเหมือนคุณนี่แหละ” ปัญจวัตรตอบกลับทั้งที่ความจริงแล้วหน้าแมวเมากาวเขาก็ไม่เคยเห็นหรอก
“คุณน้าดูสิคะ ลูกชายคุณน้าปากแบบนี้ล่ะคุณน้าถึงไม่มีสะใภ้สักที” เมื่อเถียงไม่ได้ฟ้ารดาได้แต่หันไปฟ้องแม่ของหมอหนุ่มด้วยสีหน้าคล้ายคนถูกรังแก “ฟ้าไม่ได้หน้าเหมือนแมวเมากาวใช่ไหมคะคุณน้า?”
“ไม่หรอกจ้ะ ลูกชายน้ามันปากเสียไปอย่างนั้นเอง” คุณหญิงปริศนาเอ่ยอย่างไม่เข้าข้างชายหนุ่ม
“ม้าอะ นี่ลูกม้านะ ม้าต้องบอกว่าหน้าหนูเหมือนแมวเมากาวอย่างที่ลูกชายน้าพูดนั่นล่ะจ๊ะสิม้า” คนเป็นลูกทำเสียงงอแงก่อนจะโดนมารดาถลึงตาใส่
“ดัดจริตจริง ๆ ลูกชายฉัน จริตมารยาน่ะเป็นผู้ชายอย่าให้มันเยอะนัก มันน่าหมั่นไส้” คนเป็นมารดาบ่นให้กับความงอแงดัดจริตของคนเป็นลูกในขณะที่ฟ้ารดานั้นหลุดหัวเราะออกมา
“เหมือนน้องชายฟ้าเลยค่ะคุณน้า คุณแม่นี่บ่นประจำว่าดัดจริตเกินผู้หญิง มารยาหญิงพันเล่มเกวียนยังไม่สู้” เธอบอกเมื่อนึกไปถึงน้องชายที่กิริยามารยาในบางช่วงเวลาชวนคันมือ
กริ่ง
“ตายยากจริง ๆ” หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ เมื่อพ่อน้องชายเจ้ามารยาโทรศัพท์มาหา “ว่าไงไฟ”
“พี่สาวอยู่ไหน ทำไมยังไม่กลับอีกนี่ไฟกับวีดามานั่งรอตั้งแต่เลิกงานแล้วนะ” ปลายสายถามมาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงและหวง “ไม่ได้ไปเดตหรอกใช่ไหม”
“เพ้อแล้วไฟ พี่สาวไม่ได้ไปเดต พอดีมาทำธุระน่ะ เดี๋ยวก็กลับแล้ว ไฟกลับบ้านเลยนะไม่ต้องรอพี่สาว มืดค่ำแล้วยังไม่พาวีดากลับไปส่งพ่อแม่วีดาจะเป็นห่วงเอานะ” ฟ้ารดาตอบกลับน้องชายอย่างนายแพทย์อัคนีหรือหมอไฟอายุรแพทย์หนุ่มฮอตที่อายุน้อยกว่าเธอ2ปีด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ อัคนีนั้นหวงพี่สาวอย่างเธอจนเกินพอดีในบ้างครั้งจนเธอรู้สึกว่าเจ้าน้องชายหวงยิ่งกว่าพ่อเสียอีก ตั้งแต่โตเป็นสาวมาเธอถึงไม่เคยมีแฟนเลยสักคน ลองบอกว่ามากินข้าวบ้านเพื่อนสิอัคนีได้ซักฟองจนขาวแน่ว่าเพื่อนคนไหน ผู้ชายผู้หญิง พอบอกว่าเป็นชายบอกได้อย่างเดียวเลยว่าปัญจวัตรมีสิทธิ์โดนจอมหวงหาเรื่องก่อกวน
“ก็ได้ ไฟฝากของฝากไว้กับพี่ร.ป.ภ.เขาแล้วกัน ซื้อขนมมาฝาก” อัคนีเอ่ยบอกด้วยเสียงคล้ายเด็กขี้งอนก่อนที่จะตัดสายไป
“แฟนก็มีแล้วแต่ทำไมยังมาหวงพี่สาวนักหนานะ ผู้ชายนี่เขาหวงพี่สาวน้องสาวกันทุกคนรึเปล่าเนี่ย” ฟ้ารดาได้แต่ตั้งคำถามขึ้นแล้วก็ส่ายหน้ากับความคิดเพ้อเจ้อของเธอ ใครจะเป็นได้ขนาดอัคนีกันล่ะ
“ตาปัญจ์ของน้านี่คนหนึ่งล่ะจ้ะหนูฟ้า ไม่รู้ทำไมถึงได้หวงน้องนัก น้องสมควรมีแฟนได้แล้วก็ยังไม่มี ใครเข้ามาจีบเป็นต้องโกยหนีเพราะตาคนนี้ล่ะ” คุณหญิงปริศนาเอ่ยอย่างจิกกัดพ่อลูกชายตัวดีจอมหวงไปด้วย สามีเธอยังไม่หวงลูกสาวเท่าปัญจวัตรหวงน้องเลย
“สงสัยจะไม่ปกติค่ะ” หญิงสาวยกมือขึ้นมาบังใบหน้าในทิศทางที่ชายหนุ่มนั่งอยู่ก่อนที่จะกระซิบบอกแม่ของชายหนุ่ม
“น้าก็คิดว่าอย่างนั้นล่ะ”
“ผมได้ยินครับอย่านินทาระยะเผาขนกันแบบนี้” เขาบอกก่อนที่หนึ่งหญิงชรา และหนึ่งหญิงสาวจะหัวเราะคิกคักให้กัน ปัญจวัตรอยากจะสวนกลับแต่พอได้เห็นรอยยิ้มและได้ยินเสียงหัวเราะของคนอกหักก็เป็นอันต้องพับเก็บ เขาหวังแค่เธอยิ้มออกมาและหัวเราะได้นี่นะ
สายตาคมมองโต๊ะทำงานที่มีร่องรอยของการกรีดอย่างขบคิดว่าใครกันที่ทำแบบนี้ ใครที่เกลียดเธอถึงขนาดนี้ ใครกัน? ฟ้ารดาเฝ้าถามตัวเองโดยไม่รู้สึกถึงการมาของใครบางคน“ทำอะไรอยู่คะพี่ฟ้า ตายแล้วนี่เกิดอะไรขึ้นคะพี่ฟ้า ทำไมโต๊ะถึงได้เป็นแบบนี้” เสียงร้องอย่างตกใจของคนข้างหลังทำให้ฟ้ารดาถึงกับสะดุ้ง คนที่ยืนอยู่หลังเธอคือสุนิสาหรือนิดพยาบาลสาวรุ่นน้องที่ดีกับเธอคนนึงแต่เมื่อเกิดข่าวลือเรื่องเธอกับพงศ์พยัคฆ์เมื่อสามเดือนก่อนทำให้เธอเปลี่ยนความคิดในทันทีเพราะสุนิสาเป็นคนนึงที่เอาข่าวลือไปใส่สีตีไข่จนไม่เหลือเค้าความจริงเธอจึงหลีกเลี่ยงที่จะคบค้ากับคนหน้าซื่อใจคดหน้าไหว้หลังหลอก“มีอะไรเหรอคะคุณนิด” ฟ้ารดาเอ่ยตอบเสียงเรียบราวกับไม่รู้สิ่งที่พยาบาลสาวเคยทำแต่ก็ไม่ได้ยินดีที่จะคุยด้วย“ทำไมพี่ฟ้าทำเสียงแบบนั้นล่ะคะน่ากลัวมากเลย”สุนิสาแกล้งใสซื่อจนถ้าเธอไม่รู้มาก่อนคงคิดว่าผู้หญิงตรงหน้านั้นใสซื่อจริง ๆ“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พี่แค่ตกใจไปหน่อยคุณนิดมีอะไรก็พูดมาเถ
ร่างสูงของอัคนีเดินเข้ามาในโรงพยาบาลด้วยใบหน้านิ่งก่อนจะเผยยิ้มออกมาเมื่อเห็นร่างของคนที่ทาบทามเขามาทำงานที่นี่“สวัสดีครับอาจารย์” อัคนีเอ่ยทักอีกฝ่ายอย่างสนิทสนม เขานนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นผู้บริหารโรงพยาบาลแห่งนี้นั่นเอง เขาได้รู้จักกับแดนสรวงเมื่อ7ปีก่อนสมัยเรียนแพทย์ปี1แดนสรวงเป็นอาจารย์หมอที่เขาสนิทด้วยที่สุดหลังจากเรียนจบอาจารย์หมอหนุ่มทาบทามเขาให้มาทำงานที่นี่หลายครั้งแต่เพราะอยากอยู่ใกล้ครอบครัวทำให้ปฏิเสธไปจนในช่วง2ปีมานี้ที่ฟ้ารดาย้ายมาทำงานที่นี่ทำให้เขาลังเลอยากตามมาอยู่หลายครั้งจนกระทั่งปัญจวัตรโผล่เข้ามาทำให้เขาติดต่ออาจารย์หมอคนสนิทอย่างรวดเร็ว“ไงอัคนี นึกยังไงถึงอยากย้ายมา หวงพี่สาวเหรอ?”แดนสรวงเอ่ยถามลูกศิษย์คนสนิทอย่างขบขัน ไม่คิดว่าที่เคยพูดว่าหวงพี่สาวมากจะหวงขนาดยอมย้ายตามมาขัดขวางเลยทีเดียว สงสารก็เเต่เพื่อนรักของญาติผู้น้องป่านนี้จะรู้รึยังว่าตัวป่วนมาถึงถิ่นแล้ว“หวงมากครับจารย์ ว่าแต่จารย์รู้จักไอ้หน้าจืดปัญญาอ่อนที่มาป้วนเปี้ยนเกาะเกะพี่สาวผมแค่ไหน” อัคนีเอ่ยถามแดนสรวงถึงปัญจวัตร
หลังจากที่พิมพ์พิชชาวางสายจากปลายสายหญิงสาวก็ยืนมองบรรยากาศอย่างมีความสุขกับแผนการทำให้สองสาวขี้อิจฉาหน้าแตกกับใครบางคน“ทำแบบนี้ไม่กลัวแพรโกรธเหรอครับทราย”เสียงที่ดังมาจากด้านหลังทำให้พิมพ์พิชชาต้องสะดุ้ง คนที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอคือรณพีร์นั่นเองเขายืนฟังเธอตั้งแต่แรกแล้วแต่ไม่ได้แสดงตัวเท่านั้นพิมพ์พิชชาหันมามองก่อนจะเอ่ยบอก“ความลับนะคุณพีร์อย่าให้ยัยแพรรู้เชียว”“มันก็ต้องมีอะไรมาแลกกันสิ แบบเงินมาผ้าหลุดอะไรประมาณเนี่ย” รณพีร์เอ่ยบอกพร้อมยิ้มอย่างมีเลศนัย“ก็ได้คุณอยากได้อะไร”พิมพ์พิชชาเอ่ยถามอย่างเป็นรอง“ดินเนอร์กันสักมื้อ เสาร์นี้” รณพีร์เอ่ยบอกและลุ้นรอคำตอบจากหญิงสาว“ก็ได้เสาร์นี้” หญิงสาวตอบรับอย่างว่าง่ายก่อนจะถามต่อ “วันศุกร์คุณว่างมั้ยถ้าว่างมาแจมกับแผนของฉันหน่อยนะ”“ได้สิ ผมก็เบื่อที่จะต้องถูกคนโยงไปทำร้ายคนอื่นแล้ว ถ้าเรื่องไม่จบผมคงต้องไล่พวกเธอออก”รณพีร์เอ่ยบอกตามใจคิดปัญหานี้บานปลายมานานแล้วเขาเองก็ควรทำอะไร
รุ่งเช้าวันจันทร์ที่แสนสดใสพิมพ์พิชชาเดินยิ้มน่าระรื่นเข้ามาในบริษัทพร้อมแพรวารินทร์ด้วยกิริยาอาการที่บ่งบอกว่ามีความสุขมากมายหลังจากพักผ่อนมาหนึ่งอาทิตย์วันนี้เป็นวันที่หญิงสาวจะได้กลับไปทำงานที่รักอีกครั้งหลังจากหยุดไป1เดือนเต็มๆและที่ทำให้ดีใจยิ่งกว่าคือจะได้ไปเจอหน้าใครบางคนที่หายหน้าไปทั้งอาทิตย์แต่ยังส่งดอกไม้มาเยี่ยมทุกวันอย่างเจ้านายสุดหล่อด้วย“นี่เลิกยิ้มได้แล้วแก ฉันนึกว่าเดินกับคนบ้า” แพรวารินทร์ออกเสียงปรามอย่างไม่จริงจัง ตั้งแต่เช้าที่ผ่านมาเพื่อนรักเอาแต่ยิ้มกว้างจนเธอได้แต่งง นางจะดีใจอะไรขนาดนั้นเล่นใหญ่จริง ๆ“ก็คนมันดีใจอ่า เดือนนึงแล้วน๊าที่ฉันไม่ได้มาทำงานคิดถึงงานแล้วก็เพื่อนร่วมงานจะแย่”“หรา ไม่ใช่คิดถึงคนที่หายไปหนึ่งอาทิตย์เหรอจ๊ะ”แพรวารินทร์ถามกลับอย่างรู้ทัน ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเพื่อนเธอคิดอย่างไรอยู่“รู้มากไปแล้วยะ ไปเข้าไปทำงานกันได้แล้ว”พิมพ์พิชชาว่าให้ก่อนจะดึงเพื่อนรักเข้าไปทำงาน“อ้าว ยัยทรายดูดมาทำงานแล้วเหรอนึกว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอหล่อนซะแล้
“สวัสดีครับคุณพิชชา อาการเป็นยังไงบ้างครับ” เสียงทรงเสน่ห์เอ่ยทักทายไถ่ถามอาการทำให้คนไข้วัยทำงานถึงกับใจละลายความจริงเธอไม่ได้ป่วยแต่แค่อยากจะเห็นหน้าหมอหนุ่มเท่านั้นนายแพทย์อัคนี อัครวิทย์ อายุรแพทย์หนุ่มสุดหล่อวัย25ปีขวัญใจสาวน้อยสาวใหญ่ในแถบนี้ยิ้มให้คนไข้อย่างเป็นมิตรแม้จะรู้ดีว่าสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งหลายแค่อยากมาเห็นหน้าเขาเท่านั้นบ้างก็เอาของมาเยี่ยมเป็นประจำจนเป็นที่ชินตาของบุคลากรคนอื่นในโรงพยาบาล“วันนี้พิชชาจะเป็นอะไรดีเอ๋ย” อัคนีเอ่ยถามพร้อมยิ้มเอาใจอย่างน่ารักในสายตาเพื่อนหลายคนเขาเป็นคนกระล่อนและกวนประสาทสุดๆแต่สำหรับสาวน้อยสาวใหญ่ที่มาปลาบปลื้มเขากลับเป็นคนปากหวานและเอาใจเก่งเป็นอย่างมาก“วันนี้พิชชี่ปวดหัว ตัวร้อน ใจเต้นแรงมั๊กมากเลยค่ะหมอไฟขา” คนไข้สาวเอ่ยบอกทำท่าให้สมจริงจนหมอหนุ่มแอบขำ“แบบนี้คุณพิชชี่คงต้องมาหาหมอบ่อย ๆแล้วล่ะครับ หมอไฟว่าคุณพิชชี่เป็นโรครักหมอไฟแน่เลย” หมอหนุ่มเอ่ยหยอดพร้อมยิ้มแพรวพราว คนไข้สาวได้แต่เขินม้วนกับคำหยอดของหมอหนุ่ม&n
บ้านอัครวิทย์เพราะเกมพนันที่เคยพนันเดตแรกไว้กับฟ้ารดาที่ไร่พยัคฆ์ทำให้ปัญจวัตรต้องมาที่บ้านของฟ้ารดาในวันนี้หมอหนุ่มหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกความมั่นใจ ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ทำให้น้องชายฟ้ารดากลับมาบ้านเพื่อเดตแต่เพื่อเอาชนะใจพ่อแม่ของหญิงสาวด้วยและที่ปรึกษาหมายเลขหนึ่งในครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อนรักแต่เป็นผู้เป็นพ่อแทนจากข้อมูลที่ได้รับทำให้หมอหนุ่มมั่นใจเกือบ90%ว่าจะได้ใจของว่าที่แม่แฟนในอนาคตส่วนอีก10%คือพ่อและน้องชายที่เขาไม่มีความมั่นใจเลยว่าทั้งสองจะยอมให้เขาคบกับฟ้ารดา“เข้าไปข้างในกันคุณ” ฟ้ารดาเอ่ยบอกก่อนจะเดินนำเข้าไปในบ้านหมอหนุ่มเดินตามอย่างมั่นคงและมั่นใจทุกสรรพสิ่งในบ้านอัครวิทย์เหมือนจะหยุดเคลื่อนไหวทันทีเมื่อลูกสาวคนโตของบ้านเดินนำผู้ชายเข้ามาในตัวบ้านนายแพทย์หมออาศิระยืนมองชายหนุ่มรุ่นลูกอย่างไม่วางตาส่วนคุณนายฝนนภากลับมองอย่างตกใจไม่น้อยที่ลูกสาวคนเดียวพาชายหนุ่มที่หน้าคล้ายอดีตคนรักเข้ามาที่บ้านและแนะนำว่าเป็นแฟนหนุ่ม“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ ผมปัญจ์ครับ”ปัญจวัตรเอ่ยทักทายอย่างเ