หลังจากเหตุการณ์ในห้องทำงานวันนั้น ไอรีนก็เริ่มกลับมาหลบหน้าคิรันอีกครั้ง เธอเลือกเส้นทางเดินที่หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า หลีกเลี่ยงการสบตา และพยายามรักษาระยะห่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เขากลับไม่ยอมให้เธอหลุดมือ
เช้าวันจันทร์ รถยนต์คันหรูจอดนิ่งอยู่หน้าคอนโดของเธออีกครั้ง คนขับไม่ใช่ใครอื่น—คิรัน เขายืนพิงรถด้วยท่าทีเย็นชาตามแบบฉบับของเขา ใบหน้าสงบนิ่งแต่แววตาทิ่มแทงเหมือนจับจ้องเธออยู่ตลอดเวลา
"คุณมาทำอะไรที่นี่?" ไอรีนถามเสียงแข็งเมื่อเดินออกมาพบเขา
"มารับ" เขาตอบเรียบ ๆ
"ฉันไปเองได้ ไม่จำเป็นต้อง—"
"จำเป็น เพราะฉันสั่ง"
เขาเปิดประตูรถฝั่งผู้โดยสารโดยไม่รอฟังคำเถียง แล้วพูดสั้น ๆ แต่เด็ดขาด
"ขึ้นรถ"
แม้จะขัดใจแค่ไหน แต่ไอรีนก็รู้ว่าเถียงไปไม่มีประโยชน์ เธอยอมขึ้นรถไปกับเขาโดยไม่พูดอะไรอีก
แต่สิ่งที่ทำให้เธอเริ่มตื่นตระหนกจริง ๆ คือพฤติกรรมของเขาหลังจากนั้น
ก่อนที่เธอจะได้เอื้อมไปคาดเข็มขัด คิรันก็โน้มตัวเข้ามา มือข้างหนึ่งเอื้อมจับสายเข็มขัดแล้วดึงมาคาดให้เธออย่างแนบชิด
กลิ่นน้ำหอมราคาแพงจาง ๆ ของเขาทำเอาหัวใจเธอเต้นแรง
“ฉันทำเองได้ค่ะ”
“ช้า” เขาว่า ก่อนจะปล่อยมือแล้วถอยกลับไปยังฝั่งคนขับอย่างใจเย็น
ทุก ๆ วันเขาจะมารับ-ส่งเธออย่างไม่เว้นแม้แต่วันเดียว และเมื่อถึงเวลาเที่ยง เขาจะหาวิธีพาเธอไปกินข้าวด้วยกันให้ได้เสมอ
แรก ๆ เขายังแกล้งใช้ข้ออ้างว่า “มีนัดลูกค้าใกล้ร้านอาหาร” เพื่อบังคับให้เธอไปด้วย แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลอีกต่อไป
วันหนึ่ง ไอรีนพยายามจะหลบเลี่ยงโดยไปทานข้าวกับเพื่อนที่ร้านอาหารใต้ตึก แต่กลับถูกธันวาเรียกตัวกลับขึ้นไปยังห้องทำงานของคิรัน
"คุณไอรีนครับ เจ้านายให้มาตาม บอกให้คุณขึ้นไปทานข้าวด้วย"
"ฉัน...ยังไม่หิว"
"เขาซื้อข้าวมาเผื่อคุณแล้วครับ" ธันวาพูดพลางยกถุงอาหารจากร้านดังในมือขึ้นมาโชว์
ไอรีนเม้มริมฝีปากแน่น ความรู้สึกประหลาดแล่นวาบขึ้นมาในอก ข้าวกล่องจากร้านโปรดของเธอที่เธอไม่เคยเอ่ยชื่อให้เขาฟังแม้แต่ครั้งเดียว...
เธอขึ้นไปถึงห้องทำงานในอีกไม่กี่นาทีต่อมา ประตูเปิดออก เผยให้เห็นคิรันนั่งไขว้ขาอยู่หลังโต๊ะทำงาน ท่าทางผ่อนคลายแต่สายตาจับจ้องเธอราวกับนักล่า
"นั่ง" เขาบอกเรียบ ๆ พลางเลื่อนกล่องข้าวอีกกล่องมาด้านหน้าเธอ
ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำฝั่งเธอแล้วเลื่อนเข้าหา โดยที่ไม่พูดอะไร
นิ้วมือของเขาเฉียดปลายนิ้วเธอเบา ๆ แค่เสี้ยววินาที แต่ทำเอาเธอสะดุ้ง
“ขอบคุณค่ะ...”
“ไม่ได้ขอให้ขอบคุณ” เขาตอบเรียบ ริมฝีปากกระตุกเล็กน้อยเหมือนกำลังพอใจที่เธอยอมพูดกับเขาดี ๆ สักครั้ง
"คุณจะทำแบบนี้ทุกวันเลยเหรอคะ?"
"ถ้ามันทำให้เธอไม่หายไปไหน ฉันก็จะทำ"
เธอมองหน้าเขา พยายามสื่อสารความไม่พอใจผ่านแววตา แต่เขากลับยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะพูดอย่างเด็ดขาด
"ถ้าเธอปฏิเสธอีก ฉันจะถือว่าผิดสัญญา และเธอจะต้องชดใช้"
คำพูดนั้นทำให้เธอหยุดนิ่ง… เธอจำได้ดีว่า ‘ชดใช้’ ของเขาหมายถึงอะไร
หลังมือตัวเองวางทาบกับหน้าอกที่เต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ไอรีนจำใจนั่งลงตรงข้ามกับเขา ดวงตาสั่นไหวแต่พยายามเก็บความรู้สึก
ในร้านอาหารค่ำวันถัดมา เขานัดเธอออกไปอีกครั้งโดยไม่ถามความสมัครใจ
"วันนี้ฉันไม่ว่างค่ะ"
"งั้นก็เลื่อนนัดอื่นซะ เพราะฉันว่าง"
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ แต่ไอรีนรู้ดีว่าไม่มีใครปฏิเสธเขาได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะเธอ ที่ตกเป็นเป้าความเอาแต่ใจของเขาอย่างชัดเจน
“คุณไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ ฉันไม่ใช่คนสำคัญขนาดนั้น...” ไอรีนพูดเบา ๆ แต่อารมณ์หนักอึ้ง
คิรันหยุดชะงักไปชั่วครู่ ก่อนตอบเสียงเรียบ
“ฉันเป็นคนตัดสินว่าใครสำคัญ หรือไม่สำคัญ”
แววตาเขาแน่วแน่จนเธอต้องเบือนหน้าหนี กลัวว่าตัวเองจะเผลอเชื่อ...
เธอกำลังถูกไล่ต้อน...ทีละนิด โดยผู้ชายที่เหมือนน้ำแข็ง แต่ไฟในตัวกลับร้อนแรงพอจะหลอมละลายเกราะป้องกันของเธอทุกชั้น
และเธอก็เริ่มกลัว...ว่าตัวเองจะใจอ่อนมากกว่าที่เคย
ของขวัญกล่องเล็ก ๆ วางอยู่บนโต๊ะทำงานของไอรีนเมื่อเธอมาถึงออฟฟิศในเช้าวันหนึ่ง กล่องกำมะหยี่สีดำเปิดออกเผยให้เห็นสร้อยข้อมือเส้นบางประดับจี้เล็ก ๆ รูปดวงจันทร์สีเงิน
เธอขมวดคิ้ว หันไปถามธันวาทันที
"ใครเป็นคนเอามาวางไว้ค่ะ?"
"คุณคิรันครับ" ธันวาตอบอย่างสุภาพตามหน้าที่ “ท่านสั่งให้วางไว้ตอนเช้า”
"ทำไมต้องให้ค่ะ?"
ธันวายิ้มเจื่อน ๆ ไม่ตอบอะไรต่อ และถอยกลับไปตามทาง ทิ้งไว้เพียงกล่องของขวัญที่ทำให้หัวใจเธอเต้นแรงผิดจังหวะ
ทันใดนั้นคิรันก็เดินเข้ามาในห้อง ไอรีนเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย
“ทำไมต้องให้ฉันด้วยคะ?”
เธอถามอีกครั้ง ขณะนิ้วมือยังแตะสร้อยในกล่อง
คิรันไม่ตอบทันที เขาเพียงเดินเข้ามาใกล้
“เพราะฉันอยากให้” เสียงของเขานุ่มแต่หนักแน่น
“แล้ว...พอคุณได้สิ่งที่ต้องการแล้วล่ะ?”
“ยังไม่ได้เลยสักอย่าง” เขาโน้มตัวลงกระซิบชิดใบหู
“แต่จะเอาให้ได้...ทีละอย่าง รวมถึงหัวใจของเธอด้วย”
ไอรีนสะดุ้ง หัวใจเต้นระส่ำจนต้องก้าวถอยหนี แต่เขากลับแค่ยืนนิ่ง มองเธอด้วยสายตาที่แน่วแน่และร้อนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
ไม่ใช่แค่วันนี้
ก่อนหน้านี้ เขาเพิ่งสั่งชุดเดรสเรียบหรูส่งมาที่คอนโดของเธอ ไม่มีการ์ด ไม่มีคำอธิบาย มีแค่ข้อความจากเบอร์ผู้ช่วยว่า "เจ้านายอยากให้คุณใส่ไปงานเลี้ยงคืนนี้"
เขาเริ่มดูแลเธอในทุกอย่าง ทั้งอาหาร เสื้อผ้า เครื่องประดับ แม้แต่คำพูดคำสั่งที่เคยฟังแล้วเจ็บ ก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงที่นุ่มนวลขึ้น... แม้จะไม่หวาน แต่ก็น่าประหลาดใจจนไอรีนเริ่มไม่แน่ใจว่าเขาเป็นคนเดิมหรือไม่
แม้ยังเป็นคิรันคนเดิม — ดุดัน เจ้าระเบียบ เย็นชา แต่วันนี้เขาดูเหมือนมีอีกด้าน... ด้านที่แปลกใหม่และน่ากลัวสำหรับเธอ
เพราะมันทำให้หัวใจเธออ่อนลง
‘ทำไมเขาต้องดีกับฉันขนาดนี้?’
เสียงในหัวเธอถามซ้ำไปซ้ำมา ขณะที่สายตายังจับจ้องสร้อยข้อมือในมือตัวเอง
เขาไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ ว่ารู้สึกอะไร แต่การกระทำของเขาชัดเจนเกินกว่าจะปฏิเสธได้
และนั่นแหละ...ที่ทำให้เธอกลัว
เพราะเธอไม่ใช่คนแรกของเขา
คิรัน — ผู้ชายที่ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ไม่เคยเปิดใจให้ใคร ไม่เคยคบใครเกินสามเดือน และที่น่ากลัวที่สุด...คือเขาทำเหมือนทุกอย่างเป็นแค่เกม
เขาเคยเป็นพวกนักล่า และเธอไม่ใช่คนที่อยากจะกลายเป็นแค่เหยื่อคนต่อไป
ไอรีนพยายามเตือนตัวเองทุกวันว่าต้องเข้มแข็ง ต้องไม่เผลอใจ ต้องไม่หลงกล
แต่ทุกครั้งที่เขาเข้ามาใกล้... ทุกคำพูดที่ดูแลใส่ใจ ทุกสายตาที่จ้องมองเหมือนเธอเป็นของล้ำค่า มันกำลังทำลายกำแพงที่เธอสร้างมาทีละนิด
"อย่าใจอ่อนนะ ไอรีน..."
เธอกระซิบกับตัวเองเบา ๆ ขณะหันหน้าออกไปทางหน้าต่าง แต่ในอกกลับแน่นและร้อนวูบ
เธอไม่รู้เลยว่า...ระหว่างหัวใจกับเหตุผล อะไรจะชนะ
และเธอก็กลัวเหลือเกินว่า...สุดท้ายเธอจะแพ้
ยิ่งเธอพยายามผลัก เขายิ่งดึงกลับแรงขึ้น
ของขวัญกองรวมกันบนโต๊ะในห้องนอนเธอ
สายตาของเขาที่จ้องมองเธอเหมือนสมบัติ
คำพูดที่ไม่หวาน… แต่ลึกซึ้งจนเธอไม่กล้าลืม
และความใส่ใจที่เริ่มโอบรัดเธอไว้ช้า ๆ — ร้อนแรงแต่เงียบงัน
เธอสับสน กลัว หัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่เขาเข้าใกล้
“เขาแค่เล่นเกมหรือเปล่า?”
“เขาอยากได้ฉันเพราะยังไม่ได้...หรือเพราะเขาเริ่มรู้สึกจริง ๆ?”
เธอไม่รู้ และไม่อยากรู้
เพราะถ้ารู้แล้วเจ็บ เธออาจไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก
แต่สิ่งที่เธอรู้แน่… คือผู้ชายคนนั้น
รุกเธอเข้ามาเต็มหัวใจ โดยไม่มีทีท่าจะหยุดเลยแม้แต่น้อย
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในเวลาใกล้เที่ยงคืน ไอรีนสะดุ้งตื่นจากการเคลิ้มหลับไปทั้งที่ยังสวมเสื้อเชิ้ตทำงานไม่ถอด โทรศัพท์หน้าจอสว่างขึ้นพร้อมชื่อที่ทำให้หัวใจเธอหล่นวูบ—“แม่”“ฮัลโหล แม่ เป็นอะไรหรือเปล่า?”เสียงแม่ที่ปลายสายสั่นเครือ ไม่เหมือนปกติ“ไอรีน...พ่อเขา...เขาไปกู้เงินมาอีกแล้วลูก คราวนี้มันไม่ใช่แค่ห้าหกพัน แต่เกือบแสน เจ้าหนี้มาขู่จะให้เอาบ้านไปจำนอง ถ้าไม่หาเงินคืนให้มันภายในอาทิตย์นี้…”เลือดในกายไอรีนเย็นเฉียบลงทันที เธอกัดริมฝีปากแน่น พยายามควบคุมเสียง“แม่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวไอรีนจะหาทางเอง”เธอกดวางสาย ก่อนจะเอนตัวพิงหัวเตียง หัวใจหนักอึ้งจนเหมือนแบกร่างตัวเองไว้ไม่ไหว...วันถัดมาหลังจากทำงานในบริษัทจนถึงช่วงเย็น ไอรีนก็แอบไปหานัท รุ่นพี่จากสถาบันเดียวกัน ที่เธอเคยเจอในงานเลี้ยงลูกค้าเมื่อเดือนก่อน“พี่นัท...คือ...หนูมีเรื่องอยากรบกวนค่ะ พอจะมีงานพิเศษให้ทำบ้างไหม งานออกแบบก็ได้...อะไรก็ได้เลยค่ะ”รุ่นพี่หนุ่มมองหน้าเธอครู่หนึ่ง ก
เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้นไม่กี่ครั้ง ก่อนจะมีเสียงเหนื่อยหอบของแม่ตอบรับสายมา“ไอรีน... โทรมาทำไมตอนนี้ลูก? แม่กำลังจะออกไปคุยกับเจ้าหนี้เขาอีกแล้ว” น้ำเสียงของแม่เต็มไปด้วยความกังวลและเหนื่อยล้า“ไม่ต้องไปแล้วค่ะแม่... หนูโอนเงินให้แล้ว” ไอรีนพูดนิ่งๆ แต่ชัดเจน เธอนั่งอยู่ในห้องพักของตัวเอง มือยังคงถือโทรศัพท์แนบหู ในใจยังเต้นแรงจากสิ่งที่เธอเพิ่งตัดสินใจทำ“ฮะ... อะไรนะ? โอนอะไรลูก?” น้ำเสียงแม่สั่น“เงินหนี้ของพ่อเลี้ยง... หนูจัดการให้แล้วค่ะ” เธอเน้นย้ำคำว่า ‘พ่อเลี้ยง’ อย่างฝืนใจมีเพียงความเงียบที่ตามมาอีกเกือบสิบนาที ก่อนเสียงแม่จะดังแผ่วเหมือนคนกำลังกลั้นน้ำตา“ไอรีน... หนูไปเอาเงินมาจากไหนลูก? อย่าบอกแม่นะว่าไปกู้หนี้นอกระบบมาอีกคนน่ะ แม่ไม่อยากให้หนูลำบากเพราะเรื่องของแม่กับเขาเลยจริงๆ”“หนูไม่ได้กู้ค่ะแม่ หนูแค่... ทำงานพิเศษ” ไอรีนโกหกเสียงเรียบ“แม่ไม่ต้องห่วง หนูดูแลตัวเองได้ แล้วก็... ยินดีที่ได้ดูแลแม่กับน้อง หนูเต็มใจทำ เ
เสียงฝนกระทบหลังคาดังไม่หยุดตั้งแต่ช่วงบ่าย ไอรีนอยู่ในชุดสบาย ๆ ของวันหยุด นั่งอยู่หน้าต่างห้องพักที่เช่า ใจยังเต็มไปด้วยความรู้สึกดีจากคืนก่อนที่เธอกับคิรันได้เต้นรำกันท่ามกลางเสียงเพลง… ความรู้สึกที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อนแต่แล้ว... เสียงเคาะประตูก็ทำลายความเงียบทั้งหมดประตูเปิดออกเผยให้เห็นแม่ของเธอ ยืนอยู่ในสภาพเปียกปอนจากฝน ริมฝีปากซีด และสายตาที่เต็มไปด้วยความกดดัน“แม่...” ไอรีนพูดขึ้นอย่างประหลาดใจ“แม่ต้องขอโทษที่มาหาลูกถึงที่นี่... แต่แม่ไม่มีทางเลือกแล้วจริง ๆ” เสียงแม่สั่นพร่าไอรีนขมวดคิ้วทันที "อย่าบอกนะคะว่า..."“เขา... เขาต้องใช้เงินอีกแล้ว ไอรีน แม่ขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวจริง ๆ สองแสนบาท... แล้วเขาสัญญาว่าจะเลิกทุกอย่าง”“สองแสน?” เสียงของไอรีนแข็งขึ้น“แม่ยังเชื่อคำพูดเขาอีกเหรอคะ? แม่จะเอาอนาคตของหนูแลกกับคำโกหกของผู้ชายคนนั้นอีกแล้วเหรอ?”“เขาสัญญาแล้วลูก! แม่แค่... แค่ขอให้ลูกช่วยแม่อีกครั้งเถอะนะ...”&ldqu
...คิรินถอนกายออกอย่างเชื่องช้า แต่ยังไม่ปล่อยเธอไปมือหนาไล้ผ่านหน้าท้องแบนราบ ลูบขึ้นมาถึงทรวงอกที่ยังหอบสะท้าน…เสียงหายใจของเธอเริ่มช้าลง แต่ภายในยังร้อนรุ่มไม่จางเขากอดเธอไว้แน่นขึ้น ขณะที่สายตาคมใต้แสงสลัวมองเธอเหมือนจะกลืนกินอีกครั้ง“มันยังไม่พอ” เสียงทุ้มกระซิบหนักแน่นใกล้หูก่อนที่เขาจะพลิกตัวขึ้น คว้าร่างบางขึ้นมาในอ้อมแขนอย่างง่ายดาย“คิรัน… เดี๋ยวก่อน…” เธอร้องเบาๆ ด้วยความตกใจ เมื่อเขาเดินพาเธอออกจากเตียงแต่เขาไม่หยุดสองแขนแข็งแรงอุ้มเธอไปจนถึงริมหน้าต่างสูงของห้องม่านบางไหวเบาในยามค่ำคืนที่ฝนเพิ่งหยุดตกแสงจากตึกสูงด้านนอกทาบผ่านกระจกใสสะท้อนแผ่นหลังเธอ“อย่าหนีแสง…ให้มันเห็น” เสียงกระซิบติดกลืนหายใจเขาวางเธอลงชิดบานกระจกเย็นเฉียบ ร่างเปลือยเปล่าสั่นสะท้านเมื่อผิวหลังแตะกระจกเธอสะดุ้งน้อยๆ ความเย็นบาดผิว แต่ขณะเดียวกัน มือร้อนผ่าวของเขาก็ลากผ่านต้นขา ไล่ขึ้นสูงเรื่อยๆ อย่างเชื่องช้าและมั่นคงเหมือนเปลวเ
บรรยากาศในออฟฟิศเปลี่ยนไปทันทีที่คิรันกลับมาทำงานหลังวันหยุดยาว—และไม่ใช่แค่เพราะออร่าความเคร่งขรึมของเขาเท่านั้นแต่เพราะทุกคนเริ่มสังเกตเห็นว่าเขา...เปลี่ยนไปโดยเฉพาะกับเธอ“ไอรีน”หญิงสาวที่ก่อนหน้านี้ดูจะถูกดุรายวัน ถูกเพ่งเล็งเหมือนจะพลาดทุกลมหายใจแต่ตอนนี้กลับได้รับสายตาเรียบสงบจากเจ้านายที่ปกติจะไม่แย้มแม้แต่นิดถึงปากเขาจะยังเฉียบคม แต่แววตาที่มองเธอกลับอบอุ่นกว่าที่ใครเคยเห็นคิรันยังคงเป็นคิรัน—เข้มงวด ดุดัน และไร้ช่องโหว่แต่กับเธอ...เขาเริ่มยอมให้ความอ่อนโยนบางอย่างเล็ดลอดออกมาโดยไม่รู้ตัว“เอกสารเช้านี้มีตรงไหนไม่เข้าใจไหม?”น้ำเสียงของเขาฟังดูเหมือนเดิม แต่ธันวาในฐานะเลขาคู่ใจรู้ดีน้ำเสียงแบบนี้...คิรันไม่เคยใช้กับใครมาก่อนเขามองเจ้านายของเขาอย่างแปลกใจในตอนแรกแต่เมื่อเห็นรอยยิ้มบาง ๆ ที่หลุดออกมาเมื่อไอรีนพยักหน้าแบบเก้ ๆ กัง ๆธันวากลับรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกเหมือนเห็นดอกไม้บานกลางฤดูหนาวเหมือนเห็นแสงอาทิตย์ลอดผ่า
เช้าวันจันทร์ในออฟฟิศสำนักงานใหญ่ของ วัชรานนท์ กรุ๊ป ดูเงียบกว่าปกติ แต่ในความเงียบนั้นกลับอบอวลไปด้วยบรรยากาศแปลกใหม่ที่ทำให้ ธันวา เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจไม่ใช่เพราะบรรยากาศงานเปลี่ยนไม่ใช่เพราะพนักงานใหม่เดินเพ่นพ่านแต่เป็นเพราะ...เจ้านายของเขาดูอารมณ์ดีผิดปกติไม่ใช่ดีแบบยิ้มแย้มแจ่มใส เพราะคนอย่าง คิรัน วัชรานนท์ ไม่รู้จักคำว่ายิ้มง่ายอยู่แล้ว แต่ธันวาสังเกตว่าเช้านี้เจ้านายเขาไม่ปาแฟ้ม ไม่ขมวดคิ้วกับสไลด์พรีเซนต์ที่ฟอนต์ไม่เท่ากัน และที่สำคัญ...ยังเปิดประตูรับคนเพียงคนเดียวไอรีนผู้หญิงคนนั้น...ผู้ช่วยส่วนตัวคนล่าสุดของท่านประธาน ผู้หญิงที่กล้าปะทะสายตาและคำพูดเย็นเฉียบโดยไม่ถอย และยังอยู่รอดปลอดภัยได้มานานกว่าใครในรอบหลายปีธันวายืนมองหญิงสาวในชุดเดรสสีเรียบ กับทรงผมรวบสูงที่เผยความมั่นใจเธอกำลังเดินถือแฟ้มแนบอกไปทางห้องประธานอย่างไม่รีบร้อน ไม่มีความกลัวในแววตาอีกต่อไปแล้วเขายิ้มตามอย่างห้ามไม่ได้“แบบนี้แหละที่เรียกว่า นายหญิงของจริง...”เขายกแก้วกาแฟขึ้นจิบอย่างอารมณ์ดี
บรรยากาศในห้องทำงานชั้นบนสุดของ “วัชรานนท์ กรุ๊ป” เงียบสงบจนผิดปกติ แต่ความเงียบนั้นไม่ได้เกิดจากการขาดงานของใคร หากแต่เป็นเพราะ เจ้าของห้อง...เดินออกไปติดตามใครบางคนแทบจะตลอดวัน"เธออยู่ไหน ฉันไปด้วย""ประชุมใช่ไหม เดี๋ยวฉันนั่งรอ""เลิกงานแล้ว? เดี๋ยวไปรับ"...คำพูดที่คิรันไม่เคยพูดกับใคร กลับกลายเป็นสิ่งที่ ไอรีน ได้ยินทุกวันในช่วงหลังและที่มากกว่านั้น—เขายัง “ทำ” ตามที่พูด...ไม่ขาดตกแม้แต่วันเดียวจากคนที่เคยเย็นชา กลับกลายเป็น เงาตามติด ที่ไอรีนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้แต่สิ่งที่ทำให้เธอหวั่นไหวที่สุดไม่ใช่การตามติดแต่เป็น “ความใส่ใจเงียบ ๆ” ที่เขาไม่เคยพูด...แต่ลงมือทำทุกครั้งโดยไม่บ่นแม้แต่น้อยเสื้อโค้ตตัวหนาที่เขาคลุมให้ของกินยามดึกที่เธอชอบแต่ไม่เคยบอกใครและการนั่งรอเธอจนดึกดื่นโดยไม่บ่นแม้สักคำเดียวแต่ถึงอย่างนั้น..."นายยังดูเครียดอยู่นะครับ..."เสียงของธันวาดังขึ้นหลังจากเขาโดนเรียกตัวเข้าพบทันทีที่ไอรีนเดินพ้นสายตา
แม้จะไม่มีใครออกปากพูดตรง ๆแต่ทุกคนในบริษัทวัชรานนท์ กรุ๊ป ก็รับรู้ได้ชัดเจน—ว่าบรรยากาศที่ตึงเครียดในชั้นบริหาร...เปลี่ยนไปทุกอย่างเริ่มมีสี...สีชมพูจาง ๆ ที่เคลือบเคลื่อนอยู่ในอากาศตั้งแต่วันที่คิรันประกาศด้วยสายตาและการกระทำ ว่า“ไอรีน คือผู้หญิงของเขา”เขาไม่ได้พูดบ่อยแต่ทุกการกระทำ กลับชัดเจนจนไม่มีใครกล้าตั้งคำถามอีกไอรีนในชุดสูทเรียบหรู เดินเคียงข้างเขาในงานเปิดตัวแบรนด์ใหม่ไอรีนที่เขาคอยตักอาหารให้ในห้องประชุมเล็กหลังเลิกงานไอรีนที่เขายืนรอหน้าลิฟต์ทุกเช้า—ทั้งที่คนอย่างเขาไม่เคยรอใครแม้จะยังมีเสียงซุบซิบนินทาอยู่บ้าง ว่าผู้หญิงอย่างเธอ...ไม่คู่ควรกับคนอย่างเขาแต่เสียงเหล่านั้นกลับเบาลงอย่างรวดเร็ว—เพราะถ้า “เขา” รู้เข้า...ไม่ใช่แค่โดนตำหนิ แต่ “โดนไล่ออก” แบบไม่มีข้อแม้ธันวา...มือขวาคู่ใจของคิรันทำหน้าที่เหมือนเรดาร์ลับ คอยสแกนทุกคำพูด ทุกการเคลื่อนไหวและรายงานให้นายใหญ่รู้ก่อนจะมีใครทำเรื่อง “เกินข
เสียงเคาะประตูห้องพักดังสนั่นกลางดึกจนชั้นทั้งชั้นแทบสั่นสะเทือน ไอรีนสะดุ้งเฮือก ลุกจากเตียงด้วยหัวใจเต้นโครมคราม เธอรู้ว่าเป็นใคร ไม่ต้องมองช่องตาแมวก็รู้“เปิดเดี๋ยวนี้นะไอรีน!” น้ำเสียงทุ้มต่ำแหบพร่าจากฤทธิ์แอลกอฮอล์และอารมณ์ที่พุ่งทะลุขีดเดือดตะโกนกร้าวอยู่หน้าห้องคนในห้องใกล้เคียงเริ่มโผล่หน้ามาโวยวาย บางคนตะโกนด่า บางคนโทรแจ้งนิติ แต่คิรันไม่สนอะไรทั้งนั้น เขาเคาะแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนเหมือนประตูจะหลุดออกจากบานพับไอรีนกัดริมฝีปากแน่น หัวใจเธอสั่นคลอนกับเสียงนั้น... เสียงของเขา คนที่เธอพยายามจะลืม คนที่เธอพยายามจะไม่รู้สึกอะไรด้วยอีกแล้วแต่สุดท้าย... เธอก็ต้องยอมเปิดประตูเสียงประตูที่ปิดลงอย่างแรงสะท้อนก้องไปทั้งห้องในค่ำคืนที่เงียบสงัด ก่อนที่แรงกระชากจากแขนแกร่งจะดึงเธอเข้าไปปะทะแผงอกแน่นราวกำแพงเหล็ก ไอรีนหอบหายใจเบา ๆ เมื่อกลิ่นแอลกอฮอล์ผสมกลิ่นน้ำหอมประจำตัวของเขาอวลอยู่เต็มโพรงจมูก“คุณบ้าไปแล้วเหรอ? นี่มันกี่โมงแล้วรู้ไหม!?”“กี่โมงก็ช่างแม่ง!” คิรันเข้ามาใกล้จนปลายจมูกแทบชนกัน“เธอคิดว่าฉันจะยอมให้เธอเมินหน้าหนีฉั
เสียงประตูห้องทำงานด้านหลังปิดลงอย่างเงียบงัน แต่บรรยากาศกลับอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก ไอรีนก้าวกลับมาที่โต๊ะทำงานของตัวเองที่ตั้งอยู่ด้านหน้าห้องของคิรันอย่างไร้เรี่ยวแรง ภายในใจยังคงสั่นสะท้านจากคำพูดเย็นชาที่ชายหนุ่มใช้กับเธอเธอค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่ง แล้วหยิบกล่องเล็ก ๆ ใต้โต๊ะขึ้นมา ก่อนจะเริ่มเก็บของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ในงานตอนนี้—กรอบรูปเล็ก ๆ สมุดบันทึก ปากกาประจำตัว กล่องขนมเล็ก ๆ ที่เธอเอาไว้วางบนโต๊ะ...เธอแค่... เตรียมตัวเพราะสัญญาจ้างของเธอกำลังจะหมด และคิรัน... เขาก็คงไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงที่ทำให้ชื่อเสียงของบริษัทเขาสั่นคลอนอีกต่อไป“ไอรีน?”เสียงทุ้มเรียบของธันวาดังขึ้นใกล้ ๆ เขาเดินตรงเข้ามาหาด้วยสีหน้าวิตกอย่างเห็นได้ชัด“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ?”ไอรีนชะงักมือวางกล่องลงก่อนจะยิ้มบาง ๆ พลางส่ายหน้า“เปล่าค่ะ แค่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสัญญากำลังจะหมด เลยคิดว่า... ถ้าเคลียร์ของไว้บ้างก็คงดี เวลาต้องไปจริง ๆ จะได้ไม่วุ่นวาย”ธันวานิ่งไป รู้ดีว่านั่นไม่ใช่เหต
เสียงส้นรองเท้าหนังราคาแพงกระทบพื้นกระเบื้องเรียบหรูดังกังวานไปทั่วโถงออฟฟิศเงียบสงบ คิรันเดินกลับเข้ามาหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมข้างนอก ใบหน้าคมเฉียบที่มักเรียบเฉยตลอดเวลา ทว่าในแววตาเย็นชานั้นกลับซ่อนประกายเหนื่อยล้าเล็กน้อยจากการประชุมที่ยาวนานขณะที่เขากำลังจะเดินเลี้ยวไปยังห้องทำงาน เสียงพูดคุยเบา ๆ ของพนักงานหญิงสองคนบริเวณมุมโต๊ะใกล้เครื่องถ่ายเอกสารทำให้ฝีเท้าของเขาหยุดชะงักลงโดยไม่รู้ตัว“ฉันบอกเลยนะว่าเห็นกับตา... ไอรีนเดินไปหาคุณภาคิน! พูดอะไรไม่รู้เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ด้วยอะ” หญิงสาวคนหนึ่งพูดพลางขยับริมฝีปากแนบหูเพื่อนอย่างตื่นเต้น“จริงเหรอ? หรือว่าเธอจะหว่านเสน่ห์อีกคน? ไม่แปลกหรอก ดูเธอสิ...สวย แถมยังรู้ว่าต้องใช้หน้าตาทำอะไรได้บ้าง” อีกคนรับลูกเสียงสูง ก่อนหัวเราะคิกคิรันยืนนิ่ง ริมฝีปากบางเม้มแน่น ความรู้สึกบางอย่างแล่นวูบขึ้นในอก มือที่ถือแฟ้มอยู่บีบแน่นจนเส้นเลือดปูดนูนชัดหัวใจเริ่มเต้นแรงโดยไม่มีเหตุผลเขากำลังจะสาวเท้าเข้าไปจัดการพนักงานสองคนนั้นด้วยตัวเอง หากแต่เสียงแหลมสูงตวาดขึ้นมาก่อน
เสียงปิดประตูดัง ปัง! กลบความเงียบของห้องคอนโดหรูไปชั่วขณะ ก่อนที่ความเงียบเดิมจะกลับมาอีกครั้ง หนักหนายิ่งกว่าเดิมไอรีนยืนนิ่งอยู่กลางห้อง สองมือกำแน่นข้างลำตัว ดวงตาที่เคยแข็งกร้าวบัดนี้เริ่มสั่นไหว น้ำตาเอ่อคลอเต็มหน่วยตากลม“คุณไม่เชื่อใจฉันเหรอ?” เสียงของเธอเบา...แต่ชัดเจน เจ็บ...แต่ตรงไปตรงมาคิรันที่ยืนหันหลังอยู่ชะงักไปชั่วครู่ หัวใจของเขากำลังตีกันวุ่นวาย ทั้งโกรธ ทั้งเจ็บ ทั้งหึง ทั้งหวง ทั้งระแวง และที่สำคัญ...เขากลัวกลัวว่าจะรักเธอมากไปอีกกลัวจะเสียเธอไปกลัวว่าอดีตที่เคยเจ็บ จะย้อนกลับมาเล่นงานซ้ำอีกครั้ง...เขายังจำแววตาหลอกลวงในอดีต...ที่ทำให้เขาไม่เหลือแม้แต่ศรัทธาในความรัก นั่นแหละ...มันกำลังจะกลับมาเล่นงานเขาอีกครั้งแต่สิ่งที่เขาทำได้...คือความเงียบสายตาที่เขาหันกลับมามองเธอเย็นชาไร้แวว เหมือนคนไม่รู้จักกันมาก่อนดวงตาคู่นั้นปวดร้าวราวกับมีบางอย่างถูกฉีกขาด หญิงสาวเม้มปากแน่น กลืนก้อนสะอื้นลงคออย่างยากเย็น แล้วเบือนหน้าหนี ทำท่าจะเดินไปที่ประตู“จะไปไหน?”
หลังจากคืนที่เธอแทบจะถูกกลืนกินไปทั้งร่างในอ้อมแขนของเขา คิรันก็ไม่ปล่อยให้ไอรีนคลาดสายตาอีกเลย เขาบังคับให้เธอย้ายกลับมาอยู่กับเขาที่คอนโดฯ โดยมีเงื่อนไขที่ชัดเจนว่า“ถ้าเธอจะออกไปทำงานนอกสถานที่ เขาจะเป็นคนไปรับไปส่งเองเท่านั้น”ไอรีนไม่กล้าเถียง แม้จะไม่ชอบที่ถูกควบคุมขนาดนี้ แต่ก็รู้ดีว่าเขาไม่ใช่คนที่ยอมอ่อนข้อให้ใครง่าย ๆ และที่สำคัญ เธอยังไม่พร้อมจะเดินออกมาหลังจากคืนนั้น ร่างกายและหัวใจของเธอยังสั่นไหวไม่หาย แม้จะพยายามหลบตาเขา แต่ทุกเช้าเธอก็ยังตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของเขาเสมอแต่คนที่ปวดหัวที่สุดกลับเป็นธันวา ผู้ช่วยที่ต้องคอยตามเก็บงานและแก้ไขทุกอย่างหลังจากที่คิรันทิ้งประชุมหรือหายตัวไปเฝ้าไอรีนกลางงานไซต์โปรเจกต์ใหญ่“คุณคิรันครับ ผมเข้าใจว่าคุณเป็นห่วง แต่ถ้าคุณยังหายไปแบบนี้บ่อย ๆ อีกไม่กี่วันนักลงทุนจะเริ่มถอนตัวนะครับ”คิรันเพียงปรายตาใส่ธันวา ไม่พูดอะไร แต่ในที่สุดก็เริ่มยอมลดการประกบไอรีนลงเล็กน้อย โดยเลือกกลับมาเคลียร์งานที่กองพะเนินไว้แทน เขาคิดว่าเรื่องมันคงจบแล้วเมื่อภาคินเงียบหายไป ไม่มีวี่แววจะกลับมายุ่
เสียงปิดประตูดัง “ปัง!” ก้องสะท้อนทั่วห้องนอนกว้าง ก่อนที่ร่างสูงของคิรันจะกระชากไหล่ไอรีนเข้าหาตัวแรง ๆ จนแผ่นหลังของเธอกระแทกกับบานประตูที่ยังสั่นสะเทือนไม่หาย"อย่าทำหน้าแบบนั้นกับคนอื่นอีก..."เสียงเขาต่ำแหบพร่า ใกล้เกินจนปลายจมูกเขาเฉียดกับแก้มเธอ"คุณกำลังพูดเรื่อง—""เธอรู้ดีอยู่แก่ใจว่าฉันพูดเรื่องอะไร!"มือหนารั้งข้อมือเธอขึ้นตรึงไว้เหนือศีรษะ ก่อนที่ริมฝีปากร้อนจัดจะกดลงที่ซอกคอเธอแรงจนเธอสะดุ้งสุดตัว“คิรัน… อย่า—”"ไม่มีคำว่าอย่าในคืนนี้ เธอไม่มีสิทธิ์หนีจากฉันอีก ไม่แม้แต่จะมองคนอื่น"เขาตะคอกด้วยเสียงพร่า ขณะที่มืออีกข้างล้วงเข้าใต้เสื้อของเธอ ไล้ปลายนิ้วลากผ่านผิวเปลือยเปล่าช้า ๆ ก่อนจะขย้ำเนื้อเนียนด้วยความหึงหวงที่แทบจะคลั่ง"ของของฉัน ต้องเป็นของฉันคนเดียว!"เสียงฟืดของเนื้อผ้าถูกฉีกขาดจากเสื้อเชิ้ตของเธอดังลั่น ไอรีนหอบหายใจอย่างสั่นเทา เมื่อผิวกายเปลือยเปล่าท่อนบนถูกสายตาคมเข้มกวาดมองด้วยความหิวกระหาย เขาจ้องเธอราวกับจะกลืนกินทั้งตัว"คุณมัน..."
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น... ภาคินดูจะยิ่งได้ใจ เขาเริ่มเข้ามาวนเวียนใกล้ไอรีนมากขึ้น ราวกับจงใจแสดงตัวต่อหน้าคิรันอย่างท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นในที่ประชุม ห้องทำงาน หรือแม้แต่ช่วงพักเบรก เขาก็หาเรื่องเข้ามาคุยกับเธออยู่เสมอเย็นวันหนึ่ง ขณะที่ทุกคนเริ่มทยอยกลับบ้าน ภาคินก็เดินเข้ามาหาไอรีนพร้อมรอยยิ้มประจำตัว“ว่าไงคนเก่ง วันนี้เลิกงานเร็วหรือเปล่า? ไปทานข้าวกับฉันหน่อยสิ ถือว่าเป็นการคุยงานนอกสถานที่”ไอรีนชะงัก เหลือบมองเขาด้วยสายตาระวัง “เอ่อ...ฉันยังไม่แน่ใจนะคะ ว่าคืนนี้จะว่างหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ฉันรอได้” ภาคินตอบหน้าตาเฉย “งานที่เราทำด้วยกันยังต้องคุยรายละเอียดอีกเยอะ ฉันจองห้องอาหารไว้แล้วที่โรงแรม Vellare ชั้นบนสุด วิวสวยมาก รับรองว่าคุ้มกับเวลาคุณแน่นอน”เขายิ้มเจ้าเล่ห์ ราวกับรู้ว่าเธอไม่มีข้ออ้างไหนมาปฏิเสธได้ง่าย ๆธันวาที่เดินผ่านมาเห็นภาพนั้นพอดี เขาชะงักไป ก่อนจะเร่งฝีเท้าเข้ามาทันที“คุณไอรีนครับ” เขาเรียกเสียงจริงจัง “คุณคิรันบอกให้ผมมารับกลับพร้อมกัน...&rd
เสียงรองเท้าหนังราคาแพงกระทบพื้นหินอ่อนดังก้องไปทั่วโถงรับแขกของบริษัท ดวงตาคมของคิรันเหลือบมองชายที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าอย่างเฉยชา แววตาที่เคยคุ้นในอดีตกลับกลายเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยต้องการเห็นอีกในชีวิตนี้“ภาคิน”ชื่อที่คิรันไม่อยากแม้แต่จะนึกถึง หลุดออกมาจากริมฝีปากของธันวาที่เดินตามหลังมา สีหน้าของคิรันยังคงเย็นชา ขณะที่ภาคินเดินเข้ามาใกล้ ยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สา“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ คิรัน... นายยังดูเอาแต่ใจเหมือนเดิมเลย” ภาคินเอ่ยเสียงนุ่ม แต่แฝงไว้ด้วยความหยิ่งผยองที่คิรันรู้จักดี“ถ้าไม่มีเรื่องธุรกิจ ก็ไม่จำเป็นต้องพูด” คิรันตอบเสียงต่ำ ดวงตาดำลึกไร้อารมณ์ แต่แฝงความอึดอัดไว้เต็มอก“ใจเย็นสิ ฉันมาในฐานะหุ้นส่วนใหม่ของบริษัทย่อยที่นายกำลังจะร่วมลงทุน... หรือไม่ต้อนรับกันแล้ว?” ภาคินเลิกคิ้ว พร้อมส่งแฟ้มเอกสารให้เลขาคิรันไม่แม้แต่จะมองแฟ้ม เพียงแค่ปรายตามองเขาแล้วหันหลังเดินนำเข้าไปในห้องประชุม โดยไม่ลืมบอกธันวาเสียงเรียบ“ให้ไอรีนมาเข้าร่วมด้วย”ธันวาชะงักไปเล็ก
ภายในห้องทำงานกว้างขวางของประธานหนุ่ม...บรรยากาศเย็นเฉียบอย่างผิดปกติคิรันนั่งพิงพนักเก้าอี้ ท่อนแขนแข็งแรงวางพาดบนโต๊ะไม้สักเรียบหรู ดวงตาคมดุดันจ้องออกไปนอกกระจกด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ทว่าในใจกลับปั่นป่วนราวพายุคลั่งเขาหันมาถามเสียงนิ่ง แต่แฝงด้วยแรงอารมณ์ที่พยายามเก็บซ่อนไว้“ไอรีนไปไหน”ธันวาชะงัก ก่อนตอบอย่างระวัง“เธอ...ได้ยินทุกอย่างที่คุณคุยกับคุณมายด์ครับ”คิรันนิ่งงัน มือที่วางอยู่บนโต๊ะกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ดวงตาแข็งกร้าวไหววูบด้วยความไม่พอใจ—แต่ไม่ใช่เพราะเธอแอบฟัง...แต่เพราะ เขาเผลอปล่อยให้เธอได้ยินสิ่งที่ไม่ควรได้ยินต่างหากในตอนที่เสียงของมายด์สะท้อนกลับมาในหัว เขาได้แต่กัดฟันแน่น รู้ดีว่าแค่ประโยคนั้น...อาจพังทุกอย่างที่เขากำลังสร้างกับเธอ“แล้วตอนนี้เธออยู่ไหน” เขาถามเสียงเย็นธันวาหลบตาเล็กน้อย “เธอลาครึ่งวัน...กลับบ้านครับ”เสียงรองเท้าหนังของคิรันกระทบพื้นอย่างหนักแน่นเมื่อเขาลุกพรวดจากเก้าอี้ ร่างสูงก้าวออกจากห้องทันทีด้วยท่าทีร้อนรนเห