LOGINเสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้นกลางดึก อธิปที่อยู่ในชุดกางเกงนอนผ้าฝ้ายบาง ๆ ตัวเดียวยังไม่หลับ เขาขมวดคิ้วพลางเดินไปเปิดประตู...
'เธอ?'
ชายหนุ่มแปลกใจ เพราะคนที่ยืนเงยหน้าจ้องมองเขาอยู่คือลลิตรา
'เรื่องขนม ฉันจัดการให้แล้วนะ'
'ฉันรู้แล้วค่ะ'
'ถ้ารู้แล้วมาเรียกฉันดึก ๆ ดื่น ๆ ทำไมอีก'
ลลิตราเดินเข้ามาในห้องนอนของเขาโดยไม่รอให้อนุญาต อธิปที่เป็นเจ้าของห้องมองอย่างงุนงงแต่ก็ยอมหลีกทางให้โดยดี เนื้อตัวของเธอยังมีกลิ่นหอมของขนมอยู่เลย... หอมจนเขาอยากตวัดลิ้นชิมอีกสักหลาย ๆ ครั้ง
'คุณทำแบบนั้นกับฉัน คุณต้องรับผิดชอบ'
เขาสะดุ้ง เธอรู้ได้อย่างไรว่าเขาอยากจะทำอะไร
ยังไม่ทันได้ถามว่าเขาจะต้องรับผิดชอบอย่างไร ลลิตราก็โผเข้ามาหา อธิปกางแขนรับร่างนุ่มนิ่มนั้นไว้โดยไม่ทันรู้ตัว พริบตาเดียวเขาและเธอก็ล้มกลิ้งไปบนเตียง
'ลูกอม...เธอจะทำอะไรน่ะ'
เขาตั้งสติฝืนถามออกไปทั้งที่ใจยังเต้นแรง
'คุณเลียแขนฉัน?'
'ก็ใช่...'
'คุณต้องรับผิดชอบ!'
ชายหนุ่มไม่เข้าใจ แต่วินาทีต่อมาเขากับเธอก็แลกลิ้นกันอุตลุต อธิปบดเบียดความเป็นชายที่แข็งขึงเต็มที่เข้าหาร่างนุ่มนิ่ม มันลึกเข้าไป ลึกเข้าไป ลึกเข้าไป จน...
"อ๊าาา..."
เขาสะดุ้งตื่นเพราะเสียงคำรามของตัวเองที่ดังทะลุออกมาจากในความฝัน น้ำสีขาวอุ่นขุ่นเข้มกระฉูดจนเลอะกางเกงนอน หัวใจยังเต้นแรง หอบแฮ่กเหมือนเพิ่งผ่านสมรภูมิรักมาจริง ๆ
"เ-ชี่-ย-ไรวะนี่"
ชายหนุ่มครางออกมา ไอ้บ้าเอ๊ย! นี่เขาฝันงั้นหรือ...?!?
แถมในฝันยังเป็นยัยลูกอม ยัยลูกแม่เลี้ยงที่แสนจะไร้ราคาคนนั้น แค่เพราะเขานึกอยากจะแกล้งยัยบ้านั่นแค่นิดเดียว ถึงกับตามมาหลอกมาหลอนกันแบบนี้
อธิปก่นด่าตัวเองไม่เลิกตอนที่ลุกจากเตียง สลัดกางเกงออกแล้วรีบพาตัวเองไปอยู่ใต้ฝักบัวอาบน้ำ
เปิดน้ำราดรดตั้งแต่หัวลงมาเผื่อว่าน้ำเย็น ๆ จะดับความร้อนรุ่มและอารมณ์ติดค้างที่ตามออกมาจากความฝัน
* * * * *
"อ้าวอาร์ต นี่เพิ่งตื่นหรือเพิ่งกลับล่ะ"
นายอรรถ รชต ชายผู้ซึ่งตื่นตีห้ามาออกกำลังกายทุกวันเป็นเวลาหลายสิบปีมาแล้ว เอ่ยทักลูกชายที่เดินมาเจอกันหน้าโถงบันได ที่ถามอย่างนั้นเพราะลูกชายไม่ได้ใส่ชุดนอน แต่แต่งตัวเหมือนพร้อมจะออกจากบ้าน
อธิปสีหน้าไร้อารมณ์ เขาหลีกเลี่ยงที่จะเจอลลิตราจึงออกบ้านมาแต่เช้ามืด ลืมคิดไปว่านอกจากแม่บ้านกับคนงานแล้ว พ่อของเขาก็เป็นมนุษย์ตื่นเช้าด้วยเหมือนกัน
"ผมจะไปเชียงใหม่"
คนเป็นลูกตอบไม่ตรงคำถาม อรรถนิ่งไปนิดก่อนถามต่อ
"ไปยังไง สายการบินอะไร"
"โลว์คอสต์" ประโยคนี้จงใจกวนคนเป็นพ่อ แต่อรรถยิ้มออกมาได้
"ไปสยามเจ็ตสิ เดี๋ยวพ่อโทรบอกเลขาให้..."
"ผมไม่มีตังค์หรอกนะ สายการบินของพ่อน่ะมันสำหรับคนรวยนั่งไม่ใช่หรือ"
อรรถหัวเราะส่ายหน้า
"พ่อจะไม่ถามว่าแกไปเชียงใหม่ทำไม แต่อยากให้แกนั่งสนามเจ็ตไป... แกเป็นลูกชายเจ้าของสายการบิน ถึงจะไม่เต็มใจ แต่ก็ช่วยสร้างภาพให้พ่อหน่อยก็ดี"
อธิปใช้ลิ้นกระพุ้งแก้ม สีหน้าครุ่นคิด แต่อาจเพราะยังเช้าเกินไป สมองเขายังไม่ตื่นเต็มที่พอที่จะกวนโมโหคนเป็นพ่อได้ สุดท้ายเลยยอมพยักหน้าไปแกน ๆ
"ก็เอาสิ พ่อโทรบอกคนของพ่อก็แล้วกัน ผมจะให้น้าดาวไปส่งสนามบิน..."
อธิปพูดแล้วก็เดินตัวปลิวลงบันไดไป ไม่มีแม้กระเป๋าเดินทางหรือเป้สักใบติดตัวไปด้วย แต่อรรถไม่แปลกใจนักหรอก
วูบหนึ่งเขาอยากห้าม เพราะพอจะเดาได้ว่าลูกชายจะไปทำอะไรที่เชียงใหม่... แต่สุดท้ายก็ปล่อยเลยตามเลย
ครั้งหนึ่งเขาเคยยุ่มย่ามในชีวิตของภรรยาคนแรกมากเกินไป จนเธอทนไม่ได้และไปจากเขา อรรถไม่อยากทำผิดซ้ำอีก แม้หลายครั้งจะไม่พอใจการกระทำของอธิป แต่เขาก็เลือกจะให้อิสระให้ลูกชายได้คิด ตัดสินใจ และเรียนรู้ถูกผิดเอาเอง
ตอนนั้นอรรถไม่คิดเลยว่าการที่เขาเลือกเลี้ยงลูกแบบนี้ มันกลับกลายเป็นดาบสองคมที่ย้อนมาทำลายอีกหลาย ๆ คนโดยไม่ได้ตั้งใจ
* * * * *
โชติรสเพิ่งกลับมาทำงานหลังลาพักร้อนไปสองสัปดาห์ และเพื่อนสนิทคนหนึ่งก็ขอแลกไฟลท์ เที่ยวบินไปเชียงใหม่วันนี้จึงมีหญิงสาวมาเป็นพนักงานต้อนรับด้วยแทน
"ทำไมทุกคนดูตื่นเต้นกันจัง วันนี้มีอะไรหรือพี่มด"
โชติรสถามหัวหน้าพนักงานต้อนรับฯ ของเที่ยวบินนี้ มือก็จัดระเบียบสิ่งของต่าง ๆ ไปด้วย
"มีวีไอพีมาบินด้วย"
มดตอบยิ้ม ๆ
"ใครล่ะ"
"ลูกชายแชร์แมน"
มือบางเรียวสวยที่ตัดเล็บสั้นเป็นระเบียบชะงักไปเล็กน้อยแต่ใจเต้นแรงตึกตัก
"ลูกชายแชร์แมน? ลูกคุณอรรถเหรอ"
"ใช่จ้ะ พวกสาว ๆ ตบแป้งกันใหญ่ นี่พี่ก็ยังไม่เคยเจอตัวจริงหรอกนะ แต่เห็นในรูปแล้วหล่อเชียว หน้าเข้มคล้ายคุณอรรถ แต่ดูเหมือนลูกครึ่ง ภรรยาคุณอรรถท่านเป็นฝรั่งเหรอ"
"อืม โชก็ไม่ทราบเหมือนกัน..."
โชติรสตอบเหมือนไม่ใส่ใจและหันเหไปทำอะไรอย่างอื่นต่อทั้งที่ใจอยากจะกรี๊ดออกมา
'ผู้ชายคนนั้นน่ะ! ฉันกินมาแล้วนะยะ แค่คิดก็ยังจุกถึงคอเลยตอนนี้!!!
* * * * *
แอร์บัส เอ สามสองศูนย์ ลำสีขาวจอดเทียบบัสเกตเหมือนทุกเที่ยวบิน อธิปขึ้นเครื่องตามขั้นตอนเหมือนผู้โดยสารทั่วไป ต่างกันเพียงไม่มีใครมองเขาเป็น "ผู้โดยสารทั่วไป" ที่นั่ง 1A ในชั้นธุรกิจ ถูกจัดไว้ให้ล่วงหน้า เบาะหนังสีเทาอ่อนสะอาดสะอ้านหอมกรุ่น ปรับเอนได้ด้วยปุ่มควบคุม ด้านหน้าเป็นจอโทรทัศน์จอเล็กพร้อมหูฟัง
เมื่อเครื่องทะยานขึ้นจากสนามบินสุวรรณภูมิ หลังเสียงประกาศทักทายจากกัปตันและการสาธิตความปลอดภัยตามขั้นตอนมาตรฐาน พนักงานต้อนรับสาวสวยจึงเข้ามาเสิร์ฟเครื่องดื่มให้เขา...
อธิปที่สวมแว่นกันแดดสีดำกำลังมองออกไปนอกหน้าต่าง หันกลับมาตั้งใจจะสั่งวิสกี้ใส่น้ำแข็งก้อนเดียว...
มันอยู่บนถาดต่อหน้าเขาแล้ว? อธิปแปลกใจ นี่พ่อก็สั่งให้เตรียมไว้ให้เขาด้วยเหรอ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองพนักงานต้อนรับทันที และพบว่าเธอยิ้มให้อย่างขัดเขินเล็กน้อย
"สวัสดีค่ะ จำได้ว่าคุณอาร์ตชอบแบบนี้ ถ้าไม่ใช่โชขออภัย จะไปเปลี่ยนมาให้ใหม่นะคะ"
"เดี๋ยวก่อน คุณ..."
อธิปพยายามนึกชื่อเธอ ให้ตายสิ! ลีลาหญิงสาวคืนนั้นเด็ดมาก ทำเอาหัวเขาขาวโพลนจนลืมชื่อแซ่ไปหมด
ถ้าเธอผิดหวังหรือเสียใจ ก็คงจะเก็บมันไว้แนบเนียน เพราะใบหน้าสวยมีเพียงรอยยิ้มอ่อน ๆ
"โชติรสค่ะ..."
"ใช่ ๆ ผมจำได้ ขอโทษนะเมื่อกี้แค่นึกไม่ทัน"
โชติรสยิ้มอีก หรุบตาต่ำลงเล็กน้อย ท่าทีสงบเสงี่ยมเรียบร้อยราวกับเป็นคนละคนกับคืนนั้น
"คุณอาร์ตสามารถเรียกใช้บริการได้ตลอดเวลานะคะ ดิฉันยินดีดูแลอย่างเต็มที่ค่ะ"
แอร์โฮสเตสเอ่ยอย่างเป็นการเป็นงานและกำลังจะเดินกลับไปประจำที่ของเธอ แต่มือร้อน ๆ ของชายหนุ่มแตะแขนเธอไว้เบา ๆ
"เดี๋ยวสิ..."
โชติรสหันกลับมา เลิกคิ้วน้อย ๆ
อธิปถอดแว่นกันแดดออก เงยหน้ามองเธอด้วยสายตาประเมิน
"เสร็จจากไฟลต์นี้ คุณกลับกรุงเทพเลยมั้ย"
"แล้วแต่ค่ะว่ามีธุระอะไรอีกหรือเปล่า"
โชติรสตอบ ไม่ยิ้ม แต่จ้องตาเขากลับอย่างท้าทาย
"ทิ้งเบอร์คุณไว้ แล้วผมจะโทรหา"
เขาพูดแค่นั้น สวมแว่นกลับตามเดิมแล้วหันออกไปมองนอกหน้าต่าง โชติรสเขียนเบอร์ใส่กระดาษที่ใกล้มือที่สุด ใช้แก้ววิสกี้วางทับไว้แล้วกลับไปบริการผู้โดยสารคนอื่นต่อ...ภายใต้ท่าทีสงบนิ่งเป็นมืออาชีพ หัวใจของแอร์โฮสเตสสาวสวยกำลังเต้นแรงร้อนผ่าวไปหมดทั้งตัว
นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าพรหมลิขิต!
"ไม่! ฉันคบกับพี่ต้นแล้ว นายจะมาทำแบบนี้อีกไม่ได้แล้ว!" คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างหงุดหงิด "ใครอีกล่ะ คราวนี้เธอให้ใครมาเล่นละครอีก" "ครั้งนี้ไม่ใช่ คราวก่อนฉันยอมรับว่าฉันโกหกนาย แต่ครั้งนี้ไม่ใช่แล้ว" "งั้นเหรอ งั้นคราวนี้มันเป็นใครล่ะ" เขาถามอย่างอดทน ทั้งที่อยากกดเธอลงบนเตียงเต็มทีแล้ว ลลิตราขยุ้มคอเสื้อแน่นโดยอัตโนมัติ ราวกับว่าแค่สายตาของเขาก็จะทำให้เสื้อผ้าเธอหลุดรุ่ยล่อนจ้อนได้ "เขาเป็นรุ่นพี่ของฉันสมัยเรียน ฉันเคยชอบเขามาก่อนแต่ตอนนั้นเราเด็กเกินไปเลยไม่ได้คบกัน ฉันเพิ่งกลับไปเจอพี่ต้นที่ตราด...ใช่ฉันเพิ่งไปเที่ยวทะเลที่ตราดมา โรงแรมนั่นเป็นของพี่ต้น และฉันกับเขาก็...ตกลงเป็นแฟนกัน" อธิปหัวเราะพรืดทั้งที่แววตาไม่ขำด้วยสักนิด ก็เธอเล่นบอกเขาเหมือนท่องเตรียมมาแล้ว "เลิกตั้งแง่ใส่กันเถอะนะลูกอม เราทั้งคู่ก็รู้อยู่แล้วว่าเรารู้สึกยังไงกัน โชติรสไม่ใช่ปัญหาเลย โชก็อยากถอนหมั้นพอ ๆ กับฉันนั่นแหละ แต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้เพราะ..." อธิปหยุดไปเล็กน้อย ถอนหายใจ เขาสัญญากับโชติรสว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับ "เอาเป็นว่ามันเป็นเรื่องของธุรกิจ ที่ฉันกับโชยังไม่ถอนหมั้นเพราะมัน
"อาร์ต เมื่อไหร่แม่จะได้รู้จักคู่หมั้นของลูกล่ะ"ออเดรย์ถามขึ้นมาระหว่างที่มือกำลังหั่นสเต๊ก ลลิตราทำเหมือนไม่ได้ยินคำถามนั้น กินอาหารของเธอไปตามปกติแม้จะรู้สึกว่าสายตาของอธิปพุ่งตรงมาที่ตัวเองก็ตามอธิปแทบไม่ชะงักเลยเหมือนกันตอนที่ตอบ"ไม่จำเป็นหรอก เพราะอีกไม่นานผมกับเขาก็จะถอนหมั้นกัน"คราวนี้นายอรรถเงยหน้ามองทันที แม้แต่ลินดาก็ยังอดหันมาด้วยไม่ได้"หมายความว่ายังไง อาร์ต""ตามนั้นแหละครับ"อธิปตอบ ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างใจเย็น และเมื่อเห็นว่าพ่อยังคงจ้องเขาอยู่ เขาจึงขยายความ"ยังไม่เป็นทางการหรอกนะครับพ่อ และยังไม่ได้บอกใคร แต่ผมกับโช เราตกลงกันแล้วว่าถ้าผ่านเรื่องยุ่ง ๆ ไปสักระยะ เราค่อยถอนหมั้นกันเงียบ ๆ""เหตุผล?""เหตุผลก็คือ ผมกับโชไม่ได้รักกันตั้งแต่แรก เราแค่หมั้นกันด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่วันหนึ่งเมื่อทุกอย่างคลึ่คลาย เราก็จะคืนอิสรภาพให้กัน""ตอนลูกมาขอให้พ่อไปสู่ขอเขา ลูกไม่ได้พูดแบบนี้นี่"อรรถอดตำหนิไม่ได้ อาจเพราะเขาเห็นว่าบนโต๊ะนี้ก็มีแต่คนกันเองจึงเผลอพูดออกมา"ผมทราบ แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว...เอาเป็นว่าผมกับโชเราคิดตรงกัน ผมไม่ได้ทำร้ายใจเธอ ถ้าพ่อคิดว่าผม
ลลิตรากลับจากตราดพร้อมของฝากเกินสองมือจะถือได้ไหว เมื่อรถแท็กซี่มาจอด คมสันต์ต้องวิ่งลงมาช่วยหิ้วด้วยหลายถุง เธอยอมรับกับตัวเองว่าถ้าเป็นเมื่อก่อน คงไม่สามารถจับจ่ายอะไรได้มือเติบแบบนี้"ฉันซื้อขนมของกินมาฝาก เดี๋ยวคมสันต์แบ่งไปได้เลยนะจ๊ะ"ลลิตราบอก รปภ. หนุ่มรุ่นน้อง คมสันต์ตะเบ๊ะแข็งขัน"ครับผม ขอบคุณครับ""แม่อยู่บ้านใช่ไหมจ๊ะ"เธอถามทั้งที่ก็รู้ว่าลินดาคงไม่ได้มีธุระที่ไหน แม่ของลลิตราไม่ใช่คนชอบเที่ยว แม้อรรถจะคะยั้นคะยอให้ออกไปใช้เงินบ้างแต่ลินดาก็พอใจจะนั่งดูโทรทัศน์อยู่บ้าน และเดี๋ยวนี้หล่อนกลับมาถักไหมพรมอีกครั้งอย่างที่จิตแพทย์เคยแนะนำ เวลาเดียวที่ลินดาจะออกไปห้างสรรพสินค้าก็คือตอนที่จะไปซื้อไหมพรมเซ็ตใหม่ ๆ นั่นแหละ"ครับผม คุณผู้ชายก็อยู่ครับ""คุณอรรถอยู่บ้านงั้นหรือ"ลลิตราแปลกใจเพราะนี่ไม่ใช่วันหยุด ปกติอรรถยังไม่กลับจากบริษัทเลยไม่ใช่หรือ คมสันต์รีบอธิบายต่อ"ตอนแรกมีแขกมาหาคุณผู้หญิงครับ แล้วสักพักคุณผู้ชายก็รีบกลับมา""แขก? มาหาแม่เหรอ""ครับ มาหาคุณลินดาครับ คุณผู้ชายโทรบอกผมเองว่าให้เข้าไปได้"คมสันต์รีบบอกเพราะกลัวจะโดนตำหนิว่าปล่อยคนแปลกหน้าเข้าบ้านโดยพลการลลิต
เดินทางมาถึงตอนที่ 109 แล้ว สำหรับเรื่องพาล แต่ตลอดร้อยกว่าตอนมานี้ ไรต์ยังไม่เคยได้อ่านคอมเมนต์นักอ่านเลยนะเชื่อปะ เป็นไปได้ว่าไม่มีใครอ่าน ๕๕ และยอดวิวก็คงเป็นของไรต์เองนี่แหละที่คลิกเข้ามาอ่านนิยายตัวเองไรต์จะพยายามเขียนให้จบ ถึงมีคนอ่านแค่คนเดียวก็ตาม (แต่อาจช้าหน่อยเพราะต้องไปหาค่าน้ำค่าไฟด้วย) ถ้าได้เจอกันในภายภาคหน้า ฝากนิยายของไรต์ด้วยเช่นเคยนะคะ ขอบคุณค่ะ แวมไพร์ปีกดำ(ลีขิตา).
"พี่ต้น!""ลูกอมจริง ๆ ด้วย! ไม่อยากจะเชื่อเลย"ตระการยิ้มกว้าง ดวงตาสีดำส่องประกายสดใสอย่างคนที่ดีใจและคาดไม่ถึง ลลิตราจำเขาได้แทบจะทันทีเพราะแม้ผู้ชายที่เธอเห็นตรงหน้าตอนนี้จะไม่ใช่เด็กหนุ่มรูปร่างผอมสูงใส่แว่นเหมือนอย่างแต่ก่อน แต่แววตาและรอยยิ้มแบบนี้ก็มีแค่ตระการคนเดียว"โอ้โห กี่ปีแล้วนี่ที่ไม่ได้เจอกัน พี่แทบจะจำลูกอมไม่ได้เลย""ก็ตั้งแต่พี่ต้นจบม.หกไงคะ แล้วก็ไม่เคยได้เจอกันอีกเลย"ลลิตราตอบยิ้ม ๆ ตระการคือรุ่นพี่สมัยเรียนมัธยมฯ เคยติวหนังสือให้เธอและกลุ่มเพื่อนจนกระทั่งเขาเรียนจบออกไป"ลูกอมมาเที่ยวเหรอ แล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่ที่ไหน""มาเที่ยวค่ะ กับอุ๋มไง พี่ต้นจำอุ๋มได้ไหม อมาวสี..."ดวงตาของตระการกว้างขึ้นอีกรอบ พยักหน้าหงึก ๆ ดูเหมือนความทรงจำของชายหนุ่มเมื่อครั้งยังเป็นนักเรียนขาสั้น ยังแจ่มชัดดีทุกรายละเอียด จำได้กระทั่งชื่อเล่นและความแก่นแก้วของแต่ละคนที่เป็นไปตามวัย"แต่อุ๋มของีบก่อนเพราะเพิ่งมาถึงเมื่อเที่ยงนี้เองค่ะ นี่ลูกอมโชคดีจังเลยที่ลงมาเดินเล่น ไม่งั้นคงไม่ได้เจอพี่ต้น พี่ต้นก็มาเที่ยวหรือเปล่าคะ แล้วจะกลับวันไหน พักที่นี่ใช่ไหม...""ก็ไม่เชิงหรอกครับ บ้านพี่ห่าง
แม้อาหารมื้อนั้นจะผ่านไปด้วยดีตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันมายี่สิบกว่าปี แต่อธิปกลับรู้สึกหงุดหงิดอย่างอธิบายไม่ถูก อรรถก็คงไม่ต่างกัน สองพ่อลูกกลับมาบ้านแล้วก็แยกกันเข้าห้องส่วนตัวโดยไม่คุยอะไรกันอีกเลยเกี่ยวกับผู้หญิงที่เกี่ยวพันกับคนทั้งคู่คนนั้นแต่อธิปอยากลงไปเจอลลิตรา เขาส่งข้อความไปหาเธอว่าขอลงไปหาเธอได้ไหม เจอกันที่สนามหญ้าก็ได้ถ้าเธอไม่สะดวกให้เขาเข้าไปหาในบ้าน- ฉันไม่ได้อยู่บ้าน ออกมาอยู่บ้านเพื่อน -หญิงสาวพิมพ์ตอบกลับมาอธิปห้ามใจตัวเองไม่ไหว ต้องพิมพ์บอกไปว่า- คิดถึง -- ไปบอกคู่หมั้นนายเถอะ -เธอพิมพ์ตอบมารวดเร็วเช่นกันเพราะไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้ยินเสียง จึงไม่รู้ว่าเธอประชด หรือจริงจัง อธิปกดโทรหาเธอแทนที่จะส่งเป็นข้อความกลับไป"โทรมาทำไม ฉันไม่สะดวกคุยนะ"หญิงสาวกดรับสายทันทีและเปิดฉากพูดก่อนโดยไม่รอให้เขาทัก"ก็อยากได้ยินเสียงไง""อย่าพูดแบบนี้กับฉันอีก ฉันขอร้อง มันไม่เหมาะสม""ระหว่างฉันกับเธอยังมีอะไรไม่เหมาะสมอีกหรือ"เขาตั้งใจจะยั่วหยอกเธอเล่น ๆ แต่ลลิตราตอบกลับมาน้ำเสียงกรุ่นโกรธ"พอทีเถอะคุณอธิป ฉันไม่อยากอยู่แบบนี้อีกแล้ว""แบบไหน""ก็แบบที่..."เขาได้ยินเสียงห







