หลังจากเหตุการณ์ในห้องทำงานวันนั้น ไอรีนก็เริ่มกลับมาหลบหน้าคิรันอีกครั้ง เธอเลือกเส้นทางเดินที่หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า หลีกเลี่ยงการสบตา และพยายามรักษาระยะห่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เขากลับไม่ยอมให้เธอหลุดมือ
เช้าวันจันทร์ รถยนต์คันหรูจอดนิ่งอยู่หน้าคอนโดของเธออีกครั้ง คนขับไม่ใช่ใครอื่น—คิรัน เขายืนพิงรถด้วยท่าทีเย็นชาตามแบบฉบับของเขา ใบหน้าสงบนิ่งแต่แววตาทิ่มแทงเหมือนจับจ้องเธออยู่ตลอดเวลา
"คุณมาทำอะไรที่นี่?" ไอรีนถามเสียงแข็งเมื่อเดินออกมาพบเขา
"มารับ" เขาตอบเรียบ ๆ
"ฉันไปเองได้ ไม่จำเป็นต้อง—"
"จำเป็น เพราะฉันสั่ง"
เขาเปิดประตูรถฝั่งผู้โดยสารโดยไม่รอฟังคำเถียง แล้วพูดสั้น ๆ แต่เด็ดขาด
"ขึ้นรถ"
แม้จะขัดใจแค่ไหน แต่ไอรีนก็รู้ว่าเถียงไปไม่มีประโยชน์ เธอยอมขึ้นรถไปกับเขาโดยไม่พูดอะไรอีก
แต่สิ่งที่ทำให้เธอเริ่มตื่นตระหนกจริง ๆ คือพฤติกรรมของเขาหลังจากนั้น
ก่อนที่เธอจะได้เอื้อมไปคาดเข็มขัด คิรันก็โน้มตัวเข้ามา มือข้างหนึ่งเอื้อมจับสายเข็มขัดแล้วดึงมาคาดให้เธออย่างแนบชิด
กลิ่นน้ำหอมราคาแพงจาง ๆ ของเขาทำเอาหัวใจเธอเต้นแรง
“ฉันทำเองได้ค่ะ”
“ช้า” เขาว่า ก่อนจะปล่อยมือแล้วถอยกลับไปยังฝั่งคนขับอย่างใจเย็น
ทุก ๆ วันเขาจะมารับ-ส่งเธออย่างไม่เว้นแม้แต่วันเดียว และเมื่อถึงเวลาเที่ยง เขาจะหาวิธีพาเธอไปกินข้าวด้วยกันให้ได้เสมอ
แรก ๆ เขายังแกล้งใช้ข้ออ้างว่า “มีนัดลูกค้าใกล้ร้านอาหาร” เพื่อบังคับให้เธอไปด้วย แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลอีกต่อไป
วันหนึ่ง ไอรีนพยายามจะหลบเลี่ยงโดยไปทานข้าวกับเพื่อนที่ร้านอาหารใต้ตึก แต่กลับถูกธันวาเรียกตัวกลับขึ้นไปยังห้องทำงานของคิรัน
"คุณไอรีนครับ เจ้านายให้มาตาม บอกให้คุณขึ้นไปทานข้าวด้วย"
"ฉัน...ยังไม่หิว"
"เขาซื้อข้าวมาเผื่อคุณแล้วครับ" ธันวาพูดพลางยกถุงอาหารจากร้านดังในมือขึ้นมาโชว์
ไอรีนเม้มริมฝีปากแน่น ความรู้สึกประหลาดแล่นวาบขึ้นมาในอก ข้าวกล่องจากร้านโปรดของเธอที่เธอไม่เคยเอ่ยชื่อให้เขาฟังแม้แต่ครั้งเดียว...
เธอขึ้นไปถึงห้องทำงานในอีกไม่กี่นาทีต่อมา ประตูเปิดออก เผยให้เห็นคิรันนั่งไขว้ขาอยู่หลังโต๊ะทำงาน ท่าทางผ่อนคลายแต่สายตาจับจ้องเธอราวกับนักล่า
"นั่ง" เขาบอกเรียบ ๆ พลางเลื่อนกล่องข้าวอีกกล่องมาด้านหน้าเธอ
ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำฝั่งเธอแล้วเลื่อนเข้าหา โดยที่ไม่พูดอะไร
นิ้วมือของเขาเฉียดปลายนิ้วเธอเบา ๆ แค่เสี้ยววินาที แต่ทำเอาเธอสะดุ้ง
“ขอบคุณค่ะ...”
“ไม่ได้ขอให้ขอบคุณ” เขาตอบเรียบ ริมฝีปากกระตุกเล็กน้อยเหมือนกำลังพอใจที่เธอยอมพูดกับเขาดี ๆ สักครั้ง
"คุณจะทำแบบนี้ทุกวันเลยเหรอคะ?"
"ถ้ามันทำให้เธอไม่หายไปไหน ฉันก็จะทำ"
เธอมองหน้าเขา พยายามสื่อสารความไม่พอใจผ่านแววตา แต่เขากลับยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะพูดอย่างเด็ดขาด
"ถ้าเธอปฏิเสธอีก ฉันจะถือว่าผิดสัญญา และเธอจะต้องชดใช้"
คำพูดนั้นทำให้เธอหยุดนิ่ง… เธอจำได้ดีว่า ‘ชดใช้’ ของเขาหมายถึงอะไร
หลังมือตัวเองวางทาบกับหน้าอกที่เต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ไอรีนจำใจนั่งลงตรงข้ามกับเขา ดวงตาสั่นไหวแต่พยายามเก็บความรู้สึก
ในร้านอาหารค่ำวันถัดมา เขานัดเธอออกไปอีกครั้งโดยไม่ถามความสมัครใจ
"วันนี้ฉันไม่ว่างค่ะ"
"งั้นก็เลื่อนนัดอื่นซะ เพราะฉันว่าง"
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ แต่ไอรีนรู้ดีว่าไม่มีใครปฏิเสธเขาได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะเธอ ที่ตกเป็นเป้าความเอาแต่ใจของเขาอย่างชัดเจน
“คุณไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ ฉันไม่ใช่คนสำคัญขนาดนั้น...” ไอรีนพูดเบา ๆ แต่อารมณ์หนักอึ้ง
คิรันหยุดชะงักไปชั่วครู่ ก่อนตอบเสียงเรียบ
“ฉันเป็นคนตัดสินว่าใครสำคัญ หรือไม่สำคัญ”
แววตาเขาแน่วแน่จนเธอต้องเบือนหน้าหนี กลัวว่าตัวเองจะเผลอเชื่อ...
เธอกำลังถูกไล่ต้อน...ทีละนิด โดยผู้ชายที่เหมือนน้ำแข็ง แต่ไฟในตัวกลับร้อนแรงพอจะหลอมละลายเกราะป้องกันของเธอทุกชั้น
และเธอก็เริ่มกลัว...ว่าตัวเองจะใจอ่อนมากกว่าที่เคย
ของขวัญกล่องเล็ก ๆ วางอยู่บนโต๊ะทำงานของไอรีนเมื่อเธอมาถึงออฟฟิศในเช้าวันหนึ่ง กล่องกำมะหยี่สีดำเปิดออกเผยให้เห็นสร้อยข้อมือเส้นบางประดับจี้เล็ก ๆ รูปดวงจันทร์สีเงิน
เธอขมวดคิ้ว หันไปถามธันวาทันที
"ใครเป็นคนเอามาวางไว้ค่ะ?"
"คุณคิรันครับ" ธันวาตอบอย่างสุภาพตามหน้าที่ “ท่านสั่งให้วางไว้ตอนเช้า”
"ทำไมต้องให้ค่ะ?"
ธันวายิ้มเจื่อน ๆ ไม่ตอบอะไรต่อ และถอยกลับไปตามทาง ทิ้งไว้เพียงกล่องของขวัญที่ทำให้หัวใจเธอเต้นแรงผิดจังหวะ
ทันใดนั้นคิรันก็เดินเข้ามาในห้อง ไอรีนเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย
“ทำไมต้องให้ฉันด้วยคะ?”
เธอถามอีกครั้ง ขณะนิ้วมือยังแตะสร้อยในกล่อง
คิรันไม่ตอบทันที เขาเพียงเดินเข้ามาใกล้
“เพราะฉันอยากให้” เสียงของเขานุ่มแต่หนักแน่น
“แล้ว...พอคุณได้สิ่งที่ต้องการแล้วล่ะ?”
“ยังไม่ได้เลยสักอย่าง” เขาโน้มตัวลงกระซิบชิดใบหู
“แต่จะเอาให้ได้...ทีละอย่าง รวมถึงหัวใจของเธอด้วย”
ไอรีนสะดุ้ง หัวใจเต้นระส่ำจนต้องก้าวถอยหนี แต่เขากลับแค่ยืนนิ่ง มองเธอด้วยสายตาที่แน่วแน่และร้อนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
ไม่ใช่แค่วันนี้
ก่อนหน้านี้ เขาเพิ่งสั่งชุดเดรสเรียบหรูส่งมาที่คอนโดของเธอ ไม่มีการ์ด ไม่มีคำอธิบาย มีแค่ข้อความจากเบอร์ผู้ช่วยว่า "เจ้านายอยากให้คุณใส่ไปงานเลี้ยงคืนนี้"
เขาเริ่มดูแลเธอในทุกอย่าง ทั้งอาหาร เสื้อผ้า เครื่องประดับ แม้แต่คำพูดคำสั่งที่เคยฟังแล้วเจ็บ ก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงที่นุ่มนวลขึ้น... แม้จะไม่หวาน แต่ก็น่าประหลาดใจจนไอรีนเริ่มไม่แน่ใจว่าเขาเป็นคนเดิมหรือไม่
แม้ยังเป็นคิรันคนเดิม — ดุดัน เจ้าระเบียบ เย็นชา แต่วันนี้เขาดูเหมือนมีอีกด้าน... ด้านที่แปลกใหม่และน่ากลัวสำหรับเธอ
เพราะมันทำให้หัวใจเธออ่อนลง
‘ทำไมเขาต้องดีกับฉันขนาดนี้?’
เสียงในหัวเธอถามซ้ำไปซ้ำมา ขณะที่สายตายังจับจ้องสร้อยข้อมือในมือตัวเอง
เขาไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ ว่ารู้สึกอะไร แต่การกระทำของเขาชัดเจนเกินกว่าจะปฏิเสธได้
และนั่นแหละ...ที่ทำให้เธอกลัว
เพราะเธอไม่ใช่คนแรกของเขา
คิรัน — ผู้ชายที่ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ไม่เคยเปิดใจให้ใคร ไม่เคยคบใครเกินสามเดือน และที่น่ากลัวที่สุด...คือเขาทำเหมือนทุกอย่างเป็นแค่เกม
เขาเคยเป็นพวกนักล่า และเธอไม่ใช่คนที่อยากจะกลายเป็นแค่เหยื่อคนต่อไป
ไอรีนพยายามเตือนตัวเองทุกวันว่าต้องเข้มแข็ง ต้องไม่เผลอใจ ต้องไม่หลงกล
แต่ทุกครั้งที่เขาเข้ามาใกล้... ทุกคำพูดที่ดูแลใส่ใจ ทุกสายตาที่จ้องมองเหมือนเธอเป็นของล้ำค่า มันกำลังทำลายกำแพงที่เธอสร้างมาทีละนิด
"อย่าใจอ่อนนะ ไอรีน..."
เธอกระซิบกับตัวเองเบา ๆ ขณะหันหน้าออกไปทางหน้าต่าง แต่ในอกกลับแน่นและร้อนวูบ
เธอไม่รู้เลยว่า...ระหว่างหัวใจกับเหตุผล อะไรจะชนะ
และเธอก็กลัวเหลือเกินว่า...สุดท้ายเธอจะแพ้
ยิ่งเธอพยายามผลัก เขายิ่งดึงกลับแรงขึ้น
ของขวัญกองรวมกันบนโต๊ะในห้องนอนเธอ
สายตาของเขาที่จ้องมองเธอเหมือนสมบัติ
คำพูดที่ไม่หวาน… แต่ลึกซึ้งจนเธอไม่กล้าลืม
และความใส่ใจที่เริ่มโอบรัดเธอไว้ช้า ๆ — ร้อนแรงแต่เงียบงัน
เธอสับสน กลัว หัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่เขาเข้าใกล้
“เขาแค่เล่นเกมหรือเปล่า?”
“เขาอยากได้ฉันเพราะยังไม่ได้...หรือเพราะเขาเริ่มรู้สึกจริง ๆ?”
เธอไม่รู้ และไม่อยากรู้
เพราะถ้ารู้แล้วเจ็บ เธออาจไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก
แต่สิ่งที่เธอรู้แน่… คือผู้ชายคนนั้น
รุกเธอเข้ามาเต็มหัวใจ โดยไม่มีทีท่าจะหยุดเลยแม้แต่น้อย
อ้อมแขนแกร่งโอบรัดร่างบอบบางของไอรีนไว้แน่นใต้ผ้าขนหนูที่ชื้นแนบผิว เขาอุ้มเธอกลับมาที่เตียงช้า ๆแผ่นหลังเปลือยเปียกชื้นแนบกับแผ่นอกของเขา ไม่มีคำพูดใด—มีเพียงลมหายใจร้อนระอุแนบซอกคอที่ยังมีรอยแดงจากจูบก่อนหน้าเตียงนุ่มดูดร่างเธอลงทันทีที่เขาวางเธอลงบนผืนผ้าใหม่ ผ้าขนหนูหลุดล่นอย่างง่ายดายราวกับไม่เคยมีอยู่คิรันโน้มตัวลงคร่อม พร้อมทั้งไล้ปลายนิ้วจากปลายคางลงมาถึงกระดูกเชิงกรานเขาไม่เร่งรีบ ไม่มีการเร่งจังหวะแต่ทุกสัมผัสกลับเจตนาชัดเจนเกินกว่าที่เธอจะรับไหวเขาโน้มลงจูบที่แอ่งท้องต่ำ ก่อนจะเลื่อนปลายนิ้วสัมผัสที่กลางเรียวขาไอรีนสะดุ้งวาบ ริมฝีปากเผยอโดยไร้เสียง"อย่าหลบ"เขากระซิบเสียงต่ำตรงหน้าอกแล้วดูดปลายยอดอกแรง ๆ ราวกับลงโทษที่เธอพยายามเบี่ยงตัวหนีมือเธอจิกบ่าเขาแน่นก่อนที่เขาจะตวัดลิ้นลงไปต่ำกว่าเดิม…เสียงหอบถี่ดังขึ้นสลับกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อ หัวใจเธอเต้นแรงราวจะระเบิด มือข้างหนึ่งของเธอเลื่อนไปโอบท้ายทอยเขาไว้แน่นเหมือนกลัวว่าเขาจะหายไปลิ้นร้อนแตะช้า ๆ
แสงแดดยามสายสาดกระทบผิวน้ำทะเลจนระยิบระยับ สายลมอุ่นหอบกลิ่นเกลือจาง ๆ พัดผ่านปลายเส้นผมนุ่มของเธอที่ปลิวไสวตามแรงลม ไอรีนก้าวเท้าเปล่าไปตามแนวหาดทรายละเอียดสีขาวสะอาด รอยยิ้มเล็ก ๆ ประดับอยู่บนใบหน้าเมื่อเธอหันกลับไปมองคนที่นั่งนิ่งอยู่ใต้ร่มเงาของต้นมะพร้าว"พี่คิรัน! รีบตามมาสิ!"เสียงใสเรียกพร้อมกับโบกมือให้เขาอย่างตื่นเต้น ก่อนจะวิ่งเหยาะ ๆ ลงไปในน้ำตื้นที่ใสจนมองเห็นพื้นทรายเบื้องล่าง ฝูงปลาตัวเล็ก ๆ ว่ายอยู่รอบข้อเท้าของเธอ เธอหัวเราะออกมาอย่างร่าเริงเหมือนเด็กน้อยได้ของเล่นใหม่คิรันยืนขึ้นช้า ๆ สะพายกล้องไว้บนคอ ปรายตามองคนตัวเล็กที่เล่นน้ำอย่างไร้พิษภัยด้วยสายตาที่ซ่อนรอยยิ้มไม่มิด…เขาไม่เคยคิดเลยว่าแค่ผู้หญิงคนเดียวจะทำให้โลกของเขาเงียบสงบได้ถึงเพียงนี้แม้ภายนอกจะยังเป็นชายหนุ่มที่สุขุม เย็นชา พูดน้อยอย่างเคยแต่ตั้งแต่วันนั้น…วันที่ไอรีนกลายเป็น ‘เมีย’ อย่างถูกต้องตามกฎหมายและหัวใจความเย็นชากลายเป็นความอ่อนโยนที่มีให้เธอเพียงคนเดียว“ขอบคุณที่เธอเข้ามาเปลี่ยนชีวิตฉันไปตลอดกาล…&rdquo
เสียงคลื่นซัดกระทบหาดทรายเบา ๆ พร้อมกับลมทะเลอ่อน ๆ พัดโชยผ่านใบหน้า ไอรีนหลับตารับแสงแดดอุ่นยามเช้า ปล่อยให้ตัวเองซึมซับบรรยากาศของมัลดีฟส์ในยามเช้าอย่างเต็มที่ รอยยิ้มบางผุดขึ้นบนริมฝีปากเมื่อหันไปมองคนข้างตัว—สามีหมาด ๆ ที่นั่งอ่านเอกสารอยู่ริมระเบียงเมื่อคืน...คือคืนเข้าหอที่เธอไม่มีวันลืมเขาทำให้เธอแทบขาดใจ แต่หัวใจก็พองโตด้วยความสุข"เหนื่อยไหม?" เสียงทุ้มต่ำถามขึ้นโดยไม่ละสายตาจากเอกสาร"เหนื่อยจะตาย..." ไอรีนตอบตามตรงก่อนจะหันมายิ้มหวาน ยกมือขึ้นลูบท้องเบา ๆ"แต่ก็ยังไม่ตาย ยังเดินไหวค่ะพี่คิรัน"เขาเหลือบตามองเธอ ริมฝีปากกระตุกขึ้นนิด ๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร กลับไปสนใจเอกสารตรงหน้าเหมือนเดิม ไอรีนแอบเบะปาก ก่อนจะเดินไปซุกแขนเขาอย่างออดอ้อน"พี่ขา...เรามาฮันนีมูนนะ ไม่ใช่มาประชุม""สามีคุณมีงานที่ยังต้องเคลียร์""งั้นขอแค่ชั่วโมงเดียว ให้ฉันไปเล่นน้ำทะเลหน่อยนะคะ..."เธอเขย่าแขนเขาเบา ๆ ทำเสียงออดอ้อนจนคนที่พยายามไม่สบตาต้องถอนหายใจแล้วหันมาเผชิญหน้า"ใส่เสื้อผ้าดี ๆ""รับทราบค่ะ!" ไอรีน
เสียงคลาสสิกจากเปียโนไหลลื่นไปทั่วห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ แชนเดอเลียร์ระยิบระยับเหนือศีรษะ แสงไฟนวลอบอุ่นตัดกับผ้าคลุมสีขาวนวลของเจ้าสาวที่ยืนเด่นอยู่กลางเวที ราวกับเทพธิดาเดินทางลงมาจากสวรรค์เพื่อเขาเพียงคนเดียวคิรันยืนแน่วแน่อยู่ตรงหน้าเธอในชุดทักซิโด้สีดำเข้ม ทรงผมถูกจัดเรียบไร้ที่ติ ท่าทางสุขุม เย็นชา... แต่แววตา—กลับร้อนแรงจนน่าหวาดหวั่น"พี่คิรัน…" ไอรีนกระซิบเสียงเบา คำเรียกถูกเปลี่ยนไปจากเจ้านายกลายเป็นสามี เมื่อเห็นดวงตาคมดุดันของเขาไม่ละไปจากเธอแม้แต่วินาทีเดียวไม่มีคำตอบใดจากเขา มีเพียงมุมปากที่ยกขึ้นน้อย ๆ ขณะเจ้าหน้าที่ประจำพิธียื่นกล่องแหวนมาให้ทันทีที่เขาหยิบแหวนวงนั้นขึ้นมา...เขาก็โน้มตัวลงกระซิบข้างหูเจ้าสาวคนสวย“คืนนี้เธอไม่รอดแน่… เจอศึกหนักชัวร์” น้ำเสียงของเขาแหบต่ำ แฝงแววข่มขู่แสนเจ้าเล่ห์“คนบ้า…” ไอรีนหน้าแดงแปร๊ด สะบัดเสียงดุเบา ๆ แต่มือกลับสั่นน้อย ๆ ตอนที่คิรันสวมแหวนให้เธอท่ามกลางเสียงปรบมือจากแขกนับร้อย รอยยิ้มของผู้เป็นแม่และน้องชายของไอรีนที่น
เสียงดนตรีหวานคลอเบา ๆ ประกอบกับแสงแฟลชที่สาดส่องเข้ามาทั่วทั้งงาน…งานหมั้นของ ‘คิรัน’ และ ‘ไอรีน’ กลายเป็นข่าวใหญ่ในวงสังคมและโลกออนไลน์ทันทีหลังภาพแรกหลุดออกไปชายหนุ่มในชุดสูทตัดเข้ารูปสีดำสนิท ที่แม้ใบหน้านิ่งเรียบแต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความหวงแหนยืนเคียงข้างหญิงสาวในชุดหมั้นลูกไม้สีขาวสะอาดที่งดงามราวนางฟ้ามือของเขากระชับมือเธอไว้แน่น เหมือนจะประกาศให้โลกรู้ว่า—เธอเป็นของเขา และจะไม่มีใครแย่งไปได้อีก“คุณคิรันวางแผนไว้หมดแล้วสินะคะ...” ไอรีนกระซิบขณะยิ้มรับกล้องจากนักข่าวชายหนุ่มเหลือบมองต่ำ ไม่ตอบคำ แต่กระชับมือเธอแน่นขึ้นอีกนิด ราวกับไม่ต้องการให้ใครได้ยินเสียงหัวใจของเขา—ที่เต้นแรงเพราะผู้หญิงคนนี้คนเดียว—ในขณะที่ความรักเบ่งบานสำหรับใครบางคน โลกของใครอีกคนก็กำลังพังทลายลงอย่างไม่มีชิ้นดีเสียงโทรทัศน์ดังสนั่นอยู่กลางห้องคอนโดฯ หรูมายด์เหวี่ยงรีโมตออกไปสุดแรงเมื่อเห็นภาพคู่หมั้นในจอเธอกรีดร้องลั่น กัดฟันกรอดจนกรามสั่น&l
กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในห้องพักผู้ป่วยยังคงอบอวลในอากาศ ทว่าไม่ได้กลบกลิ่นหอมอ่อนๆ จากปลายผมนุ่มของหญิงสาวที่นั่งก้มหน้าอยู่ข้างเตียงชายหนุ่มได้เลย"คุณยังไม่กินข้าว"เสียงใสเอ่ยเตือนเบาๆ ขณะยื่นกล่องอาหารที่เพิ่งซื้อมาให้ชายหนุ่มบนเตียงคิรันหรี่ตาลงนิด มองใบหน้าที่เริ่มซูบลงของหญิงสาวที่เฝ้าไข้เขามาเกือบอาทิตย์ "แล้วเธอล่ะ?""ฉันกินแล้วค่ะ" ไอรีนตอบเรียบๆ แต่คนฟังก็ไม่ได้เชื่อเสียทีเดียวเขาไม่พูดอะไรต่อ ยื่นมือไปหยิบเอกสารที่ธันวาเพิ่งเอามาให้เซ็น พอไอรีนจะช่วย เขากลับส่ายหน้า"แค่นี้ฉันทำเองได้ เธอไปพักเถอะ"“แต่คุณยังมีไข้ต่ำอยู่เลยนะ”“ฉันไม่ใช่คนป่วยกระจอก จะให้ใครมาตามดูแลตลอดเวลาแบบนี้” เขาว่าด้วยน้ำเสียงเรียบแต่แฝงแววดุ หากสายตากลับทอดมองเธออย่างลึกซึ้ง“แต่ก็ขอบใจที่อยู่ตรงนี้”แค่ประโยคสั้นๆ นั้น ทำเอาหัวใจไอรีนเต้นถี่ เธอไม่ได้ตอบอะไร แค่ส่งยิ้มบางให้ แล้วเดินไปเทน้ำใส่แก้วให้เขาแทนคิรันออกจากโรงพยาบาลในอีกสองวันถัดมา และในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่มีแค่