“ผมแค่อยากให้นายรักษาสุขภาพ ผมเห็นนายเมาแปลว่าคาเฟอีนมันก็คงจะมีผล”
“มี... แต่ฉันไม่เป็นไร ร่างกายฉันซ่อมแซมตัวเองได้ดี” พูดแล้วเขาก็หัวเราะ หันกลับมาทางลูกน้องที่มีสีหน้างุนงง “แกเคยได้ยินเรื่องพิษแมงมุมรักษาภาวะสมองขาดเลือดได้หรือเปล่า?”
“ไม่นะนาย ถ้าโดนแมงมุมกัดแล้วไม่กลายเป็นสไปเดอร์แมน ผมไม่เคยได้ยินแน่ ระดับสติปัญญาผมไปไม่ถึง”
“เอาไว้จะเล่าให้ฟังนะ”
“ได้เลยครับคุณพันวา เอาเป็นว่าผมจะรอ...”
ต่อให้ปากบอกว่ารอ พันวารู้ดีว่าลูกน้องชอบถ่อมตน ยังไม่อยากให้เรื่องมันยืดเยื้อ พอเห็นว่าเขามองสาวไปกินกาแฟไป ยังลอบกลืนน้ำลายลงคออยู่เรื่อย แล้วจะมีทางเลือกอะไรมาก
“นายจะเซ็นสัญญากับเธอไหมล่ะครับ?”
เจ้านายเงียบไปครู่ เลิกคิ้วถาม “แกรู้เรื่องสัญญาได้ยังไง?”
ใต้เคราเขียวครึ้มของชายร่างสูงใหญ่กำยำปรากฏรอยยิ้มมีเลศนัย ประกาศเต็มที่ว่ารู้...
“มาดามบอกผมทุกเรื่องครับ แล้วผมไม่เคยเห็นนายถูกใจใคร จะเข้าไปจีบเธอ ที่นี่ก็เป็นที่ทำงาน ผมว่านาย... ให้ผมเตรียมเอกสารดีกว่า เซ็นไปเถอะครับจะได้ไม่เสียเวลาทั้งสองฝ่าย ที่เหลือให้เป็นหน้าที่เจ้าพวกนั้น...”
‘พวกนั้น’ ที่ว่า ความลับของตระกูลยาซาคอฟมีไม่กี่คนที่รู้ สองหนุ่มต่างวัยจ้องหน้ากันไม่นาน ด้วยความเป็นคนสนิทสนมรู้ใจ ในที่สุดคนหนึ่งก็ยอมตอบ
“เตรียมเลยเถอะ เธอดูน่าอร่อย... ฉันรู้สึกหิว... ไม่ไหวแล้วล่ะ ยังไงแกไปจัดการ” ไม่เอ่ยเปล่า ร่างสูงพิงแผ่นหลังลงบนโซฟา นัยน์ตาสีอำพันแปรเปลี่ยนเป็นน่ากลัวราวดวงตาของปีศาจ ลูกน้องหนุ่มก็ไม่รอช้า รีบหยิบกระดาษออกมาจากกระเป๋าหนังสีดำ เปิดมันดูให้เรียบร้อยก่อนส่งให้นาย ที่ยกมันขึ้นกวาดสายตาตรวจทานอีกครั้งว่าทุกอย่างไม่มีข้อผิดพลาด
เป้าหมายเป็นผู้ถูกเลือก...
เหยื่อรายต่อไป!
--------------------------------------
หญิงสาวหน้าตางุนงงกับเอกสารที่มีรายละเอียดทั่วไปเกี่ยวกับการทำงาน เธอคิดว่ามันมาจากฝ่ายบุคคล หากไม่ติดว่ามันลงท้ายด้วยคำแปลก ๆ ด้านล่างของกระดาษมีรูปวาดเป็นตุ๊กตาหุ่นฟางบริเวณศีรษะเป็นหัวกะโหลกอมนุษย์หรือตัวอะไรสักอย่าง ถูกเจาะด้วยเข็มหมุด น่ากลัวประหลาด
‘แด่ชีวิตและขุมสมบัติ’
‘โชคชะตาแลกด้วยเลือดหนึ่งหยด’
‘จิตวิญญาณที่สูญสิ้น’
‘ความปรารถนาและอำนาจของปีศาจ’
นี่มันอะไร! หญิงสาวนิ่งอึ้งตะลึงงัน ยามสบนัยน์ตาคมเข้มสีอำพันสวยราวลูกแก้ว ใต้คิ้วเข้มหนาที่เรียงตัวกันเป็นเส้นเฉียง ทรงผมเรียบเสยเปิดหน้าผากรับใบหน้าคมคาย สมเป็นเจ้าของร้านตัดผ้าชื่อดังแนวหน้าของเมืองไทย
‘พันวา ยาซาคอฟ’ ใครกันจะไม่รู้จักเขา! แม้แต่พนักงานใหม่อย่างเธอเองยังรู้ตัวว่าถูกลอบมองด้วยแววตาน่าขนลุกมาร่วมอาทิตย์ หลังเพื่อนร่วมงานกระซิบบอก แต่ยังต้องตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ทำยอดขายให้ได้ตามเป้า
“คุณดุลยาหัวหน้าฝ่ายบุคคลฝากไว้ให้ครับ ผมไม่แน่ใจว่าเขาเดินไปไหน” เงียบไป จากนั้นมุมปากหนาก็ยกยิ้มอย่างมีลับลมคมใน
“อ่านก่อนเซ็นนะครับ คุณดาว...”
“ด้วยความหวังดี”
คำเตือนถึงสองครั้งสองครา ราวกับว่าเขาเพิ่งพูดมันเมื่อสักครู่ เสียงทุ้มทรงเสน่ห์เพิ่งลอยหายไปหมาด ๆ หากไม่เป็นเพราะเสียงจากหม้อน้ำเดือดปุด เนื้อไก่ล้นทะลักออกมาพร้อมกลิ่นหอมของเครื่องเทศ สาวร่างอวบยกหม้อข้าวหม้อใหญ่มาจากข้างหลัง เรียกสติให้กลับมาสนใจงานตรงหน้าอีกครั้ง
“ดาว... ลูก เหม่ออะไร ไก่เละหมดแล้ว”
“โทษทีจ้ะแม่ หนูลืม เอ่อ... คิดอะไรเพลิน ๆ ต้มเพลินไปหน่อย” เธอรีบหรี่ไฟปิด ก่อนที่ไก่ทั้งหม้อจะรับประทานไม่ได้หากว่าต้มมันจนเละ แม่จะต้องต่อว่าเธอแน่ ๆ ปกติเธอก็ไม่ใช่คนชอบเหม่อลอย แล้วต่อให้เธอจะเหม่อก็ไม่น่านึกถึงเรื่องของเจ้านายหนุ่ม ที่ไม่ได้อยู่ในสายตาของเธอเลย หญิงสาวส่ายหน้าไปมา บังคับตัวเองให้เลิกฟุ้งซ่าน ขยับผ้ากันเปื้อนลายดอกไม้ให้เข้าที่ ค่อยหันไปจัดการเขียง มีดปังตอ เพื่อเปิดร้านอาหารให้ทันในเวลาแปดโมง ทว่าทันใดนั้นเอง เจ้าสัตว์ร้ายที่มีขาแหลมเล็กราวเข็มก็ย่างกรายออกมายืนหราข้างมือ แทนที่เธอจะสับมันให้เละกลับส่งเสียงหวีดร้อง
“กรี๊ดดดด!”
ร่างบางในเดรสสูทกระโดดไปจากหน้าเขียงอย่างรวดเร็ว ยิ่งเสียกว่านักกีฬาวิ่งผลัดทีมชาติ มีดในมือปลิวหล่นลงบนโต๊ะเหล็ก คุณแม่และพี่ชายน้องชายผลัดกันอุทานเสียงหลง ลุกจากเก้าอี้ไปคนละทิศละทางในพื้นที่ของทาวน์โฮมหนึ่งคูหา ไม่ได้มีบริเวณกว้างขวางมากมาย คนหนึ่งอยู่มุมร้าน คุณแม่วิ่งไปด้านหน้าใกล้ริมทางเท้าคนเดิน ส่วนคนต้นเหตุไปหลบอยู่หลังเก้าอี้เหล็ก
“อะไรของแกเนี่ย! ยัยดาว มีดจะหล่นใส่หัวอยู่แล้ว แกจะฆ่าแม่รึไง” แม่ตะโกนว่า สองมือเท้าเอวอวบ ท่าทางเอาเรื่องเอาราว
“ขอโทษนะแม่ หนูไม่ได้ตั้งใจ หนูเห็นแมงมุมขาแหลม ๆ โคตรน่ากลัว วันนี้หนูเจอแมงมุมสามตัวแล้ว!”
“ไหนวะ... ไม่เห็นจะมีอะไรสักตัว แม่เห็นแต่จิ้งจก”
ต่างคนหมุนคอมองไปรอบ ๆ ร้านแต่ก็ไม่เห็นแมงมุมสักตัว คุณแม่กลัวไม่ทันงานจึงเดินไปตักไก่ในหม้อใส่ถาดกลมใบใหญ่ด้วยตัวเอง ปากบ่น “จะไปทำงานก็ไปเถอะ ไม่ต้องมากุเรื่อง ไก่ฉันไม่เสร็จเสียที เดี๋ยวลูกค้ามาเต็มร้าน ขายข้าวมันไก่ไม่ทันอีก”
“หนูเคยกุเรื่องที่ไหนเล่าแม่! หนูเห็นแมงมุมจริง ๆ นะ”
“แต่ผมไม่เห็นครับ พี่ติ๊กเห็นไหม?”
ลูกชายคนเล็กขยับแว่นหน้าเตอะถามพี่ชายคนโต ส่ายหน้าไปมาบอก
“ไม่เห็นนะ”
ใบหน้านวลขาวซีดด้วยท่าทางตื่นตระหนก เธอแน่ใจว่าเห็นแมงมุมตัวดำเมี่ยม ขาของมันแหลมน่ากลัวมาก แต่กลับไม่มีใครเห็นอะไรเลย คุณแม่ยังเริ่มหงุดหงิด
“เอ้อ! ไม่มีใครเขาเห็นแมงมุมสักตัว แม่ว่าสายตาแกมันคงจะมีปัญหาแล้วล่ะ ไปไหนก็ไปปะ แม่ล่ะเบื่อ” บ่นแล้วก็หันไปทางสองหนุ่ม คนหนึ่งก้มหน้ากดจอสี่เหลี่ยม บนเก้าอี้กลมมนสะอาดเอี่ยม ส่วนอีกคนในมือหนามีหนังสือเล่มโต เขาตั้งใจอ่านมันไปพลาง ๆ ระหว่างรอข้าวเช้าฝีมือแม่
“ไอ้นี่ก็เล่นแต่เกม ไอ้นั่นก็อ่านแต่หนังสือ ดีค่ะ... อีกหน่อยแม่ไม่ต้องแหกขี้ตาตื่นแต่เช้ามาเปิดร้านแล้วสินะ ให้เกมเมอร์ระดับโลกกับหมอเต้เลี้ยงแม่เนอะ”
ตรึงใจเพิ่งรู้ตัวว่าโดนหลอก! ทว่าเธอกลับไม่ได้โกรธเขาเลย ตาลอบมองกรามแกร่งของบุรุษรูปงาม แม้หัวคิดถึงความฝันอันมืดมิดน่ากลัว ร่างใหญ่ทะมึนของแมงมุมยักษ์แทบแตกเป็นเสี่ยง เมื่อถูกรุมทำร้ายด้วยอาวุธร้ายกาจสารพัดจะจินตนาการได้ จากฝีมือของชายร่างกำยำที่น่ากลัวเหล่านั้น แต่เขาไม่ยอมพ่ายแพ้ ไม่แพ้ทั้งกับความเจ็บปวดและตัวเธอ เขาสู้พอ ๆ กับเธอ“ไม่ต้องกลัวนะ การแพทย์เดี๋ยวนี้ก้าวไกลกว่าสมัยก่อนเยอะ มีเงินซะอย่าง มีเงินก็ต่อชีวิตได้ ไปหาหมอฉีดยาก็หาย ไม่เหมือนสมัยก่อน คนเกิดง่ายตายง่าย ติดโรคไม่มียารักษา โลกเรามันพัฒนาไปเรื่อย ๆ แหละครับ แต่ถ้าไม่หาย...” ใบหน้าหล่อเหลาแสยะยิ้ม ชำเลืองมองดวงตาแดงก่ำที่เบนหลบไปอย่างเง้างอน “จะฉีดยาซ้ำให้อีกเข็ม...”“ฉีดยาอะไรกัน ดาวขอพี่กอดมาตั้งหลายวันพี่ยังไม่ให้ดาวกอดเลย... มาทำเป็นพูดดี...”“พูดจริงครับ ไม่ได้โกหก พี่เคยโกหกดาวที่ไหน? บอกจะให้ก็ให้ครับ”“ไม่เชื่อค่ะ พี่หลอกดาวอีกแน่นอน” พูดเท่านั้น เธอคงนึกแผนการบางอย่างได้ “หลับตาให้ดาวดูก่อนว่าไม่ได้หลอก ทำให้ดาวได้หรือเปล่า”แน่ล่ะว่าคนรู้ทันคงไม่ทำ ทว่าใบหน้าสดสวยพลันขยับเข้าหาคนที่ปิดปากเธอเอาไว้ด้วยฝ่าม
ต่างคนมองหน้ากันไปมาอย่างสงสัย พวกเขาคงอยากรู้นักว่านรกเป็นยังไง ยังไม่มีใครเข้าใจเรื่องที่เจ้านายพูดเลยสักคำ! แต่เพราะกำลังเป็นห่วงมากกว่า ชายร่างสูงใหญ่กำยำดูซูบผอมลง ขอบตาดำคล้ำเหมือนคนอดหลับอดนอนมาเป็นอาทิตย์ ๆ“นายควรจะกินอะไรบ้างนะครับ เอาแต่นั่งหลับตาตรง พยาบาลตกใจกลัวกันไปทั้งวอร์ดแล้วนาย”“ฉันโทรสั่งข้าวให้บอสหลายมื้อแล้วนะคะ อย่าปล่อยให้อาหารเย็นชืด คุณดาวเธอฟื้นขึ้นมาจะเป็นห่วงบอสนะคะ”“นั่นสิ... เหมือนจะ... ปวดท้อง”ชายหนุ่มเพียงหรี่ตาเท่านั้นเมื่ออาการเจ็บปวดของร่างกายมนุษย์กำเริบ เขายังเห็นว่าลูกน้องเริ่มมีสีหน้าหวาดกลัวตามคุณหมอคุณพยาบาลคงไม่ใช่แค่นั่งอดข้าวอดน้ำไม่พูดจากับใคร ดันมีข่าวลือว่าเห็นแมงมุมแม่ม่ายดำเดินไปเดินมาในห้องผู้ป่วยพิเศษก่อนที่พวกมันจะหายไป ตกดึกยังมีเสียงกรีดร้องโหยหวนยังกับโรงพยาบาลผีสิง ทั้งที่มันไม่เคยมีมาก่อนถึงเป็นเช่นนั้น พันวาแน่ใจว่าเขาจะไม่ยอมแพ้ ไม่มีวัน! ใบหน้าเข้มเครียดเหนื่อยล้าหันไปบอกทั้งสามคน “ขอบคุณทุกคนนะครับ เอาเป็นว่าผมจะดูแลตัวเอง ไม่ต้องห่วง”--------------------------------------‘อดทนนะดาว กลัวแค่ไหนเจ็บแค่ไหนก็ต้องทน... ถ้
โลกสีดำทะมึนมีเพียงแสงสลัวจากเทียนเล่มเล็กที่ใกล้จะมอดดับ ถัดไปจากโต๊ะไม้เก่าข้างเตียงเหล็ก ผนังปูนถูกฉาบด้วยคราบเปรอะเปื้อนปะปนไปกับรอยเลือดเป็นทางยาว เตียงผู้ป่วยรายเรียงติดกันจนสุดทางเดินขนานไปกับหน้าต่าง ข้างนอกนั้นไร้ท้องฟ้าและแสงดาว มันมืดสนิท!กรอกแกรก... ซ่อกแซ่ก...ดวงตาคู่สวยสั่นไหวส่ายมองไปรอบ ๆ ห้องเงียบสงัด คล้ายว่าจะเป็นโรงพยาบาลร้าง ดวงหน้าขาวซีดก้มลงมองผ้าปูเตียงขาดวิ่น ชุดผู้ป่วยเสื้อกางเกงสกปรกแบบผูกข้าง ก่อนขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย‘ที่นี่ที่ไหน... แล้วนั่น... เสียงอะไร?’ เธอตัดสินใจชะโงกคอหาต้นตอของเสียงจากใต้เตียงด้วยความอยากรู้อยากเห็น กองเลือดเป็นเส้น ๆ ลักษณะคล้ายรอยเล็บใครสักคน ขูดลากไปกับพื้นหินอ่อน เรือนผมสีดำเลื่อนหายไปทำเอาหายใจเข้าออกไม่ทั่วท้อง ทันใดนั้นเอง ปลายนิ้วเหี่ยวย่นเกาะหมับเข้าที่กั้นเตียงเหล็กพาเสียงแหลมเล็กหวีดร้องลั่น“กรี๊ดดดดดดดดด!”ร่างบอบบางกระโจนวิ่งสะเปะสะปะไร้ทิศทาง ไม่รู้เนื้อรู้ตัว พอปะเข้ากับลุงแก่ขาขาดหันมาอ้าปากกรีดร้องจนช่องว่างวงรีนั้นขยายออกกว้างกลายเป็นโพรงสีดำ ก่อนกระเสือกกระสนลนลานกระโดดจากหน้าต่าง เธอแทบสิ้นสติ! ยืนต
พันวาไม่คิดมากกับงานโอน ด้วยความเป็นเจ้านายใจดีสายเปย์อยู่แล้ว นาดีนเองก็ทำงานดีและเขาคงไม่อยากหาเลขานุการคนใหม่ ทุกอย่างจึงกลับมาเป็นเหมือนเดิม เขาออกไปทำธุระประปรัง ทำงานกลับบ้านเช่นทุกวัน แวะไปพูดคุยกับคุณแม่เรื่องสินสอดจนสำเร็จ ขอให้เป็นค่าเทอมของลูกชายคนเล็กก็ยังดี นักศึกษาแพทย์ยังต้องใช้ทุนการศึกษาอีกมากกว่าจะเรียนจบฤกษ์งามยามดีถูกกำหนดเอาไว้แล้ว... เหลือแค่... เจ้าสาวของปีศาจด้วยรู้สึกเคลิบเคลิ้มกับบรรยากาศอบอวลความสุข แม้แต่ว่าที่เจ้าสาวยังไม่ถือสาคำพูดเล็ก ๆ น้อย ๆ รักไม่รักค่อนข้างเป็นเรื่องไร้สาระ รอยยิ้มร่าเริงจึงปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาในทุกย่างก้าวเดิน ตาสบเข้ากับเจ้าของร่างบางในเดรสกระโปรงสีขาวแขนพอง เธอพยายามปกปิดเรือนร่างผอมบางแทบเห็นกระดูก ผ่านค่ำคืนหวานมาด้วยกัน เขารู้ว่าเธอซูบผอมลงมาก“บอสคะ... คุณดาวเธอ... บอกว่าสบายดีแต่ฉันคิดว่าเธอมองไม่ค่อยเห็นนะคะ เธอบอกว่าเห็นหยากไย่แต่ว่าฉันไม่เห็น ฉันไม่แน่ใจเรื่องนี้แล้วเธอเดินสะดุด เตะนู้นนี่หกล้มจนเท้าบวม...”สีหน้าของคนไกล ๆ ดูแปลกไป จนเขาต้องหรี่ตามองคนที่รีบลุกขึ้นเดินมาหาแต่หันไปถามเลขาฯ“ทำไม... ผมไม่รู้เรื่องนี้?”ซ
ในเมื่อรับปากเอาไว้แล้วก็ต้องทำ หลายค่ำคืนมานี้ตรึงใจจึงงัวเงียตื่นขึ้นมากลางดึก ผลักกายขึ้นคร่อมทับบนเรือนร่างกำยำรุ่มร้อน สบมองนัยน์ตาสีอำพันเปล่งประกายดิบเถื่อนใต้แสงนวลสลัวด้วยอารมณ์ไม่ต่าง ถึงแม้ว่าขาแหลมราวเข็มทั้งแปดจะพลันผลักเธอให้ลงไปอยู่ใต้อาณัติ ครึ่งปีศาจหนุ่มดูดุดันเชื่อมั่นในสัญชาตญาณเหมือนสัตว์ร้ายที่พร้อมฉีกร่างเหยื่อ เธอยังคงโอนอ่อนตามเขาทุกครั้งไปเปรียบดังว่าเขาเป็นลมหายใจ เป็นชีวิตของเธอโดยเต็มใจยินดี ราวกับว่าเธออาจขาดใจตายตรงนี้หากว่าเขาไม่ได้ดูดดื่มกลืนไอสีแดงเข้มไปจากริมฝีปากเพื่อเติมเต็มความหิวกระหาย แม้แต่เขี้ยวที่ยาวพ้นออกมาขบกัดบนผิวกายจนเป็นรอยแดง ดวงตามากมายเบื้องหน้าไม่สามารถทำให้เธอหวั่นกลัวได้อีกไม่ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของเขาจะเป็นอย่างไร เธอเชื่อว่าเขายังเป็นพี่พันวาบนเตียงนุ่มนี้จึงกลายเป็นสรวงสวรรค์ หากว่าเขากอดเธอแน่นด้วยกล้ามเนื้อที่เกร็งจัดเธอจะกอดตอบอย่างเดียวกัน ตราบจนได้ยินเสียงคำรามลั่น ร่างกายพร่างพราวด้วยเม็ดเหงื่อหยุดขยับฝังแก่นกายเข้าลึกพร้อมมอบจุมพิตให้เธออีกครั้งแสงสีนวลสาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างกระทบลงบนใบหน้าหล่อเหลาที่เลื่อนมาพรมจูบบน
ข้อเสนอน่าสนใจขนาดนั้น! พันวาคงยอมเธอทุกอย่าง อย่าว่าแต่ให้กลับร่างปีศาจนั่งปิกนิกในสวนหลังบ้านตัวเองเลย เธอบอกให้ถอดเสื้อผ้าทุกชิ้นออกเพราะไม่อยากให้มันขาด เสียดายเงินเสียดายเสื้อราคาแพง เขาก็ตามใจปลดกระดุมทีละเม็ดด้วยแววตาประกายปรารถนา กองทั้งหมดไว้บนฟูก ยอมนั่งนิ่งมองผ้าผืนยาวสีชมพูแปร๋นสี่เส้นผูกทับกันเป็นโบว์บนขาทั้งหน้าหลัง รอยยิ้มแสนภาคภูมิใจของหญิงสาวที่ส่งเสียงหัวเราะคิกคัก ทึกทักตนว่าเป็นอลิซในวันเดอร์แลนด์! แต่ว่ามันไม่มีแมงมุม ปีศาจภาพลวงตาอย่างเขาจะกลายเป็นกระต่ายยักษ์ได้ด้วยไหมนะ ตอนนี้เธอยังไม่รู้เลยว่าเขาสนใจเธอบ้างหรือเปล่าพันวาไม่สามารถตอบคำถามเหล่านั้น เขาไม่สามารถอ้าปากพูดภาษามนุษย์ในร่างของแมงมุม และต่อให้เขาสื่อสารอย่างแมงมุม เธอก็คงไม่เข้าใจความหมายอยู่ดี ในร่างสัตว์ตอนนี้เป็นไปอย่างธรรมชาติสรีระ แม้แต่ขาขนาดใหญ่ แหลมยาวและคมราวเข็มหมุดทำให้การนั่งเป็นเรื่องยาก แมงมุมยังไม่สามารถเคลื่อนส่วน cephalothorax (หัว) ได้ พวกมันใช้ดวงตารับรู้การเคลื่อนไหว โฟกัสติดตามภาพด้วยกล้ามเนื้อตา เธอจึงแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าถูกจ้องมองด้วยนัยน์ตาคู่สวยสีอำพันทั้งแปดปีศาจอย่างเขาย
เป็นครั้งแรกที่ลูกน้องไม่เข้าข้าง! เจ้านายพยายามขยิบตาให้นายสารถีผ่านกระจกมองหลัง อัฟซาก็ทำเป็นไม่สนใจ ตั้งหน้าตั้งตาขับรถ ขณะที่หนุ่มอีกคนเริ่มเล่าประสบการณ์ผ่านคนในครอบครัว“ผมได้ยินมาว่าผู้ป่วยเบาหวานไม่ใช่น้ำตาลสูงแล้วจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอย่างเดียวนะครับ... คือ... ป้าผมก็เป็นเบาหวาน...ป้าผมเนี่ย... หิวบ่อย ใจสั่น ตาลาย แกขี้กังวลด้วย พอแกกินน้ำตาลเข้าไปมันก็พอหายจากอาการนี้นะ ดีขึ้น แต่พอแกทำแบบนี้บ่อย ๆ มันยิ่งไม่ดี หมอบอกว่าควรควบคุมให้อยู่ในระดับพอดีครับไม่เหวี่ยง ไม่สูงไปต่ำไป แต่คนแก่ขี้หลงขี้ลืม กินอาหารไม่ตรงเวลา บางทีก็ไม่กินเลย แกฉีดอินซูลินกินยาไม่ถูกเวลา กินผิดกินถูก พอเกิดภาวะน้ำตาลต่ำ แกล้มตึงไปเลย”“แล้วตอนนี้ป้าเป็นยังไงบ้างล่ะ? มาร์คัส ดีขึ้นไหม...”“เผาไปแล้วครับ แกไตวายด้วย วันเดียวไปวัดเลย”“ขอบใจนะ สำหรับคำแนะนำ...” พูดพลันหันไปทางคนตัวเล็กด้วยรอยยิ้ม “ได้ยินไหมครับ ไปวัดจองเมรุเผาเลย”คนฟังถึงกับหน้าซีดเจื่อน ก้มหน้ากำถุงกระดาษยาหลายใบจากโรงพยาบาลเอกชน กระทั่งรถจอดลงหน้าบ้าน ลูกน้องของเขาลงจากรถมาเปิดประตูให้อย่างรู้หน้าที่ เธอเลื่อนมือไปจับกุมมือหนาด้วยสีห
เพราะไม่พอใจคนที่ไม่สนใจกันเลย ร่างสูงในเชิ้ตหล่อเหลาเลยสลัดเสื้อออกโยนลงพื้น กระโดดลงสระว่ายน้ำกลางบ้าน ตูมเดียว! แววตาเร่าร้อนของเหล่าสาวน้อยใหญ่ก็พุ่งตรงมายังเรือนร่างกำยำอันสมบูรณ์แบบ กำลังผุดดำผุดว่ายประหนึ่งเงือกหนุ่ม พอเขาถอดกางเกงแสล็คดำออก เหลือกางเกงชั้นในไว้ตัวหนึ่งให้พอลุ้นระทึก ดำน้ำหายไปแล้วโผล่ขึ้นมาสะบัดศีรษะจนเส้นผมเปียกหมาดยุ่งเหยิง ดูไม่ตั้งใจแต่เจตนายั่ว สาว ๆ เลยมานั่งจิบไวน์รอบสระกันเสียหมด รวมถึงตรึงใจ... เธอดื่มไปหลายแก้ว จนรุ่งเช้ามา อาการปวดศีรษะอาเจียนกลางดึกทำให้เธอสิ้นฤทธิ์ไปพร้อมอาการเมาค้าง เปิดเปลือกตาหนักอึ้งในสีหน้าเหยเก“ตื่นแล้วหรือ? ไงล่ะ ทิ้งพี่พันวาหนีไปเมาคนเดียว” ทั้งน้ำเสียงและแววตาอ่อนโยนผิดเป็นคนละคน ในอ้อมแขนที่กอดกระชับกายสาวไว้ให้อบอุ่นตลอดคืน ตรึงใจเพิ่งรู้สึกตัว หลังเมาแอ๋จนต้องให้คนต้นเรื่องอุ้มขึ้นบ้านมา ยังว่าเขาเป็นพวกขี้อวดกล้ามบ้าง อีตาโรคจิตบ้าง ร้ายที่สุดคงว่าเขาเป็นแมงมุมยักษ์ตัวเท่าฝาบ้าน! ดีที่ไม่มีใครได้ยิน“วันหลังไม่ให้กินแล้วนะ ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจเลย ป่วยขึ้นมาจะทำยังไง? หืม...”“ดาวขอโทษค่ะ ดาวขอนอนก่อนนะคะ ปวดหัว”“ก
“ให้ใครล่ะครับ? ตอนนี้มีคนเดียว” พูดพลางยกแก้วไวน์ขึ้นจรดริมฝีปาก ขณะที่เขากำลังรอจังหวะเหมาะ ๆ พอเธอหันไปอีกทางเหมือนงอนอะไรสักอย่าง โน้มใบหน้าลงปิดริมฝีปากอิ่มงาม มือบีบกรามน้อยให้ยอมอ้าปากรับน้ำองุ่นขมปนหวาน“อร่อยไหมครับ?”“อื้ม... ค่ะ อร่อย” ตรึงใจคงไม่รู้ตัวว่าท่าทางเขินอายหลังได้ลิ้มชิมไวน์องุ่นราคาแพง อาจทำให้หนุ่มเพลย์บอยกลายเป็นแมวเชื่อง ๆ ตัวหนึ่ง เมื่อเขาจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่สวยใสโดยไม่ปิดบังความรู้สึก“จิบไวน์มื้อค่ำอาจดีต่อผู้ป่วยเบาหวาน พี่เคยอ่านบทความทางการแพทย์อยู่บ้างนะ ไม่ดื่มเยอะคงไม่เป็นไร”“อ้อ ถ้าอย่างนั้นดาวกินสักแก้วคงไม่เป็นไร”เธอคงอยากคว้าทั้งขวดมากระดกให้หมด แต่เพราะอุณหภูมิในกายสาวพุ่งปรี๊ดปรอทแตกเพียงเพราะแววตาเร่าร้อนตรงหน้า พอเลื่อนมือไปรับแก้วไวน์มา เขาก็คว้าข้อมือเรียวด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย ก้มลงบดริมฝีปากเธออีกครั้ง พร้อมส่งผ่านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หอมหวาน กว่าจะปล่อย คนถูกระรานเลยยกปลายนิ้วขึ้นแตะริมฝีปาก“น่าอายนะ มาจูบดาวต่อหน้าคนเยอะแยะ”“เพื่อนพี่ต่างชาติกับเด็กนอกทั้งนั้นครับ ไม่มีใครถือ พี่อยากจูบดาวพี่ก็จูบ พี่จะทำอะไรกับอาหารมื้อค่ำก็ได้” พูด