Mag-log in"ฉันไม่ยอมทำหรอกนะ"
"ไม่ได้ถามว่าจะยอมหรือไม่ยอมบอกให้ไปแบกไม้ออกมา"
"ฉันเป็นผู้หญิงจะไปแบกหามหนักๆ แบบนั้นได้ยังไง"
"ถ้างั้นก็คงต้องให้นายหัวมาสั่งเองแล้วล่ะ"
"หยุดนะ!" ถ้าไอ้บ้านั่นมามันคงไม่จบง่ายๆ แน่ ดีไม่ดีมันจะให้เราเป็นคนสร้างบ้านเองด้วยซ้ำ
ข้าวสวยเลยเข้าไปดูว่าพอที่จะแบกไม้อันไหนออกมาได้บ้าง เธอเลือกไม้กระดานที่เล็กที่สุดแล้วก็ยกออกมา
"แล้วเมื่อไรจะเสร็จ"
"ฉันก็ยกได้เท่าที่ยกนี่แหละ"
"ปากดี แบบนี้ต้องเจอสักดอก" ลูกน้องของเขาสะบัดมือเหมือนจะตบ ข้าวสวยถึงกับสะดุ้งสุดตัวเพราะถ้าเจอฝ่ามือนี้เข้ามีหวังสลบ
"ฉันยกแล้ว" เธอเลยต้องเข้าไปเอาเพิ่มมาอีก แล้วก็ยกไปจุดที่พวกมันบอกว่าจะสร้างบ้าน
มาถึงก็เห็นตั้งเสาไว้แล้ว แต่ผู้ชายตั้งเยอะตั้งแยะทำไมต้องมาใช้ผู้หญิงแบบเราด้วย
"กลับไปขนมาอีกเอามาให้เยอะที่สุด"
"นายหัวดูอะไรอยู่ครับ" เข้ามาก็เห็นว่านายหัวกำลังใช้กล้องส่องทางไกลมองอีกฝั่งหนึ่งของเมื่อเช้านี้
"ถ้ามึงเข้ามาโดยที่ไม่บอกกูอีกนะ รับรองว่าอาหารเย็นมึงเป็นลูกตะกั่วแน่"
"ก็นายหัวไม่ได้ปิดประตูไว้ผมเลยเดินเข้ามาครับ"
"ไม่ปิดมึงก็ต้องเคาะประตูบอกกูก่อน"
"ได้ครับ ว่าแต่นายหัวชอบหรือไม่ชอบเธอกันแน่ครับ"
"ไอ้วัลลภ!"
"เข้าเรื่องก็ได้ครับ เสี่ยโทรมาบอกว่านายหัวไม่รับโทรศัพท์เลย"
"โทรมาทำไม"
"คงจะคุยเรื่องเจ้าสาวที่หายไปนั่นแหละครับ"
"พ่อรู้แล้วเหรอ?"
"รู้ว่าอะไรครับ"
"รู้ว่ากูจับมาไง!"
"ผมไม่ได้ถามเรื่องนี้หรอกครับนายโทรกลับไปหาเสี่ยหน่อยเถอะครับ"
คล้อยหลังวัลลภ ภูเบศเลยโทรไปหาพ่อ
>>{"ตกลงแกไม่ได้ไปใต้เหรอ"}
{"สนใจเรื่องของผมด้วยเหรอครับ"}
>>{"ฉันไม่ได้โทรมาทะเลาะกับแกนะ ฉันโทรไปบ้านของแกที่ภาคใต้แล้ว คนที่นั่นบอกแกไม่ได้ไป"}
{"พ่อไม่คิดบ้างหรือครับว่าผมอาจจะขลุกอยู่กับผู้หญิงก็ได้"}
>>{"เรื่องเจ้าสาวที่หายไปมีคนสงสัยว่าแกพาไป"} ภูริเริ่มเข้าเรื่องเพราะถ้าคุยมากไปเดี๋ยวลูกชายก็จะขาดการติดต่อไปอีก
{"หึหึ ผมจะเอาผู้หญิงของพ่อมาทำอะไร"}
>>{"แต่นั่นไม่ใช่ผู้หญิงของ.."} ภูริยังพูดไม่จบลูกชายก็ตัดสายไปก่อน
"ไอ้บ้านี่มันไม่คิดจะฟังพ่อบ้างเลยหรือไง"
"ว่ายังไงบ้างครับพ่อ"
"มันก็ยังกวนตีนเหมือนเดิมนั่นแหละ"
"แล้วทางตำรวจว่ายังไงบ้างครับ"
"ยังสืบได้ไม่มากเพราะพ่อไม่ให้เป็นข่าว"
"แล้วตกลงคุณภูเบศ ไม่ได้กลับบ้านที่เหมืองแล้วไปไหนล่ะครับ" ภูเบศไม่ยอมให้ภูผาเรียกพี่ เขาเลยต้องเรียกคุณแบบนี้มาตลอด แต่ส่วนมากจะเรียกแค่ต่อหน้าพ่อ เพราะอีกฝ่ายไม่เห็นว่าเขาเป็นน้องเขาก็ไม่จำเป็นต้องเห็นว่าเป็นพี่เช่นกัน
"ข้อนี้แหละพ่อสงสัยว่ามันต้องหาที่กบดานใหม่ แกพอรู้จักนักสืบฝีมือดีบ้างไหม"
"พอจะรู้จักอยู่บ้างครับ เดี๋ยวผมจะประสานให้นะครับ"
"ขอบใจมากลูกชาย มีแต่แกนี่แหละที่เป็นความหวังของพ่อ ส่วนไอ้นั่นถ้าไม่ตายก็คงกลับมาเจอหน้ากัน"
เวลาเดียวกันนั้นที่ปางไม้..
"นายหัวเรียกผมเข้ามามีอะไรครับ
"มึงสั่งคนที่เหมืองไว้ว่ายังไง"
"สั่งอะไรครับ"
"ทำไมพ่อกูถึงรู้ว่ากูไม่ได้อยู่เหมือง"
"สงสัยพวกมันจนแต้มแน่เลยครับ" เสี่ยภูริคงบอกจะคุยสายกับลูกชาย ลูกน้องที่อยู่ที่นั่นเลยต้องบอกความจริงไป
"หึ! ตามให้ตายก็หาไม่เจอ" คิดจะตามหาผู้หญิงคนนั้นเหรอ ถ้าไม่เป็นปุ๋ยก่อนก็คงจะมีลูกติด ถ้าเป็นแบบนั้นดูซิว่าคนแบบพ่อเขายังจะเอาไปทำเมียอยู่อีกไหม
"นายว่ายังไงนะครับ"
"เดี๋ยวกูจะลงไปข้างล่างหน่อย"
ภูเบศลงมาตรงที่ใช้ให้เธอปลูกสร้างบ้านช่วยคนงาน มาเห็นว่าเธอกำลังอู้งานพอดี
"พวกมึงทำอะไรอยู่" ได้ยินเสียงนี้ข้าวสวยที่เพิ่งนั่งพักรีบลุกขึ้น
"กำลังหาเครื่องมืออยู่ครับ" โครงการสร้างบ้านอีกหลังยังไม่เริ่มเครื่องไม้เครื่องมือเลยถูกเก็บไปไว้แล้ว พอเจ้านายสั่งมากะทันหันก็เลยต้องได้ไปค้นกันหน่อย
"กูหมายถึงคนขนไม้ของพวกมึง"
"ฉันเหนื่อยจะไม่ให้พักเลยหรือไง"
"ยังปากดีได้อยู่อีกไปยกไม้คานมา"
"อะไรคือไม้คาน"
"เธอจะยกไหวเหรอครับนายหัว" วัลลภที่เดินตามมาพูดออกไปตามนิสัยที่พูดไม่ค่อยคิด
"ถ้างั้นมึงก็ไปช่วยยก"
"มะ ไม่ถามแล้วครับ"
ข้าวสวยต้องยอมเดินตามคนของเขามาที่โรงเก็บไม้อยากรู้ว่าอะไรคือคาน มาถึงก็เห็นว่าเป็นไม้ท่อนใหญ่และยาวที่ไว้ใช้เชื่อมต่อกับเสาที่ตั้งอยู่
"ฉันจะยกไหวเหรอ"
"ไหวไม่ไหวก็ต้องยก" ถ้าเป็นผู้ชายยกสบายอยู่แล้ว แต่ผู้หญิงไม่แน่ใจว่าจะยกขึ้นไหม
คนงานที่เดินเข้ามาด้วยเลยแอบยกส่งให้
"โอ๊ย" แต่ถึงแม้คนงานจะยกให้พอวางลงบ่าไหล่ของเธอมันก็ไม่มีแรงพยุงจนร่างเล็กล้มลงโชคดีที่ไม้หล่นลงมาไม่ทับตัวของเธอด้วย
ภูเบศได้ยินเสียงเลยรีบเข้ามาดูก็เห็นว่าเธอนอนกองอยู่กับพื้น
"ตายไหมวะ" วัลลภรีบเดินเข้ามาเช็คลมหายใจดู "ยังหายใจอยู่ครับ เอาไงต่อดีครับ"
ดึกๆ คืนนั้น..
ทำไมปวดเมื่อยตัวขนาดนี้ หรือว่าเราตายไปแล้ว หญิงสาวที่หมดสติตั้งแต่ตอนแบกไม้คานค่อยๆ ฟื้นคืนสติ
"?" เราอยู่ที่ไหน หรือว่าทุกอย่างเราแค่ฝันไป ข้าวสวยมองไปรอบๆ ห้องที่เธอนอนอยู่ ห้องนี้มีเฟอร์นิเจอร์ครบแถมเตียงที่เธอนอนก็นิ่มสบายมาก
แต่พอคลำดูก็เจอเข้ากับร่างของใครบางคนที่นอนอยู่ข้างๆ ทีแรกตกใจเกือบจะกรีดร้องออกมาแล้ว พออีกฝ่ายขยับกายเธอก็เลยรีบเอามือมาปิดปากไว้แล้วก็แกล้งนอนลงไปที่เดิม
คนที่นอนอยู่ข้างๆ ผงกศีรษะขึ้นมามอง แล้วลองเช็คดูว่าเธอรู้สึกตัวหรือยัง เพราะเมื่อสักครู่สัมผัสได้ว่าเตียงมีความเคลื่อนไหว
มันทำอะไรเราไหม? อย่าบอกนะว่าเราตกเป็นเมียของมันแล้ว? แต่พอมือของเขาคลำต่ำลงมาหญิงสาวที่แกล้งหลับอยู่ก็ถึงกับสะดุ้ง
"ดึกป่านนี้แล้วทำไมยังไม่นอน แล้วนี่มานั่งมองอะไร"
"ทำไมนายหัวภูเบศถึงต้องเอาผู้หญิงคนนั้นขึ้นไปนอนบนห้องด้วยล่ะแม่" มะนาวเป็นคนเช็ดเนื้อเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ แต่ตอนนั้นผู้หญิงยังไม่ได้สติ
"แล้วแกไปยุ่งอะไรกับนายเขา"
"อย่าบอกนะว่าเขาหลงเสน่ห์แม่นั่นแล้ว"
"แกอย่าฝันสูงเลยน่า"
"ฉันไม่ยอมหรอกนะ ฉันอุตส่าห์เฝ้ามองมาตั้งนาน"
"มะนาวเอ้ย ถึงแม้ไม่มีผู้หญิงคนนี้นายหัวก็ไม่มองแกหรอก"
"กรี๊ดดด" ขณะที่แม่กับลูกกำลังคุยกันอยู่ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องดังลั่นมาจากทางเรือนหลังใหญ่
"เจอไหม" จากที่เมาๆ อยู่พอกลับบ้านมาไม่เห็นเมียตอนนี้รู้สึกสร่างเมาเลย"ไม่เจอเลยครับผมกำลังให้คนเช็คกล้องวงจรปิดอยู่ครับ" พูดจบคนที่เช็คกล้องวงจรปิดก็รีบวิ่งมาหา "เป็นยังไงบ้าง""นายหญิงออกไปตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วครับ""ไปไหน""กล้องจับภาพได้แค่ตอนเดินออกไปแต่ไม่รู้ว่าไปกับใครไปที่ไหน" แล้วลูกน้องคนนั้นก็ยื่นคลิปกล้องวงจรปิดให้ดู เหมือนรถคันที่มารับเธอจะรู้มุมกล้องวงจรปิดดี..จะไม่รู้ได้ยังไงก็คนในบ้านเป็นไส้ศึกเสียเอง"ให้คนไปดูที่สถานีรถ" เขาคิดว่าเธอต้องหนีกลับแน่เลย เพราะเธอเคยหนีแบบนี้มาแล้วหลายครั้งและคนของเหมืองก็รีบไปเช็คที่สถานีรถทั้งรถไฟและรถทัวร์ ส่วนสนามบินอยู่ไกลมากคิดว่าเธอคงไม่ไปหรอก แต่เพื่อความชัวร์เขาให้อีกชุดหนึ่งไปดูที่สนามบินจนถึงตอนเช้าก็ยังไม่ได้ข่าว ไม่ใช่ไม่ได้ข่าวจากลูกน้องหรอกไม่ได้ข่าวของเธอนี่แหละ เพราะลูกน้องก็ส่งข่าวมาอยู่ว่าหาไม่เจอไม่เห็นร่องรอยของเธอเลยเรื่องมันชักจะไม่เข้าท่าแล้วเขาเลยต้องไปที่สถานีตำรวจ ให้ตำรวจช่วยอีกแรง เพราะอยากยืมมือตำรวจประสานงานไปที่สน.อื่นด้วยที่จริงถ้ายังหายไปไม่ครบ 24 ชั่วโมงตำรวจจะยังไม่รับแจ้งความ แต่นี่นายหัวภูเบศมา
ข้าวสวยและจินดาไม่ได้พูดคุยอะไรกันหรอก หลังจากเหตุการณ์นั้นข้าวสวยก็เดินกลับมา"ไปไหนมา" เขากลับมาไม่เห็นเธอกำลังจะใช้คนให้ไปตามหาอยู่พอดีเลยแต่เห็นเธอเดินกลับมาก่อน"ไปเดินเล่น" ข้าวสวยพูดแค่นี้แล้วก็เดินผ่านหน้าของเขาไป"เรื่องห่อหมกเดี๋ยวพรุ่งนี้จะให้ป้าซื้อจากตลาดมาให้ใหม่""ฉันไม่อยากกินแล้ว""ยังโกรธอยู่เหรอ""ทำไมฉันต้องโกรธด้วย""ก็บอกจะซื้อมาให้ใหม่ไง""ฉันอยากจะกลับแล้ว" เธอไม่อยากพูดเรื่องห่อหมกอะไรนั่นแล้ว และขณะที่เธอกำลังยืนคุยกับภูเบศอยู่ จินดาก็เดินกลับมาพอดี สายตาของข้าวสวยมองไปและเป็นจังหวะเดียวกับที่จินดามองมาทั้งสองสบตากัน จินดาเริ่มพะวงแล้วกลัวว่าข้าวสวยจะเอาเรื่องนั้นมาพูดกับนายหัว"แม่ แม่ไปไหนมาหนูนุ้ยหาแม่ไม่เจอ" หนูนุ้ยเห็นแม่มาก็รีบวิ่งเข้าไปกอด"แม่ไปเดินเล่นมา""นายผู้หญิงทานอะไรหรือยัง" เขามองตามหลังเธอที่เดินขึ้นบ้านแล้วหันไปถามจินดาว่าเธอทานข้าวหรือยัง"ทานแล้วค่ะ" จินดาไม่รู้หรอกว่าทานหรือไม่ทาน เพราะตัวเองออกไปก่อนแถมยังกลับเข้ามาทีหลังภูเบศได้ยินว่าเธอทานแล้วเขาเลยบอกให้จินดาเตรียมอาหารมาให้ ทีแรกว่าจะกลับมาทานพร้อมเธอนั่นแหละ แต่ถ้าเธอทานแล้วเขาก็
ดึกๆ คืนนั้น..เธอรู้สึกตัวตื่นเพราะมีคนนอนลงข้างๆ แต่พอนอนลงเขาก็ตะแคงหันหลังให้เขามาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย ..ข้าวสวยเห็นว่าเขาไม่สนใจเธอเลยแกล้งลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ ที่จริงก็ไม่ได้แกล้งหรอกปวดจริงๆ นี่แหละออกมาจากห้องน้ำก็เห็นเขามองมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ข้าวสวยเลยเดินไปนอนที่เดิมของเธอ"คุณยังคิดเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่าคะ""คิดเหมือนเดิมหมายความว่ายังไง""คิดว่าฉันทำลูกสาวคุณหัวโนไง""เราจะไม่พูดเรื่องนั้นอีก""ฉันต้องพูดค่ะเพราะมันไม่ใช่ฝีมือของฉัน""ผมเชื่อก็ได้""เชื่อก็ได้หมายความว่ายังไง""จะมาชวนทะเลาะอะไรอีก คนเพิ่งกลับมามันเหนื่อยนะเว้ย""ไหนๆ ก็ได้ทะเลาะแล้วให้ฉันพูดตามสิ่งที่ฉันคิดเถอะ""คิดอะไรอีกล่ะ""แม่ลูกคู่นั้นไม่ธรรมดาเลยนะ คุณแน่ใจเหรอว่าผู้หญิงคนนั้นถูกขืนใจจนตั้งท้อง""ข้าวสวย!!" ภูเบศตะเบ็งเสียงออกมาดังมากจนเธอสะดุ้ง ข้าวสวยที่เพิ่งขึ้นไปที่นอนต้องรีบลุกขึ้นมา ถ้าเขาต่อยเธอได้คงจะต่อยไปแล้ว"คุณคิดว่าฉันอกุศลใช่ไหมล่ะ ถ้าคุณมีตามองสักนิดคุณจะเห็นว่าฉันไม่ได้ทำเด็กคนนั้นหกล้ม""เรื่องนั้นมันจบไปแล้วจะพูดหาพระแสงทำไมอีก""เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของฉันฉันจำเป็นต้องพูด
วันต่อมาภูเบศต้องให้เธออยู่ที่บ้านกับคนรับใช้ ส่วนเขาก็ออกไปจัดการงานที่เหมือง"สวัสดีจ้ะหนูนุ้ย" ข้าวสวยลงมาก็เห็นเด็กกำลังนั่งเล่นของเล่นอยู่ "ทำอะไรอยู่จ๊ะ""มองไม่เห็นหรือไง""?" ทำไมเด็กถึงได้ก้าวร้าวขนาดนี้ ..ได้ยินที่เด็กตอบเมื่อสักครู่ข้าวสวยก็หันไปมองดูแม่ของเด็กที่ทำงานบ้านอยู่แถวนั้น จะว่าแม่ไม่ได้ยินก็คงไม่ใช่แต่ทำไมถึงไม่สั่งสอนลูกหน่อยว่าไม่ให้พูดกับผู้ใหญ่แบบนี้ "เมื่อกี้ฉันฟังไม่ชัดหนูพูดว่าอะไรนะ" ในเมื่อแม่ไม่สั่งสอนเดี๋ยวฉันจะสั่งสอนเอง"หูหนวกเหรอถึงไม่ได้ยินคนพูด""ฉันเป็นภรรยาของผู้ชายที่หนูเรียกว่าพ่อ ถ้างั้นหนูก็ต้องเรียกฉันว่าแม่อีกคน ไหนลองเรียกแม่ซิ""ฉันมีแม่คนเดียว อย่าคิดว่าจะเข้ามาแทนที่แม่ของฉันได้""แทนที่แม่หนูเข้าใจผิดแล้วมั้ง เพราะแม่หนูไม่ได้เป็นอะไรกับสามีฉันสักหน่อย""แม่" หนูนุ้ยหันไปมองหน้าแม่และมีสีหน้าเหมือนจะร้องไห้"ทำไมคุณต้องว่าให้เด็กแบบนี้ด้วยไม่นึกถึงจิตใจของเด็กบ้างหรือคะ""ฉันแค่พูดให้เด็กเข้าใจ""แกยังเด็กโตขึ้นเดี๋ยวแกก็รู้เองค่ะว่าอะไรคืออะไร""ทำไมต้องรอให้โตด้วยล่ะ เราบอกตอนนี้ให้เด็กเข้าใจก็ได้นี่""แม่คะ ผู้หญิงคนนี้จะมาแย่งพ
แปะ! อุตส่าห์ขี้คุยไว้ว่ายุงคงไม่มากวนแค่กระแทกไปได้ไม่กี่ทีก็ถูกยุงกัดก้นแล้ว"อาาา" แต่ภูเบศก็ไม่ย่อท้อเขายังคงซอยถี่ไปตามความปรารถนาแปะ!"อือ.. พอก่อนดีกว่าค่ะกางมุ้งก่อน""ซี๊ดดด มาถึงขนาดนี้แล้วจะพอได้ยังไง""แต่ยุงกัดน่ะสิคะ" มันไม่ได้กัดแค่เขาหรอกมันกัดเธอด้วยภูเบศเลยต้องถอดสิ่งที่มันเชื่อมกันอยู่เมื่อสักครู่ออกแล้วลุกขึ้นดึงหูมุ้งจะเอามามัด"เบาๆ หน่อยสิคะเดี๋ยวมันก็ขาดหรอก""พรุ่งนี้ผมจะให้คนมาทำห้องนะ" ชักจะอารมณ์เสียแล้ว ไม่ให้ดัดแปลงอย่างอื่นพอทนถ้าไม่ให้ทำห้องพอเลยเห็นว่าเขาดูจะอารมณ์เสียเธอเลยไม่พูดอะไรต่อช่วยเขากางมุ้งจนเสร็จ แล้วก็เอาพัดลมเข้ามาเปิดในมุ้งแต่พอจะเริ่มต่ออารมณ์มันก็หมดไปแล้ว เธอเลยกำลังจะนอน..แต่พอเขามุดเข้ามาในมุ้งก็จับเธอหงายขึ้นไอ้เราก็คิดว่าจะไม่ต่อแล้ว แต่พอเขาจะทำต่อเธอก็ไม่ได้ว่าอะไรภูเบศใช้มือตัวเองชักรูดเพื่อให้มันแข็งอีกที แต่มันก็ขึ้นยากมากเขาเลยเอื้อมไปจับมือของเธอมาช่วยชัก"ซี๊ดดด" ให้เธอช่วยชักไปอีกหน่อยก็นึกอยากลองยัดมันเข้าไปในปากเธอดู เขาเลยเอาช่วงยอดปลายถูกับริมฝีปากของเธอว่าจะยอมให้มันเข้าไปข้างในไหมทีแรกเธอก็เม้มริมฝีปากไว้แต่พ
พันธะ(รัก)เมียบำเรอ บทที่ 55และก็มาถึงวันเผา วันนี้นนท์ออกมาไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือขอให้เจ้าหน้าที่ช่วย Video Call เพื่อให้นนท์ได้ร่วมส่งยายขึ้นสู่สวรรค์เขาขอให้เธออย่าร้องไห้แต่วันนี้เธออดกลั้นไม่ได้จริงๆ ทำไมเธอถึงมีความผูกพันกับคุณยายมากขนาดนี้ เหมือนว่าเธอกำลังเสียญาติผู้ใหญ่ไป ยิ่งตอนเห็นนนท์ร่ำไห้อยู่ในห้องขังมันก็ยิ่งสะเทือนใจเธอหนักมาก"คุณข้าวสวยคะ ยายไปสบายแล้ว" อยู่จังหวัดเดียวกันก็จริง แต่แก้วไม่เคยรู้จักกันกับยายเลย จะมารู้จักก็ตอนที่ยายจากไป และก็รู้จักผ่านข้าวสวยนี่แหละ เด็กคนนี้มีจิตใจโอบอ้อมอารีมาก คิดว่าตัวเองได้มาพบเจอและรู้จักเป็นวาสนาที่ดีมากเลย"ขอบคุณพี่แก้วกับพี่ศักดิ์มากเลยนะคะที่มาช่วยงาน""ไม่ต้องขอบคุณพี่หรอกค่ะ พวกพี่เองต่างหากที่ต้องขอบคุณหนู ที่ช่วยคนในจังหวัดของเรา"งานศพเสร็จทุกคนก็แยกย้ายส่วนเรื่องเก็บงานภูเบศก็มอบหมายให้ลูกน้อง อัฐิของยายเขาเก็บไว้ที่วัดนี้ เผื่อสักวันหลานของยายออกมาจะได้มาไหว้"หลายวันแล้วนะยังจะเศร้าอยู่อีกเหรอ""ไม่ได้เศร้าสักหน่อย" ทำไมจิตใจเธออ่อนไหวแบบนี้เนี่ย หรือเป็นเพราะฮอร์โมนไม่ปกติ เสร็จงานศพยายแล้วเธอยังคงคิดถึง ทั้งๆ ท







