น้ำเสียงหวานหยดนั้นเจือด้วยนัยยะชัดเจน
คิรันขบกรามแน่น เส้นเลือดตรงขมับเต้นตุบๆ ความอดทนที่มีอยู่น้อยนิดเหมือนกำลังจะขาดผึงในไม่กี่วินาที
โรงแรม...กับภาคิน...
สองคำนี้วนเวียนอยู่ในหัวเขาไม่หยุด สุมเชื้อเพลิงลงในไฟแห่งความระแวงที่กำลังคุโชนอย่างบ้าคลั่ง
"ไอรีน..." เขาคำรามออกมาเสียงต่ำในลำคอ ราวสัตว์ป่าที่ถูกกระตุ้นจนขาดสติ
ธันวาที่ยืนอยู่ไม่ห่าง หน้าซีดลงทันที รีบโค้งตัวขอตัวออกไปอย่างรู้ว่าไม่ควรอยู่ในที่นั้นต่อแม้แต่วินาทีเดียว
แววตาคมปลาบของคิรันวาบขึ้นด้วยโทสะ ราวกับมีระเบิดลูกใหญ่ระเบิดกลางอก
ประตูห้องเพิ่งปิดลงไม่นาน ไอรีนก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้ากังวล
"คุณเรียกฉันเหรอคะ..." น้ำเสียงเธอเบาราวกับกลัว
"เอ่อ...ฉันแค่บอกสิ่งที่เห็นนะคะ" มายด์ทำท่าทางเหมือนหวังดี ก่อนจะชำเลืองไปทางไอรีนด้วยสายตาเยาะเย้ย แล้วรีบขอตัวออกจากห้อง ทิ้งรอยยิ้มเหยียดไว้อย่างไม่ปิดบัง
คิรันลุกขึ้นจากเก้าอี้ช้า ๆ ดวงตาสีดำคมกริบตวัดมองมาอย่างเย็นชาเยือกแข็ง
"เมื่อคืนเธอไปไหนมา" เสียงเขานิ่งแต่แฝงแรงกดดันมหาศาล
"ฉัน...ไปนอนที่ห้องพลอยค่ะ" ไอรีนตอบตรงไปตรงมา แม้จะรู้สึกถึงความผิดปกติในอากาศ
"โกหก! มีคนเห็นเธอเข้าโรงแรมกับไอ้ภาคิน" เขาตวาดกลับทันควัน ดวงตาแดงก่ำด้วยโทสะ
"ฉันไม่ได้โกหก!" ไอรีนเถียงเสียงสั่น "ฉันไม่ได้ไปกับคุณภาคิน!"
คิรันหัวเราะเยาะในลำคอ ดวงตาเต็มไปด้วยความดูถูกอย่างไม่ปิดบัง
"อย่ามาเสแสร้งเลย ไอรีน" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เธอไปกับมันเพราะเรื่องเงินเมื่อวานใช่มั้ย…..เพราะเธอก็อยู่กับฉันเพราะเงินเหมือนกัน"
เหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่ ไอรีนตัวสั่นเครือ ดวงตาเบิกกว้างด้วยความเจ็บปวด น้ำตาเอ่อคลอทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้นจากปากของคนที่เธอรักสุดหัวใจ
"ถ้าคิดแบบนั้น...ก็ปล่อยฉันไปเถอะ..." เสียงเธอแผ่วเบา แต่กลับดังชัดเจนก้องอยู่ในห้องที่เงียบงัน
ไอรีนหันหลังให้เขา กลั้นเสียงสะอื้นไว้สุดกำลัง ก่อนจะก้าวออกไปอย่างเชื่องช้า ทิ้งไว้เพียงความเจ็บปวดที่ไม่มีวันลบเลือนได้
คิรันยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น นัยน์ตาเข้มข้นสั่นไหวเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็หลับตาลงแน่น กำหมัดข้างลำตัวแน่นจนสั่นไปทั้งแขน
เจ็บ...
แต่ก็โกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้
เสียงประตูห้องทำงานดังแผ่วเบา ไอรีนเดินออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ร่างบางตรงดิ่งไปยังฝ่ายบุคคลด้วยก้าวย่างแน่วแน่ทุกฝีก้าวที่ย่ำไปบนพื้นหินเย็นเฉียบ ลมหายใจสะท้อนความเจ็บลึกในอกจนแทบระเบิดออกมาเป็นเสียงสะอื้น หากแต่เธอยังคงยืดตัวตรง กัดฟันแน่น ไม่ยอมแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นแม้แต่น้อย
หัวหน้าฝ่ายบุคคลเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มเอกสาร ก่อนจะเบิกตากว้างเล็กน้อยเมื่อเห็นไอรีนยื่นคำขาดด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น
"ขอแบบฟอร์มลาออกค่ะ"
อีกฝ่ายอึกอัก ลังเลชัดเจน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอย่างเกรงใจ
"คือ...คุณไอรีน มีอะไรเข้าใจผิดหรือเปล่าคะ? ถ้ามีปัญหาอะไร เราสามารถ—"
"ขอแบบฟอร์มค่ะ" ไอรีนย้ำเสียงหนักแน่น ดวงตาสั่นไหวเล็กน้อย แต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเจ็บปวด
ไม่มีที่ให้เธออีกต่อไปแล้ว... ที่นี่ไม่ต่างอะไรกับคุกที่เขาสร้างไว้ขังเธอ
หัวหน้าฝ่ายบุคคลมองสบตาไอรีนอยู่อึดใจ ก่อนจะยอมยื่นเอกสารมาให้ตามที่ขอ
มือบางเอื้อมคว้าเอกสารอย่างไม่ลังเล ก่อนหันหลังเดินจากมาโดยไม่เอื้อนเอ่ยถ้อยคำใดอีกแม้แต่คำเดียว
ทั่วทั้งบริษัทเหมือนจะหยุดหายใจตามเธอไปด้วย
ธันวา ซึ่งบังเอิญผ่านมาเห็นเหตุการณ์พอดี รีบกดโทรศัพท์ด้วยมือสั่น รีบกดเบอร์คนที่เขารู้ว่าต้องการรู้เรื่องนี้ที่สุด
"คุณคิรันครับ!" เขาเอ่ยทันทีที่ปลายสายรับ "คุณไอรีน...เธอไปขอเอกสารลาออกจากฝ่ายบุคคลแล้วครับ!"
ปลายสายเงียบงันในชั่วพริบตา... ก่อนจะตามมาด้วยเสียงฝีเท้าเร่งร้อนที่ไม่เคยได้ยินจากเขามาก่อน
ประตูห้องทำงานบนชั้นสูงสุดเปิดผางออกด้วยแรงกระแทก ร่างสูงในชุดสูทเนี้ยบก้าวออกมาด้วยท่วงท่าเย็นยะเยือก แต่นัยน์ตาคมกริบกลับลุกโชนด้วยโทสะอันน่าสะพรึง
คิรันไม่เอ่ยวาจาใดแม้แต่คำเดียว ใบหน้าเย็นชานั้นตรึงแน่น แต่แววตากลับเปล่งประกายเกรี้ยวกราดจนคนรอบข้างพากันหลบตาด้วยความหวาดหวั่น
เขาเห็นร่างบางกำลังมุ่งหน้ากลับไปยังโต๊ะทำงานด้วยซองเอกสารในมือ
โดยไม่รีรอ ร่างสูงเดินยาวเข้าไปหา ดึงแขนเธอไว้ด้วยมือใหญ่ที่ร้อนระอุด้วยความโกรธ
"ปล่อย!" ไอรีนสะบัดแขนขืนตัวเต็มแรง แต่น้ำหนักตัวที่ต่างกันทำให้เธอแทบไม่ได้ขยับไปไหนเลย
คิรันไม่พูดอะไรทั้งนั้น
เขาเพียงก้มมองเธอด้วยสายตาเย็นเยียบ ราวกับกำลังตัดสินความผิดอย่างไร้เยื่อใย ก่อนจะออกแรงลากเธอไปตามทางเดิน ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของพนักงานทั้งบริษัท
"คุณคิรัน! ปล่อยนะ!" ไอรีนตะโกนลั่น ดิ้นรนสุดแรง แต่เขาก็ไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
มือของเขาที่จับข้อมือเธอแน่นหนาร้อนจัดจนแทบแผดเผาผิวหนัง เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกลากเข้าไปในหลุมดำที่ไร้ทางหนี
เขาไม่แคร์แม้แต่ว่าจะมีสายตานับสิบคู่มองตาม ไม่แคร์แม้แต่ว่าเธอจะอับอายเพียงใดในวินาทีนั้น
สำหรับคิรัน... มีเพียงอย่างเดียวที่เขาต้องทำ — ไม่ปล่อยให้เธอหนีไป
ประตูห้องทำงานใหญ่ถูกผลักเปิดอย่างแรงจนกระแทกผนังเสียงดัง ไอรีนถูกผลักเข้าไปด้านใน ร่างบางเซถลาแทบล้ม แต่ก็ยังฝืนยืนหยัดด้วยแรงศักดิ์ศรีสุดท้ายที่เหลืออยู่
คิรันปิดประตูตามหลังเสียงดังปัง หยัดร่างสูงใหญ่ขวางทางไม่ให้อีกฝ่ายหนีออกไปไหนได้อีก
ไอรีนหอบหายใจหนัก ๆ ทั้งเจ็บใจ ทั้งเจ็บกาย ดวงตาแดงก่ำด้วยความกรุ่นโกรธและความผิดหวังอย่างที่สุด“สำหรับคุณ..." เธอกระซิบเสียงสั่น "ฉันเป็นอะไร..?"
คิรันยืนนิ่งราวกับรูปสลัก ดวงตาดำลึกฉายแววบางอย่างที่อ่านไม่ออก แต่รังสีรอบตัวเขานั้น กดทับจนบรรยากาศในห้องแคบลงอย่างน่าอึดอัด
เขาไม่พูดสักคำ
และนั่น... ยิ่งตอกย้ำทุกอย่างในใจไอรีนจนพังทลาย
สายตาคมกริบไม่แสดงความอ่อนโยนแม้เศษเสี้ยว มีเพียงความแข็งกร้าวเยียบเย็นที่กดทับบรรยากาศในห้องจนแทบหายใจไม่ออก
เสียงทุ้มต่ำและเย็นยะเยือกดังก้องในห้องที่ปิดสนิท
"ไม่ต้องเสียเวลา..."
เขาเอ่ยช้า ๆ ชัดถ้อยชัดคำ "เธอเป็นแค่พนักงานสัญญา ไม่ใช่พนักงานประจำ"
ไอรีนเบิกตากว้าง จ้องเขาอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ขณะที่คิรันก้าวเข้ามาใกล้ทีละก้าวด้วยท่วงท่าเยือกเย็น
"สัญญานั่น..." น้ำเสียงของเขาราบเรียบแต่เฉียบคม "จะหมดหรือจะต่อ... ฉันเป็นคนตัดสินใจเอง ไม่ใช่เธอ"
มือใหญ่คว้าซองเอกสารลาออกจากมือบางอย่างง่ายดาย ก่อนที่เอกสารเหล่านั้นจะถูกฉีกทิ้งเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยต่อหน้าต่อตาเธอ
เสียงฉีกกระดาษกรอบแกรบ ดังเหมือนฉีกหัวใจไอรีนไปพร้อมกัน
ขาเรียวสั่นระริกจนแทบทรุดลงตรงนั้น แต่เธอกัดฟันแน่น ดึงตัวเองให้ยืนหยัดด้วยเศษเสี้ยวศักดิ์ศรีสุดท้ายที่เหลืออยู่
เธอเม้มริมฝีปากแน่น กลั้นก้อนสะอื้นที่แล่นขึ้นมาจุกคอ ขณะที่คิรันยังไม่ละสายตาจากใบหน้าเธอแม้แต่วินาทีเดียว
"ถ้าเธออยากได้เงินมากนัก..." เสียงเย็นชาของเขาดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับมือที่ล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูทอย่างใจเย็น ก่อนจะหยิบเช็คเงินสดจำนวนมหาศาลออกมา แล้วโยนลงตรงหน้าเธออย่างไร้เยื่อใย
ใบหน้าเย็นชาของเขาไม่ไหวติงแม้เศษเสี้ยว ราวกับสิ่งที่ทำอยู่เป็นแค่ธุรกรรมไร้ค่า ไม่มีความหมายใดเลย
"ฉันให้ได้" เขาพูด ดวงตาคมกริบจ้องมองเธอไม่กะพริบ "จะได้ไม่ต้องดิ้นรนไปหาใครอีก"
ไอรีนตัวสั่นเทิ้มด้วยความเจ็บปวดที่ไหลทะลักออกมาจากใจอย่างห้ามไม่อยู่
"แต่เธอยังต้องอยู่ใช้หนี้ต่อไป..." คิรันยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและเด็ดขาด
"จนกว่าสัญญานั่นจะหมด หรือ... ฉันจะบอกว่าให้จบ เข้าใจมั้ย"
ห้องทั้งห้องเงียบงันจนได้ยินเสียงหัวใจแตกสลายในอกของใครบางคน
ไอรีนมองเช็คเงินบนพื้น ก่อนค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นสบตาเขา ดวงตาคู่นั้นแดงก่ำ ทว่าเปี่ยมไปด้วยความเจ็บปวดและความผิดหวังที่ไม่อาจกลั้นได้อีกต่อไป
"ที่ผ่านมาสำหรับคุณ..." เธอเอ่ยเสียงสั่น "ฉันคงเป็นแค่ของเล่น... หรือตุ๊กตาของคุณเท่านั้นใช่ไหม..."
น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงข้างแก้มโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ตั้งใจ ราวกับกำแพงศักดิ์ศรีที่พยายามสร้างไว้อย่างดีพังครืนลงตรงหน้าเขา
คิรันยังคงนิ่งเงียบ ยืนมองเธอด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ทว่ามือสองข้างที่กำแน่นจนเส้นเลือดปูดนูนกลับเผยความรู้สึกที่เขาไม่อาจพูดออกมาได้
ไอรีนก้มลงเก็บเช็คขึ้นมาจากพื้น
มือบางสั่นระริก แต่เธอก็กำมันไว้แน่นราวกับกำความเจ็บปวดทั้งหมดของตัวเองไว้ในมือเดียว
"ขอบคุณสำหรับเงินนี้..." เธอพูดช้า ๆ ชัดถ้อยชัดคำ แม้น้ำเสียงจะสั่นพร่า "ถือว่าฉันยืมแล้วกัน"
สายตาคู่นั้นสั่นไหว... แต่แฝงด้วยความเด็ดเดี่ยวที่บาดลึกยิ่งกว่าคำพูดใด
"คุณสามารถใส่เข้าไปในสัญญาได้" ไอรีนพูดต่อทั้งที่เสียงแทบหลุดหายไป
"เพราะสำหรับคุณ... เราอยู่กันด้วยเงื่อนไขของสัญญาเท่านั้น"
ถ้อยคำเหล่านั้นเฉือนเข้าไปในอกคิรันลึกยิ่งกว่าคำด่าใด ๆ
แต่เขายังคงเย็นชาอย่างคนไร้หัวใจ... หรืออย่างน้อย เขาพยายามทำตัวให้เป็นเช่นนั้น
ไอรีนสูดลมหายใจลึก ฝืนความปวดร้าวทั้งหมดไว้ในอก ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปอย่างช้า ๆ
ทุกย่างก้าวของเธอเหมือนมีเข็มนับพันเล่มทิ่มแทงอยู่ใต้ฝ่าเท้า
แต่เธอก็ยังคงเชิดหน้าขึ้นสูง รักษาศักดิ์ศรีสุดท้ายของตัวเองไว้จนถึงที่สุด
คิรันยืนนิ่ง มองแผ่นหลังบอบบางนั้นเดินจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก
หัวใจที่คิดว่าชาชินมาตลอดกลับเจ็บปวดรุนแรงราวกับมีมีดนับพันเล่มกรีดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่เขาก็ทำได้แค่ยืนอยู่ตรงนั้น... ปล่อยให้เธอเดินออกไป ทั้งที่หัวใจแทบขาดเป็นเสี่ยง ๆ
เสียงเครื่องบดกาแฟทำงานดังครืดคราด ผสมกับเสียงพนักงานพูดคุยกันเบา ๆ ในร้านกาแฟของบริษัท ‘วัชรานนท์ กรุ๊ป’ ตึกสูงระฟ้ากลางใจเมืองที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจระดับประเทศไอรีน วรากร นักศึกษาปีสุดท้าย คณะสถาปัตย์ ทำงานพาร์ทไทม์ในคาเฟ่เพื่อส่งตัวเองเรียน เจ้าของความสูง 165 ซม. หุ่นดี ผิวขาวอมชมพู ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน ผมยาวตรงสีดำขลับ สาวน้อยกำลังง่วนอยู่กับการชงลาเต้ให้ลูกค้า มือเรียวสั่นเล็กน้อยจากความเหนื่อยล้า เพราะนี่เป็นกะเช้าของเธอที่เริ่มตั้งแต่หกโมงตรงเธอไม่รู้เลยว่าในวินาทีต่อมา โชคชะตาจะพลิกผันไปอย่างสิ้นเชิง…บรรยากาศในร้านที่เคยสงบเงียบเปลี่ยนไปทันทีเมื่อ ร่างสูงสง่าในชุดสูทแบรนด์หรู ก้าวเข้ามาในร้าน พร้อมกับออร่าอันเยือกเย็นและทรงพลัง พนักงานหลายคนรีบยืนตัวตรงแทบจะทันที บางคนก้มหน้า บางคนถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาด ๆคิรัน วัชรานนท์ วิศวกรหนุ่มหล่อ เจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์อันดับต้น ๆ ของประเทศ ‘วัชรานนท์ กรุ๊ป’ นักธุรกิจหนุ่มผู้ขึ้นชื่อเรื่องความโหด เถื่อน และไร
เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นกระเบื้องแกรนิตของตึก ‘วัชรานนท์ กรุ๊ป’ อย่างต่อเนื่อง ไอรีนเดินตามหลังร่างสูงสง่าไปด้วยความกดดัน แม้เธอจะมีความสูงพอสมควร แต่เมื่อเดินข้างคิรัน เธอกลับรู้สึกตัวเล็กลงไปถนัดตา ชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเลยตั้งแต่ออกจากร้านกาแฟ ทำให้บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความเงียบงันที่น่าอึดอัด“จะพาฉันไปไหนคะ?” ไอรีนอดถามขึ้นมาไม่ได้ ขณะที่กำลังขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนสุดของตึก“ห้องทำงานของฉัน” คิรันตอบเสียงเรียบ พลางกดรหัสลับเพื่อเข้าไปยังชั้นพิเศษไอรีนเม้มริมฝีปากแน่น ไม่กล้าถามอะไรต่อ แต่สมองของเธอเริ่มหาทางออกจากสถานการณ์นี้ต้องทำยังไงก็ได้… ให้ไม่ต้องทำงานกับเขา!เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก สายตาของเธอก็ปะทะเข้ากับสำนักงานที่กว้างขวาง หรูหรา เต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของไม้สนและหนังจากโซฟาหรูแตะจมูกของเธอ“คุณคิรัน?” เสียงทุ้มของชายอีกคนดังขึ้นมาจากห้องทำงานห้องเล็กห้องหนึ่งไอรีนหันไปมอง ก่อนจะพบกับชายหนุ่มร่างสูงอีกคนที่สวมสูทสีกรมท่า ดูภูมิฐานแต่อ่อนโย
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันของยามเช้า ไอรีนสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างตกใจ ร่างกายของเธอหนักอึ้งจากความเครียดและความกังวลเกี่ยวกับวันแรกของการทำงาน เธอถอนหายใจยาวก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันใหม่เมื่อเธอมาถึงบริษัทซึ่งเป็นตึกสูงระฟ้าในย่านธุรกิจ หัวใจของเธอเต้นแรง เธอก้าวเข้าไปในลิฟต์พร้อมกับพนักงานคนอื่น ๆ ที่ดูยุ่งอยู่กับโทรศัพท์มือถือหรือเอกสารในมือ บรรยากาศเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีใครพูดคุยกันมากนักไอรีนเดินเข้าไปในแผนกบริหาร ซึ่งเป็นพื้นที่ทำงานหลักของผู้ช่วยส่วนตัวของคิรัน เธอพบกับธันวา ผู้ช่วยคนเก่งของคิรันที่คอยแนะนำเธออย่างเป็นมิตร“คุณไอรีน คุณต้องเข้าไปพบคุณคิรันก่อนนะครับ” ธันวากล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ แต่แฝงด้วยความเห็นใจไอรีนพยักหน้าก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องทำงานของคิรัน ซึ่งกว้างขวางแต่กลับให้ความรู้สึกเย็นชา โต๊ะทำงานของเขาถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบไร้ที่ติ ไม่มีอะไรเกินจำเป็น ทุกอย่างดูเป็นทางการและสมบูรณ์แบบคิรันนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานของเขา ดวงตาคมกริบของเขาเงยขึ้นมามองเธอเพียงชั่วคร
วันถัดมาหลังจากการประชุมที่ตึงเครียดในบริษัท คิรันตัดสินใจให้ไอรีนเดินทางไปต่างประเทศด้วยกันเพื่อช่วยงานในโปรเจกต์สำคัญกับลูกค้ารายใหญ่ ไอรีนรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย เพราะไม่เคยคิดว่าเธอจะมีโอกาสได้ไปทำงานต่างประเทศกับคิรันและลูกค้าระดับนี้มาก่อนเช้าวันนั้น ไอรีนตื่นขึ้นมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ความตื่นเต้นปะปนกับความกังวลทำให้เธอรู้สึกเหมือนร่างกายต้องการจะออกวิ่งไปข้างหน้า แต่ใจกลับเต็มไปด้วยความกลัวว่าจะทำอะไรผิดพลาด การเดินทางครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหนๆ เพราะไม่เพียงแค่ต้องทำงานให้สำเร็จ แต่เธอยังต้องเจอกับคิรันที่เข้มงวดอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนเธอลุกจากเตียงอย่างรวดเร็วและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันสำคัญ ไอรีนเลือกใส่ชุดเดรสเรียบง่ายสีดำเข้มที่ดูสง่างาม ไม่หวือหวาเกินไปแต่ก็ยังคงดูดึงดูด สะท้อนความมั่นใจในตัวเอง แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับลูกค้าระดับสูงและคิรันที่เข้มงวด แต่เธอก็มั่นใจว่านี่คือการเลือกที่ดีที่สุดในการสะท้อนภาพลักษณ์ที่เธอต้องการแสดงออกการเดินทางไปสนามบินนั้นค่อนข้างเงียบสงัด บรรยากาศในรถเต็มไปด้วยความเงียบที่ไม่สามารถหลบหลีกได้ เสียงเครื่องปรับอ
บรรยากาศในงานเลี้ยงยังคงดำเนินไปอย่างคึกคัก แขกผู้มีเกียรติต่างพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างออกรส ไอรีนพยายามรักษาท่าทีและอยู่ใกล้คิรันให้มากขึ้น หลังจากที่ถูกเตือนเมื่อครู่ แต่ก็ยังอดรู้สึกอึดอัดกับท่าทีที่เขาแสดงออกมาไม่ได้เธอเดินหลบมุมออกมาจากกลุ่มลูกค้าคนสำคัญของบริษัท และบังเอิญได้พบกับกลุ่มนักธุรกิจที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรส พวกเขาเป็นกลุ่มสถาปนิกที่มีชื่อเสียง ซึ่งบังเอิญเป็นสายงานที่ไอรีนหลงใหลมาตลอด เธอเรียนสถาปัตย์ปีสุดท้ายแล้ว และมีความฝันที่จะเป็นสถาปนิกในอนาคต“คุณสนใจด้านการออกแบบสถาปัตย์เหรอ?” หนึ่งในนักธุรกิจเอ่ยถามหลังจากที่เธอเริ่มสนทนาเกี่ยวกับโครงสร้างอาคารเชิงนิเวศอย่างลืมตัว“ใช่ค่ะ ฉันกำลังศึกษาอยู่ปีสุดท้าย และหวังว่าจะได้ทำงานในสายนี้จริง ๆ” ไอรีนตอบด้วยดวงตาเป็นประกาย เสียงของเธอเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นและตื่นเต้นกลุ่มนักธุรกิจหัวเราะอย่างเป็นมิตร “น่าสนใจมาก! เรากำลังมองหาคนรุ่นใหม่ไฟแรงแบบคุณอยู่พอดี”เธอไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดของเธอและความสนใจของเธอไปกระทบสายตาของใครบางคนที่กำลั
เสียงดนตรีจากงานเลี้ยงยังคงก้องอยู่ในหัวของไอรีน แม้ว่าจะผ่านมาหลายวันแล้ว แต่ภาพคืนนั้นยังคงชัดเจนโดยเฉพาะ… คำพูดของเขา "เธอเป็นของฉัน"และรอยจูบที่จู่โจมอย่างเร่าร้อน…เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคิรันถึงทำแบบนั้น เขาไม่เคยแสดงออกถึงความสนใจในตัวเธอมาก่อนเลยสักครั้ง มีแต่ความเย็นชาและคำพูดเฉียบคมที่กดดันเธอตลอดเวลา แต่คืนนั้นเขากลับทำราวกับว่าเธอเป็นของเขาจริง ๆ คำพูดที่หนักแน่นและสายตาที่ไม่ยอมให้เธอปฏิเสธได้ยังคงตามหลอกหลอนเธอมันทำให้เธอรู้สึกสับสน… และหวั่นไหวเพราะแบบนั้น ไอรีนจึงตัดสินใจว่าเธอจะต้องตีตัวออกห่างจากเขาตั้งแต่เช้าวันแรกที่กลับมาทำงานหลังงานเลี้ยง ไอรีนก็เริ่มต้นแผนการหลีกเลี่ยงคิรัน เธอพยายามไม่เข้าไปในห้องทำงานของเขาโดยไม่จำเป็น และหากเขาเรียกพบ เธอจะพาธันวาเข้าไปด้วยเสมอเพื่อไม่ให้ต้องอยู่กับเขาตามลำพัง“พี่ธันวาคะ วันนี้ช่วยเข้าไปกับฉันหน่อยได้ไหมคะ?” ไอรีนถามพลางยิ้มหวานธันวาขมวดคิ้วก่อนจะพยักหน้า “ได้สิ แต่ทำไม—”“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่คิดว่าเราควรทำงา
ภายในห้องประชุมใหญ่ของบริษัท ทีมบริหารระดับสูงกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมสำคัญ ไอรีนเดินเข้ามาพร้อมกับแฟ้มเอกสารและตัวอย่างสินค้าหลายชิ้นในมือ เธอกัดฟันแน่น ขณะที่พยายามแบกรับน้ำหนักทั้งหมดไว้คนเดียว ไม่ต้องให้ใครช่วย — เธอทำได้แต่ยังไม่ทันจะถึงโต๊ะดี เท้าเล็กพลันสะดุดกับขอบพรมที่ไม่เรียบ สมดุลในร่างเธอเริ่มเสียไป หัวใจเธอหล่นวูบ แต่ยังไม่ทันจะล้มลง ร่างสูงของคิรันก็ก้าวเข้ามาทันเวลา มือหนาคว้าเอวของเธอไว้มั่นก่อนที่ร่างเธอจะกระแทกพื้นไอรีนเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มสบกับดวงตาคมกริบของเขา เธอรู้สึกถึงแรงกดเบา ๆ จากมือของเขาบนหน้าท้องของเธอ ร้อนจนเธอเผลอกลืนน้ำลายลงคอคิรันขมวดคิ้วเล็กน้อย กรามของเขากระตุกคล้ายกับกำลังหงุดหงิดอะไรบางอย่าง ก่อนที่เขาจะรีบปล่อยมือออกอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าไม่อยากแตะต้องเธอเกินความจำเป็น"เดินให้มันดี ๆ" คิรันเอ่ยเสียงต่ำไอรีนเม้มปาก เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรจะขอบคุณหรือไม่ แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร ธันวาเข้ามารับเอกสารจากมือเธอไป"คุณไอรีน ให้ผมช่วยเถอะครับ คุณถือเยอะเกินไปแล้ว"เธอขมวดคิ้ว ก่อ
เช้าวันแรกหลังจากที่คิรันกลับมาจากต่างประเทศ เขามาถึงบริษัทแต่เช้าตรู่ ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางแทบไม่อยู่ในสายตา เพราะสิ่งเดียวที่เขาสนใจคือ ‘เธอ’แต่ภาพตรงหน้าทำให้กรามของเขากระตุกแน่นไอรีนยืนคุยอยู่กับเพื่อนร่วมงานชายสองสามคน ท่าทางผ่อนคลาย รอยยิ้มของเธอดูสดใสในแบบที่เขาไม่เคยเห็นเวลาคุยกับเขา เธอหัวเราะเบา ๆ กับคำพูดของใครสักคน ร่างบางดูเป็นธรรมชาติ และแน่นอนว่าเป็นศูนย์กลางของบทสนทนามือของคิรันที่กำแฟ้มเอกสารแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ความไม่พอใจพุ่งขึ้นมาอย่างฉับพลัน ดวงตาคมกริบจับจ้องไปที่เธอและผู้ชายพวกนั้น มันควรจะเป็นเขาที่ได้รับรอยยิ้มแบบนั้น ไม่ใช่คนอื่นธันวาที่เดินมาพอดีสังเกตเห็นบรรยากาศรอบตัวเจ้านายของเขาเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน คิรันแทบไม่ได้ละสายตาจากไอรีนเลย แต่สิ่งที่ทำให้เลขาหนุ่มสะดุ้งคือไอเย็นยะเยือกในดวงตาของเขา“บอส…?” ธันวาเอ่ยเสียงเบาอย่างระมัดระวัง“พวกนั้นเป็นใคร” เสียงต่ำเย็นเฉียบดังขึ้น“อ่า… พนักงานแผนกออกแบบครับ พวกเขาเป็นรุ่นพี่ หรือไม่ก็เรียนสาขาเดียว
น้ำเสียงหวานหยดนั้นเจือด้วยนัยยะชัดเจนคิรันขบกรามแน่น เส้นเลือดตรงขมับเต้นตุบๆ ความอดทนที่มีอยู่น้อยนิดเหมือนกำลังจะขาดผึงในไม่กี่วินาทีโรงแรม...กับภาคิน...สองคำนี้วนเวียนอยู่ในหัวเขาไม่หยุด สุมเชื้อเพลิงลงในไฟแห่งความระแวงที่กำลังคุโชนอย่างบ้าคลั่ง"ไอรีน..." เขาคำรามออกมาเสียงต่ำในลำคอ ราวสัตว์ป่าที่ถูกกระตุ้นจนขาดสติธันวาที่ยืนอยู่ไม่ห่าง หน้าซีดลงทันที รีบโค้งตัวขอตัวออกไปอย่างรู้ว่าไม่ควรอยู่ในที่นั้นต่อแม้แต่วินาทีเดียวแววตาคมปลาบของคิรันวาบขึ้นด้วยโทสะ ราวกับมีระเบิดลูกใหญ่ระเบิดกลางอกประตูห้องเพิ่งปิดลงไม่นาน ไอรีนก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้ากังวล"คุณเรียกฉันเหรอคะ..." น้ำเสียงเธอเบาราวกับกลัว"เอ่อ...ฉันแค่บอกสิ่งที่เห็นนะคะ" มายด์ทำท่าทางเหมือนหวังดี ก่อนจะชำเลืองไปทางไอรีนด้วยสายตาเยาะเย้ย แล้วรีบขอตัวออกจากห้อง ทิ้งรอยยิ้มเหยียดไว้อย่างไม่ปิดบังคิรันลุกขึ้นจากเก้าอี้ช้า ๆ ดวงตาสีดำคมกริบตวัดมองมาอย่างเย็นชาเยือกแข็ง"เมื่อคืนเธอไปไหนมา" เสียงเขานิ่งแต่แฝงแรงกดดันมหาศาล"ฉัน...ไปนอนที่ห้
คิรันยังคงไม่ปล่อยไอรีนไป หลังจากคืนโหดร้ายคืนนั้นเขาบังคับให้เธอย้ายกลับมาอยู่ที่คอนโดฯ โดยไม่มีทางเลือกคำพูดมีน้อย แต่สายตาเย็นชาและการกระทำที่กดดันนั้นชัดเจนเกินพอแม้ไม่มีโซ่ตรวนพันธนาการ แต่ไอรีนก็รู้ดี... เธอกำลังถูกกักขังในห้องกว้างใหญ่ที่ควรจะรู้สึกปลอดโปร่ง บัดนี้กลับเหมือนกรงเหล็กหนาวเย็น ที่มีเพียงลมหายใจแผ่วเบาของเขาไล่ต้อนเธอจนแทบขยับหนีไม่ได้สภาพความสัมพันธ์ในตอนนี้ คือการอยู่ด้วยกันอย่างเย็นชาและระวังภัยเขาไม่เคยเอ่ยคำว่ารักอีกเลย แต่ก็ไม่ยอมปล่อยเธอไปไอรีนสัมผัสได้ถึงความลึกซึ้งในใจเขา ทว่ากำแพงหวาดระแวงที่เขาสร้างขึ้นก็หนาแน่นจนเธอเอื้อมไม่ถึงทุกครั้งที่สบตาเธอ คิรันเหมือนกำลังต่อสู้กับตัวเอง... แต่ก็เลือกที่จะกักขังเธอเอาไว้แทนที่จะเชื่อใจไอรีนกัดฟันอดทนในความทุกข์ที่ไม่มีทางหนีไปได้ได้แต่เว้นระยะห่างจากเขา เงียบ... และนิ่งให้มากที่สุดไม่เรียกร้อง ไม่อ้อนวอน และไม่แสดงความอ่อนแอแต่คิรันเองก็ไม่ได้โง่เขารู้... ว่ากำลังทำร้ายคนที่เขาหวงแหนที่สุดด้วยมือของตัวเอง
เสียงเคาะประตูห้องพักดังสนั่นกลางดึกจนชั้นทั้งชั้นแทบสั่นสะเทือน ไอรีนสะดุ้งเฮือก ลุกจากเตียงด้วยหัวใจเต้นโครมคราม เธอรู้ว่าเป็นใคร ไม่ต้องมองช่องตาแมวก็รู้“เปิดเดี๋ยวนี้นะไอรีน!” น้ำเสียงทุ้มต่ำแหบพร่าจากฤทธิ์แอลกอฮอล์และอารมณ์ที่พุ่งทะลุขีดเดือดตะโกนกร้าวอยู่หน้าห้องคนในห้องใกล้เคียงเริ่มโผล่หน้ามาโวยวาย บางคนตะโกนด่า บางคนโทรแจ้งนิติ แต่คิรันไม่สนอะไรทั้งนั้น เขาเคาะแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนเหมือนประตูจะหลุดออกจากบานพับไอรีนกัดริมฝีปากแน่น หัวใจเธอสั่นคลอนกับเสียงนั้น... เสียงของเขา คนที่เธอพยายามจะลืม คนที่เธอพยายามจะไม่รู้สึกอะไรด้วยอีกแล้วแต่สุดท้าย... เธอก็ต้องยอมเปิดประตูเสียงประตูที่ปิดลงอย่างแรงสะท้อนก้องไปทั้งห้องในค่ำคืนที่เงียบสงัด ก่อนที่แรงกระชากจากแขนแกร่งจะดึงเธอเข้าไปปะทะแผงอกแน่นราวกำแพงเหล็ก ไอรีนหอบหายใจเบา ๆ เมื่อกลิ่นแอลกอฮอล์ผสมกลิ่นน้ำหอมประจำตัวของเขาอวลอยู่เต็มโพรงจมูก“คุณบ้าไปแล้วเหรอ? นี่มันกี่โมงแล้วรู้ไหม!?”“กี่โมงก็ช่างแม่ง!” คิรันเข้ามาใกล้จนปลายจมูกแทบชนกัน“เธอคิดว่าฉันจะยอมให้เธอเมินหน้าหนีฉั
เสียงประตูห้องทำงานด้านหลังปิดลงอย่างเงียบงัน แต่บรรยากาศกลับอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก ไอรีนก้าวกลับมาที่โต๊ะทำงานของตัวเองที่ตั้งอยู่ด้านหน้าห้องของคิรันอย่างไร้เรี่ยวแรง ภายในใจยังคงสั่นสะท้านจากคำพูดเย็นชาที่ชายหนุ่มใช้กับเธอเธอค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่ง แล้วหยิบกล่องเล็ก ๆ ใต้โต๊ะขึ้นมา ก่อนจะเริ่มเก็บของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ในงานตอนนี้—กรอบรูปเล็ก ๆ สมุดบันทึก ปากกาประจำตัว กล่องขนมเล็ก ๆ ที่เธอเอาไว้วางบนโต๊ะ...เธอแค่... เตรียมตัวเพราะสัญญาจ้างของเธอกำลังจะหมด และคิรัน... เขาก็คงไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงที่ทำให้ชื่อเสียงของบริษัทเขาสั่นคลอนอีกต่อไป“ไอรีน?”เสียงทุ้มเรียบของธันวาดังขึ้นใกล้ ๆ เขาเดินตรงเข้ามาหาด้วยสีหน้าวิตกอย่างเห็นได้ชัด“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ?”ไอรีนชะงักมือวางกล่องลงก่อนจะยิ้มบาง ๆ พลางส่ายหน้า“เปล่าค่ะ แค่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสัญญากำลังจะหมด เลยคิดว่า... ถ้าเคลียร์ของไว้บ้างก็คงดี เวลาต้องไปจริง ๆ จะได้ไม่วุ่นวาย”ธันวานิ่งไป รู้ดีว่านั่นไม่ใช่เหต
เสียงส้นรองเท้าหนังราคาแพงกระทบพื้นกระเบื้องเรียบหรูดังกังวานไปทั่วโถงออฟฟิศเงียบสงบ คิรันเดินกลับเข้ามาหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมข้างนอก ใบหน้าคมเฉียบที่มักเรียบเฉยตลอดเวลา ทว่าในแววตาเย็นชานั้นกลับซ่อนประกายเหนื่อยล้าเล็กน้อยจากการประชุมที่ยาวนานขณะที่เขากำลังจะเดินเลี้ยวไปยังห้องทำงาน เสียงพูดคุยเบา ๆ ของพนักงานหญิงสองคนบริเวณมุมโต๊ะใกล้เครื่องถ่ายเอกสารทำให้ฝีเท้าของเขาหยุดชะงักลงโดยไม่รู้ตัว“ฉันบอกเลยนะว่าเห็นกับตา... ไอรีนเดินไปหาคุณภาคิน! พูดอะไรไม่รู้เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ด้วยอะ” หญิงสาวคนหนึ่งพูดพลางขยับริมฝีปากแนบหูเพื่อนอย่างตื่นเต้น“จริงเหรอ? หรือว่าเธอจะหว่านเสน่ห์อีกคน? ไม่แปลกหรอก ดูเธอสิ...สวย แถมยังรู้ว่าต้องใช้หน้าตาทำอะไรได้บ้าง” อีกคนรับลูกเสียงสูง ก่อนหัวเราะคิกคิรันยืนนิ่ง ริมฝีปากบางเม้มแน่น ความรู้สึกบางอย่างแล่นวูบขึ้นในอก มือที่ถือแฟ้มอยู่บีบแน่นจนเส้นเลือดปูดนูนชัดหัวใจเริ่มเต้นแรงโดยไม่มีเหตุผลเขากำลังจะสาวเท้าเข้าไปจัดการพนักงานสองคนนั้นด้วยตัวเอง หากแต่เสียงแหลมสูงตวาดขึ้นมาก่อน
เสียงปิดประตูดัง ปัง! กลบความเงียบของห้องคอนโดหรูไปชั่วขณะ ก่อนที่ความเงียบเดิมจะกลับมาอีกครั้ง หนักหนายิ่งกว่าเดิมไอรีนยืนนิ่งอยู่กลางห้อง สองมือกำแน่นข้างลำตัว ดวงตาที่เคยแข็งกร้าวบัดนี้เริ่มสั่นไหว น้ำตาเอ่อคลอเต็มหน่วยตากลม“คุณไม่เชื่อใจฉันเหรอ?” เสียงของเธอเบา...แต่ชัดเจน เจ็บ...แต่ตรงไปตรงมาคิรันที่ยืนหันหลังอยู่ชะงักไปชั่วครู่ หัวใจของเขากำลังตีกันวุ่นวาย ทั้งโกรธ ทั้งเจ็บ ทั้งหึง ทั้งหวง ทั้งระแวง และที่สำคัญ...เขากลัวกลัวว่าจะรักเธอมากไปอีกกลัวจะเสียเธอไปกลัวว่าอดีตที่เคยเจ็บ จะย้อนกลับมาเล่นงานซ้ำอีกครั้ง...เขายังจำแววตาหลอกลวงในอดีต...ที่ทำให้เขาไม่เหลือแม้แต่ศรัทธาในความรัก นั่นแหละ...มันกำลังจะกลับมาเล่นงานเขาอีกครั้งแต่สิ่งที่เขาทำได้...คือความเงียบสายตาที่เขาหันกลับมามองเธอเย็นชาไร้แวว เหมือนคนไม่รู้จักกันมาก่อนดวงตาคู่นั้นปวดร้าวราวกับมีบางอย่างถูกฉีกขาด หญิงสาวเม้มปากแน่น กลืนก้อนสะอื้นลงคออย่างยากเย็น แล้วเบือนหน้าหนี ทำท่าจะเดินไปที่ประตู“จะไปไหน?”
หลังจากคืนที่เธอแทบจะถูกกลืนกินไปทั้งร่างในอ้อมแขนของเขา คิรันก็ไม่ปล่อยให้ไอรีนคลาดสายตาอีกเลย เขาบังคับให้เธอย้ายกลับมาอยู่กับเขาที่คอนโดฯ โดยมีเงื่อนไขที่ชัดเจนว่า“ถ้าเธอจะออกไปทำงานนอกสถานที่ เขาจะเป็นคนไปรับไปส่งเองเท่านั้น”ไอรีนไม่กล้าเถียง แม้จะไม่ชอบที่ถูกควบคุมขนาดนี้ แต่ก็รู้ดีว่าเขาไม่ใช่คนที่ยอมอ่อนข้อให้ใครง่าย ๆ และที่สำคัญ เธอยังไม่พร้อมจะเดินออกมาหลังจากคืนนั้น ร่างกายและหัวใจของเธอยังสั่นไหวไม่หาย แม้จะพยายามหลบตาเขา แต่ทุกเช้าเธอก็ยังตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของเขาเสมอแต่คนที่ปวดหัวที่สุดกลับเป็นธันวา ผู้ช่วยที่ต้องคอยตามเก็บงานและแก้ไขทุกอย่างหลังจากที่คิรันทิ้งประชุมหรือหายตัวไปเฝ้าไอรีนกลางงานไซต์โปรเจกต์ใหญ่“คุณคิรันครับ ผมเข้าใจว่าคุณเป็นห่วง แต่ถ้าคุณยังหายไปแบบนี้บ่อย ๆ อีกไม่กี่วันนักลงทุนจะเริ่มถอนตัวนะครับ”คิรันเพียงปรายตาใส่ธันวา ไม่พูดอะไร แต่ในที่สุดก็เริ่มยอมลดการประกบไอรีนลงเล็กน้อย โดยเลือกกลับมาเคลียร์งานที่กองพะเนินไว้แทน เขาคิดว่าเรื่องมันคงจบแล้วเมื่อภาคินเงียบหายไป ไม่มีวี่แววจะกลับมายุ่
เสียงปิดประตูดัง “ปัง!” ก้องสะท้อนทั่วห้องนอนกว้าง ก่อนที่ร่างสูงของคิรันจะกระชากไหล่ไอรีนเข้าหาตัวแรง ๆ จนแผ่นหลังของเธอกระแทกกับบานประตูที่ยังสั่นสะเทือนไม่หาย"อย่าทำหน้าแบบนั้นกับคนอื่นอีก..."เสียงเขาต่ำแหบพร่า ใกล้เกินจนปลายจมูกเขาเฉียดกับแก้มเธอ"คุณกำลังพูดเรื่อง—""เธอรู้ดีอยู่แก่ใจว่าฉันพูดเรื่องอะไร!"มือหนารั้งข้อมือเธอขึ้นตรึงไว้เหนือศีรษะ ก่อนที่ริมฝีปากร้อนจัดจะกดลงที่ซอกคอเธอแรงจนเธอสะดุ้งสุดตัว“คิรัน… อย่า—”"ไม่มีคำว่าอย่าในคืนนี้ เธอไม่มีสิทธิ์หนีจากฉันอีก ไม่แม้แต่จะมองคนอื่น"เขาตะคอกด้วยเสียงพร่า ขณะที่มืออีกข้างล้วงเข้าใต้เสื้อของเธอ ไล้ปลายนิ้วลากผ่านผิวเปลือยเปล่าช้า ๆ ก่อนจะขย้ำเนื้อเนียนด้วยความหึงหวงที่แทบจะคลั่ง"ของของฉัน ต้องเป็นของฉันคนเดียว!"เสียงฟืดของเนื้อผ้าถูกฉีกขาดจากเสื้อเชิ้ตของเธอดังลั่น ไอรีนหอบหายใจอย่างสั่นเทา เมื่อผิวกายเปลือยเปล่าท่อนบนถูกสายตาคมเข้มกวาดมองด้วยความหิวกระหาย เขาจ้องเธอราวกับจะกลืนกินทั้งตัว"คุณมัน..."
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น... ภาคินดูจะยิ่งได้ใจ เขาเริ่มเข้ามาวนเวียนใกล้ไอรีนมากขึ้น ราวกับจงใจแสดงตัวต่อหน้าคิรันอย่างท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นในที่ประชุม ห้องทำงาน หรือแม้แต่ช่วงพักเบรก เขาก็หาเรื่องเข้ามาคุยกับเธออยู่เสมอเย็นวันหนึ่ง ขณะที่ทุกคนเริ่มทยอยกลับบ้าน ภาคินก็เดินเข้ามาหาไอรีนพร้อมรอยยิ้มประจำตัว“ว่าไงคนเก่ง วันนี้เลิกงานเร็วหรือเปล่า? ไปทานข้าวกับฉันหน่อยสิ ถือว่าเป็นการคุยงานนอกสถานที่”ไอรีนชะงัก เหลือบมองเขาด้วยสายตาระวัง “เอ่อ...ฉันยังไม่แน่ใจนะคะ ว่าคืนนี้จะว่างหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ฉันรอได้” ภาคินตอบหน้าตาเฉย “งานที่เราทำด้วยกันยังต้องคุยรายละเอียดอีกเยอะ ฉันจองห้องอาหารไว้แล้วที่โรงแรม Vellare ชั้นบนสุด วิวสวยมาก รับรองว่าคุ้มกับเวลาคุณแน่นอน”เขายิ้มเจ้าเล่ห์ ราวกับรู้ว่าเธอไม่มีข้ออ้างไหนมาปฏิเสธได้ง่าย ๆธันวาที่เดินผ่านมาเห็นภาพนั้นพอดี เขาชะงักไป ก่อนจะเร่งฝีเท้าเข้ามาทันที“คุณไอรีนครับ” เขาเรียกเสียงจริงจัง “คุณคิรันบอกให้ผมมารับกลับพร้อมกัน...&rd