วันต่อมา…
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน วันนี้อลินดาก็ตัดสินใจว่าจะไปเฝ้าดูลาดเลาแถว ๆ หน้าบ้านแฟนสาวก่อนเผื่อจะมีโอกาสเข้าไป ให้เธอทนอยู่โดยไม่รู้เรื่องราวของแฟนสาวเลยเธอก็อยู่ไม่เป็นสุขใจมันพะหว้าพะวงตลอดเวลา โดยเธอได้กลับไปยืมรถของน้องชายที่บ้านแล้วขับไปยังบ้านแฟนสาวเพราะหากขับรถของตัวเองไปก็เกรงว่ามาเฟียหนุ่ม และคนอื่น ๆ ในบ้านนั้นจะจำได้ เธอนั่งดูลาดเลาอยู่ภายในรถบริเวณริมกำแพงบ้านแฟนสาว ทว่าผ่านไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าก็ไม่มีวี่แววว่าคนในบ้านหลังนี้จะออกไปไหนเลย “บ้าเอ๊ย! ใจคอไม่คิดจะออกไปไหนกันเลยเหรอ” เธอสบถออกมาอย่างหัวเสียพร้อมกับยกมือขึ้นยีผมแรง ๆ จนยุ่งเหยิงเพื่อระบายความหงุดหงิดที่เกิดขึ้น เธอเป็นคนประเภทที่ไม่ชอบรออะไรนาน ๆ ด้วยสิ ในวินาทีที่เธอตัดสินใจจะกลับก็มีรถลีมูซีนแล่นออกมาจากบ้าน เธอพยายามใช้สายตาเพ่งมองผ่านกระจกมืดเข้าไปก็เห็นว่าเป็นมาเฟียหนุ่มกับพ่อของเขา นี่แหละเป็นโอกาสดีของเธอที่จะเข้าไปหาแฟนสาว ทันทีที่รถลีมูซีนแล่นออกไปไกลเธอก็รีบขับรถเข้าไปยังบ้านแฟนสาวด้วยความเร็ว หัวใจของเธออดสั่นไหวไม่ได้ในตอนที่จอดรถลงหน้าบ้านแฟนสาว แล้วเห็นชายใส่ชุดสูทสีดำหน้าตาดุดันเดินตรงดิ่งมาที่รถของเธอ ได้แต่ภาวนาในใจขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ก่อนจะรวบรวมความกล้าเปิดประตูรถลงไปเผชิญหน้า “ฉันเป็นเพื่อนของหยกค่ะ จะมาหาหยก” “คุณหยกไม่อยู่ครับ” ชายชุดดำคนหนึ่งเอ่ยตอบ “หยกไปไหนคะ” อลินดาไม่ค่อยเชื่อในคำพูดของชายชุดดำเท่าไรแต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากตั้งคำถามแบบปกติ “ออกไปข้างนอกครับ” “แล้วจะกลับมาเมื่อไรคะ” “ไม่ทราบครับ” “ละ..” บรืนนน~ อลินดาทำท่าจะถามต่อแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามา ก่อนจะรีบหันไปดู หัวใจดวงน้อยพลันกระตุกวูบด้วย ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจเพราะรถที่แล่นเข้ามาจอดคือรถที่มาเฟียหนุ่มนั่งออกไปนั่นเอง นาทีนี้เธอรู้ได้ทันทีว่าความฉิบหายกำลังมาเยือนแล้ว ด้านมาเฟียหนุ่มเมื่อเห็นว่าหญิงสาวยืนอยู่ก็รีบเปิดประตูลงจากรถเดินเข้าไปหาเธอด้วยความเร็ว นี่หากเขาไม่ลืมของแล้วต้องกลับมาเอาคงไม่รู้ว่าเธอมา “เธอกล้ามากนะอลินดาที่กล้าเหยียบมาถึงที่นี่ เธอไม่เกรงกลัวคำเตือนของฉันเลยใช่ไหม” “ทำไม..คุณจะทำอะไรฉันอีกล่ะ เรื่องรังแกผู้หญิงคุณถนัดอยู่แล้วนิ” แม้จะรู้สึกหวั่นใจแต่เธอก็ยังทำใจดีสู้เสือเชิดหน้าสวนกลับไปด้วยคำพูดแสนเจ็บแสบ “รู้ไว้ก็ดี โดยเฉพาะกับผู้หญิงดื้อด้านอย่างเธอฉันถนัดนักแหละ” ไม่ว่าเปล่ามาเฟียหนุ่มยังเดินเข้าไปประชิดร่างบาง คว้าหมับเข้าข้อมือเล็กแล้วออกแรงบีบอย่างแรงแสดงให้เห็นตามคำที่พูดออกไป แน่นอนว่าอลินดาเจ็บกับการกระทำของผู้ชายสารเลว ทว่าเธอไม่แม้แต่จะแสดงสีหน้าเจ็บปวดหรือร้องโอดโอยออกมาให้เขาดูถูกได้ว่าอ่อนแอ จ้องตอบสายตาดุดันของเขาพร้อมกับเปล่งเสียงก่นด่า “ไอ้ชาติชั่ว หน้าตัวเมีย” ระหว่างที่ทั้งสองกำลังจ้องตากันมาคัลที่นั่งดูเหตุการณ์รถก็เปิดประตูลงมา ก่อนจะเอ่ยกับบุตรชายด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่กลับแฝงด้วยพลังบางอย่าง “จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนวันที่โยษิตาต้องหมั้นนะแทนไท” ทั้งอลินดาและมาเฟียหนุ่มหันมองทางต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียงกัน ก่อนมาเฟียหนุ่มจะตอบรับคำสั่งของผู้เป็นพ่อ “ครับแด๊ดผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย ยังไงแด๊ดไปบริษัทก่อนก็ได้ครับผมขอจัดการตรงนี้ก่อน” “หยกจะแต่งงานกับใครไม่ได้นะคะ หยกเป็นคนรักของหนูพวกเรารักกัน คุณลุงเห็นแก่ความรักของพวกเราเถอะนะคะหนูขอร้อง” สิ้นเสียงมาเฟียหนุ่มอลินดาก็รีบเอ่ยขอร้องอ้อนวอนมาคัลเพราะตอนนี้เธอไม่มีหนทางอื่นแล้วจริง ๆ ได้แต่หวังว่าท่านจะเมตตาสักครั้ง “จัดการให้เรียบร้อย” มาคัลไม่ได้สนใจเสียงอ้อนวอนของเด็กสาวสักนิดออกจากรำคาญด้วยซ้ำ หันไปเอ่ยกับบุตรชายทิ้งท้ายแล้วเดินกลับไปขึ้นรถทันที ทิ้งให้อลินดามองตามหลังอย่างสิ้นหวัง ขณะเดียวกันก็พานนึกโกรธคนทั้งสองเป็นอย่างมากพ่อกับลูกนิสัยไม่ต่างกันเลยจริง ๆ ด้วยความโกรธทำให้เธออดไม่ได้ที่จะต่อว่าทั้งสอง “ทำไมพวกคุณถึงใจร้ายขนาดนี้ ใจร้ายทั้งพ่อทั้งลูก” “อลินดา!” คำด่าที่หญิงสาวลามปามถึงพ่อผู้บังเกิดเกล้าทำให้อารมณ์ของมาเฟียหนุ่มถึงกับพุ่งปรี๊ด ใช้มืออีกข้างบีบปลายคางมนอย่างแรง “อย่าลามปามถึงพ่อฉัน” แรงบีบจากมือหนาสร้างความเจ็บให้อลินดาไม่น้อย แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้เค้นเสียงตอกกลับไปน้ำเสียงอู้อี้ “อำไมอั้นอะพูดไม่ได้ ในเมื่อมังคือฟามจริง” “เธอชักจะกล้าดีเกินไปแล้วนะอลินดา” มือหนายิ่งออกแรงบีบปลายคางมนมากขึ้นตามแรงโกรธที่คุกรุ่นอยู่ในกาย เห็นทีครั้งนี้เขาคงต้องจัดการกับเธอขั้นเด็ดขาดไม่อย่างนั้นเธอคงจะสร้างปัญหาให้ไม่เลิก คิดได้ดังนั้นเขาก็ปล่อยมือจากปลายคางมนแล้วตวัดสายตาไปออกคำสั่งกับลูกน้องที่ยืนอยู่ “ไปเอารถออก” “ครับนาย” สิ้นเสียงคนเป็นเจ้านายชายชุดดำก็เดินกึ่งวิ่งไปเอารถที่โรงรถทันที “คุณคิดจะทำอะไร จะพาฉันไปไหน ปล่อยฉันนะ” อลินดาเปล่งเสียงถามดังลั่นในตอนที่ถูกมาเฟียหนุ่มลากไปยังรถที่ลูกน้องของเขาขับมาจอดพลางพยายามสะบัดมือให้หลุดจากการจับกุมของมือหนา ทว่าแรงเพียงน้อยนิดของเธอไม่ได้ทำให้คนตัวโตสะเทือนสักนิด สุดท้ายเธอก็ถูกฉุดกระชากลากถูมาถึงรถ ก่อนจะถูกเขาจับยัดเขาไปในรถโดยมีเขาตามขึ้นมานั่งติด ๆ เธอพยายามจะเปิดประตูอีกฝั่งหนีแต่กลับถูกเขาจับเอาไว้ “นั่งนิ่ง ๆ แล้วก็หุบปากหากไม่อยากให้ลูกกระสุนเข้าไปฝังอยู่ในตัว” มาเฟียหนุ่มชักปืนที่ปืนที่แหนบเอวออกมาจ่อที่เอวคอดเพราะนึกรำคาญกับความฤทธิ์เยอะของเธอ เขาเบื่อที่จะต้องพูดกับผู้หญิงดื้อด้านอย่างเธอแล้วจึงให้ปืนทำงานแทนดีกว่า และมันก็ได้ผลร่างบางถึงกับนั่งนิ่งเหมือนหินถูกสาป อลินดาทั้งโกรธทั้งคับแค้นใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะมีปลายกระบอกปืนจ่อเอวอยู่ ทำได้แค่ก่นด่าและสาปแช่งเขาในใจไว้มีโอกาสเมื่อไรเถอะเธอจะเอาคืนเขาอย่างแน่นอน ดวงตาคมตวัดมองเสี้ยวหน้าคมคายอย่างอาฆาต ก่อนจะเบี่ยงหน้ามองออกไปนอกกระจกรถเพื่อดูว่าเขาจะพาเธอไปไหน"หยก..เธอไปอยู่ที่ไหนกัน" อลินดายังคงนอนนิ่งอยู่บนโซฟาแม้มาเฟียหนุ่มกับลูกน้องจะออกจากห้องไปหมดแล้วก็ตามเรื่องที่ได้รู้มันทำให้เธอหมดเรี่ยวแรงจริง ๆ เพราะโยษิตาเป็นเสมือนหัวใจของเธอ ทว่าตอนนี้หัวใจดวงนั้นกลับหายไปแล้วโดยที่เธอไม่รู้เลยว่าหายไปไหน น้ำสีใสยังคงรินไหลออกจากดวงตาคมไม่หยุด ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เธอนอนร้องไห้อยู่แบบนั้นกระทั่งตระหนักได้ว่าเธอไม่ควรปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอแบบนี้สู้เอาเวลาไปสืบเสาะว่าแฟนสาวอยู่ที่ไหนดีกว่าคิดได้ดังนั้นก็ดีดตัวลุกขึ้นยืน ใช้มือเช็ดน้ำตาออกจนแห้ง ก่อนจะเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ แล้วก็ออกมาแต่งหน้าแต่งตัว จากนั้นจึงเดินทางออกจากคอนโดตรงไปสนามบินทันทีเพื่อสืบหาว่าโยษิตาบินไปประเทศไหน โดยเธอไม่รู้เลยว่าทุกย่างก้าวของตัวเองมีคนของมาเฟียหนุ่มแอบติดตามเมื่อมาถึงสนามบินเธอก็ใช้เส้นสายของผู้เป็นพ่อขอดูข้อมูลการเดินทางเข้าออกของสนามบิน ทว่าเธอกลับต้องผิดหวังเพราะข้อมูลการเดินทางออกนอกประเทศไม่มีชื่อแฟนสาวเลยสักไฟล์อดทำให้คิดไม่ได้ว่ามาเฟียหนุ่มพูดโกหก ความจริงแล้วแฟนสาวอาจยังอยู่ในประเทศไทย"คนเลว! คุณหลอกฉัน" เธอสบถออกมาด้วยความโกรธมือทั้งสองกำ
วันต่อมา…กริ่ง กริ่ง~เสียงกริ่งดังสนั่นไปทั่วห้องนอนสี่เหลี่ยมปลุกให้อลินดาเจ้าของห้องที่นอนหลับอยู่บนเตียงใหญ่สะดุ้งลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ“โอ๊ย! ใครมาตั้งแต่เช้าเนี่ย” เธอสบถออกมาอย่างอารมณ์เสียพร้อมกับหยัดกายลุกขึ้นนั่ง ใช้มือยีผมแรง ๆ จนยุ่งเหยิง ก่อนจะพาตัวลงจากเตียงเดินตรงไปที่ประตูด้วยความไม่พอใจหมายมั่นปั้นมือไว้อย่างแรงว่าหากคนที่มากดกริ่งปลุกมีเรื่องไม่สำคัญพอเธอจะด่าเข้าให้โทษฐานที่มากวนเวลานอนแกร็ก!วินาทีที่เปิดประตูออกไปเธอก็ต้องตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเพราะคนที่ยืนอยู่หน้าห้องคือผู้ชายสารเลว และด้านหลังของเขามีลูกน้องสองคนยืนประกอบอยู่ในมือถือถุงใส่ชุดแต่งงานไม่ต่ำกว่าห้าชุด เธออุตส่าห์หนีมาอยู่ที่คอนโดแล้วเขาก็ยังพาชุดแต่งงานตามมาอีกเหรอแต่แล้วยังไงเธอจะไม่ยอมทำตามที่เขาต้องการเด็ดขาด คิดได้ดังนั้นก็รีบผลักประตูให้ปิดลง ทว่าเหมือนอีกคนจะเร็วกว่าเพราะเขาดันใช้เท้าดักไว้ก่อนที่ประตูจะปิดลง จากนั้นก็ใช้มือผลักประตูให้เปิดกว้างแล้วเดินเข้าไปด้านในอย่างหน้าตาเฉย ตามด้วยลูกน้องอีกสองคน“พวกคุณออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้นะ” เธอรีบวิ่งไปขวางร่างสูงเอาไว้พร้อมกับไล่ตะเพิ
“แด๊ดดี๊กับมามี๊รู้จักเขาดีแล้วเหรอคะถึงยอมให้อลินแต่งงานกับเขาง่าย ๆ บางทีเขาอาจจะเป็นคนไม่ดีก็ได้นะคะ อีกอย่างอลินก็ไม่ได้รักเขาเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นความผิดพลาด และเรื่องแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติมากนะคะในสมัยนี้” ทันทีที่มาเฟียหนุ่มจากไปอลินดาก็รีบเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งบนโซฟาที่เขาเคยนั่งแล้วพูดคุยกับพ่อแม่ พยายามหาเหตุผลต่าง ๆ มาอ้างหวังว่าจะเปลี่ยนความคิดพวกท่านได้“รู้จักสิ” ภาคินตอบเสียงเรียบสายตาจับจ้องหน้าบุตรสาวนิ่ง ๆ “แทนไทเป็นลูกมาคัล แอคคาร์โดผู้ทรงอิทธิพลทางธุรกิจของไทยเพียบพร้อมทั้งครอบครัว ฐานะ การศึกษา และหน้าตาดี แล้วมีตรงไหนที่ไม่ดี หรือไม่เหมาะสมกับลูก” “อลินหมายถึงนิสัยค่ะแด๊ดดี๊” อลินดามองหน้าผู้เป็นพ่ออย่างอ่อนใจ“ยังไงลูกก็ต้องแต่งงานกับเขา ไม่มีข้ออ้างอะไรทั้งสิ้นเพราะแด๊ดได้ตกลงไปแล้ว” ภาคินยังคงยืนยันคำเดิมเพราะเขาต้องการให้บุตรสาวเลิกคบผู้หญิงด้วยกัน ว่าจบก็ลุกเดินขึ้นห้องไปทันทีไม่ฟังเสียงทักท้วงของบุตรสาวที่ดังตามหลังมาสักนิด“มามี๊ช่วยอลินด้วยนะคะ อลินไม่อยากแต่งงานกับเขา มามี๊ช่วยไปพูดกับแด๊ดดี๊ให้หน่อยนะคะ” เมื่อพูดเปลี่ยนใจผู้เป็นพ่อไม่สำเร็
ในประเทศไทยคงจะมีแค่ครอบครัวมาคัลที่ใช้นามสกุลนี้ ซึ่งเขาก็เคยพบเจอมามาคัลบ่อย ๆ ในงานสังสรรค์ต่าง ๆ เพราะอยู่ในแวดวงธุรกิจเหมือนกัน และยังรู้ว่ามาคัลมีบุตรชายกับบุตรสาวชื่อแทนไทกับโยษิตา เขารู้จักโยษิตาบุตรสาวคนเล็กของมาคัลเพราะเธอเป็นเพื่อนกับบุตรสาวของเขา เคยไปมาหาสู่บุตรสาวที่บ้านบ่อย ๆ เมื่อก่อนเขาคิดว่าทั้งสองเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้เขาบังเอิญเห็นทั้งสองแสดงความรักต่อกันเกินคำว่าเพื่อนจึงนึกสงสัยเลยแอบตามดูพฤติกรรมทั้งสองห่าง ๆ จนได้รู้ความจริงบางอย่าง ส่วนแทนไทบุตรชายคนโตของมาคัลเขาเพิ่งเคยเห็นครั้งนี้เป็นครั้งแรกเพราะชายหนุ่มไม่เคยไปออกงาน หรือปรากฏตัวที่ไหนเลยการที่ชายหนุ่มปรากฏกายที่บ้านในวันนี้ทำให้เขาสงสัย และแปลกใจเป็นอย่างมาก ยิ่งได้เห็นสีหน้าท่าทางแปลก ๆ ของบุตรสาวตอนคุยกับชายหนุ่มเมื่อกี้ก็ยิ่งทำให้สงสัยเข้าไปอีกรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ “ครับ วันนี้ผมมีเรื่องจะมาคุยกับท่านทั้งสองครับ” มาเฟียหนุ่มยิ้มรับคำพูดภาคินเล็กน้อย จากนั้นก็พูดเข้าเรื่องทันทีพร้อมกับหย่อนก้นนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามผู้ใหญ่ทั้งสอง ทิ้งให้อีกคนยืนเคว้งอยู่คนเดียวเพราะทำอะไรไม่
หัวใจดวงน้อย ๆ ของอลินดากระหน่ำเต้นขึ้นมาฉับพลันในตอนที่รถคันหรูเคลื่อนตัวเข้าสู่รั้วบ้านของเธอ รีบหันไปถามร่างสูงข้าง ๆ ด้วยน้ำเสียงร้อนรน “คุณมาบ้านฉันทำไม คิดจะทำอะไรบอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ”“หึ” คนถูกถามหันไปแสยะยิ้มร้ายมุมปากให้หญิงสาวแทนคำตอบ ก่อนจะเบี่ยงหน้ามองออกไปนอกกระจกเหมือนเดิม กระทั่งรถจอดสนิทลงหน้าบ้านหญิงสาวจึงหันกลับไปออกคำสั่งกับร่างบางข้าง ๆ “ลงไปสิถึงบ้านเธอแล้ว”“คุณมีแผนอะไรกันแน่ คงไม่ใช่ใจดีมาส่งฉันที่บ้านอย่างเดียวใช่ไหม” อลินดาเลิกคิ้วขึ้นมองใบหน้าคมคายอย่างหวาดระแวงเพราะเธอไม่เชื่อสักนิดว่าเขาจะใจดีมาส่งเธอแค่อย่างเดียว แต่กลับได้รับความเงียบแทนคำตอบ หนำซ้ำเขายังจ้องหน้าเธอด้วยสายตาของคนที่เหนือกว่ายิ่งทำให้เธอไม่ไว้ใจเข้าไปอีก พยายามอ่านสายตาของเขาแต่ก็ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลยมาเฟียหนุ่มมองสบสายตาหญิงสาวนิ่ง ๆ นานนับนาที ก่อนจะเป็นฝ่ายเปิดประตูลงจาจรถไปเมื่อเธอยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมลงสักทีทำให้อลินดาต้องรีบเปิดประตูลงตามไป แล้วรีบวิ่งไปยืนขวางหน้าร่างสูงที่ทำท่าจะเดินเข้าไปในบ้านของเธอ “คุณจะไปไหน”“…”มาเฟียหนุ่มไม่ตอบเหมือนเดิมเลือกจะเดินเลี่ยงเธอไปอีกทาง ซึ่
วันต่อมา…หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน วันนี้อลินดาก็ตัดสินใจว่าจะไปเฝ้าดูลาดเลาแถว ๆ หน้าบ้านแฟนสาวก่อนเผื่อจะมีโอกาสเข้าไป ให้เธอทนอยู่โดยไม่รู้เรื่องราวของแฟนสาวเลยเธอก็อยู่ไม่เป็นสุขใจมันพะหว้าพะวงตลอดเวลา โดยเธอได้กลับไปยืมรถของน้องชายที่บ้านแล้วขับไปยังบ้านแฟนสาวเพราะหากขับรถของตัวเองไปก็เกรงว่ามาเฟียหนุ่ม และคนอื่น ๆ ในบ้านนั้นจะจำได้เธอนั่งดูลาดเลาอยู่ภายในรถบริเวณริมกำแพงบ้านแฟนสาว ทว่าผ่านไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าก็ไม่มีวี่แววว่าคนในบ้านหลังนี้จะออกไปไหนเลย“บ้าเอ๊ย! ใจคอไม่คิดจะออกไปไหนกันเลยเหรอ” เธอสบถออกมาอย่างหัวเสียพร้อมกับยกมือขึ้นยีผมแรง ๆ จนยุ่งเหยิงเพื่อระบายความหงุดหงิดที่เกิดขึ้น เธอเป็นคนประเภทที่ไม่ชอบรออะไรนาน ๆ ด้วยสิ ในวินาทีที่เธอตัดสินใจจะกลับก็มีรถลีมูซีนแล่นออกมาจากบ้าน เธอพยายามใช้สายตาเพ่งมองผ่านกระจกมืดเข้าไปก็เห็นว่าเป็นมาเฟียหนุ่มกับพ่อของเขานี่แหละเป็นโอกาสดีของเธอที่จะเข้าไปหาแฟนสาว ทันทีที่รถลีมูซีนแล่นออกไปไกลเธอก็รีบขับรถเข้าไปยังบ้านแฟนสาวด้วยความเร็วหัวใจของเธออดสั่นไหวไม่ได้ในตอนที่จอดรถลงหน้าบ้านแฟนสาว แล้วเห็นชายใส่ชุดสูทสีดำหน้าตาดุดันเดินต