เย็นวันนั้น ท้องฟ้าคลุมด้วยเมฆหม่น เหมือนเป็นลางไม่ดีตั้งแต่แรก
เสียงฝีเท้าหนักแน่นของคิรันก้องสะท้อนในโถงคอนโดหรู เขาลากไอรีนที่ขัดขืนเบา ๆ ตามติดมาด้วยท่าทีเงียบขรึมไม่พูดไม่จา มือหนาบีบข้อมือเธอแน่นจนแทบระบม แต่ไอรีนไม่เอ่ยปากร้องสักคำ สีหน้าเธอเย็นชาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ทุกอย่างเหมือนเดิมเหมือนหลายคืนที่ผ่านมา—แต่คืนนี้แตกต่าง
เพราะคนที่ยืนรออยู่ในห้องคือ 'มายด์' ผู้หญิงที่คิรันเคยเมินเฉยไม่ไยดี
"พี่คิรัน..." มายด์ยิ้มดีใจเมื่อเห็นเขา แต่รอยยิ้มกลับชะงักค้าง เมื่อสายตาเหลือบมาเห็นไอรีนที่ยืนอยู่ข้างกายชายหนุ่ม
บรรยากาศในห้องอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก
คิรันไม่แม้แต่จะเหลือบมองไอรีนด้วยซ้ำ เขาก้าวเข้าไปหามายด์ตรง ๆ โน้มตัวลงกระซิบข้างหูหญิงสาวร่างบาง พร้อมกับรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมที่ไม่เคยมีใครได้เห็นมาก่อน
"นั่งลง กินข้าวด้วยกัน"
น้ำเสียงสั่งการเย็นเยียบไม่เปิดโอกาสให้ใครปฏิเสธ
โต๊ะอาหารถูกจัดวางอย่างพิถีพิถัน มีเทียนไขกับไวน์ราคาแพง ไอรีนนั่งลงตามคำสั่ง ทั้งที่มือเย็นเฉียบเหมือนถูกแช่แข็ง
เธอไม่ถาม ไม่พูด ไม่แม้แต่จะสบตากับเขา
คิรันนั่งลงข้างมายด์
แขนแข็งแรงโอบไหล่หญิงสาวอย่างจงใจให้ไอรีนเห็น
ทุกการกระทำเหมือนเขาใช้มีดกรีดหัวใจเธออย่างเลือดเย็น
"มายด์..." เสียงทุ้มต่ำของเขาเอ่ยชื่ออีกฝ่ายอย่างอ่อนโยนผิดปกติ มือหนายกแก้วไวน์ให้เธอ ก่อนจะเทเครื่องดื่มลงจนเต็ม
ไอรีนเงียบ
เธอก้มหน้าจับส้อมในมือตัวเองแน่น ไม่ใช่เพราะโกรธ แต่เพราะไม่อยากให้เขาเห็น...ว่าน้ำตาของเธอกำลังเอ่อคลอที่ขอบตา
"พี่คิรันคะ... ไม่นึกเลยว่าจะมีโอกาสแบบนี้" มายด์แกล้งหัวเราะหวานหยด พลางเอนตัวซบเขาอย่างเปิดเผย
ชายหนุ่มไม่ขยับหนี
ตรงกันข้าม เขาปล่อยให้มายด์ซบอยู่อย่างนั้นเหมือนจะตอกย้ำให้ไอรีนได้รู้ว่า
เธอไม่มีความหมายอะไรอีกต่อไป
แต่ลึกลงไปในอก เขากลับรู้สึกเหมือนเป็นฝ่ายกำลังถูกฉีกออกเป็นเสี่ยง ๆ เองเช่นกัน
ทุกจานอาหารวางตรงหน้า ล้วนเต็มไปด้วยรสชาติขมขื่น ไอรีนตักอาหารเข้าปากเหมือนหุ่นยนต์ ไม่รู้สึกแม้กระทั่งว่ากินอะไรอยู่
สายตาคมดุของคิรันเหลือบมองเธอเป็นระยะ
แม้จะไม่พูด แต่ไอรีนรับรู้ได้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่เขาตั้งใจโยนใส่เธอทุกวินาที
เมื่ออาหารมื้อเย็นสิ้นสุดลง
คิรันลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มองไอรีนด้วยสายตาเย็นชาแต่ไม่ไร้ความหมาย
"ฉันจะไปส่งมายด์ที่คอนโด" เขาพูดนิ่ง ๆ
เสียงทุ้มต่ำดังก้องในห้องเงียบสงัด
ไอรีนเงยหน้าขึ้นสบตาเขาตรง ๆ เป็นครั้งแรกในค่ำคืนนี้
สายตาของเธอแข็งกร้าว เย็นชา...และไม่แตกสลายเหมือนครั้งก่อน
"แล้วคืนนี้... ฉันไม่กลับ" คิรันกระซิบชัดถ้อยชัดคำ จงใจหยามศักดิ์ศรีเธออย่างเลือดเย็นที่สุด
เงียบ
บรรยากาศรอบตัวเหมือนถูกแช่แข็ง
แต่ไอรีนเพียงแค่พยักหน้าเบา ๆ ริมฝีปากบางกระตุกยิ้มเย็นชา ก่อนเอ่ยออกมาอย่างเรียบเฉย
"เชิญตามสบายค่ะ"
เพียงเท่านั้น เธอก็ลุกขึ้น ก้าวผ่านหน้าทั้งสองไปอย่างสง่างาม โดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไปมอง
หัวใจเธอเหมือนถูกฉีกออกเป็นเสี่ยง ๆ
แต่ไอรีนไม่ยอมให้เขาเห็นความอ่อนแออีกต่อไปแล้ว
ไม่ว่าเธอจะรักเขามากแค่ไหนก็ตาม
ค่ำคืนนั้นผ่านไปอย่างเชื่องช้าและหนักอึ้ง
ไอรีนนั่งเหม่อลอยอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง มองแสงไฟจากตึกสูงนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย หัวใจของเธอแตกสลายจนไม่หลงเหลือความอบอุ่นอีกต่อไป
แต่ในความเจ็บปวดนั้นเอง สมองของเธอกำลังครุ่นคิดอย่างจริงจัง... ว่าเธอควรทำอย่างไรต่อไป
ในขณะเดียวกัน
คิรันส่งมายด์กลับคอนโดตามที่บอก
มายด์พยายามยื้อเวลา ยั่วเย้าเขาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย มือบางไล้ต้นแขนเขาเชิญชวนให้ขึ้นห้องอย่างยั่วยวน
"ค้างกับมายด์สิคะคืนนี้..." น้ำเสียงออดอ้อนแทบทำให้คนทั่วไปสั่นไหว
แต่คิรันเพียงแค่กระตุกยิ้มเย็นชา ก่อนจะผลักมือเธอออกเบา ๆ
"ไม่จำเป็น"
คำตอบสั้น ๆ แต่ฟาดหน้าเธอเหมือนตบด้วยสากเหล็ก
เขาหันหลังเดินจากไป ทิ้งให้มายด์ยืนกัดริมฝีปากแน่นด้วยความอับอายและเจ็บใจ
สุดท้ายคิรันเลือกจะไปนั่งดื่มเหล้าจนเมาที่ผับคนเดียว ปล่อยตัวเองจมอยู่กับความโกรธ ความผิดหวัง และความรู้สึกโหวงในอก
กระทั่งธันวาต้องมาตามกลับ
"คุณคิรัน พอก่อนเถอะครับ..." ธันวาหยิบแก้วเหล้าออกจากมือเขา
"กลับคอนโด" ธันวาพยายามโน้มน้าว
แต่คิรันตวัดสายตาเย็นชากลับมา "คืนนี้ฉันยังไม่กลับ... ฉันต้องการให้เธอเจ็บเหมือนที่ฉันเจ็บ"
น้ำเสียงแผ่วต่ำเต็มไปด้วยพิษร้ายที่กัดกร่อนหัวใจตัวเองไม่แพ้กัน
แม้ธันวาจะพยายามเตือนให้เขาคิดดี ๆ
แต่คิรันยังคงดื้อรั้น เชื่อในสิ่งที่มายด์กรอกหูมา
รุ่งเช้า
ไอรีนปรากฏตัวที่บริษัทตามปกติ
สีหน้าของเธอนิ่งสนิทเย็นชา ก้าวเดินไปยังโต๊ะทำงานอย่างสง่างาม
เมื่อเดินสวนกับคิรันที่ยืนกอดอกอยู่หน้าห้องประชุม
เขาเอ่ยเรียกเสียงเข้ม
"ไอรีน หยุด"
แต่ไอรีนไม่แม้แต่จะหันมอง เธอก้าวผ่านเขาไปเหมือนเขาไม่มีตัวตน
ความเงียบอึดอัดปกคลุมทั่วทั้งชั้น คนในออฟฟิศแทบไม่กล้าหายใจ
ทุกสายตาจับจ้องความผิดปกติระหว่างทั้งคู่ ยกเว้นเพียงมายด์และภาคินที่มองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้มเยาะ
ทั้งวันนั้น คิรันรู้สึกเหมือนถูกตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ไม่ว่าเขาจะเดินผ่านไอรีนกี่ครั้ง เธอก็ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนเหมือนกันทุกครั้ง
ความอดทนของเขากำลังถูกฉีกกระชากจนขาดสะบั้น
เมื่อถึงเวลาเลิกงาน
คิรันไม่รอช้า มือใหญ่ชะงักไปเสี้ยววินาที ก่อนที่อารมณ์กราดเกรี้ยวจะไหลทะลักจนเขาควบคุมไม่อยู่
เขากระชากแขนไอรีนอย่างแรง ลากเธอขึ้นรถพากลับคอนโดทันที ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของพนักงานหลายคน
พอเข้าห้องได้ คิรันกระแทกประตูปิดเสียงดัง
ใบหน้าคมเข้มบิดเบี้ยวด้วยความโกรธเกรี้ยว
"คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะล้างความผิดของตัวเองได้เหรอ!?"
เสียงคำรามของเขาแทบทำให้ผนังสะเทือน
"คิดจะทำอะไรอีก หา!?" เขาตวาดใส่เธอจนตัวสั่น
ไอรีนยืนนิ่ง
ดวงตาใสวับวาวไปด้วยน้ำตาที่กักเก็บมาเนิ่นนาน แต่เธอไม่ยอมให้น้ำตาไหลลงมา
ริมฝีปากบางสั่นระริก
ก่อนจะกลั้นใจพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นแต่หนักแน่น
"ฉันจะไม่ทนกับพฤติกรรมแบบนี้อีกแล้ว...ฉันต้องการออกไปจากตรงนี้"
คิรันกำมือแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนที่หลังมือ
ดวงตาคมกริบฉายแววเจ็บปวดรุนแรงเหมือนถูกมีดกรีดซ้ำ
"เธอ...คิดจะทิ้งฉันไปเหรอ?"
เสียงเขาแหบพร่าแตกพร่าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ไอรีนเงยหน้าขึ้นสบตาเขาตรง ๆ
ไม่มีความกลัว
ไม่มีความลังเล
"ใช่..."
เธอตอบหนักแน่น
"...ฉันจะไปจากคุณ"
เสียงประโยคนั้นเหมือนฟ้าผ่าใส่หัวใจคิรันกลางอก
ทำให้เขายืนนิ่งเหมือนถูกตรึงด้วยโซ่ที่มองไม่เห็น
ไอรีนไม่รอคำตอบ
เธอหมุนตัวเตรียมจะเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ และความว่างเปล่าที่กำลังกัดกร่อนหัวใจเขาอย่างไร้ความปรานี
เสียงเครื่องบดกาแฟทำงานดังครืดคราด ผสมกับเสียงพนักงานพูดคุยกันเบา ๆ ในร้านกาแฟของบริษัท ‘วัชรานนท์ กรุ๊ป’ ตึกสูงระฟ้ากลางใจเมืองที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจระดับประเทศไอรีน วรากร นักศึกษาปีสุดท้าย คณะสถาปัตย์ ทำงานพาร์ทไทม์ในคาเฟ่เพื่อส่งตัวเองเรียน เจ้าของความสูง 165 ซม. หุ่นดี ผิวขาวอมชมพู ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน ผมยาวตรงสีดำขลับ สาวน้อยกำลังง่วนอยู่กับการชงลาเต้ให้ลูกค้า มือเรียวสั่นเล็กน้อยจากความเหนื่อยล้า เพราะนี่เป็นกะเช้าของเธอที่เริ่มตั้งแต่หกโมงตรงเธอไม่รู้เลยว่าในวินาทีต่อมา โชคชะตาจะพลิกผันไปอย่างสิ้นเชิง…บรรยากาศในร้านที่เคยสงบเงียบเปลี่ยนไปทันทีเมื่อ ร่างสูงสง่าในชุดสูทแบรนด์หรู ก้าวเข้ามาในร้าน พร้อมกับออร่าอันเยือกเย็นและทรงพลัง พนักงานหลายคนรีบยืนตัวตรงแทบจะทันที บางคนก้มหน้า บางคนถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาด ๆคิรัน วัชรานนท์ วิศวกรหนุ่มหล่อ เจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์อันดับต้น ๆ ของประเทศ ‘วัชรานนท์ กรุ๊ป’ นักธุรกิจหนุ่มผู้ขึ้นชื่อเรื่องความโหด เถื่อน และไร
เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นกระเบื้องแกรนิตของตึก ‘วัชรานนท์ กรุ๊ป’ อย่างต่อเนื่อง ไอรีนเดินตามหลังร่างสูงสง่าไปด้วยความกดดัน แม้เธอจะมีความสูงพอสมควร แต่เมื่อเดินข้างคิรัน เธอกลับรู้สึกตัวเล็กลงไปถนัดตา ชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเลยตั้งแต่ออกจากร้านกาแฟ ทำให้บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความเงียบงันที่น่าอึดอัด“จะพาฉันไปไหนคะ?” ไอรีนอดถามขึ้นมาไม่ได้ ขณะที่กำลังขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนสุดของตึก“ห้องทำงานของฉัน” คิรันตอบเสียงเรียบ พลางกดรหัสลับเพื่อเข้าไปยังชั้นพิเศษไอรีนเม้มริมฝีปากแน่น ไม่กล้าถามอะไรต่อ แต่สมองของเธอเริ่มหาทางออกจากสถานการณ์นี้ต้องทำยังไงก็ได้… ให้ไม่ต้องทำงานกับเขา!เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก สายตาของเธอก็ปะทะเข้ากับสำนักงานที่กว้างขวาง หรูหรา เต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของไม้สนและหนังจากโซฟาหรูแตะจมูกของเธอ“คุณคิรัน?” เสียงทุ้มของชายอีกคนดังขึ้นมาจากห้องทำงานห้องเล็กห้องหนึ่งไอรีนหันไปมอง ก่อนจะพบกับชายหนุ่มร่างสูงอีกคนที่สวมสูทสีกรมท่า ดูภูมิฐานแต่อ่อนโย
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันของยามเช้า ไอรีนสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างตกใจ ร่างกายของเธอหนักอึ้งจากความเครียดและความกังวลเกี่ยวกับวันแรกของการทำงาน เธอถอนหายใจยาวก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันใหม่เมื่อเธอมาถึงบริษัทซึ่งเป็นตึกสูงระฟ้าในย่านธุรกิจ หัวใจของเธอเต้นแรง เธอก้าวเข้าไปในลิฟต์พร้อมกับพนักงานคนอื่น ๆ ที่ดูยุ่งอยู่กับโทรศัพท์มือถือหรือเอกสารในมือ บรรยากาศเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีใครพูดคุยกันมากนักไอรีนเดินเข้าไปในแผนกบริหาร ซึ่งเป็นพื้นที่ทำงานหลักของผู้ช่วยส่วนตัวของคิรัน เธอพบกับธันวา ผู้ช่วยคนเก่งของคิรันที่คอยแนะนำเธออย่างเป็นมิตร“คุณไอรีน คุณต้องเข้าไปพบคุณคิรันก่อนนะครับ” ธันวากล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ แต่แฝงด้วยความเห็นใจไอรีนพยักหน้าก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องทำงานของคิรัน ซึ่งกว้างขวางแต่กลับให้ความรู้สึกเย็นชา โต๊ะทำงานของเขาถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบไร้ที่ติ ไม่มีอะไรเกินจำเป็น ทุกอย่างดูเป็นทางการและสมบูรณ์แบบคิรันนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานของเขา ดวงตาคมกริบของเขาเงยขึ้นมามองเธอเพียงชั่วคร
วันถัดมาหลังจากการประชุมที่ตึงเครียดในบริษัท คิรันตัดสินใจให้ไอรีนเดินทางไปต่างประเทศด้วยกันเพื่อช่วยงานในโปรเจกต์สำคัญกับลูกค้ารายใหญ่ ไอรีนรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย เพราะไม่เคยคิดว่าเธอจะมีโอกาสได้ไปทำงานต่างประเทศกับคิรันและลูกค้าระดับนี้มาก่อนเช้าวันนั้น ไอรีนตื่นขึ้นมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ความตื่นเต้นปะปนกับความกังวลทำให้เธอรู้สึกเหมือนร่างกายต้องการจะออกวิ่งไปข้างหน้า แต่ใจกลับเต็มไปด้วยความกลัวว่าจะทำอะไรผิดพลาด การเดินทางครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหนๆ เพราะไม่เพียงแค่ต้องทำงานให้สำเร็จ แต่เธอยังต้องเจอกับคิรันที่เข้มงวดอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนเธอลุกจากเตียงอย่างรวดเร็วและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันสำคัญ ไอรีนเลือกใส่ชุดเดรสเรียบง่ายสีดำเข้มที่ดูสง่างาม ไม่หวือหวาเกินไปแต่ก็ยังคงดูดึงดูด สะท้อนความมั่นใจในตัวเอง แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับลูกค้าระดับสูงและคิรันที่เข้มงวด แต่เธอก็มั่นใจว่านี่คือการเลือกที่ดีที่สุดในการสะท้อนภาพลักษณ์ที่เธอต้องการแสดงออกการเดินทางไปสนามบินนั้นค่อนข้างเงียบสงัด บรรยากาศในรถเต็มไปด้วยความเงียบที่ไม่สามารถหลบหลีกได้ เสียงเครื่องปรับอ
บรรยากาศในงานเลี้ยงยังคงดำเนินไปอย่างคึกคัก แขกผู้มีเกียรติต่างพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างออกรส ไอรีนพยายามรักษาท่าทีและอยู่ใกล้คิรันให้มากขึ้น หลังจากที่ถูกเตือนเมื่อครู่ แต่ก็ยังอดรู้สึกอึดอัดกับท่าทีที่เขาแสดงออกมาไม่ได้เธอเดินหลบมุมออกมาจากกลุ่มลูกค้าคนสำคัญของบริษัท และบังเอิญได้พบกับกลุ่มนักธุรกิจที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรส พวกเขาเป็นกลุ่มสถาปนิกที่มีชื่อเสียง ซึ่งบังเอิญเป็นสายงานที่ไอรีนหลงใหลมาตลอด เธอเรียนสถาปัตย์ปีสุดท้ายแล้ว และมีความฝันที่จะเป็นสถาปนิกในอนาคต“คุณสนใจด้านการออกแบบสถาปัตย์เหรอ?” หนึ่งในนักธุรกิจเอ่ยถามหลังจากที่เธอเริ่มสนทนาเกี่ยวกับโครงสร้างอาคารเชิงนิเวศอย่างลืมตัว“ใช่ค่ะ ฉันกำลังศึกษาอยู่ปีสุดท้าย และหวังว่าจะได้ทำงานในสายนี้จริง ๆ” ไอรีนตอบด้วยดวงตาเป็นประกาย เสียงของเธอเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นและตื่นเต้นกลุ่มนักธุรกิจหัวเราะอย่างเป็นมิตร “น่าสนใจมาก! เรากำลังมองหาคนรุ่นใหม่ไฟแรงแบบคุณอยู่พอดี”เธอไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดของเธอและความสนใจของเธอไปกระทบสายตาของใครบางคนที่กำลั
เสียงดนตรีจากงานเลี้ยงยังคงก้องอยู่ในหัวของไอรีน แม้ว่าจะผ่านมาหลายวันแล้ว แต่ภาพคืนนั้นยังคงชัดเจนโดยเฉพาะ… คำพูดของเขา "เธอเป็นของฉัน"และรอยจูบที่จู่โจมอย่างเร่าร้อน…เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคิรันถึงทำแบบนั้น เขาไม่เคยแสดงออกถึงความสนใจในตัวเธอมาก่อนเลยสักครั้ง มีแต่ความเย็นชาและคำพูดเฉียบคมที่กดดันเธอตลอดเวลา แต่คืนนั้นเขากลับทำราวกับว่าเธอเป็นของเขาจริง ๆ คำพูดที่หนักแน่นและสายตาที่ไม่ยอมให้เธอปฏิเสธได้ยังคงตามหลอกหลอนเธอมันทำให้เธอรู้สึกสับสน… และหวั่นไหวเพราะแบบนั้น ไอรีนจึงตัดสินใจว่าเธอจะต้องตีตัวออกห่างจากเขาตั้งแต่เช้าวันแรกที่กลับมาทำงานหลังงานเลี้ยง ไอรีนก็เริ่มต้นแผนการหลีกเลี่ยงคิรัน เธอพยายามไม่เข้าไปในห้องทำงานของเขาโดยไม่จำเป็น และหากเขาเรียกพบ เธอจะพาธันวาเข้าไปด้วยเสมอเพื่อไม่ให้ต้องอยู่กับเขาตามลำพัง“พี่ธันวาคะ วันนี้ช่วยเข้าไปกับฉันหน่อยได้ไหมคะ?” ไอรีนถามพลางยิ้มหวานธันวาขมวดคิ้วก่อนจะพยักหน้า “ได้สิ แต่ทำไม—”“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่คิดว่าเราควรทำงา
ภายในห้องประชุมใหญ่ของบริษัท ทีมบริหารระดับสูงกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมสำคัญ ไอรีนเดินเข้ามาพร้อมกับแฟ้มเอกสารและตัวอย่างสินค้าหลายชิ้นในมือ เธอกัดฟันแน่น ขณะที่พยายามแบกรับน้ำหนักทั้งหมดไว้คนเดียว ไม่ต้องให้ใครช่วย — เธอทำได้แต่ยังไม่ทันจะถึงโต๊ะดี เท้าเล็กพลันสะดุดกับขอบพรมที่ไม่เรียบ สมดุลในร่างเธอเริ่มเสียไป หัวใจเธอหล่นวูบ แต่ยังไม่ทันจะล้มลง ร่างสูงของคิรันก็ก้าวเข้ามาทันเวลา มือหนาคว้าเอวของเธอไว้มั่นก่อนที่ร่างเธอจะกระแทกพื้นไอรีนเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มสบกับดวงตาคมกริบของเขา เธอรู้สึกถึงแรงกดเบา ๆ จากมือของเขาบนหน้าท้องของเธอ ร้อนจนเธอเผลอกลืนน้ำลายลงคอคิรันขมวดคิ้วเล็กน้อย กรามของเขากระตุกคล้ายกับกำลังหงุดหงิดอะไรบางอย่าง ก่อนที่เขาจะรีบปล่อยมือออกอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าไม่อยากแตะต้องเธอเกินความจำเป็น"เดินให้มันดี ๆ" คิรันเอ่ยเสียงต่ำไอรีนเม้มปาก เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรจะขอบคุณหรือไม่ แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร ธันวาเข้ามารับเอกสารจากมือเธอไป"คุณไอรีน ให้ผมช่วยเถอะครับ คุณถือเยอะเกินไปแล้ว"เธอขมวดคิ้ว ก่อ
เช้าวันแรกหลังจากที่คิรันกลับมาจากต่างประเทศ เขามาถึงบริษัทแต่เช้าตรู่ ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางแทบไม่อยู่ในสายตา เพราะสิ่งเดียวที่เขาสนใจคือ ‘เธอ’แต่ภาพตรงหน้าทำให้กรามของเขากระตุกแน่นไอรีนยืนคุยอยู่กับเพื่อนร่วมงานชายสองสามคน ท่าทางผ่อนคลาย รอยยิ้มของเธอดูสดใสในแบบที่เขาไม่เคยเห็นเวลาคุยกับเขา เธอหัวเราะเบา ๆ กับคำพูดของใครสักคน ร่างบางดูเป็นธรรมชาติ และแน่นอนว่าเป็นศูนย์กลางของบทสนทนามือของคิรันที่กำแฟ้มเอกสารแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ความไม่พอใจพุ่งขึ้นมาอย่างฉับพลัน ดวงตาคมกริบจับจ้องไปที่เธอและผู้ชายพวกนั้น มันควรจะเป็นเขาที่ได้รับรอยยิ้มแบบนั้น ไม่ใช่คนอื่นธันวาที่เดินมาพอดีสังเกตเห็นบรรยากาศรอบตัวเจ้านายของเขาเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน คิรันแทบไม่ได้ละสายตาจากไอรีนเลย แต่สิ่งที่ทำให้เลขาหนุ่มสะดุ้งคือไอเย็นยะเยือกในดวงตาของเขา“บอส…?” ธันวาเอ่ยเสียงเบาอย่างระมัดระวัง“พวกนั้นเป็นใคร” เสียงต่ำเย็นเฉียบดังขึ้น“อ่า… พนักงานแผนกออกแบบครับ พวกเขาเป็นรุ่นพี่ หรือไม่ก็เรียนสาขาเดียว
เย็นวันนั้น ท้องฟ้าคลุมด้วยเมฆหม่น เหมือนเป็นลางไม่ดีตั้งแต่แรกเสียงฝีเท้าหนักแน่นของคิรันก้องสะท้อนในโถงคอนโดหรู เขาลากไอรีนที่ขัดขืนเบา ๆ ตามติดมาด้วยท่าทีเงียบขรึมไม่พูดไม่จา มือหนาบีบข้อมือเธอแน่นจนแทบระบม แต่ไอรีนไม่เอ่ยปากร้องสักคำ สีหน้าเธอเย็นชาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนทุกอย่างเหมือนเดิมเหมือนหลายคืนที่ผ่านมา—แต่คืนนี้แตกต่างเพราะคนที่ยืนรออยู่ในห้องคือ 'มายด์' ผู้หญิงที่คิรันเคยเมินเฉยไม่ไยดี"พี่คิรัน..." มายด์ยิ้มดีใจเมื่อเห็นเขา แต่รอยยิ้มกลับชะงักค้าง เมื่อสายตาเหลือบมาเห็นไอรีนที่ยืนอยู่ข้างกายชายหนุ่มบรรยากาศในห้องอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกคิรันไม่แม้แต่จะเหลือบมองไอรีนด้วยซ้ำ เขาก้าวเข้าไปหามายด์ตรง ๆ โน้มตัวลงกระซิบข้างหูหญิงสาวร่างบาง พร้อมกับรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมที่ไม่เคยมีใครได้เห็นมาก่อน"นั่งลง กินข้าวด้วยกัน"น้ำเสียงสั่งการเย็นเยียบไม่เปิดโอกาสให้ใครปฏิเสธโต๊ะอาหารถูกจัดวางอย่างพิถีพิถัน มีเทียนไขกับไวน์ราคาแพง ไอรีนนั่งลงตามคำสั่ง ทั้งที่มือเย็นเฉียบเหมือนถูกแช่แข็งเธอไม่ถาม ไม่พูด ไม่แ
น้ำเสียงหวานหยดนั้นเจือด้วยนัยยะชัดเจนคิรันขบกรามแน่น เส้นเลือดตรงขมับเต้นตุบๆ ความอดทนที่มีอยู่น้อยนิดเหมือนกำลังจะขาดผึงในไม่กี่วินาทีโรงแรม...กับภาคิน...สองคำนี้วนเวียนอยู่ในหัวเขาไม่หยุด สุมเชื้อเพลิงลงในไฟแห่งความระแวงที่กำลังคุโชนอย่างบ้าคลั่ง"ไอรีน..." เขาคำรามออกมาเสียงต่ำในลำคอ ราวสัตว์ป่าที่ถูกกระตุ้นจนขาดสติธันวาที่ยืนอยู่ไม่ห่าง หน้าซีดลงทันที รีบโค้งตัวขอตัวออกไปอย่างรู้ว่าไม่ควรอยู่ในที่นั้นต่อแม้แต่วินาทีเดียวแววตาคมปลาบของคิรันวาบขึ้นด้วยโทสะ ราวกับมีระเบิดลูกใหญ่ระเบิดกลางอกประตูห้องเพิ่งปิดลงไม่นาน ไอรีนก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้ากังวล"คุณเรียกฉันเหรอคะ..." น้ำเสียงเธอเบาราวกับกลัว"เอ่อ...ฉันแค่บอกสิ่งที่เห็นนะคะ" มายด์ทำท่าทางเหมือนหวังดี ก่อนจะชำเลืองไปทางไอรีนด้วยสายตาเยาะเย้ย แล้วรีบขอตัวออกจากห้อง ทิ้งรอยยิ้มเหยียดไว้อย่างไม่ปิดบังคิรันลุกขึ้นจากเก้าอี้ช้า ๆ ดวงตาสีดำคมกริบตวัดมองมาอย่างเย็นชาเยือกแข็ง"เมื่อคืนเธอไปไหนมา" เสียงเขานิ่งแต่แฝงแรงกดดันมหาศาล"ฉัน...ไปนอนที่ห้
คิรันยังคงไม่ปล่อยไอรีนไป หลังจากคืนโหดร้ายคืนนั้นเขาบังคับให้เธอย้ายกลับมาอยู่ที่คอนโดฯ โดยไม่มีทางเลือกคำพูดมีน้อย แต่สายตาเย็นชาและการกระทำที่กดดันนั้นชัดเจนเกินพอแม้ไม่มีโซ่ตรวนพันธนาการ แต่ไอรีนก็รู้ดี... เธอกำลังถูกกักขังในห้องกว้างใหญ่ที่ควรจะรู้สึกปลอดโปร่ง บัดนี้กลับเหมือนกรงเหล็กหนาวเย็น ที่มีเพียงลมหายใจแผ่วเบาของเขาไล่ต้อนเธอจนแทบขยับหนีไม่ได้สภาพความสัมพันธ์ในตอนนี้ คือการอยู่ด้วยกันอย่างเย็นชาและระวังภัยเขาไม่เคยเอ่ยคำว่ารักอีกเลย แต่ก็ไม่ยอมปล่อยเธอไปไอรีนสัมผัสได้ถึงความลึกซึ้งในใจเขา ทว่ากำแพงหวาดระแวงที่เขาสร้างขึ้นก็หนาแน่นจนเธอเอื้อมไม่ถึงทุกครั้งที่สบตาเธอ คิรันเหมือนกำลังต่อสู้กับตัวเอง... แต่ก็เลือกที่จะกักขังเธอเอาไว้แทนที่จะเชื่อใจไอรีนกัดฟันอดทนในความทุกข์ที่ไม่มีทางหนีไปได้ได้แต่เว้นระยะห่างจากเขา เงียบ... และนิ่งให้มากที่สุดไม่เรียกร้อง ไม่อ้อนวอน และไม่แสดงความอ่อนแอแต่คิรันเองก็ไม่ได้โง่เขารู้... ว่ากำลังทำร้ายคนที่เขาหวงแหนที่สุดด้วยมือของตัวเอง
เสียงเคาะประตูห้องพักดังสนั่นกลางดึกจนชั้นทั้งชั้นแทบสั่นสะเทือน ไอรีนสะดุ้งเฮือก ลุกจากเตียงด้วยหัวใจเต้นโครมคราม เธอรู้ว่าเป็นใคร ไม่ต้องมองช่องตาแมวก็รู้“เปิดเดี๋ยวนี้นะไอรีน!” น้ำเสียงทุ้มต่ำแหบพร่าจากฤทธิ์แอลกอฮอล์และอารมณ์ที่พุ่งทะลุขีดเดือดตะโกนกร้าวอยู่หน้าห้องคนในห้องใกล้เคียงเริ่มโผล่หน้ามาโวยวาย บางคนตะโกนด่า บางคนโทรแจ้งนิติ แต่คิรันไม่สนอะไรทั้งนั้น เขาเคาะแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนเหมือนประตูจะหลุดออกจากบานพับไอรีนกัดริมฝีปากแน่น หัวใจเธอสั่นคลอนกับเสียงนั้น... เสียงของเขา คนที่เธอพยายามจะลืม คนที่เธอพยายามจะไม่รู้สึกอะไรด้วยอีกแล้วแต่สุดท้าย... เธอก็ต้องยอมเปิดประตูเสียงประตูที่ปิดลงอย่างแรงสะท้อนก้องไปทั้งห้องในค่ำคืนที่เงียบสงัด ก่อนที่แรงกระชากจากแขนแกร่งจะดึงเธอเข้าไปปะทะแผงอกแน่นราวกำแพงเหล็ก ไอรีนหอบหายใจเบา ๆ เมื่อกลิ่นแอลกอฮอล์ผสมกลิ่นน้ำหอมประจำตัวของเขาอวลอยู่เต็มโพรงจมูก“คุณบ้าไปแล้วเหรอ? นี่มันกี่โมงแล้วรู้ไหม!?”“กี่โมงก็ช่างแม่ง!” คิรันเข้ามาใกล้จนปลายจมูกแทบชนกัน“เธอคิดว่าฉันจะยอมให้เธอเมินหน้าหนีฉั
เสียงประตูห้องทำงานด้านหลังปิดลงอย่างเงียบงัน แต่บรรยากาศกลับอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก ไอรีนก้าวกลับมาที่โต๊ะทำงานของตัวเองที่ตั้งอยู่ด้านหน้าห้องของคิรันอย่างไร้เรี่ยวแรง ภายในใจยังคงสั่นสะท้านจากคำพูดเย็นชาที่ชายหนุ่มใช้กับเธอเธอค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่ง แล้วหยิบกล่องเล็ก ๆ ใต้โต๊ะขึ้นมา ก่อนจะเริ่มเก็บของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ในงานตอนนี้—กรอบรูปเล็ก ๆ สมุดบันทึก ปากกาประจำตัว กล่องขนมเล็ก ๆ ที่เธอเอาไว้วางบนโต๊ะ...เธอแค่... เตรียมตัวเพราะสัญญาจ้างของเธอกำลังจะหมด และคิรัน... เขาก็คงไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงที่ทำให้ชื่อเสียงของบริษัทเขาสั่นคลอนอีกต่อไป“ไอรีน?”เสียงทุ้มเรียบของธันวาดังขึ้นใกล้ ๆ เขาเดินตรงเข้ามาหาด้วยสีหน้าวิตกอย่างเห็นได้ชัด“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ?”ไอรีนชะงักมือวางกล่องลงก่อนจะยิ้มบาง ๆ พลางส่ายหน้า“เปล่าค่ะ แค่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสัญญากำลังจะหมด เลยคิดว่า... ถ้าเคลียร์ของไว้บ้างก็คงดี เวลาต้องไปจริง ๆ จะได้ไม่วุ่นวาย”ธันวานิ่งไป รู้ดีว่านั่นไม่ใช่เหต
เสียงส้นรองเท้าหนังราคาแพงกระทบพื้นกระเบื้องเรียบหรูดังกังวานไปทั่วโถงออฟฟิศเงียบสงบ คิรันเดินกลับเข้ามาหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมข้างนอก ใบหน้าคมเฉียบที่มักเรียบเฉยตลอดเวลา ทว่าในแววตาเย็นชานั้นกลับซ่อนประกายเหนื่อยล้าเล็กน้อยจากการประชุมที่ยาวนานขณะที่เขากำลังจะเดินเลี้ยวไปยังห้องทำงาน เสียงพูดคุยเบา ๆ ของพนักงานหญิงสองคนบริเวณมุมโต๊ะใกล้เครื่องถ่ายเอกสารทำให้ฝีเท้าของเขาหยุดชะงักลงโดยไม่รู้ตัว“ฉันบอกเลยนะว่าเห็นกับตา... ไอรีนเดินไปหาคุณภาคิน! พูดอะไรไม่รู้เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ด้วยอะ” หญิงสาวคนหนึ่งพูดพลางขยับริมฝีปากแนบหูเพื่อนอย่างตื่นเต้น“จริงเหรอ? หรือว่าเธอจะหว่านเสน่ห์อีกคน? ไม่แปลกหรอก ดูเธอสิ...สวย แถมยังรู้ว่าต้องใช้หน้าตาทำอะไรได้บ้าง” อีกคนรับลูกเสียงสูง ก่อนหัวเราะคิกคิรันยืนนิ่ง ริมฝีปากบางเม้มแน่น ความรู้สึกบางอย่างแล่นวูบขึ้นในอก มือที่ถือแฟ้มอยู่บีบแน่นจนเส้นเลือดปูดนูนชัดหัวใจเริ่มเต้นแรงโดยไม่มีเหตุผลเขากำลังจะสาวเท้าเข้าไปจัดการพนักงานสองคนนั้นด้วยตัวเอง หากแต่เสียงแหลมสูงตวาดขึ้นมาก่อน
เสียงปิดประตูดัง ปัง! กลบความเงียบของห้องคอนโดหรูไปชั่วขณะ ก่อนที่ความเงียบเดิมจะกลับมาอีกครั้ง หนักหนายิ่งกว่าเดิมไอรีนยืนนิ่งอยู่กลางห้อง สองมือกำแน่นข้างลำตัว ดวงตาที่เคยแข็งกร้าวบัดนี้เริ่มสั่นไหว น้ำตาเอ่อคลอเต็มหน่วยตากลม“คุณไม่เชื่อใจฉันเหรอ?” เสียงของเธอเบา...แต่ชัดเจน เจ็บ...แต่ตรงไปตรงมาคิรันที่ยืนหันหลังอยู่ชะงักไปชั่วครู่ หัวใจของเขากำลังตีกันวุ่นวาย ทั้งโกรธ ทั้งเจ็บ ทั้งหึง ทั้งหวง ทั้งระแวง และที่สำคัญ...เขากลัวกลัวว่าจะรักเธอมากไปอีกกลัวจะเสียเธอไปกลัวว่าอดีตที่เคยเจ็บ จะย้อนกลับมาเล่นงานซ้ำอีกครั้ง...เขายังจำแววตาหลอกลวงในอดีต...ที่ทำให้เขาไม่เหลือแม้แต่ศรัทธาในความรัก นั่นแหละ...มันกำลังจะกลับมาเล่นงานเขาอีกครั้งแต่สิ่งที่เขาทำได้...คือความเงียบสายตาที่เขาหันกลับมามองเธอเย็นชาไร้แวว เหมือนคนไม่รู้จักกันมาก่อนดวงตาคู่นั้นปวดร้าวราวกับมีบางอย่างถูกฉีกขาด หญิงสาวเม้มปากแน่น กลืนก้อนสะอื้นลงคออย่างยากเย็น แล้วเบือนหน้าหนี ทำท่าจะเดินไปที่ประตู“จะไปไหน?”
หลังจากคืนที่เธอแทบจะถูกกลืนกินไปทั้งร่างในอ้อมแขนของเขา คิรันก็ไม่ปล่อยให้ไอรีนคลาดสายตาอีกเลย เขาบังคับให้เธอย้ายกลับมาอยู่กับเขาที่คอนโดฯ โดยมีเงื่อนไขที่ชัดเจนว่า“ถ้าเธอจะออกไปทำงานนอกสถานที่ เขาจะเป็นคนไปรับไปส่งเองเท่านั้น”ไอรีนไม่กล้าเถียง แม้จะไม่ชอบที่ถูกควบคุมขนาดนี้ แต่ก็รู้ดีว่าเขาไม่ใช่คนที่ยอมอ่อนข้อให้ใครง่าย ๆ และที่สำคัญ เธอยังไม่พร้อมจะเดินออกมาหลังจากคืนนั้น ร่างกายและหัวใจของเธอยังสั่นไหวไม่หาย แม้จะพยายามหลบตาเขา แต่ทุกเช้าเธอก็ยังตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของเขาเสมอแต่คนที่ปวดหัวที่สุดกลับเป็นธันวา ผู้ช่วยที่ต้องคอยตามเก็บงานและแก้ไขทุกอย่างหลังจากที่คิรันทิ้งประชุมหรือหายตัวไปเฝ้าไอรีนกลางงานไซต์โปรเจกต์ใหญ่“คุณคิรันครับ ผมเข้าใจว่าคุณเป็นห่วง แต่ถ้าคุณยังหายไปแบบนี้บ่อย ๆ อีกไม่กี่วันนักลงทุนจะเริ่มถอนตัวนะครับ”คิรันเพียงปรายตาใส่ธันวา ไม่พูดอะไร แต่ในที่สุดก็เริ่มยอมลดการประกบไอรีนลงเล็กน้อย โดยเลือกกลับมาเคลียร์งานที่กองพะเนินไว้แทน เขาคิดว่าเรื่องมันคงจบแล้วเมื่อภาคินเงียบหายไป ไม่มีวี่แววจะกลับมายุ่
เสียงปิดประตูดัง “ปัง!” ก้องสะท้อนทั่วห้องนอนกว้าง ก่อนที่ร่างสูงของคิรันจะกระชากไหล่ไอรีนเข้าหาตัวแรง ๆ จนแผ่นหลังของเธอกระแทกกับบานประตูที่ยังสั่นสะเทือนไม่หาย"อย่าทำหน้าแบบนั้นกับคนอื่นอีก..."เสียงเขาต่ำแหบพร่า ใกล้เกินจนปลายจมูกเขาเฉียดกับแก้มเธอ"คุณกำลังพูดเรื่อง—""เธอรู้ดีอยู่แก่ใจว่าฉันพูดเรื่องอะไร!"มือหนารั้งข้อมือเธอขึ้นตรึงไว้เหนือศีรษะ ก่อนที่ริมฝีปากร้อนจัดจะกดลงที่ซอกคอเธอแรงจนเธอสะดุ้งสุดตัว“คิรัน… อย่า—”"ไม่มีคำว่าอย่าในคืนนี้ เธอไม่มีสิทธิ์หนีจากฉันอีก ไม่แม้แต่จะมองคนอื่น"เขาตะคอกด้วยเสียงพร่า ขณะที่มืออีกข้างล้วงเข้าใต้เสื้อของเธอ ไล้ปลายนิ้วลากผ่านผิวเปลือยเปล่าช้า ๆ ก่อนจะขย้ำเนื้อเนียนด้วยความหึงหวงที่แทบจะคลั่ง"ของของฉัน ต้องเป็นของฉันคนเดียว!"เสียงฟืดของเนื้อผ้าถูกฉีกขาดจากเสื้อเชิ้ตของเธอดังลั่น ไอรีนหอบหายใจอย่างสั่นเทา เมื่อผิวกายเปลือยเปล่าท่อนบนถูกสายตาคมเข้มกวาดมองด้วยความหิวกระหาย เขาจ้องเธอราวกับจะกลืนกินทั้งตัว"คุณมัน..."