วันต่อมา...
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านม่านหน้าต่างกระจกเข้ามากระทบร่างสองสาวที่นอนกอดกันอยู่บนเตียงปลุกให้ทั้งสองรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา
"อรุณสวัสดิ์ค่ะคนดี" อลินดาทักทายแฟนสาวด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มพร้อมกับประทับจูบหน้าผากมนด้วยความรักใคร่
โยษิตาระบายิ้มตอบสาวคนรัก ก่อนจะจุบลงบนกลีบปากอิ่มเบา ๆ แสดงความรัก
"เจ็ดโมงแล้วไม่อยากลุกไปทำงานเลย อยากนอนกอดแฟนต่อ" อลินดาเอ่ยออกมาอย่างออดอ้อนทำหน้าคว่ำใส่แฟนสาวราวกับเด็กน้อยโดนขัดใจเมื่อเหลือบมองนาฬิกาหัวเตียงปรากฏว่าตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงกว่าแล้ว
"นอนกอดทั้งคืนแล้วยังไม่พอเหรอหื้ม" โยษิตาใช้มือบีบจมูกสาวคนรักอย่างมันเขี้ยวเมื่อคืนทั้งสองไม่ใช่แค่นอนกอดกัน แต่ยังทำอะไรต่อมิอะไรเหมือนที่คู่รักเขาทำกันไม่ว่าจะเป็นกอด จูบ ลูบ คลำ และใช้ทั้งลิ้นกับนิ้วปรนเปรอะกันและกัน
"ไม่พอหรอก และไม่มีวันพอด้วย"
"แบบนี้เขาเรียกโลภมากรึเปล่านะ"
"ยอมรับก็ได้ว่าโลภมาก แต่เค้าโลภมากกับเธอแค่คนเดียวนะ" อลินดาเอ่ยพลางส่งสายวิบวับสื่อความหมายใส่แฟนสาวทำเอาโยษิตาใบหน้าเห่อร้อนใช้กำปั้นทุบลงบนแขนสาวคนรักเบา ๆ ก่อนจะรีบดีดตัวลงไปยืนข้างเตียงเพราะขืนนอนกอดกันแบบนี้ต่อคงไปทำงานสายกันพอดี "ไม่ต้องมาทำสายตาแบบนี้เลยนะไปอาบ แล้วไปทำงานได้แล้ว"
"รับทราบค่า" อลินดากลั้วหัวเราะออกมาอย่างนึกตลกกับท่าทางของแฟนสาว ก่อนจะยอมลุกจากเตียงแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำโดยดี
เมื่ออาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง
@บริษัทอัครโชติ
ก็อก! ก็อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้อลินดาที่กำลังนั่งทำงานหยุดชะงักเงยหน้าขึ้นเอ่ย "เข้ามา"
สิ้นเสียงอนุญาตประตูก็ถูกเปิดเข้ามาโดยเลขาของเธอ "คุณแทนไทพี่ชายคุณโยษิตามาขอพบค่ะ"
"มาทำไมอีก" อลินดาขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความสงสัยกับคำบอกกล่าวของเลขาสาว มาเฟียหนุ่มมาอย่างงั้นเหรอมาพบเธอด้วยเหตุผลอะไรกันในเมื่อวันนั้นก็คุยกันรู้เรื่องแล้วนิ
เธอชั่งใจชั่วครู่ก่อนตัดสินใจบอกให้เลขาสาวเชิญเขาเข้ามา อยากจะรู้เหมือนกันวันนี้เขาจะมาไม้ไหนอีก
แกร๊ก!
ประตูห้องทำงานอลินดาถูกเปิดเข้ามาอีกครั้งแต่ครั้งนี้ไม่ใช่เลขาสาวแต่เป็นมาเฟียหนุ่ม เขาเดินเข้าไปย่อตัวนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานหญิงสาวอย่างถือวิสาสะไม่รอให้เจ้าของห้องเอ่ยปากชวน ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมจนดูน่ากลัว
การกระทำและสีหน้าที่ต่างไปจากทุกครั้งที่เจอกันของมาเฟียหนุ่มสร้างความแปลกใจให้อลินดาไม่น้อย แต่เธอก็เลือกจะเก็บความสงสัยเอาไว้เอ่ยถามไปด้วยใบหน้าราบเรียบ มองสบแววตาดุดันที่จ้องมองเธอเหมือนมีอะไรโกรธแค้นกันอย่างไม่เกรงกลัว "วันนี้มีเรื่องอะไรจะถามอีกคะถึงได้ถ่อมาถึงนี่"
"ฉันจะถามอีกครั้ง เธอไม่รู้จักแฟนหยกจริงเหรอ" มาเฟียหนุ่มจ้องหน้าหญิงสาวนิ่ง ๆ นานนับนาที ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่กลับแฝงความดุดันเอาไว้ เขาอยากลองหยั่งเชิงดูว่าเธอจะตอบยังไงจะตีหน้าซื่อโกหกได้เก่งขนาดไหน
"ฉันยังยืนยันคำเดิมว่ารู้จักกันแค่เผิน ๆ ไม่ได้สนิท"
"เหรอครับ" คนฟังเหยียดยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยันเธอคงเห็นว่าเขาโง่มากสินะถึงยังโกหกออกมาได้อย่างหน้าซื่อตาใสต้องยอมรับว่าเธอปกปิดความลับเนียนจริง ๆ แต่โทษทีเขาฉลาดกว่าเธอ
ดวงตาคมกริบจ้องมองคนตรงหน้าอย่างพินิศพิจารณานี่คงเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นหน้าเธอในระยะใกล้ ๆ ชัด ๆ สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าเธอมีใบหน้าที่สวยคมมากคงเป็นเพราะแม่มีเชื้อสายนอร์เวย์ด้วย
ใบหน้าเรียวรูปไข่รับกับคิ้วดกดำ ขนตายาวเป็นแพร ดวงตาสีน้ำผึ้งกลมโต จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากอิ่มสีแดงระเรื่อมองรวม ๆ มีเสน่ห์น่าดึงดูดมาก
รูปร่างผอมเพรียวราวกับนางแบบผิวขาวเหมือนน้ำนมยิ่งใส่ชุดเดรสสีแดงยิ่งขับให้ผิวดูสว่างขึ้น หน้าอกที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อปาดไหล่มองผ่าน ๆ ก็รู้แล้วว่าใหญ่ไม่น้อย
เขาผ่านผู้หญิงมานับไม่ถ้วนมีหรือจะกะสัดส่วนไม่ถูก น่าเสียดายที่เธอดันชอบเพศเดียวกัน พอคิดภาพเหตุการณ์ที่เธอกับน้องสาวของเขานัวเนียกันก็ฉายขึ้นในโสตประสาท แต่เมื่อคืนเขานั่งดูถึงตอนที่ทั้งสองกำลังจะถอดเสื้อผ้าเท่านั้นก็รีบปิดเพราะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อซึ่งเขารับไม่ได้จริง ๆ
สายตาที่มาเฟียหนุ่มมองมาทำให้อลินดารู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมากมันไม่ได้ดุดันเหมือนก่อนหน้านี้ แต่คล้ายกับมีอะไรแอบแฝงอยู่
ทำไมวันนี้เธอรู้สึกว่าเขาแปลก ๆ ไป พยายามจะอ่านสีหน้าและแววตาของเขา แต่ก็ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่จึงตัดสินใจเอ่ยถามไป “คุณมีอะไร ทำไมมองฉันแบบนั้น”
“แล้วเธอคิดว่าฉันมีอะไรล่ะ” มาเฟียหนุ่มย้อนถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบพร้อมกับรอยยิ้มร้ายกาจที่ผุดขึ้นประดับมุมปากหนาแวบหนึ่ง ก่อนจะหายไป
คนถูกย้อนถามไม่ได้ตอบอะไรเพียงมองสบแววตาคมกริบนิ่ง ๆ เธอรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังเล่นสงครามประสาทยังไงก็ไม่รู้มีอะไรทำไมไม่พูดออกมาตรง ๆ
ภายในห้องถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบเนินนานหลายนาทีสร้างความอึดอัดให้อลินดาไม่น้อย กระทั่งเสียงของมาเฟียหนุ่มดังขึ้นทำลายความเงียบ
"เธอกับโยษิตาคิดว่าฉันโง่มากใช่ไหม" น้ำเสียงและแววตาของเขาแข็งกร้าวบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้เขารู้สึกโกรธเธอมากแค่ไหน
เขาเสียเวลากับเรื่องของทั้งสองมามากพอแล้วจากนี้ไปจะไม่มีคำว่าใจดีอีก
"คุณหมายความว่ายังไงคะ" อลินดาเริ่มหวั่นใจกับคำพูดแปลก ๆ ของมาเฟียหนุ่ม แต่ก็ยังเก็บอาการได้ดีแสร้งถามไปอย่างหน้าซื่อตาใส
มาเฟียหนุ่มไม่ตอบ กลับหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเดินอ้อมไปหาเธอแทนโดยมีสายตาของอลินดามองตามด้วยความงุนงง
กว่าเธอจะรู้ตัวก็ตอนที่ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะจับพนักเก้าอี้หมุนให้เธอหันไปเผชิญหน้ากับเขา ใช้มือทั้งสองยันพนักเก้าอี้ไว้ทำให้เธอไม่สามารถขยับไปไหนได้เลย ใบหน้าของเขาอยู่เหนือศีรษะเธอเพียงเล็กน้อย
เมื่อแหงนขึ้นมองทำให้ใบหน้าของเธอกับเขาห่างกันไม่มากนักจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดผิวหน้ากันและกัน แต่เธอก็ไม่คิดจะหลบหลีกหรือหัวใจเต้นแรงแต่อย่างใด มองสบดวงตาคมกริบอย่างค้นหาคำตอบ
ระหว่างคนทั้งสองตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ก่อนมาเฟียหนุ่มจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดัน แววตาสีดำนิลจับจ้องใบหน้าสวยคมอย่างเอาเรื่อง "เลิกยุ่งกับน้องสาวฉันซะ"
"ทำไมอลินต้องเลิกยุ่งกับหยกด้วยคะ ในเมื่อเราเป็นเพื่อนกัน และอลินก็ไม่เคยคิดร้ายหรือทำอะไรให้หยกขุ่นเคืองเลย" อลินดาเลิกคิ้วขึ้นถามอย่างไม่เข้าใจ มันเกิดอะไรขึ้นทำไมอยู่ดี ๆ พี่ชายของโยษิตาถึงมาบอกให้เธอเลิกยุ่งกับน้องสาวตัวเอง
มาเฟียหนุ่มไม่ตอบแต่กลับปล่อยมือจากพนักพิงเก้าอี้ยืนหลังตรง ล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาเปิดภาพจากกล้องแอบถ่ายที่เขาบันทึกไว้เมื่อคืน แล้วยื่นมันไปตรงหน้าหญิงสาว "เธอจะอธิบายเรื่องนี้ยังไงอลินดา"
"อึก"
ภาพที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ทำเอาอลินดาถึงกับเบิกตากว้าง ลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ หัวใจพลันกระตุกวูบ ทั้งความสงสัยและความกังวลผุดขึ้นในสมอง
มาเฟียหนุ่มเอาคลิปนี้มาได้ยังไงกัน และถ้าเขารู้แบบนี้แล้วต่อไปความรักระหว่างเธอกับโยษิตาคงไม่ราบรื่นแน่ ๆ
"ว่าไง..มีอะไรจะแก้ตัวไหม" เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างดุดันเมื่ออีกคนเอาแต่นั่งมองหน้าจอนิ่ง ๆ ไม่ยอมพูดจาทำให้เขาเริ่มมีน้ำโหมากกว่าเดิม
"ใช่อลินเป็นแฟนหยก เราทั้งสองรักกัน รักกันมานานแล้ว" อลินดาจำใจต้องยอมรับเมื่อหลักฐานมักตัวแบบนี้ก็ไม่มีอะไรจะต้องแก้ตัวอีก
"หึ" มาเฟียหนุ่มเหยียดยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยันราวกับว่าความรักของทั้งสองเป็นเรื่องตลก ก่อนใบหน้าคมคายจะแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมในวินาทีต่อมา แววตาดุดันจ้องมองใบหน้าคมเขม็ง
"เลิกยุ่งกับน้องสาวฉันซะ หายออกไปจากชีวิตน้องสาวฉันได้ยิ่งดี"
"แล้วถ้าอลินไม่ทำตามคำสั่งของคุณล่ะคะ" แน่นอนว่าอลินดาไม่ยอมทำตามคำสั่งเขาแน่ ๆ แม้จะรู้สึกหวั่นใจ แต่เธอก็ยังเชิดหน้าขึ้นเอ่ยอย่างท้าทาย
ต้องการรู้ว่าเขาจะทำยังไงหากเธอไม่ทำตาม ซึ่งคำพูดท้าทายของเธอเหมือนเป็นการเติมเชื้อเพลิงให้อีกคน
“อลินดา!” มาเฟียหนุ่มกดเสียงเรียกร่างบางตรงหน้าอย่างเหลืออดพร้อมกับคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของเธอแล้วออกแรงบีบอย่างแรง เค้นเสียงเอ่ยอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบเชิงบอกให้เธอรู้สิ่งที่พูดไปเขาจะทำมันจริง ๆ หากเธอยังดื้อดึง
"หากเธอยังดื้อดึงเราจะได้เห็นดีกันอลินดา ฉันสามารถทำให้เธอหายสาบสูญไปจากโลกนี้ภายในเสี้ยวนาทีก็ได้"
“ป่าเถื่อน! บ้านเมืองมีกฎหมายคุณคิดว่าจะฆ่าใครได้ตามอำเภอใจงั้นเหรอ”
แม้จะรู้สึกกลัวกับคำขู่อลินดาก็ยังทำใจดีสู้เสือเอ่ยออกไปอย่างถือดีพลางพยายามบิดข้อมือไปมาหวังให้หลุดจากการบีบของมือหนา
ทว่ายิ่งเธอพยายามมากเท่าไรมือหนาก็ยิ่งออกแรงบีบมากขึ้นเธอรู้สึกเจ็บจนน้ำตาคลอเบ้า “ปล่อยนะอลินเจ็บ...”
“แค่นี้ก็เจ็บแล้วเหรอ แล้วจะมาดูแลน้องสาวฉันได้ยังไง” มาเฟียหนุ่มไม่ได้สนใจเสียงร้องท้วงของหญิงสาว และไม่สนใจด้วยว่าเธอจะเจ็บมากแค่ไหน
กลับกันยิ่งนึกสมเพชกับความอ่อนแอของเธอ แล้วแบบนี้หรือจะมาเป็นแฟนน้องสาวเขาไม่รู้จะมีปัญญาดูแลหรือเปล่า
“มันไม่เกี่ยวกันเลยสักนิด”
“เกี่ยวสิเธอควรรู้ตัวได้แล้วว่าไม่เหมาะสมกับน้องสาวฉันสักนิด แค่ความรักอยากเดียวมันไม่พอหรอกนะ เธอเลิกโลกสวยได้แล้วอลินดา”
“ใช่สิ..คนไร้หัวใจ ฆ่าคนได้เป็นผักเป็นปลาแบบคุณจะไปรู้อะไร คนอย่างคุณคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความรักเป็นยังไง”
“อลินดา! เธออยากลองดีกับฉันมากเลยใช่ไหม ถึงได้กล้าต่อปากต่อคำขนาดนี้” มือหนายิ่งออกแรงบีบข้อมือเล็กมากกว่าเดิมราวกับต้องการให้กระดูกด้านในแหลกคามือ ความจริงเขาไม่อยากใช้กำลังกับผู้หญิงเลยแต่เพราะเธออวดดีทำให้เขาโกรธจึงต้องโดนแบบนี้
“คุณมันก็ดีแต่ใช้กำลัง ใช้อำนาจเข้าข่มคนอื่น” อลินดาเจ็บกับการกระทำของมาเฟียหนุ่ม แต่เธอก็พยายามข่มมันเอาไว้ไม่แสดงความเจ็บปวดออกไปให้เขาว่าเอาได้ว่าเธอเป็นพวกอ่อนแอ
มาเฟียหนุ่มเลือกจะไม่โต้เถียงกลับหญิงสาวอีกเมื่อเหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือแล้วเห็นว่าเขาใช้เวลากับเธอไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว พูดวนกลับประเด็นที่เข้ามาหาเธอในวันนี้แทน “ฉันเสียเวลากับเธอมามากแล้ว ตกลงจะเลิกยุ่งกับน้องสาวฉันดี ๆ หรือต้องให้ฉันใช้วิธีที่ฉันไม่อยากทำ”
“แล้วฉันมีทางเลือกอื่นรึไง นอกจากเลิกกับหยก ได้ฉันจะเลิกกับหยกตามที่คุณต้องการพอใจรึยัง” อลินดาเองก็รู้สึกหมดพลังจะต่อกรกับคนตรงหน้าแล้วเหมือนกันจึงเลือกตอบตามที่มาเฟียหนุ่มต้องการเพื่อให้เรื่องมันจบ ๆ ไป ทว่าเธอจะไม่มีวันทำตามที่เขาสั่งเด็ดขาด
เธอรักกับโยษิตามานานสิบปีจะให้เลิกง่าย ๆ ได้ยังไงกัน..
“ถ้าพูดง่าย ๆ แบบนี้ตั้งแต่ทีแรกคงไม่ต้องเจ็บตัว” เมื่อได้ยินคำตอบที่พึงพอใจมาเฟียหนุ่มจึงยอมคลายมือออกจากข้อมือเล็ก
“หวังว่าเธอจะทำตามที่พูด เพราะหากเธอโกหกรับรองได้เลยว่าเธอจะได้รู้ซึ้งแน่ว่าผลของการโกหกมันเป็นยังไง” พูดขู่ทิ้งท้ายเอาไว้แล้วเดินจากไปทิ้งให้อีกคนนั่งตัวสั่นด้วยความโกรธ ทว่ามันก็คงไม่ได้เสี้ยวของความเครียดที่ถาโถมเข้ามา
เธอทั้งเครียดทั้งกลัวว่าจะต้องพรากจากผู้หญิงอันเป็นที่รัก ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เธอนั่งจมดิ่งอยู่กับความรู้สึกย่ำแย่ ก่อนจะดึงตัวเองออกมาแล้วตัดสินใจโทรบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับแฟนสาวเพื่อจะได้ช่วยกันคิดว่าวิธีแก้สถานการณ์
"หยก..เธอไปอยู่ที่ไหนกัน" อลินดายังคงนอนนิ่งอยู่บนโซฟาแม้มาเฟียหนุ่มกับลูกน้องจะออกจากห้องไปหมดแล้วก็ตามเรื่องที่ได้รู้มันทำให้เธอหมดเรี่ยวแรงจริง ๆ เพราะโยษิตาเป็นเสมือนหัวใจของเธอ ทว่าตอนนี้หัวใจดวงนั้นกลับหายไปแล้วโดยที่เธอไม่รู้เลยว่าหายไปไหน น้ำสีใสยังคงรินไหลออกจากดวงตาคมไม่หยุด ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เธอนอนร้องไห้อยู่แบบนั้นกระทั่งตระหนักได้ว่าเธอไม่ควรปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอแบบนี้สู้เอาเวลาไปสืบเสาะว่าแฟนสาวอยู่ที่ไหนดีกว่าคิดได้ดังนั้นก็ดีดตัวลุกขึ้นยืน ใช้มือเช็ดน้ำตาออกจนแห้ง ก่อนจะเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ แล้วก็ออกมาแต่งหน้าแต่งตัว จากนั้นจึงเดินทางออกจากคอนโดตรงไปสนามบินทันทีเพื่อสืบหาว่าโยษิตาบินไปประเทศไหน โดยเธอไม่รู้เลยว่าทุกย่างก้าวของตัวเองมีคนของมาเฟียหนุ่มแอบติดตามเมื่อมาถึงสนามบินเธอก็ใช้เส้นสายของผู้เป็นพ่อขอดูข้อมูลการเดินทางเข้าออกของสนามบิน ทว่าเธอกลับต้องผิดหวังเพราะข้อมูลการเดินทางออกนอกประเทศไม่มีชื่อแฟนสาวเลยสักไฟล์อดทำให้คิดไม่ได้ว่ามาเฟียหนุ่มพูดโกหก ความจริงแล้วแฟนสาวอาจยังอยู่ในประเทศไทย"คนเลว! คุณหลอกฉัน" เธอสบถออกมาด้วยความโกรธมือทั้งสองกำ
วันต่อมา…กริ่ง กริ่ง~เสียงกริ่งดังสนั่นไปทั่วห้องนอนสี่เหลี่ยมปลุกให้อลินดาเจ้าของห้องที่นอนหลับอยู่บนเตียงใหญ่สะดุ้งลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ“โอ๊ย! ใครมาตั้งแต่เช้าเนี่ย” เธอสบถออกมาอย่างอารมณ์เสียพร้อมกับหยัดกายลุกขึ้นนั่ง ใช้มือยีผมแรง ๆ จนยุ่งเหยิง ก่อนจะพาตัวลงจากเตียงเดินตรงไปที่ประตูด้วยความไม่พอใจหมายมั่นปั้นมือไว้อย่างแรงว่าหากคนที่มากดกริ่งปลุกมีเรื่องไม่สำคัญพอเธอจะด่าเข้าให้โทษฐานที่มากวนเวลานอนแกร็ก!วินาทีที่เปิดประตูออกไปเธอก็ต้องตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเพราะคนที่ยืนอยู่หน้าห้องคือผู้ชายสารเลว และด้านหลังของเขามีลูกน้องสองคนยืนประกอบอยู่ในมือถือถุงใส่ชุดแต่งงานไม่ต่ำกว่าห้าชุด เธออุตส่าห์หนีมาอยู่ที่คอนโดแล้วเขาก็ยังพาชุดแต่งงานตามมาอีกเหรอแต่แล้วยังไงเธอจะไม่ยอมทำตามที่เขาต้องการเด็ดขาด คิดได้ดังนั้นก็รีบผลักประตูให้ปิดลง ทว่าเหมือนอีกคนจะเร็วกว่าเพราะเขาดันใช้เท้าดักไว้ก่อนที่ประตูจะปิดลง จากนั้นก็ใช้มือผลักประตูให้เปิดกว้างแล้วเดินเข้าไปด้านในอย่างหน้าตาเฉย ตามด้วยลูกน้องอีกสองคน“พวกคุณออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้นะ” เธอรีบวิ่งไปขวางร่างสูงเอาไว้พร้อมกับไล่ตะเพิ
“แด๊ดดี๊กับมามี๊รู้จักเขาดีแล้วเหรอคะถึงยอมให้อลินแต่งงานกับเขาง่าย ๆ บางทีเขาอาจจะเป็นคนไม่ดีก็ได้นะคะ อีกอย่างอลินก็ไม่ได้รักเขาเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นความผิดพลาด และเรื่องแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติมากนะคะในสมัยนี้” ทันทีที่มาเฟียหนุ่มจากไปอลินดาก็รีบเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งบนโซฟาที่เขาเคยนั่งแล้วพูดคุยกับพ่อแม่ พยายามหาเหตุผลต่าง ๆ มาอ้างหวังว่าจะเปลี่ยนความคิดพวกท่านได้“รู้จักสิ” ภาคินตอบเสียงเรียบสายตาจับจ้องหน้าบุตรสาวนิ่ง ๆ “แทนไทเป็นลูกมาคัล แอคคาร์โดผู้ทรงอิทธิพลทางธุรกิจของไทยเพียบพร้อมทั้งครอบครัว ฐานะ การศึกษา และหน้าตาดี แล้วมีตรงไหนที่ไม่ดี หรือไม่เหมาะสมกับลูก” “อลินหมายถึงนิสัยค่ะแด๊ดดี๊” อลินดามองหน้าผู้เป็นพ่ออย่างอ่อนใจ“ยังไงลูกก็ต้องแต่งงานกับเขา ไม่มีข้ออ้างอะไรทั้งสิ้นเพราะแด๊ดได้ตกลงไปแล้ว” ภาคินยังคงยืนยันคำเดิมเพราะเขาต้องการให้บุตรสาวเลิกคบผู้หญิงด้วยกัน ว่าจบก็ลุกเดินขึ้นห้องไปทันทีไม่ฟังเสียงทักท้วงของบุตรสาวที่ดังตามหลังมาสักนิด“มามี๊ช่วยอลินด้วยนะคะ อลินไม่อยากแต่งงานกับเขา มามี๊ช่วยไปพูดกับแด๊ดดี๊ให้หน่อยนะคะ” เมื่อพูดเปลี่ยนใจผู้เป็นพ่อไม่สำเร็
ในประเทศไทยคงจะมีแค่ครอบครัวมาคัลที่ใช้นามสกุลนี้ ซึ่งเขาก็เคยพบเจอมามาคัลบ่อย ๆ ในงานสังสรรค์ต่าง ๆ เพราะอยู่ในแวดวงธุรกิจเหมือนกัน และยังรู้ว่ามาคัลมีบุตรชายกับบุตรสาวชื่อแทนไทกับโยษิตา เขารู้จักโยษิตาบุตรสาวคนเล็กของมาคัลเพราะเธอเป็นเพื่อนกับบุตรสาวของเขา เคยไปมาหาสู่บุตรสาวที่บ้านบ่อย ๆ เมื่อก่อนเขาคิดว่าทั้งสองเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้เขาบังเอิญเห็นทั้งสองแสดงความรักต่อกันเกินคำว่าเพื่อนจึงนึกสงสัยเลยแอบตามดูพฤติกรรมทั้งสองห่าง ๆ จนได้รู้ความจริงบางอย่าง ส่วนแทนไทบุตรชายคนโตของมาคัลเขาเพิ่งเคยเห็นครั้งนี้เป็นครั้งแรกเพราะชายหนุ่มไม่เคยไปออกงาน หรือปรากฏตัวที่ไหนเลยการที่ชายหนุ่มปรากฏกายที่บ้านในวันนี้ทำให้เขาสงสัย และแปลกใจเป็นอย่างมาก ยิ่งได้เห็นสีหน้าท่าทางแปลก ๆ ของบุตรสาวตอนคุยกับชายหนุ่มเมื่อกี้ก็ยิ่งทำให้สงสัยเข้าไปอีกรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ “ครับ วันนี้ผมมีเรื่องจะมาคุยกับท่านทั้งสองครับ” มาเฟียหนุ่มยิ้มรับคำพูดภาคินเล็กน้อย จากนั้นก็พูดเข้าเรื่องทันทีพร้อมกับหย่อนก้นนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามผู้ใหญ่ทั้งสอง ทิ้งให้อีกคนยืนเคว้งอยู่คนเดียวเพราะทำอะไรไม่
หัวใจดวงน้อย ๆ ของอลินดากระหน่ำเต้นขึ้นมาฉับพลันในตอนที่รถคันหรูเคลื่อนตัวเข้าสู่รั้วบ้านของเธอ รีบหันไปถามร่างสูงข้าง ๆ ด้วยน้ำเสียงร้อนรน “คุณมาบ้านฉันทำไม คิดจะทำอะไรบอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ”“หึ” คนถูกถามหันไปแสยะยิ้มร้ายมุมปากให้หญิงสาวแทนคำตอบ ก่อนจะเบี่ยงหน้ามองออกไปนอกกระจกเหมือนเดิม กระทั่งรถจอดสนิทลงหน้าบ้านหญิงสาวจึงหันกลับไปออกคำสั่งกับร่างบางข้าง ๆ “ลงไปสิถึงบ้านเธอแล้ว”“คุณมีแผนอะไรกันแน่ คงไม่ใช่ใจดีมาส่งฉันที่บ้านอย่างเดียวใช่ไหม” อลินดาเลิกคิ้วขึ้นมองใบหน้าคมคายอย่างหวาดระแวงเพราะเธอไม่เชื่อสักนิดว่าเขาจะใจดีมาส่งเธอแค่อย่างเดียว แต่กลับได้รับความเงียบแทนคำตอบ หนำซ้ำเขายังจ้องหน้าเธอด้วยสายตาของคนที่เหนือกว่ายิ่งทำให้เธอไม่ไว้ใจเข้าไปอีก พยายามอ่านสายตาของเขาแต่ก็ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลยมาเฟียหนุ่มมองสบสายตาหญิงสาวนิ่ง ๆ นานนับนาที ก่อนจะเป็นฝ่ายเปิดประตูลงจาจรถไปเมื่อเธอยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมลงสักทีทำให้อลินดาต้องรีบเปิดประตูลงตามไป แล้วรีบวิ่งไปยืนขวางหน้าร่างสูงที่ทำท่าจะเดินเข้าไปในบ้านของเธอ “คุณจะไปไหน”“…”มาเฟียหนุ่มไม่ตอบเหมือนเดิมเลือกจะเดินเลี่ยงเธอไปอีกทาง ซึ่
วันต่อมา…หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน วันนี้อลินดาก็ตัดสินใจว่าจะไปเฝ้าดูลาดเลาแถว ๆ หน้าบ้านแฟนสาวก่อนเผื่อจะมีโอกาสเข้าไป ให้เธอทนอยู่โดยไม่รู้เรื่องราวของแฟนสาวเลยเธอก็อยู่ไม่เป็นสุขใจมันพะหว้าพะวงตลอดเวลา โดยเธอได้กลับไปยืมรถของน้องชายที่บ้านแล้วขับไปยังบ้านแฟนสาวเพราะหากขับรถของตัวเองไปก็เกรงว่ามาเฟียหนุ่ม และคนอื่น ๆ ในบ้านนั้นจะจำได้เธอนั่งดูลาดเลาอยู่ภายในรถบริเวณริมกำแพงบ้านแฟนสาว ทว่าผ่านไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าก็ไม่มีวี่แววว่าคนในบ้านหลังนี้จะออกไปไหนเลย“บ้าเอ๊ย! ใจคอไม่คิดจะออกไปไหนกันเลยเหรอ” เธอสบถออกมาอย่างหัวเสียพร้อมกับยกมือขึ้นยีผมแรง ๆ จนยุ่งเหยิงเพื่อระบายความหงุดหงิดที่เกิดขึ้น เธอเป็นคนประเภทที่ไม่ชอบรออะไรนาน ๆ ด้วยสิ ในวินาทีที่เธอตัดสินใจจะกลับก็มีรถลีมูซีนแล่นออกมาจากบ้าน เธอพยายามใช้สายตาเพ่งมองผ่านกระจกมืดเข้าไปก็เห็นว่าเป็นมาเฟียหนุ่มกับพ่อของเขานี่แหละเป็นโอกาสดีของเธอที่จะเข้าไปหาแฟนสาว ทันทีที่รถลีมูซีนแล่นออกไปไกลเธอก็รีบขับรถเข้าไปยังบ้านแฟนสาวด้วยความเร็วหัวใจของเธออดสั่นไหวไม่ได้ในตอนที่จอดรถลงหน้าบ้านแฟนสาว แล้วเห็นชายใส่ชุดสูทสีดำหน้าตาดุดันเดินต