เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในเวลาใกล้เที่ยงคืน ไอรีนสะดุ้งตื่นจากการเคลิ้มหลับไปทั้งที่ยังสวมเสื้อเชิ้ตทำงานไม่ถอด โทรศัพท์หน้าจอสว่างขึ้นพร้อมชื่อที่ทำให้หัวใจเธอหล่นวูบ—“แม่”
“ฮัลโหล แม่ เป็นอะไรหรือเปล่า?”
เสียงแม่ที่ปลายสายสั่นเครือ ไม่เหมือนปกติ
“ไอรีน...พ่อเขา...เขาไปกู้เงินมาอีกแล้วลูก คราวนี้มันไม่ใช่แค่ห้าหกพัน แต่เกือบแสน เจ้าหนี้มาขู่จะให้เอาบ้านไปจำนอง ถ้าไม่หาเงินคืนให้มันภายในอาทิตย์นี้…”
เลือดในกายไอรีนเย็นเฉียบลงทันที เธอกัดริมฝีปากแน่น พยายามควบคุมเสียง
“แม่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวไอรีนจะหาทางเอง”
เธอกดวางสาย ก่อนจะเอนตัวพิงหัวเตียง หัวใจหนักอึ้งจนเหมือนแบกร่างตัวเองไว้ไม่ไหว...
วันถัดมา
หลังจากทำงานในบริษัทจนถึงช่วงเย็น ไอรีนก็แอบไปหานัท รุ่นพี่จากสถาบันเดียวกัน ที่เธอเคยเจอในงานเลี้ยงลูกค้าเมื่อเดือนก่อน
“พี่นัท...คือ...หนูมีเรื่องอยากรบกวนค่ะ พอจะมีงานพิเศษให้ทำบ้างไหม งานออกแบบก็ได้...อะไรก็ได้เลยค่ะ”
รุ่นพี่หนุ่มมองหน้าเธอครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มอย่างใจดี
“โชคดีนะ มีพอดีเลย พี่เพิ่งรับโปรเจกต์จากบริษัทใหญ่มา ออกแบบอาคารจอดรถให้โรงพยาบาลเอกชน เดี๋ยวพี่ให้ไอรีนช่วยทำร่างเบื้องต้นละกัน งานนี้รีบด้วยนะ ต้องส่งต้นแบบภายในสัปดาห์นี้เลย”
ไอรีนพยักหน้าแรง น้ำตาเกือบไหลด้วยความโล่งใจโดยไม่รู้เลยว่า...เบื้องหลังงานนี้ ผู้ว่าจ้างตัวจริงคือใคร
ตลอดสัปดาห์นั้น
คิรันเริ่มสังเกตว่าไอรีนหลีกเลี่ยงจะกลับพร้อมเขาในตอนเย็น
“วันนี้ฉันต้องอยู่เคลียร์งานค่ะ”
“งานอะไร ทำไมช่วงนี้มีทุกวัน”
“โปรเจกต์ของทีมค่ะ กำลังเร่งปิดงบ”
คิรันมองเธอนิ่ง ไม่พูดอะไรต่อ แต่แววตานั้นเหมือนกรีดลึกลงไปในใจเธอ
คืนนั้น ไอรีนไม่กลับคอนโดฯ เธออยู่ที่บริษัทจนดึก เพื่อเร่งทำแบบร่างให้ทันตามสัญญา นิ้วมือเธอพิมพ์ลากเส้น ตาแทบจะปิดลงทุกวินาที
เวลาเกือบตีสอง – ห้องทำงานเงียบงัน
คิรันเปิดประตูเข้ามาช้า ๆ ก้าวเท้าหนักแน่นของเขาทำลายความเงียบรอบตัวโดยไม่ตั้งใจ กลิ่นกาแฟเย็นที่เหลือครึ่งแก้ว กับเสียงเครื่องปรับอากาศที่ยังทำงานอยู่ เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้รู้ว่าเธออยู่ที่นี่มาทั้งคืน
สายตาคมกริบของเขาหยุดที่ร่างเล็ก ๆ ที่ฟุบอยู่บนโต๊ะ มือข้างหนึ่งยังจับเมาส์ค้างไว้ ส่วนอีกมือรองใต้แก้มเล็ก ๆ ที่ตอนนี้ซบลงกับแขนตัวเองหลับใหลไปแล้ว หน้าจอคอมพิวเตอร์ยังเปิดค้างอยู่...แสดงภาพร่างของอาคารจอดรถอย่างละเอียด
คิรันเดินเข้าไปใกล้ จนกระทั่งได้ยินเสียงลมหายใจแผ่ว ๆ ของเธอ สม่ำเสมอ และเหนื่อยอ่อนอย่างชัดเจน
เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นนานเกินกว่าจะเรียกว่าบังเอิญ
ในอกของเขาเหมือนถูกบีบไว้แน่น
มือหนาเอื้อมไปหยิบผ้าคลุมไหล่จากเบาะข้าง แล้วค่อย ๆ ก้มลง ห่มมันลงบนไหล่บางของเธออย่างเบามือ
แต่ยังไม่ทันจะผละออก สายตาเขาก็สะดุดที่เส้นผมของเธอที่หล่นลงมาปรกหน้า
…ยุ่งเหยิง เหมือนเจ้าตัวรีบจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง
นิ้วเรียวยาวเอื้อมไปเกลี่ยเส้นผมนั้นออกจากใบหน้าเธอช้า ๆ
ปลายนิ้วสัมผัสผ่านแก้มเนียนเย็นนิด ๆ จากอุณหภูมิห้อง…
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ยังไม่ตื่น
คิรันหยุดมือตัวเองไว้ชั่ววินาที แล้วค่อย ๆ ถอนออกเหมือนไม่อยากปลุกเธอ
เขายืนนิ่งอยู่อย่างนั้นอีกพักใหญ่ มองดูใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า...แต่กลับทำให้เขารู้สึกอบอุ่นแปลก ๆ ในใจ
“เธอเหนื่อยขนาดนี้...แล้วทำไมไม่ยอมบอกฉัน...”
เขาคิดในใจ แววตาที่เคยเย็นชา กลับแฝงไปด้วยความอ่อนโยนลึก ๆ ที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ทันได้รู้ตัว
บ่ายวันถัดมา — ห้องประชุมใหญ่
ทีมสถาปนิกจากบริษัทของพี่นัทเข้ามาพรีเซนท์งานให้กับคณะผู้บริหาร และหนึ่งในนั้นคือ คิรัน
“...และนี่คือแบบร่างอาคารจอดรถที่เรานำเสนอครับ”
พี่นัทพูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนกดรีโมตเปลี่ยนภาพขึ้นจอ
คิรันมองภาพแบบนั้นอย่างพินิจ รู้ทันทีในเสี้ยววินาทีว่าใครเป็นคนออกแบบ
เขาหันขวับไปมองไอรีนที่ยืนอยู่ด้านหลังสุดของห้อง... แววตาเขาไม่พอใจอย่างชัดเจน
ไอรีนสบตาเขาแล้วใจสั่นวูบ เธอไม่เคยเห็นเขามองเธอแบบนั้นมาก่อน—ผิดหวัง ผิดใจ และ...หึงหวง?
ภายในห้องประชุมเงียบกริบ อึดอัดจนแทบไม่มีใครกล้าหายใจแรง
เสียงพรีเซนเทชั่นจบลงพร้อมกับการปรบมือบางเบา
แต่ชายคนเดียวที่นั่งหัวโต๊ะ กลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ
คิรันเอนหลังพิงเก้าอี้ แขนข้างหนึ่งยกขึ้นวางใต้คาง ดวงตาคมกริบจับจ้องที่แบบร่างในสไลด์ตรงหน้าโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
ไอรีนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม พลันรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง… ไม่ใช่แค่บรรยากาศ แต่เป็นแววตาของเขา
แววตาที่ราวกับอ่านทะลุทุกอย่าง และกำลังเดือดจัดอยู่ภายใน
เมื่อการประชุมจบลง ทุกคนเริ่มทยอยลุกออกจากห้อง ทิ้งให้คิรันเดินออกเป็นคนกลุ่มสุดท้าย แต่ก่อนที่เขาจะพ้นประตูไป เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหลัง
“ไอรีน! รบกวนมาคุยด้วยแป๊บได้ไหม?”
พี่นัท รุ่นพี่จากมหาวิทยาลัยยิ้มให้เธออย่างใจดี พร้อมชูซองเอกสารขึ้น
ไอรีนพยักหน้าแล้วเดินตามออกไปด้วยท่าทางระวัง ไม่ทันได้สังเกตเลยว่า ธันวา ผู้ช่วยส่วนตัวของคิรันยังไม่ได้ออกจากห้อง และกำลังเปิดไมโครโฟนเล็กที่เชื่อมตรงกับหูฟังของเจ้านายอย่างเงียบงัน....
ภายในห้องอีกฝั่ง พี่นัทส่งซองเงินให้ไอรีนพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น
“ขอบใจมากนะไอรีน งานออกแบบออกมาดีมากเลย ในที่ประชุมชอบกันมาก พี่ก็เลยอยากจ่ายให้เองโดยตรงเลย จะได้ไม่ต้องผ่านบัญชีบริษัทให้วุ่นวาย”
“ขอบคุณค่ะพี่นัท”
เธอรับเงินด้วยความรู้สึกผิดบางอย่างในใจ แม้จะไม่ได้ทำอะไรผิดจริง ๆ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเธอ ‘หลบ’ เขามาตลอด
“ถ้ามีงานอีกพี่จะติดต่อไปนะ—”
“ไม่ต้อง”
เสียงทุ้มต่ำแทรกขึ้นอย่างเฉียบคม
ทั้งสองหันขวับกลับไปทันที… คิรันยืนอยู่ตรงประตู ดวงตาเย็นเยียบ
พี่นัทหน้าเจื่อนไปทันที “อ-อ้าว คุณคิรัน...”
“คุณควรกลับไปที่บริษัทของคุณได้แล้ว”
คำพูดเรียบง่าย แต่แรงกดดันกลับหนักจนห้องเล็ก ๆ แทบจะไร้อากาศ
พี่นัทรีบโค้งเล็กน้อยแล้วเดินเลี่ยงออกไป
คิรันไม่มองเขาแม้แต่นิด… เขาจ้องไอรีนอย่างเดียว
“กลับไปที่ห้องทำงานกับฉัน”
น้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่น่ากลัวอย่างประหลาด
ประตูห้องทำงานปิดลงดัง ปัง!
ไอรีนยังไม่ทันหายใจเต็มปอด คิรันก็ดึงข้อมือเธออย่างแรง ดึงเธอให้เซถลาเข้ามาใกล้จนแทบจะชนอกเขา
“คุณ...เป็นคนออกแบบงานนี้ใช่ไหม”
เขาถามเสียงเย็น มือยังจับแน่นจนเธอเจ็บ
ไอรีนเบี่ยงสายตา “ฉัน...แค่อยากช่วย—”
“เธอรับงานนอกโดยไม่บอกฉัน”
เสียงเขาทุ่มต่ำและกดอารมณ์ไว้อย่างหนัก เธอไม่เคยเห็นเขาโกรธขนาดนี้มาก่อน
“คุณไม่มีสิทธิ์มาโกรธนะคะ ฉันไม่ได้เอางานบริษัทมาเกี่ยว—”
“แล้วไปสนิทกับมันตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงยอมอดหลับอดนอนทำงานให้ขนาดนี้?”
เสียงเขาเข้มจัด ราวกับจะระเบิดออกมาได้ทุกวินาที
เธอถอยหลัง แต่เขากลับตามเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิม
“คุณคิรัน… ฉันไม่ได้คิดอะไรกับพี่นัท—”
“แต่เขาคิดอะไรกับเธอหรือเปล่า?”
เขาขบกรามแน่น ดวงตาเข้มราวกับไฟที่ถูกจุดขึ้นโดยแรงหึงหวง
“ฉันไม่ใช่ของคุณนะคะ ถึงจะต้องมารายงานทุกอย่าง!”
เธอเผลอตวาดกลับไปด้วยความโมโหและเสียหน้า
คิรันกดมือทั้งสองข้างไว้ที่พนักเก้าอี้ จนเธอเหมือนถูกกักไว้ระหว่างตัวเขากับเก้าอี้หนัง
ไอรีนเม้มปากแน่น ใจเต้นแรงจนแทบระเบิด เธอพยายามเบี่ยงหน้าหนี แต่สายตาของเขาบังคับให้เธอต้องยอมเงยหน้าขึ้นสบตา
“แม่ฉันโทรมาบอกว่า... พ่อมีหนี้”
เธอกลั้นใจพูดออกมา
“หนี้ที่เขาไปกู้มารักษาตัวเอง แต่ตอนนี้ไม่มีจ่าย... คนพวกนั้นเริ่มข่มขู่แม่ฉันแล้ว”
คิรันนิ่ง ฟังโดยไม่ขัด ไม่ถามซ้ำ
“ฉันก็แค่... อยากช่วยครอบครัว”
เสียงเธอสั่นเมื่อพูดประโยคสุดท้ายออกมา
“แล้วทำไมไม่บอกฉัน?”
เขาถามเสียงต่ำกว่าเดิม ดวงตานั้นจ้องเธอแน่นิ่งอย่างโกรธจัด... แต่ไม่ใช่โกรธที่เธอรับงานนอก
มันคือโกรธที่เธอ ไม่พึ่งเขาเลยแม้แต่น้อย
ไอรีนก้มหน้า เสียงเบาหวิวเหมือนลมหายใจ
“ฉันไม่อยากเป็นภาระของคุณ...”
เงียบงัน
ในห้วงเวลานั้น มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งสองคน และระยะห่างที่ค่อย ๆ ลดลงอย่างเงียบเชียบ
คิรันยื่นมือออกไปช้า ๆ แล้วแตะเบา ๆ ที่หลังมือเธอ
ไอรีนสะดุ้งเล็กน้อย แต่ไม่ได้ผละหนี
มือของเขาอุ่นและมั่นคง ราวกับจะถ่ายทอดอะไรบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายเป็นคำพูด
เขาก้มตัวลงเล็กน้อย กระซิบเสียงนุ่มแต่หนักแน่นใกล้ข้างหูเธอ
“เธอไม่ใช่ภาระของฉัน”
ไอรีนเงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความลังเล และไม่คุ้นชินกับความอ่อนโยนแบบนี้จากเขา
คิรันจ้องตาเธอแน่นิ่ง แล้วใช้ปลายนิ้วเชยคางเธอขึ้นเบา ๆ ให้เธอสบตาเขาตรง ๆ
น้ำเสียงของเขาเข้มลึก... ดุดันแต่ไม่กดดัน
“เธอสำคัญสำหรับฉัน”
หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะ ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน
ไม่ใช่เพราะคำพูด...
แต่เป็นเพราะสายตาของเขา—ที่บอกชัดว่าคำพูดนั้น จริงทุกคำ
คิรันยันตัวออก แล้วหยิบโทรศัพท์มากดไม่กี่ครั้ง จากนั้นก็หันกลับมามองเธออีกครั้ง
“ฉันจะจัดการหนี้ทั้งหมดให้”
เขาพูดเหมือนมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สายตานั้นบ่งบอกว่าเขา ‘ตั้งใจ’ ทำจริง
“ไม่ต้อง... ฉันจะหาเงินใช้คืนคุณแน่นอน—”
“เธอไม่ต้องคืนอะไรทั้งนั้น”
“แต่มันคือปัญหาของครอบครัวฉัน—”
“และตอนนี้มันก็เป็นปัญหาของฉันด้วย”
เขาขัดเธอทันที ด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดที่สุด
“เธอไม่ต้องรับทุกอย่างไว้คนเดียวอีก”
เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ไม่กล้ามองตาเขาตรง ๆ
ในขณะที่ภายในอก... อะไรบางอย่างมันสั่นไหว
หัวใจเธอกำลังหลุดจากกำแพงที่เคยสร้างไว้
เขากำลังรุกเข้ามาเต็มหัวใจ — และเธอก็เริ่มไม่รู้จะหนีไปไหนอีกแล้ว
เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้นไม่กี่ครั้ง ก่อนจะมีเสียงเหนื่อยหอบของแม่ตอบรับสายมา“ไอรีน... โทรมาทำไมตอนนี้ลูก? แม่กำลังจะออกไปคุยกับเจ้าหนี้เขาอีกแล้ว” น้ำเสียงของแม่เต็มไปด้วยความกังวลและเหนื่อยล้า“ไม่ต้องไปแล้วค่ะแม่... หนูโอนเงินให้แล้ว” ไอรีนพูดนิ่งๆ แต่ชัดเจน เธอนั่งอยู่ในห้องพักของตัวเอง มือยังคงถือโทรศัพท์แนบหู ในใจยังเต้นแรงจากสิ่งที่เธอเพิ่งตัดสินใจทำ“ฮะ... อะไรนะ? โอนอะไรลูก?” น้ำเสียงแม่สั่น“เงินหนี้ของพ่อเลี้ยง... หนูจัดการให้แล้วค่ะ” เธอเน้นย้ำคำว่า ‘พ่อเลี้ยง’ อย่างฝืนใจมีเพียงความเงียบที่ตามมาอีกเกือบสิบนาที ก่อนเสียงแม่จะดังแผ่วเหมือนคนกำลังกลั้นน้ำตา“ไอรีน... หนูไปเอาเงินมาจากไหนลูก? อย่าบอกแม่นะว่าไปกู้หนี้นอกระบบมาอีกคนน่ะ แม่ไม่อยากให้หนูลำบากเพราะเรื่องของแม่กับเขาเลยจริงๆ”“หนูไม่ได้กู้ค่ะแม่ หนูแค่... ทำงานพิเศษ” ไอรีนโกหกเสียงเรียบ“แม่ไม่ต้องห่วง หนูดูแลตัวเองได้ แล้วก็... ยินดีที่ได้ดูแลแม่กับน้อง หนูเต็มใจทำ เ
เสียงฝนกระทบหลังคาดังไม่หยุดตั้งแต่ช่วงบ่าย ไอรีนอยู่ในชุดสบาย ๆ ของวันหยุด นั่งอยู่หน้าต่างห้องพักที่เช่า ใจยังเต็มไปด้วยความรู้สึกดีจากคืนก่อนที่เธอกับคิรันได้เต้นรำกันท่ามกลางเสียงเพลง… ความรู้สึกที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อนแต่แล้ว... เสียงเคาะประตูก็ทำลายความเงียบทั้งหมดประตูเปิดออกเผยให้เห็นแม่ของเธอ ยืนอยู่ในสภาพเปียกปอนจากฝน ริมฝีปากซีด และสายตาที่เต็มไปด้วยความกดดัน“แม่...” ไอรีนพูดขึ้นอย่างประหลาดใจ“แม่ต้องขอโทษที่มาหาลูกถึงที่นี่... แต่แม่ไม่มีทางเลือกแล้วจริง ๆ” เสียงแม่สั่นพร่าไอรีนขมวดคิ้วทันที "อย่าบอกนะคะว่า..."“เขา... เขาต้องใช้เงินอีกแล้ว ไอรีน แม่ขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวจริง ๆ สองแสนบาท... แล้วเขาสัญญาว่าจะเลิกทุกอย่าง”“สองแสน?” เสียงของไอรีนแข็งขึ้น“แม่ยังเชื่อคำพูดเขาอีกเหรอคะ? แม่จะเอาอนาคตของหนูแลกกับคำโกหกของผู้ชายคนนั้นอีกแล้วเหรอ?”“เขาสัญญาแล้วลูก! แม่แค่... แค่ขอให้ลูกช่วยแม่อีกครั้งเถอะนะ...”&ldqu
...คิรินถอนกายออกอย่างเชื่องช้า แต่ยังไม่ปล่อยเธอไปมือหนาไล้ผ่านหน้าท้องแบนราบ ลูบขึ้นมาถึงทรวงอกที่ยังหอบสะท้าน…เสียงหายใจของเธอเริ่มช้าลง แต่ภายในยังร้อนรุ่มไม่จางเขากอดเธอไว้แน่นขึ้น ขณะที่สายตาคมใต้แสงสลัวมองเธอเหมือนจะกลืนกินอีกครั้ง“มันยังไม่พอ” เสียงทุ้มกระซิบหนักแน่นใกล้หูก่อนที่เขาจะพลิกตัวขึ้น คว้าร่างบางขึ้นมาในอ้อมแขนอย่างง่ายดาย“คิรัน… เดี๋ยวก่อน…” เธอร้องเบาๆ ด้วยความตกใจ เมื่อเขาเดินพาเธอออกจากเตียงแต่เขาไม่หยุดสองแขนแข็งแรงอุ้มเธอไปจนถึงริมหน้าต่างสูงของห้องม่านบางไหวเบาในยามค่ำคืนที่ฝนเพิ่งหยุดตกแสงจากตึกสูงด้านนอกทาบผ่านกระจกใสสะท้อนแผ่นหลังเธอ“อย่าหนีแสง…ให้มันเห็น” เสียงกระซิบติดกลืนหายใจเขาวางเธอลงชิดบานกระจกเย็นเฉียบ ร่างเปลือยเปล่าสั่นสะท้านเมื่อผิวหลังแตะกระจกเธอสะดุ้งน้อยๆ ความเย็นบาดผิว แต่ขณะเดียวกัน มือร้อนผ่าวของเขาก็ลากผ่านต้นขา ไล่ขึ้นสูงเรื่อยๆ อย่างเชื่องช้าและมั่นคงเหมือนเปลวเ
บรรยากาศในออฟฟิศเปลี่ยนไปทันทีที่คิรันกลับมาทำงานหลังวันหยุดยาว—และไม่ใช่แค่เพราะออร่าความเคร่งขรึมของเขาเท่านั้นแต่เพราะทุกคนเริ่มสังเกตเห็นว่าเขา...เปลี่ยนไปโดยเฉพาะกับเธอ“ไอรีน”หญิงสาวที่ก่อนหน้านี้ดูจะถูกดุรายวัน ถูกเพ่งเล็งเหมือนจะพลาดทุกลมหายใจแต่ตอนนี้กลับได้รับสายตาเรียบสงบจากเจ้านายที่ปกติจะไม่แย้มแม้แต่นิดถึงปากเขาจะยังเฉียบคม แต่แววตาที่มองเธอกลับอบอุ่นกว่าที่ใครเคยเห็นคิรันยังคงเป็นคิรัน—เข้มงวด ดุดัน และไร้ช่องโหว่แต่กับเธอ...เขาเริ่มยอมให้ความอ่อนโยนบางอย่างเล็ดลอดออกมาโดยไม่รู้ตัว“เอกสารเช้านี้มีตรงไหนไม่เข้าใจไหม?”น้ำเสียงของเขาฟังดูเหมือนเดิม แต่ธันวาในฐานะเลขาคู่ใจรู้ดีน้ำเสียงแบบนี้...คิรันไม่เคยใช้กับใครมาก่อนเขามองเจ้านายของเขาอย่างแปลกใจในตอนแรกแต่เมื่อเห็นรอยยิ้มบาง ๆ ที่หลุดออกมาเมื่อไอรีนพยักหน้าแบบเก้ ๆ กัง ๆธันวากลับรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกเหมือนเห็นดอกไม้บานกลางฤดูหนาวเหมือนเห็นแสงอาทิตย์ลอดผ่า
เช้าวันจันทร์ในออฟฟิศสำนักงานใหญ่ของ วัชรานนท์ กรุ๊ป ดูเงียบกว่าปกติ แต่ในความเงียบนั้นกลับอบอวลไปด้วยบรรยากาศแปลกใหม่ที่ทำให้ ธันวา เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจไม่ใช่เพราะบรรยากาศงานเปลี่ยนไม่ใช่เพราะพนักงานใหม่เดินเพ่นพ่านแต่เป็นเพราะ...เจ้านายของเขาดูอารมณ์ดีผิดปกติไม่ใช่ดีแบบยิ้มแย้มแจ่มใส เพราะคนอย่าง คิรัน วัชรานนท์ ไม่รู้จักคำว่ายิ้มง่ายอยู่แล้ว แต่ธันวาสังเกตว่าเช้านี้เจ้านายเขาไม่ปาแฟ้ม ไม่ขมวดคิ้วกับสไลด์พรีเซนต์ที่ฟอนต์ไม่เท่ากัน และที่สำคัญ...ยังเปิดประตูรับคนเพียงคนเดียวไอรีนผู้หญิงคนนั้น...ผู้ช่วยส่วนตัวคนล่าสุดของท่านประธาน ผู้หญิงที่กล้าปะทะสายตาและคำพูดเย็นเฉียบโดยไม่ถอย และยังอยู่รอดปลอดภัยได้มานานกว่าใครในรอบหลายปีธันวายืนมองหญิงสาวในชุดเดรสสีเรียบ กับทรงผมรวบสูงที่เผยความมั่นใจเธอกำลังเดินถือแฟ้มแนบอกไปทางห้องประธานอย่างไม่รีบร้อน ไม่มีความกลัวในแววตาอีกต่อไปแล้วเขายิ้มตามอย่างห้ามไม่ได้“แบบนี้แหละที่เรียกว่า นายหญิงของจริง...”เขายกแก้วกาแฟขึ้นจิบอย่างอารมณ์ดี
บรรยากาศในห้องทำงานชั้นบนสุดของ “วัชรานนท์ กรุ๊ป” เงียบสงบจนผิดปกติ แต่ความเงียบนั้นไม่ได้เกิดจากการขาดงานของใคร หากแต่เป็นเพราะ เจ้าของห้อง...เดินออกไปติดตามใครบางคนแทบจะตลอดวัน"เธออยู่ไหน ฉันไปด้วย""ประชุมใช่ไหม เดี๋ยวฉันนั่งรอ""เลิกงานแล้ว? เดี๋ยวไปรับ"...คำพูดที่คิรันไม่เคยพูดกับใคร กลับกลายเป็นสิ่งที่ ไอรีน ได้ยินทุกวันในช่วงหลังและที่มากกว่านั้น—เขายัง “ทำ” ตามที่พูด...ไม่ขาดตกแม้แต่วันเดียวจากคนที่เคยเย็นชา กลับกลายเป็น เงาตามติด ที่ไอรีนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้แต่สิ่งที่ทำให้เธอหวั่นไหวที่สุดไม่ใช่การตามติดแต่เป็น “ความใส่ใจเงียบ ๆ” ที่เขาไม่เคยพูด...แต่ลงมือทำทุกครั้งโดยไม่บ่นแม้แต่น้อยเสื้อโค้ตตัวหนาที่เขาคลุมให้ของกินยามดึกที่เธอชอบแต่ไม่เคยบอกใครและการนั่งรอเธอจนดึกดื่นโดยไม่บ่นแม้สักคำเดียวแต่ถึงอย่างนั้น..."นายยังดูเครียดอยู่นะครับ..."เสียงของธันวาดังขึ้นหลังจากเขาโดนเรียกตัวเข้าพบทันทีที่ไอรีนเดินพ้นสายตา
แม้จะไม่มีใครออกปากพูดตรง ๆแต่ทุกคนในบริษัทวัชรานนท์ กรุ๊ป ก็รับรู้ได้ชัดเจน—ว่าบรรยากาศที่ตึงเครียดในชั้นบริหาร...เปลี่ยนไปทุกอย่างเริ่มมีสี...สีชมพูจาง ๆ ที่เคลือบเคลื่อนอยู่ในอากาศตั้งแต่วันที่คิรันประกาศด้วยสายตาและการกระทำ ว่า“ไอรีน คือผู้หญิงของเขา”เขาไม่ได้พูดบ่อยแต่ทุกการกระทำ กลับชัดเจนจนไม่มีใครกล้าตั้งคำถามอีกไอรีนในชุดสูทเรียบหรู เดินเคียงข้างเขาในงานเปิดตัวแบรนด์ใหม่ไอรีนที่เขาคอยตักอาหารให้ในห้องประชุมเล็กหลังเลิกงานไอรีนที่เขายืนรอหน้าลิฟต์ทุกเช้า—ทั้งที่คนอย่างเขาไม่เคยรอใครแม้จะยังมีเสียงซุบซิบนินทาอยู่บ้าง ว่าผู้หญิงอย่างเธอ...ไม่คู่ควรกับคนอย่างเขาแต่เสียงเหล่านั้นกลับเบาลงอย่างรวดเร็ว—เพราะถ้า “เขา” รู้เข้า...ไม่ใช่แค่โดนตำหนิ แต่ “โดนไล่ออก” แบบไม่มีข้อแม้ธันวา...มือขวาคู่ใจของคิรันทำหน้าที่เหมือนเรดาร์ลับ คอยสแกนทุกคำพูด ทุกการเคลื่อนไหวและรายงานให้นายใหญ่รู้ก่อนจะมีใครทำเรื่อง “เกินข
ภายในห้องทำงานกว้างขวางของประธานหนุ่ม...บรรยากาศเย็นเฉียบอย่างผิดปกติคิรันนั่งพิงพนักเก้าอี้ ท่อนแขนแข็งแรงวางพาดบนโต๊ะไม้สักเรียบหรู ดวงตาคมดุดันจ้องออกไปนอกกระจกด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ทว่าในใจกลับปั่นป่วนราวพายุคลั่งเขาหันมาถามเสียงนิ่ง แต่แฝงด้วยแรงอารมณ์ที่พยายามเก็บซ่อนไว้“ไอรีนไปไหน”ธันวาชะงัก ก่อนตอบอย่างระวัง“เธอ...ได้ยินทุกอย่างที่คุณคุยกับคุณมายด์ครับ”คิรันนิ่งงัน มือที่วางอยู่บนโต๊ะกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ดวงตาแข็งกร้าวไหววูบด้วยความไม่พอใจ—แต่ไม่ใช่เพราะเธอแอบฟัง...แต่เพราะ เขาเผลอปล่อยให้เธอได้ยินสิ่งที่ไม่ควรได้ยินต่างหากในตอนที่เสียงของมายด์สะท้อนกลับมาในหัว เขาได้แต่กัดฟันแน่น รู้ดีว่าแค่ประโยคนั้น...อาจพังทุกอย่างที่เขากำลังสร้างกับเธอ“แล้วตอนนี้เธออยู่ไหน” เขาถามเสียงเย็นธันวาหลบตาเล็กน้อย “เธอลาครึ่งวัน...กลับบ้านครับ”เสียงรองเท้าหนังของคิรันกระทบพื้นอย่างหนักแน่นเมื่อเขาลุกพรวดจากเก้าอี้ ร่างสูงก้าวออกจากห้องทันทีด้วยท่าทีร้อนรนเห
เสียงเคาะประตูห้องพักดังสนั่นกลางดึกจนชั้นทั้งชั้นแทบสั่นสะเทือน ไอรีนสะดุ้งเฮือก ลุกจากเตียงด้วยหัวใจเต้นโครมคราม เธอรู้ว่าเป็นใคร ไม่ต้องมองช่องตาแมวก็รู้“เปิดเดี๋ยวนี้นะไอรีน!” น้ำเสียงทุ้มต่ำแหบพร่าจากฤทธิ์แอลกอฮอล์และอารมณ์ที่พุ่งทะลุขีดเดือดตะโกนกร้าวอยู่หน้าห้องคนในห้องใกล้เคียงเริ่มโผล่หน้ามาโวยวาย บางคนตะโกนด่า บางคนโทรแจ้งนิติ แต่คิรันไม่สนอะไรทั้งนั้น เขาเคาะแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนเหมือนประตูจะหลุดออกจากบานพับไอรีนกัดริมฝีปากแน่น หัวใจเธอสั่นคลอนกับเสียงนั้น... เสียงของเขา คนที่เธอพยายามจะลืม คนที่เธอพยายามจะไม่รู้สึกอะไรด้วยอีกแล้วแต่สุดท้าย... เธอก็ต้องยอมเปิดประตูเสียงประตูที่ปิดลงอย่างแรงสะท้อนก้องไปทั้งห้องในค่ำคืนที่เงียบสงัด ก่อนที่แรงกระชากจากแขนแกร่งจะดึงเธอเข้าไปปะทะแผงอกแน่นราวกำแพงเหล็ก ไอรีนหอบหายใจเบา ๆ เมื่อกลิ่นแอลกอฮอล์ผสมกลิ่นน้ำหอมประจำตัวของเขาอวลอยู่เต็มโพรงจมูก“คุณบ้าไปแล้วเหรอ? นี่มันกี่โมงแล้วรู้ไหม!?”“กี่โมงก็ช่างแม่ง!” คิรันเข้ามาใกล้จนปลายจมูกแทบชนกัน“เธอคิดว่าฉันจะยอมให้เธอเมินหน้าหนีฉั
เสียงประตูห้องทำงานด้านหลังปิดลงอย่างเงียบงัน แต่บรรยากาศกลับอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก ไอรีนก้าวกลับมาที่โต๊ะทำงานของตัวเองที่ตั้งอยู่ด้านหน้าห้องของคิรันอย่างไร้เรี่ยวแรง ภายในใจยังคงสั่นสะท้านจากคำพูดเย็นชาที่ชายหนุ่มใช้กับเธอเธอค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่ง แล้วหยิบกล่องเล็ก ๆ ใต้โต๊ะขึ้นมา ก่อนจะเริ่มเก็บของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ในงานตอนนี้—กรอบรูปเล็ก ๆ สมุดบันทึก ปากกาประจำตัว กล่องขนมเล็ก ๆ ที่เธอเอาไว้วางบนโต๊ะ...เธอแค่... เตรียมตัวเพราะสัญญาจ้างของเธอกำลังจะหมด และคิรัน... เขาก็คงไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงที่ทำให้ชื่อเสียงของบริษัทเขาสั่นคลอนอีกต่อไป“ไอรีน?”เสียงทุ้มเรียบของธันวาดังขึ้นใกล้ ๆ เขาเดินตรงเข้ามาหาด้วยสีหน้าวิตกอย่างเห็นได้ชัด“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ?”ไอรีนชะงักมือวางกล่องลงก่อนจะยิ้มบาง ๆ พลางส่ายหน้า“เปล่าค่ะ แค่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสัญญากำลังจะหมด เลยคิดว่า... ถ้าเคลียร์ของไว้บ้างก็คงดี เวลาต้องไปจริง ๆ จะได้ไม่วุ่นวาย”ธันวานิ่งไป รู้ดีว่านั่นไม่ใช่เหต
เสียงส้นรองเท้าหนังราคาแพงกระทบพื้นกระเบื้องเรียบหรูดังกังวานไปทั่วโถงออฟฟิศเงียบสงบ คิรันเดินกลับเข้ามาหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมข้างนอก ใบหน้าคมเฉียบที่มักเรียบเฉยตลอดเวลา ทว่าในแววตาเย็นชานั้นกลับซ่อนประกายเหนื่อยล้าเล็กน้อยจากการประชุมที่ยาวนานขณะที่เขากำลังจะเดินเลี้ยวไปยังห้องทำงาน เสียงพูดคุยเบา ๆ ของพนักงานหญิงสองคนบริเวณมุมโต๊ะใกล้เครื่องถ่ายเอกสารทำให้ฝีเท้าของเขาหยุดชะงักลงโดยไม่รู้ตัว“ฉันบอกเลยนะว่าเห็นกับตา... ไอรีนเดินไปหาคุณภาคิน! พูดอะไรไม่รู้เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ด้วยอะ” หญิงสาวคนหนึ่งพูดพลางขยับริมฝีปากแนบหูเพื่อนอย่างตื่นเต้น“จริงเหรอ? หรือว่าเธอจะหว่านเสน่ห์อีกคน? ไม่แปลกหรอก ดูเธอสิ...สวย แถมยังรู้ว่าต้องใช้หน้าตาทำอะไรได้บ้าง” อีกคนรับลูกเสียงสูง ก่อนหัวเราะคิกคิรันยืนนิ่ง ริมฝีปากบางเม้มแน่น ความรู้สึกบางอย่างแล่นวูบขึ้นในอก มือที่ถือแฟ้มอยู่บีบแน่นจนเส้นเลือดปูดนูนชัดหัวใจเริ่มเต้นแรงโดยไม่มีเหตุผลเขากำลังจะสาวเท้าเข้าไปจัดการพนักงานสองคนนั้นด้วยตัวเอง หากแต่เสียงแหลมสูงตวาดขึ้นมาก่อน
เสียงปิดประตูดัง ปัง! กลบความเงียบของห้องคอนโดหรูไปชั่วขณะ ก่อนที่ความเงียบเดิมจะกลับมาอีกครั้ง หนักหนายิ่งกว่าเดิมไอรีนยืนนิ่งอยู่กลางห้อง สองมือกำแน่นข้างลำตัว ดวงตาที่เคยแข็งกร้าวบัดนี้เริ่มสั่นไหว น้ำตาเอ่อคลอเต็มหน่วยตากลม“คุณไม่เชื่อใจฉันเหรอ?” เสียงของเธอเบา...แต่ชัดเจน เจ็บ...แต่ตรงไปตรงมาคิรันที่ยืนหันหลังอยู่ชะงักไปชั่วครู่ หัวใจของเขากำลังตีกันวุ่นวาย ทั้งโกรธ ทั้งเจ็บ ทั้งหึง ทั้งหวง ทั้งระแวง และที่สำคัญ...เขากลัวกลัวว่าจะรักเธอมากไปอีกกลัวจะเสียเธอไปกลัวว่าอดีตที่เคยเจ็บ จะย้อนกลับมาเล่นงานซ้ำอีกครั้ง...เขายังจำแววตาหลอกลวงในอดีต...ที่ทำให้เขาไม่เหลือแม้แต่ศรัทธาในความรัก นั่นแหละ...มันกำลังจะกลับมาเล่นงานเขาอีกครั้งแต่สิ่งที่เขาทำได้...คือความเงียบสายตาที่เขาหันกลับมามองเธอเย็นชาไร้แวว เหมือนคนไม่รู้จักกันมาก่อนดวงตาคู่นั้นปวดร้าวราวกับมีบางอย่างถูกฉีกขาด หญิงสาวเม้มปากแน่น กลืนก้อนสะอื้นลงคออย่างยากเย็น แล้วเบือนหน้าหนี ทำท่าจะเดินไปที่ประตู“จะไปไหน?”
หลังจากคืนที่เธอแทบจะถูกกลืนกินไปทั้งร่างในอ้อมแขนของเขา คิรันก็ไม่ปล่อยให้ไอรีนคลาดสายตาอีกเลย เขาบังคับให้เธอย้ายกลับมาอยู่กับเขาที่คอนโดฯ โดยมีเงื่อนไขที่ชัดเจนว่า“ถ้าเธอจะออกไปทำงานนอกสถานที่ เขาจะเป็นคนไปรับไปส่งเองเท่านั้น”ไอรีนไม่กล้าเถียง แม้จะไม่ชอบที่ถูกควบคุมขนาดนี้ แต่ก็รู้ดีว่าเขาไม่ใช่คนที่ยอมอ่อนข้อให้ใครง่าย ๆ และที่สำคัญ เธอยังไม่พร้อมจะเดินออกมาหลังจากคืนนั้น ร่างกายและหัวใจของเธอยังสั่นไหวไม่หาย แม้จะพยายามหลบตาเขา แต่ทุกเช้าเธอก็ยังตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของเขาเสมอแต่คนที่ปวดหัวที่สุดกลับเป็นธันวา ผู้ช่วยที่ต้องคอยตามเก็บงานและแก้ไขทุกอย่างหลังจากที่คิรันทิ้งประชุมหรือหายตัวไปเฝ้าไอรีนกลางงานไซต์โปรเจกต์ใหญ่“คุณคิรันครับ ผมเข้าใจว่าคุณเป็นห่วง แต่ถ้าคุณยังหายไปแบบนี้บ่อย ๆ อีกไม่กี่วันนักลงทุนจะเริ่มถอนตัวนะครับ”คิรันเพียงปรายตาใส่ธันวา ไม่พูดอะไร แต่ในที่สุดก็เริ่มยอมลดการประกบไอรีนลงเล็กน้อย โดยเลือกกลับมาเคลียร์งานที่กองพะเนินไว้แทน เขาคิดว่าเรื่องมันคงจบแล้วเมื่อภาคินเงียบหายไป ไม่มีวี่แววจะกลับมายุ่
เสียงปิดประตูดัง “ปัง!” ก้องสะท้อนทั่วห้องนอนกว้าง ก่อนที่ร่างสูงของคิรันจะกระชากไหล่ไอรีนเข้าหาตัวแรง ๆ จนแผ่นหลังของเธอกระแทกกับบานประตูที่ยังสั่นสะเทือนไม่หาย"อย่าทำหน้าแบบนั้นกับคนอื่นอีก..."เสียงเขาต่ำแหบพร่า ใกล้เกินจนปลายจมูกเขาเฉียดกับแก้มเธอ"คุณกำลังพูดเรื่อง—""เธอรู้ดีอยู่แก่ใจว่าฉันพูดเรื่องอะไร!"มือหนารั้งข้อมือเธอขึ้นตรึงไว้เหนือศีรษะ ก่อนที่ริมฝีปากร้อนจัดจะกดลงที่ซอกคอเธอแรงจนเธอสะดุ้งสุดตัว“คิรัน… อย่า—”"ไม่มีคำว่าอย่าในคืนนี้ เธอไม่มีสิทธิ์หนีจากฉันอีก ไม่แม้แต่จะมองคนอื่น"เขาตะคอกด้วยเสียงพร่า ขณะที่มืออีกข้างล้วงเข้าใต้เสื้อของเธอ ไล้ปลายนิ้วลากผ่านผิวเปลือยเปล่าช้า ๆ ก่อนจะขย้ำเนื้อเนียนด้วยความหึงหวงที่แทบจะคลั่ง"ของของฉัน ต้องเป็นของฉันคนเดียว!"เสียงฟืดของเนื้อผ้าถูกฉีกขาดจากเสื้อเชิ้ตของเธอดังลั่น ไอรีนหอบหายใจอย่างสั่นเทา เมื่อผิวกายเปลือยเปล่าท่อนบนถูกสายตาคมเข้มกวาดมองด้วยความหิวกระหาย เขาจ้องเธอราวกับจะกลืนกินทั้งตัว"คุณมัน..."
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น... ภาคินดูจะยิ่งได้ใจ เขาเริ่มเข้ามาวนเวียนใกล้ไอรีนมากขึ้น ราวกับจงใจแสดงตัวต่อหน้าคิรันอย่างท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นในที่ประชุม ห้องทำงาน หรือแม้แต่ช่วงพักเบรก เขาก็หาเรื่องเข้ามาคุยกับเธออยู่เสมอเย็นวันหนึ่ง ขณะที่ทุกคนเริ่มทยอยกลับบ้าน ภาคินก็เดินเข้ามาหาไอรีนพร้อมรอยยิ้มประจำตัว“ว่าไงคนเก่ง วันนี้เลิกงานเร็วหรือเปล่า? ไปทานข้าวกับฉันหน่อยสิ ถือว่าเป็นการคุยงานนอกสถานที่”ไอรีนชะงัก เหลือบมองเขาด้วยสายตาระวัง “เอ่อ...ฉันยังไม่แน่ใจนะคะ ว่าคืนนี้จะว่างหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ฉันรอได้” ภาคินตอบหน้าตาเฉย “งานที่เราทำด้วยกันยังต้องคุยรายละเอียดอีกเยอะ ฉันจองห้องอาหารไว้แล้วที่โรงแรม Vellare ชั้นบนสุด วิวสวยมาก รับรองว่าคุ้มกับเวลาคุณแน่นอน”เขายิ้มเจ้าเล่ห์ ราวกับรู้ว่าเธอไม่มีข้ออ้างไหนมาปฏิเสธได้ง่าย ๆธันวาที่เดินผ่านมาเห็นภาพนั้นพอดี เขาชะงักไป ก่อนจะเร่งฝีเท้าเข้ามาทันที“คุณไอรีนครับ” เขาเรียกเสียงจริงจัง “คุณคิรันบอกให้ผมมารับกลับพร้อมกัน...&rd
เสียงรองเท้าหนังราคาแพงกระทบพื้นหินอ่อนดังก้องไปทั่วโถงรับแขกของบริษัท ดวงตาคมของคิรันเหลือบมองชายที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าอย่างเฉยชา แววตาที่เคยคุ้นในอดีตกลับกลายเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยต้องการเห็นอีกในชีวิตนี้“ภาคิน”ชื่อที่คิรันไม่อยากแม้แต่จะนึกถึง หลุดออกมาจากริมฝีปากของธันวาที่เดินตามหลังมา สีหน้าของคิรันยังคงเย็นชา ขณะที่ภาคินเดินเข้ามาใกล้ ยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สา“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ คิรัน... นายยังดูเอาแต่ใจเหมือนเดิมเลย” ภาคินเอ่ยเสียงนุ่ม แต่แฝงไว้ด้วยความหยิ่งผยองที่คิรันรู้จักดี“ถ้าไม่มีเรื่องธุรกิจ ก็ไม่จำเป็นต้องพูด” คิรันตอบเสียงต่ำ ดวงตาดำลึกไร้อารมณ์ แต่แฝงความอึดอัดไว้เต็มอก“ใจเย็นสิ ฉันมาในฐานะหุ้นส่วนใหม่ของบริษัทย่อยที่นายกำลังจะร่วมลงทุน... หรือไม่ต้อนรับกันแล้ว?” ภาคินเลิกคิ้ว พร้อมส่งแฟ้มเอกสารให้เลขาคิรันไม่แม้แต่จะมองแฟ้ม เพียงแค่ปรายตามองเขาแล้วหันหลังเดินนำเข้าไปในห้องประชุม โดยไม่ลืมบอกธันวาเสียงเรียบ“ให้ไอรีนมาเข้าร่วมด้วย”ธันวาชะงักไปเล็ก
ภายในห้องทำงานกว้างขวางของประธานหนุ่ม...บรรยากาศเย็นเฉียบอย่างผิดปกติคิรันนั่งพิงพนักเก้าอี้ ท่อนแขนแข็งแรงวางพาดบนโต๊ะไม้สักเรียบหรู ดวงตาคมดุดันจ้องออกไปนอกกระจกด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ทว่าในใจกลับปั่นป่วนราวพายุคลั่งเขาหันมาถามเสียงนิ่ง แต่แฝงด้วยแรงอารมณ์ที่พยายามเก็บซ่อนไว้“ไอรีนไปไหน”ธันวาชะงัก ก่อนตอบอย่างระวัง“เธอ...ได้ยินทุกอย่างที่คุณคุยกับคุณมายด์ครับ”คิรันนิ่งงัน มือที่วางอยู่บนโต๊ะกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ดวงตาแข็งกร้าวไหววูบด้วยความไม่พอใจ—แต่ไม่ใช่เพราะเธอแอบฟัง...แต่เพราะ เขาเผลอปล่อยให้เธอได้ยินสิ่งที่ไม่ควรได้ยินต่างหากในตอนที่เสียงของมายด์สะท้อนกลับมาในหัว เขาได้แต่กัดฟันแน่น รู้ดีว่าแค่ประโยคนั้น...อาจพังทุกอย่างที่เขากำลังสร้างกับเธอ“แล้วตอนนี้เธออยู่ไหน” เขาถามเสียงเย็นธันวาหลบตาเล็กน้อย “เธอลาครึ่งวัน...กลับบ้านครับ”เสียงรองเท้าหนังของคิรันกระทบพื้นอย่างหนักแน่นเมื่อเขาลุกพรวดจากเก้าอี้ ร่างสูงก้าวออกจากห้องทันทีด้วยท่าทีร้อนรนเห