LOGIN
ไร่องุ่นภาคิน วัลเล่ย์ ไวเนอรี่ อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่
แสงอาทิตย์สีทองยามเช้าทอประกายอบอุ่นลงบนไร่องุ่นเขียวขจี ภาคินัยพ่อเลี้ยงหนุ่มเจ้าของไร่กำลังนั่งจิบกาแฟดำเข้มข้นบนระเบียงบ้านพัก สายตาคมกริบกวาดมองทิวทัศน์ไร่องุ่นที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา
ภาพของความอุดมสมบูรณ์และความสงบสุขทำให้จิตใจของเขาผ่อนคลาย แต่แล้วจู่ ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะก็ขึ้น เขาดึงสติที่ล่องลอยไปกับความอุดมสมบูรณ์ที่ตัวเองสร้างขึ้น ก่อนจะรีบหยิบมือถือขึ้นมารับสายอย่างอารมณ์ดี
“ฮัลโหล สวัสดีครับ..”
“คุณภาคินัย ใช่ไหมครับ” เสียงปลายสายดังขึ้น
“ครับ ผมภาคินัย”
“ผมร้อยตำรวจเอกประพนธ์ จากสถานีตำรวจภูธรปายนะครับ ขอแจ้งให้ทราบว่าคุณเนตรดาว ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเช้านี้ครับ” เสียงของร้อยตำรวจเอกประพนธ์ราวกับสายฟ้าฟาดลงกลางใจของภาคินัย มือที่ถือแก้วกาแฟสั่นเทิ้มจนกาแฟกระฉอกออกมา
“อุบัติเหตุเหรอครับ!!!” เขาถามเสียงสั่นเครือ
“ครับรถยนต์ของคุณเนตรดาวเสียหลักพลิกคว่ำบนถนนหลวงหมายเลข 1095 ครับ ตอนนี้เธอถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลปายแล้วครับ”
“แล้ว... แล้วเธอเป็นยังไงบ้างครับ” ภาคินัยถามเสียงสั่น
“อาการค่อนข้างสาหัสครับ คุณภาคินัยควรจะรีบมาที่โรงพยาบาลโดยด่วนครับ”
“ครับ... ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้” ภาคินัยรีบตอบ ก่อนจะวางสายโทรศัพท์ลง เขาเหม่อมองไปยังไร่องุ่นที่เคยสวยงามในสายตา บัดนี้กลับดูมืดมัวและว่างเปล่า ภาพของเนตรดาว ภรรยาสาวที่เขารัก ลอยเข้ามาในความคิด ใบหน้าสวยหวานที่เคยมีรอยยิ้มสดใส บัดนี้กลับเลือนรางไปพร้อมกับข่าวร้ายที่ได้รับ
ภาคินัยไม่รอช้า รีบขับรถไปยังโรงพยาบาลในตัวอำเภอปายทันที หัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความกังวลในระหว่างที่ขับรถด้วยความเร็วสูง เส้นทางสะเมิงถึงปายก็มีแต่โค้งทั้งนั้น
โรงพยาบาลอำเภอปาย
เขาจอดรถได้ก็รีบเดินเข้ามาแจ้งเรื่องกับเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาลอย่างเร่งรีบ
“คุณเป็นสามีของคุณเนตรดาวใช่ไหมคะ?”
“ครับ” เมื่อพยาบาลสาวฝ่ายประชาสัมพันธ์คีย์ข้อมูลเสร็จเรียบร้อย เธอก็เงยหน้าแจ้งพ่อเลี้ยงหนุ่ม และบอกว่าตอนนี้เนตรดาวภรรยาของเขากำลังอยู่ในห้องไอซียู
พ่อเลี้ยงหนุ่มถึงกับเข่าทรุดเมื่อเห็นร่างของภรรยาที่นอนอยู่ในห้องไอซียู ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยเครื่องมือช่วยชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเครื่องช่วยหายใจเครื่องวัดชีพจร รวมไปถึงสายน้ำเกลือและถุงเลือดห้อยระโยงระยางเต็มไปหมด ใบหน้าของเธอขาวซีด ดวงตาปิดสนิทสนิทราวกับหลับใหล
ภาคินัยเดินเข้าไปใกล้เตียงอย่างช้าๆ มือหนาสั่นเทาเอื้อมไปสัมผัสใบหน้าของเธอด้วยความสงสาร ความเย็นเยียบของผิวหนังทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวดรวดร้าวจนแทบจะแตกออกมาเป็นเสี่ยง ๆ
“ดาว!! คุณต้องไม่เป็นอะไรนะ” เขาเรียกชื่อภรรยาด้วยเสียงแผ่วเบา หวังว่าเธอจะได้ยินเสียงของเขา แต่ร่างที่นอนอยู่ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ เลย น้ำตาของภาคินัยไหลซึมออกมาจากหางตา เขาไม่เคยรู้สึกสิ้นหวังและเจ็บปวดเท่านี้มาก่อน ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันย้อนกลับมาในความคิด เขาโทษตัวเองที่เห็นงานสำคัญกว่าภรรยาและปล่อยให้เธอขับรถมาที่นี่เพียงคนเดียว
“ผมขอโทษนะดาว...ผมขอโทษ!!! ผมไม่น่าปล่อยให้คุณขับรถมาคนเดียวเลย” เขาพร่ำเพ้อ มือของเขาสัมผัสมือของเธออย่างแผ่วเบา เพื่อหวังจะส่งผ่านความรู้สึกถึงความรักทั้งหมดที่เขามีให้เธอ
ภาคินัยจ้องมองใบหน้าของเธออย่างไม่ละสายตา และภาวนาให้เธอฟื้นคืนสติกลับมาอีกครั้ง แต่ความเงียบงันในห้องไอซียูกลับตอกย้ำความจริงที่ว่าเธออาจจะไม่มีวันกลับมา ตามที่หมอได้บอกให้เขาทำใจ
ภาคินัยเดินออกจากห้องไอซียูด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เขาเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์พยาบาลหน้าห้องด้วยความหวังที่จะได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการของภรรยาในทางที่ดีกว่านี้
“คุณพยาบาลครับ ภรรยาของผมจะมีโอกาสรอดมั้ยครับ” เขาพูดเสียงสั่นเครือ พยาบาลเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสีหน้าเห็นใจ
“คุณหมอได้แจ้งอาการเบื้องต้นให้คุณทราบแล้วใช่ไหมคะ?”
“ครับ แต่ผมอยากทราบว่า พอจะมีทางรักษาอย่างอื่นมั้ยครับ” พยาบาลถอนหายใจเบา ๆ
“ตอนนี้คุณเนตรดาวอยู่ในภาวะโคม่าค่ะ สมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจากอุบัติเหตุ ทำให้เกิดอาการบวมในสมอง เราได้ให้ยาเพื่อลดอาการบวมและเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิดค่ะ”
“แล้ว...โอกาสที่ภรรยาของผมจะฟื้นมีมากแค่ไหนครับ?” ภาคินัยถามเสียงแผ่วเบา พยาบาลเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเห็นใจ
“ตอนนี้ทางเราก็ยังบอกไม่ได้ค่ะ ต้องรอดูอาการวันต่อวัน”
“ขอบคุณมากครับ” พ่อเลี้ยงหนุ่มถอนหายใจก่อนจะเดินออกมาจากเคาน์เตอร์พยาบาลด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง แต่ก็ยังมีความหวังเล็กๆ ในใจ และเขาจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ภรรยาของเขากลับมา
ตอนที่ 20 ที่หนึ่งไม่ไหวเมื่อถูกคะยั้นคะยอจากเพื่อน อัญชลิดาจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ธีรภัทรฟังอย่างละเอียด น้ำเสียงของเธอสั่นเครือไปด้วยความเจ็บปวดและความสับสน ธีรภัทรเงียบไปสักพัก ก่อนจะเรียบเรียงคำถามมากมายในหัวออกมาเป็นคำพูด เพื่อถามเธอทีละประโยคอย่างใจเย็น“พี่ภีมเขาสืบจนรู้ว่าพี่ชายของเธอแอบเป็นชู้กับภรรยาของเขา...ถูกต้องไหม” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยเสียงเรียบชัดถ้อยชัดคำ“อืม” เธอตอบเสียงอยู่ในลำคอ ก่อนจะพยักหน้าให้เขารับรู้“เขาก็เลยโกรธที่เธอไม่บอกความจริงงั้นเหรอ”“ก็ประมาณนั้นแหละ” ผู้จัดการสาวถอนหายใจก่อนตอบ“แต่ฉันว่าพักหลังๆ มานี้ พี่ภีมดูหึงหวงเธอเป็นพิเศษเลยนะ โดยเฉพาะกับฉัน เขาคิดอะไรกับเธอใช่ป่ะ” ธีรภัทรตัดสินใจถามเธอตรงๆ เพราะเขาก็ดูออกว่าเพื่อนมีใจให้กับพ่อเลี้ยงธีรภัทรมองอัญชลิดาด้วยแววตาเป็นห่วง เขารู้ว่าเธอรักภาคินัย แต่เขาก็กลัวว่าเธอจะเจ็บปวด เขากลัวว่าภาคินัยจะทำร้ายเธออีก เขาไม่เคยบอกความรู้สึกของเขาให้อัญชลิดารู้ เพราะเขากลัวว่าเธอจะปฏิเสธ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าบอกไปก็คงไม่มีประโยชน์ อัญชลิดาไม่ได้คิดกับเขาไปมากกว่าคำว่าเพื่อนเลย แต่เขาก็พร้อมจะปกป้องเธอจากอันตร
ตอนที่ 19 ความห่วงใยและไฟหึงโรงพยาบาลอำเภอสะเมิงภาคินัยนั่งรออยู่หน้าห้องตรวจด้วยความกระวนกระวายใจ เขาไม่สามารถอยู่นิ่งได้เลย เดินวนไปวนมาอย่างร้อนรน เมื่อประตูห้องตรวจเปิดออก คุณหมอเดินออกมา ภาคินัยรีบตรงเข้าไปหาทันทีก่อนที่ธีรภัทรจะได้เอ่ยถาม“คุณหมอ ภรรยาผมเป็นอย่างไรบ้างครับ” เขาเอ่ยเสียงดังเหมือนเจาะจงให้ใครบางคนได้ยิน จนธีรภัทรที่นั่งรออยู่รับรู้ถึงสถานะความสัมพันธ์ที่ตนเองสงสัยมานานระหว่างทั้งคู่“ภรรยาคุณปลอดภัยแล้วครับ ตอนแรกเธอมีไข้สูงจนเพ้อ” คุณหมอตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะอธิบายให้ภาคินัยฟังต่อ“ตอนนี้หมอฉีดยาให้แล้วนะครับ”“ผมขอเข้าไปเยี่ยมภรรยาหน่อยได้ไหมครับ คุณหมอ” ภาคินัยรีบถามด้วยความเป็นห่วง“อืม!!!...ตอนนี้หมอว่ายังไม่สะดวก คุณควรจะให้ภรรยาคุณได้พักผ่อน” คุณหมอรีบบอกก่อนจะเดินจากไปภาคินัยหันมาเผชิญหน้ากับธีรภัทรที่นั่งรออยู่ ก่อนจะรีบเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเข้ม“นายกลับไปได้แล้ว”“ผมจะรอ ผมก็อยากรู้ว่าอัญเป็นอย่างไรบ้าง” ธีรภัทรตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“นี่นายไม่ได้ยินที่หมอบอกรึไง?” ภาคินัยเอ่ยขึ้นอย่างดุดัน“ได้ยินคร๊าบ!!!.. แล้วผม...ก็ไม่คิดจะเข้าไปเยี่ยมอัญ
ตอนที่ 18 คำขอโทษไม่ช่วยอะไรหลังจากความป่าเถื่อนจบสิ้นลง อัญชลิดาก็รีบผละจากร่างสูง เธอหยิบผ้าเช็ดตัวและชุดคลุมก่อนจะรีบวิ่งตรงไปยังห้องน้ำ ปิดประตูลงกลอนแน่นหนา ปล่อยให้น้ำตาไหลรินอาบแก้ม เสียงสะอื้นดังแผ่วเบาในห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆเธอทรุดกายลงนั่งกับพื้นอันเย็นเยียบ มองตัวเองในกระจกเงา ภาพสะท้อนนั้นช่างน่าเวทนา ร่างกายบอบช้ำ รอยแดงจ้ำปรากฏเด่นชัด ผิดกับใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา จนเวลาผ่านไปเนิ่นนาน ภาคินัยที่มายืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำก็เคาะประตูเรียกเธอเบาๆ“น้องอัญ ๆ !!...ออกมาคุยกันหน่อย” เสียงทุ้มแหบพร่าดังลอดผ่านประตูเข้ามา อัญชลิดาที่มัวแต่ยืนร้องไห้อยู่หน้ากระจกก็ถึงกับสะดุ้งเฮือก เธอรีบปาดน้ำตาและล้างหน้าอย่างลวกๆ ก่อนจะแต่งตัวออกมาอัญชิดารู้ว่าเธอหนีเขาไปไหนไม่ได้ เมื่อประตูห้องน้ำเปิดออก ภาคินัยเห็นร่างบอบบางในชุดคลุมอาบน้ำ ดวงตากลมโตบวมช้ำ ริมฝีปากบวมเจ่อ เขาก็เริ่มรู้สึกผิดพ่อเลี้ยงหนุ่มเห็นน้ำตาของเธอ เห็นความเจ็บปวดในแววตาคู่นั้น และมันก็ยิ่งสร้างความเจ็บปวดในใจของเขาไม่น้อย“น้องอัญ!!!...พี่ขอโทษ” เขาเอ่ยเสียงแผ่ว ก่อนจะยื่นมือไปสัมผัสแก้มเนียนของเธอ อัญชลิด
ตอนที่ 17 รอยราคี หนี้สวาท NC แคว่ก! “ฮื้อๆๆ !” อัญชลิดาปล่อยโฮ เมื่อเสื้อชุดนอนของเธอถูกฉีกขาดออกไปจนหมด ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยรอยแดงจากการเสียดสีของหนวดเคราที่ทิ่มตำอยู่บนเรือนร่างและริมฝีปากหยักที่ดูดเลียเรือนร่างของเธออย่างรุนแรงและก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด“พี่ภีม!!!..อัญเจ็บ” เขารุนแรงต่างจากคืนนั้นราวฟ้ากับเหว“ยังไม่ทันเอาเข้าไปเลย จะเจ็บได้ยังไง..หึม์” เหมือนเขาอารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อยที่เธอไม่ขัดขืนสิ้นเสียงริมฝีปากหยักก็ดูดเบา ๆ ไปที่เนินอกของเธอ ก่อนจะเลื่อนบราเซียร์ลงไปไว้ที่บั้นเอวงามแล้วดูดเต้านมอวบของเธอดึงขึ้นอย่างรุนแรง ก่อนจะเลื่อนริมฝีลงไปตามตัวเธอจนสยิวไปทั้วร่าง ชั้นในตัวจิ๋วที่ปกปิดเนินเนื้ออวบอูมแทบจะไม่นิดนั้นถูกถอดออกไป เธอพยายามยื้อแย่งเพื่อไม่ให้เขาถอดมันออก จนสุดท้ายอัญชลิดากลัวว่ามันจะขาดจึงยอมให้เขาถอดแต่โดยดี แค่เห็นสายตาโหดเหี้ยมของเขาเธอก็ไม่กล้าขัดขืนแล้ว“พี่ภีมอย่า!!!” หลังจากเสื้อผ้าถูกฉีกออกไปจนร่างกายเปลือย เปล่าไม่มีอะไรปกปิดแม้แต่น้อย เขาดูดเลียร่องสวาทของเธออย่างหิวกระหาย อัญชลิดาดิ้นพล่านไม่เป็นกระบวน จากนั้นไม่นานกายแกร่งก็แทรกตัวตนเข้าตรงหว่
ตอนที่ 16 ไฟรักพ่อเลี้ยง NCภาคินัยกลับมาจากตัวอำเภอ เขาเดินมาทรุดตัวนั่งที่โต๊ะทำงานด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ดวงตาจ้องมองไปยังสมาร์ตโฟนเครื่องนั้น เมื่อเช้าเขาขับรถเข้าไปในตัวเมืองเพื่อจ้างช่างในร้านโทรศัพท์แห่งหนึ่งให้ปลดล็อกรหัสผ่านของโทรศัพท์เครื่องนี้จนสำเร็จพ่อเลี้ยงกำลังจ้องมองรูปถ่ายบนหน้าจอด้วยสายตาที่แข็งกร้าว ในรูปนั้นเนตรดาวกำลังยิ้มให้รณพีร์อย่างมีความสุข ทั้งสองคนดูสนิทสนมกันมาก เพราะเป็นคู่รักกันมานานตามหลักฐานที่ได้ปรากฏอย่างขัดเจน จนภาคินัยไม่สามารถปฏิเสธได้อีกต่อไปพ่อเลี้ยงหนุ่มกำหมัดแน่นด้วยความโกรธแค้น เขาไม่คิดเลยว่าเนตรดาวจะทำเรื่องแบบนี้ ภาคินัยไม่รู้มาก่อนด้วยซ้ำว่าเธอแอบไปคบหากับรณพีร์และเธอก็มีโลกสองใบ ภาคินัยนึกย้อนไปถึงตอนที่เขาชวนเธอให้เข้าไปอยู่ในบ้านด้วยกัน เนตรดาวบอกเพียงว่าเธอรอให้เสร็จสิ้นงานแต่งเสียก่อน เพราะกลัวคนงานจะเอาไปนินทาได้ ซึ่งตอนนั้นเขาก็ตามใจเธอภาคินัยเลื่อนดูรูปถ่ายอื่นๆ ในโฟลเดอร์เดียวกัน มีรูปของเนตรดาวและรณพีร์ในสถานที่ต่างๆ ทั้งร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ และสวนสาธารณะ ทั้งสองคนดูมีความสุขกันมาก ราวกับไม่มีความลับใดๆ ซ่อนอยู่ และทุกครั้งที่ท
ตอนที่ 15 ความลับที่ถูกเปิดเผยสองเดือนต่อมาแสงแดดยามเช้าสาดส่องไร่องุ่นอันเขียวขจี อัญชลิดากำลังเดินตรวจงาน พร้อมกับเพื่อนของเธอ ผู้จัดการสาวเดินไปตามแปลงของต้นองุ่นอย่างคล่องแคล่ว สายตาจับจ้องไปที่ผลองุ่นแต่ละพวงอย่างละเอียดถี่ถ้วนเธอเดินไปพร้อมบอกกับคนงานถึงวิธีการดูแลต้นองุ่น ธีรภัทรเดินตามหลังอัญชลิดามาติดๆ เขามองดูเธอทำงานด้วยความชื่นชม“อัญเก่งขึ้นเยอะเลยนะ” ธีรภัทรอดไม่ได้จนต้องเอ่ยปากชมเพื่อน “ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะมาเป็นผู้จัดการไร่ใหญ่ ๆ แบบนี้ได้” อัญชลิดายิ้ม เธอรู้สึกดีใจที่อย่างน้อยเพื่อนก็เห็นความพยายามของเธอ ไม่เหมือนกับใครบางคน“ขอบคุณนะธีร์”“ฉันก็ไม่คิดเหมือนกัน” ตอนแรกอัญชลิดาก็ไม่คิดหรอกว่าเธอเองจะสามารถรับผิดชอบงานพวกนี้ได้ทั้งหมด แต่เพราะเธอใช้ความรักเป็นตัวขับเคลื่อนมัน“เธอทำงานได้คล่องกว่าแต่ก่อนเยอะเลยนะ” ธีรภัทรกล่าวชมต่อไป“ดูเธอทะมัดทะแมงมาก ไม่เก้ ๆ กัง ๆ เหมือนที่ฉันเจอตอนแรก ๆ” อัญชลิดาหัวเราะเบาๆ“ฉันก็ต้องทำงานให้ดีที่สุดสิ เดี๋ยวเค้าก็ไม่จ้างหรอก”“ฉันว่าพ่อเลี้ยงต้องภูมิใจในตัวเธออยู่แล้ว” อัญชลิดายิ้มบาง ๆ เพราะเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพ่อเ







