Mag-log inวันต่อมา...
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านม่านหน้าต่างกระจกเข้ามากระทบร่างสองสาวที่นอนกอดกันอยู่บนเตียงปลุกให้ทั้งสองรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา
"อรุณสวัสดิ์ค่ะคนดี" อลินดาทักทายแฟนสาวด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มพร้อมกับประทับจูบหน้าผากมนด้วยความรักใคร่
โยษิตาระบายิ้มตอบสาวคนรัก ก่อนจะจุบลงบนกลีบปากอิ่มเบา ๆ แสดงความรัก
"เจ็ดโมงแล้วไม่อยากลุกไปทำงานเลย อยากนอนกอดแฟนต่อ" อลินดาเอ่ยออกมาอย่างออดอ้อนทำหน้าคว่ำใส่แฟนสาวราวกับเด็กน้อยโดนขัดใจเมื่อเหลือบมองนาฬิกาหัวเตียงปรากฏว่าตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงกว่าแล้ว
"นอนกอดทั้งคืนแล้วยังไม่พอเหรอหื้ม" โยษิตาใช้มือบีบจมูกสาวคนรักอย่างมันเขี้ยวเมื่อคืนทั้งสองไม่ใช่แค่นอนกอดกัน แต่ยังทำอะไรต่อมิอะไรเหมือนที่คู่รักเขาทำกันไม่ว่าจะเป็นกอด จูบ ลูบ คลำ และใช้ทั้งลิ้นกับนิ้วปรนเปรอะกันและกัน
"ไม่พอหรอก และไม่มีวันพอด้วย"
"แบบนี้เขาเรียกโลภมากรึเปล่านะ"
"ยอมรับก็ได้ว่าโลภมาก แต่เค้าโลภมากกับเธอแค่คนเดียวนะ" อลินดาเอ่ยพลางส่งสายวิบวับสื่อความหมายใส่แฟนสาวทำเอาโยษิตาใบหน้าเห่อร้อนใช้กำปั้นทุบลงบนแขนสาวคนรักเบา ๆ ก่อนจะรีบดีดตัวลงไปยืนข้างเตียงเพราะขืนนอนกอดกันแบบนี้ต่อคงไปทำงานสายกันพอดี "ไม่ต้องมาทำสายตาแบบนี้เลยนะไปอาบ แล้วไปทำงานได้แล้ว"
"รับทราบค่า" อลินดากลั้วหัวเราะออกมาอย่างนึกตลกกับท่าทางของแฟนสาว ก่อนจะยอมลุกจากเตียงแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำโดยดี
เมื่ออาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง
@บริษัทอัครโชติ
ก็อก! ก็อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้อลินดาที่กำลังนั่งทำงานหยุดชะงักเงยหน้าขึ้นเอ่ย "เข้ามา"
สิ้นเสียงอนุญาตประตูก็ถูกเปิดเข้ามาโดยเลขาของเธอ "คุณแทนไทพี่ชายคุณโยษิตามาขอพบค่ะ"
"มาทำไมอีก" อลินดาขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความสงสัยกับคำบอกกล่าวของเลขาสาว มาเฟียหนุ่มมาอย่างงั้นเหรอมาพบเธอด้วยเหตุผลอะไรกันในเมื่อวันนั้นก็คุยกันรู้เรื่องแล้วนิ
เธอชั่งใจชั่วครู่ก่อนตัดสินใจบอกให้เลขาสาวเชิญเขาเข้ามา อยากจะรู้เหมือนกันวันนี้เขาจะมาไม้ไหนอีก
แกร๊ก!
ประตูห้องทำงานอลินดาถูกเปิดเข้ามาอีกครั้งแต่ครั้งนี้ไม่ใช่เลขาสาวแต่เป็นมาเฟียหนุ่ม เขาเดินเข้าไปย่อตัวนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานหญิงสาวอย่างถือวิสาสะไม่รอให้เจ้าของห้องเอ่ยปากชวน ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมจนดูน่ากลัว
การกระทำและสีหน้าที่ต่างไปจากทุกครั้งที่เจอกันของมาเฟียหนุ่มสร้างความแปลกใจให้อลินดาไม่น้อย แต่เธอก็เลือกจะเก็บความสงสัยเอาไว้เอ่ยถามไปด้วยใบหน้าราบเรียบ มองสบแววตาดุดันที่จ้องมองเธอเหมือนมีอะไรโกรธแค้นกันอย่างไม่เกรงกลัว "วันนี้มีเรื่องอะไรจะถามอีกคะถึงได้ถ่อมาถึงนี่"
"ฉันจะถามอีกครั้ง เธอไม่รู้จักแฟนหยกจริงเหรอ" มาเฟียหนุ่มจ้องหน้าหญิงสาวนิ่ง ๆ นานนับนาที ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่กลับแฝงความดุดันเอาไว้ เขาอยากลองหยั่งเชิงดูว่าเธอจะตอบยังไงจะตีหน้าซื่อโกหกได้เก่งขนาดไหน
"ฉันยังยืนยันคำเดิมว่ารู้จักกันแค่เผิน ๆ ไม่ได้สนิท"
"เหรอครับ" คนฟังเหยียดยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยันเธอคงเห็นว่าเขาโง่มากสินะถึงยังโกหกออกมาได้อย่างหน้าซื่อตาใสต้องยอมรับว่าเธอปกปิดความลับเนียนจริง ๆ แต่โทษทีเขาฉลาดกว่าเธอ
ดวงตาคมกริบจ้องมองคนตรงหน้าอย่างพินิศพิจารณานี่คงเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นหน้าเธอในระยะใกล้ ๆ ชัด ๆ สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าเธอมีใบหน้าที่สวยคมมากคงเป็นเพราะแม่มีเชื้อสายนอร์เวย์ด้วย
ใบหน้าเรียวรูปไข่รับกับคิ้วดกดำ ขนตายาวเป็นแพร ดวงตาสีน้ำผึ้งกลมโต จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากอิ่มสีแดงระเรื่อมองรวม ๆ มีเสน่ห์น่าดึงดูดมาก
รูปร่างผอมเพรียวราวกับนางแบบผิวขาวเหมือนน้ำนมยิ่งใส่ชุดเดรสสีแดงยิ่งขับให้ผิวดูสว่างขึ้น หน้าอกที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อปาดไหล่มองผ่าน ๆ ก็รู้แล้วว่าใหญ่ไม่น้อย
เขาผ่านผู้หญิงมานับไม่ถ้วนมีหรือจะกะสัดส่วนไม่ถูก น่าเสียดายที่เธอดันชอบเพศเดียวกัน พอคิดภาพเหตุการณ์ที่เธอกับน้องสาวของเขานัวเนียกันก็ฉายขึ้นในโสตประสาท แต่เมื่อคืนเขานั่งดูถึงตอนที่ทั้งสองกำลังจะถอดเสื้อผ้าเท่านั้นก็รีบปิดเพราะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อซึ่งเขารับไม่ได้จริง ๆ
สายตาที่มาเฟียหนุ่มมองมาทำให้อลินดารู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมากมันไม่ได้ดุดันเหมือนก่อนหน้านี้ แต่คล้ายกับมีอะไรแอบแฝงอยู่
ทำไมวันนี้เธอรู้สึกว่าเขาแปลก ๆ ไป พยายามจะอ่านสีหน้าและแววตาของเขา แต่ก็ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่จึงตัดสินใจเอ่ยถามไป “คุณมีอะไร ทำไมมองฉันแบบนั้น”
“แล้วเธอคิดว่าฉันมีอะไรล่ะ” มาเฟียหนุ่มย้อนถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบพร้อมกับรอยยิ้มร้ายกาจที่ผุดขึ้นประดับมุมปากหนาแวบหนึ่ง ก่อนจะหายไป
คนถูกย้อนถามไม่ได้ตอบอะไรเพียงมองสบแววตาคมกริบนิ่ง ๆ เธอรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังเล่นสงครามประสาทยังไงก็ไม่รู้มีอะไรทำไมไม่พูดออกมาตรง ๆ
ภายในห้องถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบเนินนานหลายนาทีสร้างความอึดอัดให้อลินดาไม่น้อย กระทั่งเสียงของมาเฟียหนุ่มดังขึ้นทำลายความเงียบ
"เธอกับโยษิตาคิดว่าฉันโง่มากใช่ไหม" น้ำเสียงและแววตาของเขาแข็งกร้าวบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้เขารู้สึกโกรธเธอมากแค่ไหน
เขาเสียเวลากับเรื่องของทั้งสองมามากพอแล้วจากนี้ไปจะไม่มีคำว่าใจดีอีก
"คุณหมายความว่ายังไงคะ" อลินดาเริ่มหวั่นใจกับคำพูดแปลก ๆ ของมาเฟียหนุ่ม แต่ก็ยังเก็บอาการได้ดีแสร้งถามไปอย่างหน้าซื่อตาใส
มาเฟียหนุ่มไม่ตอบ กลับหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเดินอ้อมไปหาเธอแทนโดยมีสายตาของอลินดามองตามด้วยความงุนงง
กว่าเธอจะรู้ตัวก็ตอนที่ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะจับพนักเก้าอี้หมุนให้เธอหันไปเผชิญหน้ากับเขา ใช้มือทั้งสองยันพนักเก้าอี้ไว้ทำให้เธอไม่สามารถขยับไปไหนได้เลย ใบหน้าของเขาอยู่เหนือศีรษะเธอเพียงเล็กน้อย
เมื่อแหงนขึ้นมองทำให้ใบหน้าของเธอกับเขาห่างกันไม่มากนักจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดผิวหน้ากันและกัน แต่เธอก็ไม่คิดจะหลบหลีกหรือหัวใจเต้นแรงแต่อย่างใด มองสบดวงตาคมกริบอย่างค้นหาคำตอบ
ระหว่างคนทั้งสองตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ก่อนมาเฟียหนุ่มจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดัน แววตาสีดำนิลจับจ้องใบหน้าสวยคมอย่างเอาเรื่อง "เลิกยุ่งกับน้องสาวฉันซะ"
"ทำไมอลินต้องเลิกยุ่งกับหยกด้วยคะ ในเมื่อเราเป็นเพื่อนกัน และอลินก็ไม่เคยคิดร้ายหรือทำอะไรให้หยกขุ่นเคืองเลย" อลินดาเลิกคิ้วขึ้นถามอย่างไม่เข้าใจ มันเกิดอะไรขึ้นทำไมอยู่ดี ๆ พี่ชายของโยษิตาถึงมาบอกให้เธอเลิกยุ่งกับน้องสาวตัวเอง
มาเฟียหนุ่มไม่ตอบแต่กลับปล่อยมือจากพนักพิงเก้าอี้ยืนหลังตรง ล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาเปิดภาพจากกล้องแอบถ่ายที่เขาบันทึกไว้เมื่อคืน แล้วยื่นมันไปตรงหน้าหญิงสาว "เธอจะอธิบายเรื่องนี้ยังไงอลินดา"
"อึก"
ภาพที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ทำเอาอลินดาถึงกับเบิกตากว้าง ลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ หัวใจพลันกระตุกวูบ ทั้งความสงสัยและความกังวลผุดขึ้นในสมอง
มาเฟียหนุ่มเอาคลิปนี้มาได้ยังไงกัน และถ้าเขารู้แบบนี้แล้วต่อไปความรักระหว่างเธอกับโยษิตาคงไม่ราบรื่นแน่ ๆ
"ว่าไง..มีอะไรจะแก้ตัวไหม" เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างดุดันเมื่ออีกคนเอาแต่นั่งมองหน้าจอนิ่ง ๆ ไม่ยอมพูดจาทำให้เขาเริ่มมีน้ำโหมากกว่าเดิม
"ใช่อลินเป็นแฟนหยก เราทั้งสองรักกัน รักกันมานานแล้ว" อลินดาจำใจต้องยอมรับเมื่อหลักฐานมักตัวแบบนี้ก็ไม่มีอะไรจะต้องแก้ตัวอีก
"หึ" มาเฟียหนุ่มเหยียดยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยันราวกับว่าความรักของทั้งสองเป็นเรื่องตลก ก่อนใบหน้าคมคายจะแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมในวินาทีต่อมา แววตาดุดันจ้องมองใบหน้าคมเขม็ง
"เลิกยุ่งกับน้องสาวฉันซะ หายออกไปจากชีวิตน้องสาวฉันได้ยิ่งดี"
"แล้วถ้าอลินไม่ทำตามคำสั่งของคุณล่ะคะ" แน่นอนว่าอลินดาไม่ยอมทำตามคำสั่งเขาแน่ ๆ แม้จะรู้สึกหวั่นใจ แต่เธอก็ยังเชิดหน้าขึ้นเอ่ยอย่างท้าทาย
ต้องการรู้ว่าเขาจะทำยังไงหากเธอไม่ทำตาม ซึ่งคำพูดท้าทายของเธอเหมือนเป็นการเติมเชื้อเพลิงให้อีกคน
“อลินดา!” มาเฟียหนุ่มกดเสียงเรียกร่างบางตรงหน้าอย่างเหลืออดพร้อมกับคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของเธอแล้วออกแรงบีบอย่างแรง เค้นเสียงเอ่ยอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบเชิงบอกให้เธอรู้สิ่งที่พูดไปเขาจะทำมันจริง ๆ หากเธอยังดื้อดึง
"หากเธอยังดื้อดึงเราจะได้เห็นดีกันอลินดา ฉันสามารถทำให้เธอหายสาบสูญไปจากโลกนี้ภายในเสี้ยวนาทีก็ได้"
“ป่าเถื่อน! บ้านเมืองมีกฎหมายคุณคิดว่าจะฆ่าใครได้ตามอำเภอใจงั้นเหรอ”
แม้จะรู้สึกกลัวกับคำขู่อลินดาก็ยังทำใจดีสู้เสือเอ่ยออกไปอย่างถือดีพลางพยายามบิดข้อมือไปมาหวังให้หลุดจากการบีบของมือหนา
ทว่ายิ่งเธอพยายามมากเท่าไรมือหนาก็ยิ่งออกแรงบีบมากขึ้นเธอรู้สึกเจ็บจนน้ำตาคลอเบ้า “ปล่อยนะอลินเจ็บ...”
“แค่นี้ก็เจ็บแล้วเหรอ แล้วจะมาดูแลน้องสาวฉันได้ยังไง” มาเฟียหนุ่มไม่ได้สนใจเสียงร้องท้วงของหญิงสาว และไม่สนใจด้วยว่าเธอจะเจ็บมากแค่ไหน
กลับกันยิ่งนึกสมเพชกับความอ่อนแอของเธอ แล้วแบบนี้หรือจะมาเป็นแฟนน้องสาวเขาไม่รู้จะมีปัญญาดูแลหรือเปล่า
“มันไม่เกี่ยวกันเลยสักนิด”
“เกี่ยวสิเธอควรรู้ตัวได้แล้วว่าไม่เหมาะสมกับน้องสาวฉันสักนิด แค่ความรักอยากเดียวมันไม่พอหรอกนะ เธอเลิกโลกสวยได้แล้วอลินดา”
“ใช่สิ..คนไร้หัวใจ ฆ่าคนได้เป็นผักเป็นปลาแบบคุณจะไปรู้อะไร คนอย่างคุณคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความรักเป็นยังไง”
“อลินดา! เธออยากลองดีกับฉันมากเลยใช่ไหม ถึงได้กล้าต่อปากต่อคำขนาดนี้” มือหนายิ่งออกแรงบีบข้อมือเล็กมากกว่าเดิมราวกับต้องการให้กระดูกด้านในแหลกคามือ ความจริงเขาไม่อยากใช้กำลังกับผู้หญิงเลยแต่เพราะเธออวดดีทำให้เขาโกรธจึงต้องโดนแบบนี้
“คุณมันก็ดีแต่ใช้กำลัง ใช้อำนาจเข้าข่มคนอื่น” อลินดาเจ็บกับการกระทำของมาเฟียหนุ่ม แต่เธอก็พยายามข่มมันเอาไว้ไม่แสดงความเจ็บปวดออกไปให้เขาว่าเอาได้ว่าเธอเป็นพวกอ่อนแอ
มาเฟียหนุ่มเลือกจะไม่โต้เถียงกลับหญิงสาวอีกเมื่อเหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือแล้วเห็นว่าเขาใช้เวลากับเธอไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว พูดวนกลับประเด็นที่เข้ามาหาเธอในวันนี้แทน “ฉันเสียเวลากับเธอมามากแล้ว ตกลงจะเลิกยุ่งกับน้องสาวฉันดี ๆ หรือต้องให้ฉันใช้วิธีที่ฉันไม่อยากทำ”
“แล้วฉันมีทางเลือกอื่นรึไง นอกจากเลิกกับหยก ได้ฉันจะเลิกกับหยกตามที่คุณต้องการพอใจรึยัง” อลินดาเองก็รู้สึกหมดพลังจะต่อกรกับคนตรงหน้าแล้วเหมือนกันจึงเลือกตอบตามที่มาเฟียหนุ่มต้องการเพื่อให้เรื่องมันจบ ๆ ไป ทว่าเธอจะไม่มีวันทำตามที่เขาสั่งเด็ดขาด
เธอรักกับโยษิตามานานสิบปีจะให้เลิกง่าย ๆ ได้ยังไงกัน..
“ถ้าพูดง่าย ๆ แบบนี้ตั้งแต่ทีแรกคงไม่ต้องเจ็บตัว” เมื่อได้ยินคำตอบที่พึงพอใจมาเฟียหนุ่มจึงยอมคลายมือออกจากข้อมือเล็ก
“หวังว่าเธอจะทำตามที่พูด เพราะหากเธอโกหกรับรองได้เลยว่าเธอจะได้รู้ซึ้งแน่ว่าผลของการโกหกมันเป็นยังไง” พูดขู่ทิ้งท้ายเอาไว้แล้วเดินจากไปทิ้งให้อีกคนนั่งตัวสั่นด้วยความโกรธ ทว่ามันก็คงไม่ได้เสี้ยวของความเครียดที่ถาโถมเข้ามา
เธอทั้งเครียดทั้งกลัวว่าจะต้องพรากจากผู้หญิงอันเป็นที่รัก ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เธอนั่งจมดิ่งอยู่กับความรู้สึกย่ำแย่ ก่อนจะดึงตัวเองออกมาแล้วตัดสินใจโทรบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับแฟนสาวเพื่อจะได้ช่วยกันคิดว่าวิธีแก้สถานการณ์
วันต่อมา ทั้งสองก็พากันไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล แล้วไปจดทะเบียนสมรสที่สำนักงานทะเบียนต่อ"เราเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้วนะ ต่อจากนี้ห้ามชายตามองผู้ชายคนไหนแม้แต่นิดเดียว" ทันทีที่ใบทะเบียนสมรสที่มีลายลักษณ์อักษรของหญิงสาวกับตัวเองอยู่ในมือมาเฟียหนุ่มก็ยืดออกแสดงความความเป็นเจ้าของอย่างเต็มภาคภูมิ"แค่ดูเป็นอาหารตาก็ไม่ได้เหรอคะสามี" อลินดาพูดหยอกสามีป้ายแดงด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มบาง ๆ ขณะกำลังจูงมือกันเดินออกจากสำนักงานทะเบียน"มีผัวหล่อขนาดนี้แล้วจะไปมองผู้ชายคนอื่นทำไม มองผัวนี่แหละครับเป็นอาหารตาชั้นดี" เธอได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ พอได้ยินคำพูดจาหลงตัวเองของคนเป็นสามีเธอเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเขาก็หลงตัวเองเหมือนกัน ต่อให้ที่เขาพูดมาจะจริงก็เถอะ ด้วยความมันเขี้ยวอดพูดแกล้งเขาไปไม่ได้ "พี่หล่อก็จริง แค่มองทุกวันมันก็เบื่อเหมือนกันนะ"คำพูดจากริมฝีปากอิ่มทำคนฟังหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความไม่ชอบใจ พลันหยุดเดินอัตโนมัติแล้วหันไปมองหน้าร่างบางพร้อมพ่นคำพูดออกไประรัว"อย่าแม้แต่จะคิด ห้ามเบื่อ ห้ามเลิกรัก ห้ามมองผู้ชายคนอื่น ห้ามทิ้งกัน ห.."อลินดาฟังแทบไม่ทันจนเธอต้องรีบยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปาก
เมื่อกลับมาถึงคอนโดเธอยังคงทำตัวปกติรอจนมาเฟียหนุ่มหลับจึงแอบเอาที่ตรวจครรภ์ไปตรวจในห้องน้ำ หัวใจดวงน้อย ๆ เต้นแรงแทบจะกระเด็นกระดอนออกมานอกอกระหว่างที่กำลังรอผลตรวจ มันลุ้นเสียยิ่งกว่าลุ้นเสียอีก หากถามว่าเธอพร้อมมีลูกในตอนนี้ไหมตอบเลยว่าไม่ แต่หากว่าลูกมาแล้วจริง ๆ เธอก็คงต้องพร้อมให้ได้ "อึก.." เธอลอบกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงลำคอแห้งผากอึกใหญ่ ก่อนจะยื่นมือที่สั่นเพราะความตื่นเต้นไปหยิบที่ตรวจครรภ์ที่วางบนอ่างล้างหน้าขึ้นมาดู "อ่า..ทำไมรีบมาจังลูกแม่ยังใช้ชีวิตวัยรุ่นไม่คุ้มเลย" พอเห็นผลตรวจที่ขึ้นสีแดงสองขีดเธอถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับความรู้สึกมันตีกันมั่วไปหมด ใจหนึ่งเธอก็ดีใจแต่อีกใจก็นึกกังวลอะไรหลาย ๆ อย่าง เธอหลับตาลงพยายามตั้งสติ ขจัดความรู้สึกไม่ดีออกไป จากนั้นก็กำที่ตรวจครรภ์ไว้ในมือแน่นแล้วเปิดประตูเดินออกจากห้องน้ำ เดินไปหย่อนก้นนั่งบนเตียงข้าง ๆ ร่างสูงที่นอนหลับอยู่ สายตาจ้องมองใบหน้าคมคายด้วยความรู้สึกมันเขี้ยวที่เธอท้องคงจะสมใจเขาแล้วสิ นิ้วเรียวยื่นไปกรีดกรายตามแนวคิ้วโก้งทั้งสอง แล้วค่อย ๆ ลากลงตามจมูกโด่งเป็นสันมาหยุดที่ริมฝีปากหยักสีชมพูพลางครุ่นคิดในใจว่าหากเป็นล
เป็นเพราะเธอที่เข้ามาทำให้โลกอันดำมืดของเขาสว่างไสว เธอเป็นคนที่เข้ามาเติมทุกอย่างที่เขาขาดหายให้เต็มแล้วแบบนี้จะไม่ให้เขารัก และขอบคุณเธอได้ยังไงกันสองสายตามองสบประสานกันอย่างลึกซึ้งส่งผ่านความรู้สึกมากมายที่อยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ ก่อนทั้งสองจะละสายตาจากกันเมื่อหมอวัยกลางคนเดินเข้ามา มีแค่มีที่ยังกอบกุมกันไว้แน่นด้วยลุ้นระทึกกับผลตรวจที่อยู่ในมือหมอ"ผลตรวจร่างกายของคนไข้ปกติทุกอย่างครับ ไม่มีอะไรต้องกังวล" พอได้ฟังผลตรวจทั้งมาเฟียหนุ่มกับอลินดาก็ถอนหายใจออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ด้วยรู้สึกโล่งอกที่ผลออกมาปกติ ทว่าอีกใจก็อดสงสัยไม่ได้อยู่ดีกับอาการที่เป็นอยู่"แล้วอาการที่ผมเป็นอยู่นี่ล่ะครับ" มาเฟียหนุ่มถามไถ่ไป"จากอาการที่คนไข้บอกมาถ้าร่างกายปกติก็มีเพียงอย่างเดียวครับ" หมอวัยกลางคนกล่าวยิ้ม ๆ แล้วเงียบไปชั่วครู่จึงเอ่ยต่อ "แพ้ท้องแทนภรรยา""ห๊ะ!!"สิ้นคำบอกกล่าวจากหมอมาเฟียหนุ่มกับอลินดาถึงกับตาเบิกกว้างร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจระคนฉงน พลันหันมองหน้ากันอัตโนมัติ"ประจำเดือนน้องอลินมารึยังเดือนนี้" มาเฟียหนุ่มรีบถามไถ่ด้วยความตื่นเต้นพลางก้มมองหน้าท้องของคนรัก ลึก ๆ ในใจเขาอยากให
หนึ่งเดือนต่อมา.."พี่แทนลุกขึ้นมากินข้าวอย่าเอาแต่นอนแบบนี้" อลินดาเขย่าเรียกคนตัวโตที่เอาแต่นอนตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงข้าวปลาก็ไม่ยอมลุกขึ้นมาทานด้วยความเป็นห่วงช่วงหนึ่งอาทิตย์มานี้เขาเอาแต่นอน ข้าวปลาก็ไม่ค่อยทานบอกว่าเบื่อจนน้ำหนักลดลงไปหนึ่งกิโลแล้ว หนำซ้ำยังมีอาการอ่อนเพลีย ปวดท้องปวดหลังราวกับผู้หญิงมีประจำเดือนยังไงยังงั้น แต่พอพาไปหาหมอหมอกลับบอกว่าปกติทุกอย่างถามว่าเขามีความเครียดหรือเปล่าเขาก็บอกว่าไม่เลย เขามีความสุขที่สุดด้วยซ้ำเพราะได้อยู่กับเธอแทบทุกวันทุกคืนตั้งแต่วันที่ไปหาพ่อแม่ของเธอด้วยกัน ได้พูดคุยจนเข้าใจเธอกับเขาก็ไปมาหาสู่ และอยู่ด้วยกันบ่อยขึ้นซึ่งมาเฟียหนุ่มจะมาอยู่ที่คอนโดของเธอเรียกได้ว่าตอนนี้เขาครองห้องเธอไปแล้ว ส่วนเธอก็มีบางคืนที่กลับไปนอนที่บ้านบ้างเพื่อไม่ให้พ่อแม่ว่าเอาได้ว่าอยู่แต่กับผู้ชายจนลืมบ้านลืมช่อง "พี่แทนลุกขึ้นมากินอะไรสักนิดก่อน แล้วค่อยนอนต่อ" เธอเขย่าคนตัวโตแรงกว่าเดิมเมื่อเขายังคงนอนหลับต่อ "ตื่นแล้วครับ" ในที่สุดคนถูกปลุกก็ต้องลืมตาตื่นด้วยความจำใจ เขายกมือทั้งสองขยี้ตาไล่อาการงัวเงียออก ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นนั่งด้วยความรู้สึกที่
ภายในห้องน้ำเปลี่ยนเป็นสมรภูมิรักของคนทั้งสองไปแล้วน้ำที่ว่าเย็นก็ดับความร้อนแรงนี้ไม่ได้ มาเฟียหนุ่มเดินหน้ากระแทกไม่หยั่ง อีกคนก็รอรับด้วยความกระสันเสียวและสุขสม กว่าจะอิ่มหนำก็ใช้เวลาไปไม่น้อยอลินดาถึงกับขาอ่อนยืนไม่ไหวเป็นมาเฟียหนุ่มที่ต้องคอยดูแลจัดการอาบน้ำถูสบู่ และสระผมให้ แล้วอุ้มออกมาวางบนเตียง"หึ" มาเฟียหนุ่มหัวเราะในลำคออย่างนึกเอ็นดูคนตัวเล็กที่นั่งตาปอยอยู่ริมเตียง ก่อนจะโน้มหน้าลงไปจูบหน้าผากมนเบา ๆ แล้วเดินไปเอาผ้าขนหนูอีกผืน จากนั้นก็กระโดดขึ้นเตียงไปนั่งข้างหลังเธอจัดการเช็ดผมให้อลินดายกยิ้มออกมาน้อย ๆ กับการกระทำแสนอ่อนโยนของคนตัวโตใครจะคิดว่ามาเฟียหนุ่มอย่างเขาจะมีมุมอ่อนโยนด้วย เขาอ่อนโยนจนบางทีเธอก็คิดไม่ถึง"ขอบคุณค่ะ" ครั้นเขาเช็ดผมให้เสร็จเธอก็เอี้ยวหน้าไปขอบคุณพร้อมทั้งฉีกยิ้มให้เขาจนตายี มาเฟียหนุ่มจึงใช้จังหวะนั้นจุบปากเธอไปหนึ่งทีถือเป็นค่าเช็ดผม แล้วจึงลุกลงจากเตียงเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหาเสื้อให้เธอใส่ เขายืนเลือกอยู่สักพักโดยมีอลินดานั่งมองที่เตียง เมื่อเลือกได้ก็พาไปยื่นให้ "ใส่ไปก่อนครับ เดี๋ยวชุดน้องอลินพี่ให้แม่บ้านเอาไปซักให้"อลินดามองเสื
ทั้งสองรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งในช่วงค่ำ ๆ หลังจากนอนพักเอาแรงกันจนอิ่มแล้วมาเฟียหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียงมาเปิดหน้าจอดูเวลา เมื่อเห็นว่าใกล้สองทุ่มแล้วจึงบอกกล่าวกับร่างบางในอ้อมกอด "ลุกขึ้นไปอาบน้ำครับจะได้ไปหาอะไรกินกัน""ขอนอนนิ่ง ๆ แบบนี้อีกสักพักได้ไหม" อลินดาแสดงท่าทีงอแงเพราะรู้สึกง่วง ๆ และขี้เกียจน้อย ๆ ซึ่งมาเฟียหนุ่มก็ไม่คิดขัดใจปล่อยให้เธอนอนกอดเขาต่อไปไม่คิดจะลุกหนีผ่านไปราว ๆ ยี่สิบนาทีจึงเรียกเธออีกครั้ง "พี่ว่าลุกขึ้นได้แล้วครับน้องอลิน""หือ.." อลินดาถึงกับตาโตหูผึ่ง ผงกหน้าขึ้นมองคนตัวโตด้วยความแปลกใจเมื่อได้ยินคำเรียกที่เขาเรียกแทนตัวเองและเธอ มันฟังดูละมุนจนรู้สึกจักกะจี้ในหัวใจ ไม่คุ้นชินเอาเสียเลย"หืออะไรครับ ต่อไปนี้เราจะเรียกกันแบบนี้โอเคไหมครับ" "โอเคก็ได้ค่ะ" อลินดาพยักหน้าเอออออย่างว่าง่ายแม้จะรู้สึกเขอะเขิน และไม่ชินหูก็ตาม"น่ารักที่สุด" มาเฟียหนุ่มก้มลงหอมหน้ามนฟอดใหญ่ ก่อนจะเคลื่อนลงหอมแก้มซ้ายขวาของเธอต่อด้วยความรักใคร่เอ็นดู ขณะที่คนถูกหอมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่หลังจากเธอตัดสินใจวางทิ้งความรู้ไม่ดีต่อมาเฟียหนุ่มเกี่ยวกับเรื่องในอดีต และท







