ปัฐวิกรเหลือบมองโทรศัพท์ของตัวเองแวบหนึ่งเพราะรู้สึกว่ามันสว่างขึ้นมา แต่เขายังดูรายละเอียดของพลอยที่ต้องการเพิ่มลอตส่งอยู่ พอเห็นว่าแป๊บเดียวก็ดับไปเขาจึงสนใจงานก่อน อยากจัดการให้เรียบร้อยจะได้ขึ้นไปบนภูก่อนค่ำ เปรมินทร์เองก็ดูงานในไร่หลังจากสั่งผู้จัดการไร่ให้คนหาเอกสารเรื่องเกรดของพลอยมาให้เขาแล้ว บ่ายแก่จึงกลับมาเพื่อคุยกับเขา“ตามนี้ครับคุณมินทร์”ชายหนุ่มยื่นเอกสารให้เปรมินทร์จากนั้นก็คุยกันเรื่องเปอร์เซนต์ราคาซึ่งน้องเขยเสนอว่าสามารถลดให้ได้อีก แต่ปัฐวิกรปฏิเสธไม่อยากเอาเปรียบอีกฝ่ายนัก เมื่อตกลงกันเรียบร้อยทั้งคู่ก็กลับขึ้นภูขณะฟ้ายังสว่างอยู่ แต่ปัฐวิกรหยิบมือถือใส่กระเป๋ากางเกงเลยโดยที่ไม่ได้เช็กว่าก่อนหน้านี้เป็นสายเข้าของใครสองหนุ่มมาถึงภูในช่วงที่ฟ้ากำลังหม่นมัวใกล้หมดแสง ปัฐวิกรตรงกลับวิลล่า ในขณะที่เปรมินทร์เองก็กลับบ้านตนเอง เมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้วเห็นว่ามาธาวีไม่ได้อยู่ในนี้จึงคิดว่าภรรยาอาจจะไปนั่งนอนเล่นกับน้องสาวจึงเดินไปหา ทว่าไปถึงกัญญานันที่กำลังจะออกไปดูแม่บ้านเตรียมอาหารก็บอกว่าเพื่อนไปวิลล่าตั้งแต่บ่ายแล้ว“สองบอกว่าหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน เลยจะกลับไปนอนอ่
ร่างที่คร่อมอยู่เหนือร่างเธอดูทะมึนเพราะแสงสาดส่องจากด้านหลัง ทว่าเมื่อนันทิยาโน้มหน้าลงมาใกล้ก็เห็นตาวาววาบแดงก่ำมีน้ำเอ่ออยู่ในนั้น มาธาวีอึ้งไปไม่น้อย ในขณะเดียวกันก็หายใจติดขัดจนพูดอะไรแทบไม่ออก เธอพยายามดิ้นแต่อีกฝ่ายออกแรงกดอย่างแรง“ทั้งที่พี่แน็ตตายเพราะแก แต่แกก็ยังหน้าระรื่นอยู่ได้ อยู่อย่างมีความสุขมาตลอดหลายปี ได้แต่งงานกับพี่ปัฐ สมใจแกสินะ“อะ...อะ...”“ฉันรู้ทุกอย่าง พี่แน็ตคุยกับฉันแล้วร้องไห้ตอนขับรถกลับ บอกว่าพี่ปัฐนอนกับผู้หญิงคนอื่น พี่แน็ตพูดว่า เด็กที่ชื่อสองนั่นหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู คิดว่าพี่ปัฐแอบนัดเอาไว้ให้มาด้วย พี่ปัฐคบซ้อน ต่างๆ นานา ฉันได้ยินทุกอย่าง ได้ยินแม้แต่ตอนที่...”นันทิยาเสียงสั่นตลอดเวลาที่พูด ก่อนจะชะงักไปเล็กน้อย“รถชน”แม้จะพูดเบาทว่าเค้นออกมาจนรู้สึกได้ถึงความสะเทือนใจในนั้น น้ำตาของอีกฝ่ายหล่นลงบนหน้าเธอ ทำเอามาธาวีเจ็บลึกในอกอยากอธิบายกับนันทิยา“ไม่...”“เธอมันร้ายกาจ ไม่อ่อนโยนเลยสักนิด ปัฐไปเลือกเธอได้ยังไง”“เธอ...เข้า...”มาธาวีพยายามที่จะปลดมืออีกฝ่ายออกให้ได้ ออกแรงดิ้นทั้งที่ยังไม่รู้จะว่าผลักคนที่ค้ำอยู่ด้านบนออกได้อย่างไร แรงกดมาข
“คุณไม่รู้สึกอะไรกับผมจริงน่ะ?”ชายหนุ่มถามพร้อมกับยื่นหน้ามาจ้องตาเธออย่างอยากรู้ ทำเอามาธาวีถึงกับหลบตา หน้าร้อนผะผ่าว ใจกระหน่ำรัวขึ้น“ไม่รู้สิ แต่ยังไงฉันก็คิดว่าไม่แฟร์เลยสักนิด ฉันถูกบังคับให้แต่งงานนะคะ คุณยังไม่เคยเอาอกเอาใจฉันเลยด้วยซ้ำ เอาแต่บังคับอย่างเดียวจะให้ฉันรู้สึกดีได้ยังไง”เสียงหวานอุบอิบเบาๆปัฐวิกรคิดตามที่อีกฝ่ายพูดแล้วก็รู้สึกเห็นด้วยไม่น้อย เขาพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะถามเสียงทุ้มนุ่ม“เอาไงดีล่ะ อยากให้ผมจีบคุณไหม”มาธาวีหันมองคนถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ ปากอิ่มเผยอนิดๆ น่ารักชวนมอง ทั้งยังชวนให้จูบประทับอีกด้วย แล้วคนมองก็อดไม่ได้ที่จะลิ้มรสกลีบปากนุ่มตรงหน้า“อือ”หญิงสาวประท้วงเบาๆ คิ้วขมวดมุ่นแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนจริงจังนัก สุดท้ายก็ยอมให้คนตัวโตจูบซับจนพอใจก่อนเขาจะผละออกมากระซิบ“เดตของเราเริ่มจากไปวัดทำบุญพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะ”เธอยิ้มขำกับคำพูดของอีกฝ่าย“เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิตคู่ที่เริ่มต้นใหม่ของเราไง”มาธาวีพยักหน้ารับอย่างไม่นึกค้านใดๆสองสามีภรรยาเดินดูเรือนเพาะกล้วยไม้ครู่ใหญ่ โดยปัฐวิกรจับมือบางไว้ตลอดเวลา ทำเอามาธาวีหน้าร้อนจัด ใจสั่นไหวหากก็พยายามท
มาธาวีลืมตาขึ้นก็ไม่เห็นชายหนุ่มเช่นเดิมแต่ได้ยินเสียงในห้องน้ำ เธอตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้เพราะตั้งใจออกไปดูพระอาทิตย์ขึ้นเมื่อคืนเธอหลับไปในอ้อมกอดของคนเป็นสามีด้วยใจที่คลายความตึงเครียดลง ไม่ได้ลืมไปเลยหากก็ลดความย่ำแย่ของสภาพจิตใจลงมาได้บ้าง อย่างน้อยเธอก็ได้รู้ว่าปัฐวิกรไม่ได้โทษเธอมาตั้งแต่แรก ทว่าชายหนุ่มตั้งใจขู่เธอ แม้จะเคืองไม่น้อยแต่เขาก็กล้าที่จะยอมรับตามตรง อีกอย่างมันทำให้เธอได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ดีกว่าอยู่อย่างสุขสบายใจโดยไม่รับรู้สิ่งใด“ฉันอยากไปทำบุญให้คุณแน็ตน่ะค่ะ”เธอบอกหลังจากร่างสูงใหญ่ออกมาจากห้องน้ำปัฐวิกรยิ้มบางให้คนบนเตียง ท่าทางอีกฝ่ายยังดูไม่สดใสนักเพราะเพิ่งตื่นนอนทว่าก็น่ามอง ผมยาวสลวยยุ่ง หากดวงหน้าใสมันนิดๆ ก็ยังดูดี“ได้สิ เดี๋ยวกลับลงไปแล้วผมพาไป”“ตอนแรกว่าจะกลับพรุ่งนี้สายๆ แต่อยากไปทำบุญก่อนฉันเลยคิดว่าจะกลับพรุ่งนี้ตอนเช้าเลยค่ะ”“ยังไงก็ได้ คุณกับผมกลับก่อนก็คงไม่มีปัญหา นุ๊กกับแฟนก็กลับกับรถที่ลงไปส่งน้องก้อย”มาธาวียิ้มกว้างกับคำบอกของอีกฝ่ายก่อนจะขยับตัวลงจากเตียงเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำบ้าง แต่แขนกำยำยื่นมาตัดหน้าคว้าไหล่เธอแล้วดึงเข้าไปกอด“จ
“ทำไมคิดว่าฉันอยากคุยกับคุณล่ะ”“คุณค่อนข้างเครียด สีหน้าไม่ดี พอรู้ว่านุ๊กเป็นใคร”ปากได้รูปเอ่ยตอบ ส่วนมือหนาก็ลูบแขนเรียวเบาๆ ราวปลอบ“ผมไม่อยากให้คุณคิดมาก”“ทั้งที่บอกว่าฉันเป็นต้นเหตุให้...”เธอเงียบไปเพราะไม่อาจพูดคำสะเทือนใจนั้นออกมาได้“ผมไม่เคยโทษคุณนะสอง ไม่เลย”“แต่คืนนั้นคุณบอกฉัน”ดวงหน้าเล็กขยับขึ้นมามองเขา แววตาในดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจและกล่าวหา“ผมโหดร้ายกับคุณเกินไป ผมผิดเอง”เขายอมรับง่ายๆ พร้อมมือลูบแก้มนุ่ม แต่อีกฝ่ายขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ“ผมตั้งใจพูดให้คุณรู้สึกผิด เพื่อที่คุณจะได้ยอมรับการแต่งงานของเรา”แม้จะคิดตามที่ชายหนุ่มพูดแต่กลับรู้สึกเหมือนเขาพยายามปลอบเธอมากกว่า ในเวลานี้มาธาวียอมรับว่าทั้งคู่ผูกพันกันมากขึ้นกว่าวันที่แต่งงาน ทั้งที่ไม่สนิทกันก็จริง เหมือนต่างก็ยังมีพื้นที่ส่วนตัวของตนอยู่ทว่าเธอและเขาคุยกันมากขึ้นจากช่วงแรก อาจจะเพราะปัฐวิกรเลือกใช้วิธีผูกสัมพันทางร่างกาย และไม่ว่าอย่างไร ในวันที่กลับมาเชียงใหม่ชายหนุ่มก็ไม่เคยแยกเตียงนอนกับเธอเลยสักครั้ง นับแต่คืนแรกอย่างที่เขาเคยบอกเอาไว้และเพราะความผูกพันที่มีให้กันอาจทำให้เขาเห็นใจเธอ
หลังอาหารเย็นขณะปัฐวิกรกำลังอาบน้ำมาธาวีก็ออกมาเดินมองนั่นนี่ข้างนอกเพราะสภาพจิตใจของเธอไม่ดีนัก จึงอยากได้ความปลอดโปร่งหญิงสาวตั้งใจอาบน้ำอีกรอบเหมือนกัน แต่เธอให้ชายหนุ่มอาบก่อนเพราะเขาเหนียวตัวมาทั้งวัน ส่วนเธอเพียงรู้สึกอยากนอนแช่น้ำอุ่นสักครู่คลายความตึงเครียดร่างอรชรมาถึงสวนดอกไม้ กลิ่นหอมอบอวลพาใจให้คลายความหม่นหมองได้ส่วนหนึ่ง เธอจึงสูดหายใจเข้าจนเต็มปอด ความมืดของที่นี่ไม่น่ากลัวด้วยมีโคมไฟอยู่ตามจุดต่างๆ หากก็มีเสียงจิ้งหรีดเรไรดังเช่นกัน“มาเดินเล่นเหมือนกันเหรอคะ”เสียงที่ทำให้เธอเย็นวาบดังขึ้น มาธาวีหันไปมองก็เห็นร่างโปร่งบางเดินช้าๆ มาทางเธอ“ทำไมออกมาตอนนี้ล่ะ เห็นว่ากลัวเสียงแมลงนี่”เธอถามขึ้นเพราะแปลกใจไม่ได้คิดจับผิด“รออยู่ในห้องเฉยๆ ก็เหงาน่ะค่ะ พี่คุณอาบน้ำอยู่”อีกฝ่ายดูไม่อายกับการแสดงความใกล้ชิดอย่างชัดเจน แม้ว่าจะเป็นเพียงแฟนกัน เด็กรุ่นใหม่ก็เป็นแบบนี้ มาเที่ยวและพักห้องเดียวกับผู้ชายได้อย่างไม่คิดมาก“พี่สองรู้จักกับพี่ปัฐเมื่อไรเหรอคะ”เมื่อเข้ามาใกล้นันทิยาก็ถามขึ้นมาธาวีนึกแปลกใจที่อยู่ๆ อีกฝ่ายก็ถามเรื่องนี้ทว่าก็ตอบไป“ก็ตั้งแต่สมัยเรียนแหละจ้ะ พี่เค