พาลินกลับมาถึงห้องก็รีบอาบน้ำเรียกความสดชื่น แม้ในใจจะยังไม่เหมือนเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์แต่มันก็ดีกว่าเมื่อวานอยู่มาก
ไม่คิดเลยว่าการได้พูด ได้ระบายออกจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นได้ ถ้าเมื่อคืนไม่บังเอิญเจอกับดลธรรมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นยังไง จะนอนอยู่ตรงนั้นถึงเช้าหรือจะกลับหอตัวเองได้ตอนไหน
พาลินกลับมาให้ความสนใจกับตัวเองอีกครั้ง เขาเก็บของบางอย่างที่เห็นแล้วทำให้นึกถึงคนรักเก่าลงกล่อง เตรียมเอาลงไปทิ้งที่ถังขยะหน้าหอ ในเมื่อถูกเขาทิ้งแล้ว อะไรที่เป็นของกันต์ธีร์ก็ควรจะทิ้งลงขยะเช่นกัน
เก็บของทิ้งจนเหนื่อยก็ถึงเวลาอาหารกลางวัน พาลินลงไปทานข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งหน้าหอพัก ช่วงปิดเทอมแบบนี้ไม่ค่อยมีคนอยู่หอ เขาเลยได้อาหารไว้กว่าที่คิด
จัดการกับข้าวผัดปูไปครึ่งจานก็รู้สึกตื้อขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก พยายามสลัดภาพเมื่อคืนออกจากหัวแต่มันก็ยังคงติดตา
พาลินปวดขมับทั้งสองข้างจนต้องเดินไปซื้อยาแก้ปวดหัวที่ร้านขายยาหน้าปากซอย จากนั้นก็กลับมาทานยาแล้วนอนพัก หวังว่าตื่นมาก็คงจะดีขึ้น
เขานอนหลับยาวตั้งแต่บ่ายจนถึงสายของอีกวัน พาลินนึกขึ้นได้ว่าวันนี้มีงานมอเตอร์โชว์วันสุดท้ายและเขาไม่อยากพลาด
ชายหนุ่มรีบเปิดกระเป๋าเพื่อหาตั๋วเข้างานแต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ แล้วเขาก็ถอนหายใจเมื่อคิดได้ว่ามันอยู่ในสมุดเล่มเล็กซึ่งเมื่อวันศุกร์ตัวเองหยิบออกมาตอนที่กำลังจะสอนเบจิง
เขารีบหยิบโทรศัพท์แต่ตัวเครื่องก็ดับสนิท พาลินเสียบสายชาร์ต สิบนาทีผ่านไปเขาจึงเปิดเครื่อง
แล้วก็ต้องตกใจเพราะมี miss call จากดลธรรมสิบกว่าสาย ไม่ใช่แค่นั้น เพราะดลธรรมทั้ง sms ทั้ง line มาอีกหลายสิบข้อความ
พาลินรีบโทรกลับทันที
“พาลิน”
“พี่โดม ทำไมต้องทำเสียงตกใจขนาดนั้นครับ”
“จะไม่ให้ตกใจได้ยังไง โทรไปก็ปิดเครื่อง ส่งทั้งข้อความทั้งไลน์ก็ไม่อ่าน นี่พี่กำลังจะไปตามที่หอแล้วนะ เป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าครับ ผมหลับไปตั้งแต่บ่ายเมื่อวาน แล้วมือถือมันก็แบตหมดไปตอนไหนก็ไม่รู้ พี่มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า”
“ไม่มีหรอก ก็แค่เป็นหห่วง”
“ขอบคุณครับ พี่โดมครับ”
“ว่าไง”
“ปกติแล้ววันอาทิตย์บ้านพี่แพรเขาไปไหนกันหรือเปล่าครับ” พาลินอยากไปเอาตั๋วแต่ก็กลัวจะไปไม่เจอใคร
“ถ้าไม่พาเบจิงไปเที่ยวก็อยู่ตลอด มีอะไรหรือเปล่า”
“ผมลืมของไว้ที่นั่นครับ”
“คงเป็นของสำคัญสินะ ถ้าอย่างนั้นเราคงไปเอาพรุ่งนี้”
“ถ้าพรุ่งนี้คงไม่ทันใช้แล้วครับ”
“บอกได้ไหมว่าอะไร” ดลธรรมหาเรื่องคุยถ่วงเวลาเพราะตอนนี้เขากำลังขับรถมายังหอพักของพาลิน
“ตั๋วเข้างานมอเตอร์โชว์ครับ หมดวันนี้แล้วด้วย”
“อยากไปเหรอ”
“ครับ ว่าจะไปดูรถ”
“ถ้าอยากไปเอาตั๋วก็รีบลงมาสิ”
“ผมยังไม่ได้บอกพี่แพรเลยครับว่าจะเข้าไปเอาตั๋ว”
“ไม่ต้องบอกหรอกน่า ไปพร้อมกัน”
“ไปพร้อมกัน พี่โดมหมายถึงอะไรอย่าบอกนะว่าพี่มาหาผมจริงๆ”
“ก็กำลังบอกอยู่นี่ไง รีบลงมาเลย”
“ครับ”
พาลินรีบวางสายก่อนจะคว้ากระเป๋าคาดอกใบเก่งและถอดโทรศัพท์ออกจากที่ชาร์ตแล้ววิ่งลงมาอย่างรวดเร็ว
พอเห็นรถคุ้นตาก็รีบขึ้นไปนั่งข้างคนขับ
“เหนื่อยไหม”
“นิดหน่อย”
“ทำไมต้องวิ่งมาล่ะ”
“กลัวพี่ไม่รอนี่ครับ”
“ก็พี่มารับเราแล้วจะไม่รอได้ยังไงคิดอะไรประหลาดคน” ดลธรรมมองหน้าคนที่วิ่งมาจนเหนื่อยแล้วก็อดขำไม่ได้
ขับรถออกมาได้นิดเดียวเขาก็จอดที่หน้าร้านสะดวกซื้อแล้วรีบลง ก่อนจะกลับมาอีกครั้งด้วยน้ำเปล่าในมือ
“ดื่มน้ำก่อน เดี๋ยวได้เป็นลมพอดี”
“ขอบคุณครับ” พาลินรีบเปิดน้ำดื่มพรวดเดียวครึ่งขวด
“กินข้าวเช้าหรือยัง” เขาถามคนที่นั่งข้างๆ ขณะกำลังหักพวงมาลัยออกจากข้าง
“ยังเลยครับ พี่กินยัง”
“ยังเลย วันอาทิตย์ร้านข้าวส่วนใหญ่ปิดหมดเลยว่าจะไปขอให้ที่บ้านพี่แพรทำให้กินสักหน่อย พาลินอยากกินอะไร”
“ไม่กินได้ไหมผมเกรงใจ นี่มันเลยเวลาอาหารมาแล้วด้วย”
“ไม่เป็นหรอกน่า ป้าสายแกใจดีจะตาย”
“ก็พี่โดมเป็นเจ้านาย แต่ผมไม่ใช่”
“อยู่กับพี่อย่าคิดมากเลย”
รถหรูแล่นเข้ามายังหน้าบ้าน กดรีโมตประตูก็เปิดกว้าง
พอเข้ามาในบ้านก็ไม่เจอกับเจ้าของ เขาโทรหาจึงได้รู้ว่าแพรรดาพาลูกชายกับสามีไปทำบุญที่วัด
ดลธรรมเลยเดินมาบอกป้าสายที่กำลังทำความสะอาดครัวอยู่ พอเขาบอกว่าหิวบอกว่าหิว ป้าสายก็รีบวางงานในมือแล้วทำข้าวผัดกุ้งและแกงจืดเต้าหู้หมูสับให้อีกชามใหญ่
“ขอบคุณนะครับป้าสาย อร่อยมากครับ” พาลินชิมไปแค่คำเดียวก็รีบบอก
“อร่อยก็ต้องทานเยอะๆ นะคะ ถ้าไม่พอก็บอกนะคะป้าจะตักเพิ่มให้”
“พอแล้วครับ แค่นี้ผมก็อิ่มมากแล้วครับ” พาลินกล่าวด้วยความเกรงใจ
พอทานเสร็จเขาก็ไปเอาตั๋วที่ลืมไว้ในห้องกลับออกมากก็เจอกับเบจิงที่เพิ่งกลับจากไปทำบุญที่วัดกับบิดามารดา
“พี่ลิน” เด็กชายวิ่งเข้าหาอ้อมกอดของคุณครูด้วยความคิดถึง
“สวัสดีครับพี่แพร พี่ปรานต์ ผมขอโทษนะครับที่มารบกวน”
“ไม่รบกวนเลย แล้วได้ตั๋วหรือยังล่ะ” แพรรดารู้จากน้องชายว่าเขาจะพาคุณครูของลูกชายเข้ามาเอาตั๋วที่ลืมไว้ พอได้ยินแบบนั้นก็รีบกลับบ้านเพราะเบจิงอยากเจอคุณครู
“ได้แล้วครับ”
“พี่ลินคร้าบวันนี้อยู่เล่นกับเบจิงได้ไหมคร้าบ” เด็กน้อยทำเสียงอ้อนพลางกอดอย่างประจบ
“เบจิงครับ พี่ลินต้องไปทำธุระต่อนะลูก” แพรรดารีบบอกลูกชาย
“พี่ลินขอโทษนะครับ ที่อยู่เล่นกับเบจิงไม่ได้”
“น่าเสียใจจัง” เบจิงทำหน้าเศร้าจนผู้ใหญ่เห็นแล้วต้องกลั้นหัวเราะ
“เอาอย่างนี้ไหมครับ พรุ่งนี้พี่ลินจะมาสอนก่อนเวลาหนึ่งชั่วโมง พอสอนเสร็จก็จะเล่นกับเบจิงดีไหมครับ”
“สัญญานะครับ” เด็กชายยกนิ้วก้อยขึ้นมาและพาลินก็ยกนิ้วของตัวเองเกี่ยวก่อนจะหอมแก้มสองข้างอย่างเอ็นดู
“พี่ลินสัญญาครับ”
“แล้วจะไปยังไงล่ะ เดินไปขึ้นรถที่หน้าปากซอยอีกเหรอ”
“ว่าจะติดรถพี่โดมไปครับ”
“อ้าว โดมไม่อยู่คุยกับพี่ก่อนเหรอ” แพรรดาแกล้งถามน้องชายทั้งที่รู้ว่ายังไงเขาก็ต้องปฏิเสธ
“เอาไว้วันหลังนะครับพี่แพร เบจิงครับน้าโดมไปก่อนนะครับเดี๋ยวจะแวะมาหาใหม่” เขาตอบพี่สาวก่อนจะหันไปบอกหลานชาย
“คร้าบน้าลิน”
พอลาเจ้าของบ้านทั้งเด็กและผู้ใหญ่แล้วพาลินก็เดินตามหลังดลธรรมมายังรถหรูสัญชาติยุโรปของเขา
“พี่โดมส่งผมที่หน้าปากซอยก็ได้ครับ เดี๋ยวผมขึ้นรถไฟฟ้าเองได้ครับ”
“พี่ว่าพาลินใจร้ายอะ”
“ผมเนี่ยนะใจร้าย” เขาหันไปมองคนที่กล่าวหาอย่างไม่เข้าใจ
“อือ ใจร้ายมากด้วย” ดลธรรมยังคงพูดต่อ
“อย่ามากล่าวหากันสิครับ ผมใจร้ายตรงไหน”
“พี่เห็นนะว่ามีตั๋วสองใบ แต่ไม่คิดจะชวนพี่ไปด้วยเลย”
พาลินก้มมองตั๋วในมือ เขาลืมไปเลยว่าตัวเองมีตั๋วสองใบ
“ขอโทษครับ ผมลืมว่ามีตั๋วสองใบ พี่โดมจะไปกับผมไหม”
“ไปสิ” เขาตอบโดยไม่ต้องใช้เวลาคิด ถึงแม้พาลินจะไม่ชวนเขาก็มีวิธีที่จะตามไปอยู่แล้วเพราะเขาเองก็มีตั๋วเข้างานอยู่เหมือนกัน
“พี่โดมไปด้วยก็ดีเหมือนกันครับ ผมจะได้ไม่ต้องเดินคนเดียว”
“ตอนแรกคิดจะไปกับแฟนเหรอ” แล้วดลธรรมก็แทบอยากจะตบปากตัวเองที่ถามออกไปแบบนั้น
“ครับ” หน้าคนพูดสลดลงอย่างเห็นได้ชัด เขาชวนกันต์ธีร์ไว้แล้ว และอีกฝ่ายก็ตอบตกลง เขาบอกพาลินว่าจะกลับมาเย็นวันเสาร์ ชายหนุ่มเลยคิดจะไปทำความสะอาดห้องไว้รอ แต่ไม่คิดว่าจะเจอคนรักของตัวเองอยู่ที่นั่นกับคนอื่น
“ไปกับพี่แทนได้ใช่ไหม”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ พี่พอรู้เรื่องรถไหม” พาลินอยากหาใครสักคนที่ปรึกษาเรื่องรถได้
“สนใจซื้อรถเหรอ”
“กำลังดูๆ อยู่ครับ เปิดเทอมผมต้องไปฝึกงาน ไม่รู้ว่าจะต้องไปฝึกที่ไหน ก็เลยอยากหาดูรถสักคันเผื่อไว้ครับ”
“ลินมั่นใจได้เลยว่ามากับรับรองไม่ผิดหวัง” ดลธรรมให้ความมั่นใจ เขาไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องมาดูรถแต่เขาหมายตัวเขาจะไม่ทำให้พาลินผิดหวัง
สัมผัสที่เร่าร้อนของเรียวปากหยักจูบแลกลิ้นกันอยู่อย่างนั้น พาลินหลงใหลไปกับรสจูบที่คนรักมอบให้ สองมือดันผนังห้องน้ำเอี้ยวคอมาจูบ สะโพกกลมขาวกดแนบชิดกับท่อนเอ็นร้อนเสียงคนพี่ครางในลำคอ เขาอยากกลืนกินคนช่างยั่วตั้งแต่เห็นรูปที่ส่งไปให้ ดลธรรมไม่ลังเลเลยที่จะรีบขับรถกลับมาที่คอนโด แล้วเขาก็ไม่ผิดหวังเมื่อรู้ว่าพาลินกับเขาต่างมีความต้องการเหมือนกัน“พาลินยั่วพี่เองนะครับ”“ถ้าน้องยั่วแล้วพี่ไม่อยากพี่จะกลับมาเหรอ”“นั่นยั่วอีกแล้ว”“น้องยั่วแล้วพี่อยากไหม”“ไม่ยั่วก็อยากครับ ยันผนังไว้นะครับพี่จะลงโทษคนยั่วแล้ว”ดลธรรมจูบไซร้ไปตามท้ายทอยและซอกคอ กัดติ่งหูคนด้านหน้าเบาๆ เพราะเป็นจุดอ่อน แค่นั้นพาลินก็ร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งตัวฝ่ามือร้อนไล้ไปทั้งแผงอกบีบคลึงเบาๆ บนยอดสีสวย สะโพกก็กดลงไปยังบั้นท้าย เสียงหวานครางแผ่วเบา สะโพกแอ่นโค้งเด่นคนตัวโตกดครีมอาบน้ำสูตรอ่อนโยนลงบนปลายนิ้วกลางจากนั้นลากไปตามช่องทางสีสวยกดลงไปช้าๆ ค่อยเพิ่มจำนวนนิ้วเป็นสองและสาม พาลินครางสะท้านรู้สึกถึงความคับแน่นที่กำลังนวดผนังด้านใน“อื้อ...พี่”เขาสะดุ้งเมื่อจุดอ่อนไหวด้านในถูกกระตุ้นเพียงแค่นั้นตัวตนของเขาก็ปวดหนึบ ม
หลังจากตรวจเสร็จและรับยาแล้วรถกระบะคันเดิมก็มาส่งดลธรรมและพาลินที่สนามบิน“พี่หน้าผมยังมีผื่นอยู่ไหม”“ยังมีอีกนิดหน่อย ใส่มาสก์ไปก่อน”“หมอบอกว่าเดี๋ยวมันก็หายไงครับ”“มันต้องใช้เวลาไง เดี๋ยวกลับถึงกรุงเทพถ้าผื่นยังไม่ยุบลงพี่จะพาไปหาหมออีกรอบ”“ไม่เอาแล้วไม่หาแล้ว ไปอีกก็โดนฉีดยาอีก”พาลินทานยาแก้แพ้ตั้งแต่อยู่บนเขาแต่พอมาถึงโรงพยาบาลผื่นก็ยังไม่หายและดูเหมือนจะขึ้นมากกว่าเดิมหมอเลยต้องฉีดยาเพราะมันได้ผลเร็วกว่า รวมถึงให้ยาทาแก้คันมาด้วยตอนนี้พาลินเลยสีชมพูไปทั้งตัว ยังดีที่เขามีเสื้อคลุมแขนยาวเลยไม่ค่อยอายคนเท่าไหร่แต่ที่ต้องอายก็คงจะเป็นคนที่นั่งอยู่ข้างเพราะเขาเป็นคนทายาให้กับตนเองทั้งตัว“ยามันง่วงเดี๋ยวขึ้นเครื่องเราจะหลับเลยก็ได้ ถึงแล้วพี่จะปลุกเอง”“บินนานไหมครับ” เพราะขามาเขานั่งรถมาเพื่อนๆ เลยไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่“ไม่นานครับ ประมาณชั่วโมงหนึ่งครับ หลับแป๊บเดียวก็ถึงกรุงเทพแล้ว”“ผมหวังว่าถึงกรุงเทพแล้วผมจะหายนะ”“แต่พี่ว่าอย่าเพิ่งหายเลย ชมพูไปทั้งตัวแบบนี้ก็น่ารักดี”“ไม่ตลกนะครับพี่ มันคันไปทั้งตัวเลย”“อดทนอีกนิดนะครับ ถึงคอนโดจะเอาน้ำเย็นเช็ดให้”พอขึ้นเครื่อง
ดลธรรมไม่อยากให้พาลินพลาดการเข้าค่ายอาสาซึ่งเป็นกิจกรรมที่ชายหนุ่มทำมาทุกปีตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย และถ้าปีสุดท้ายมาได้เข้าร่วมคงจะเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากถึงแม้จะทั้งหวงทั้งห่วงแต่เขาก็ไม่อยากพรากความทรงจำในวัยเรียนของคนรัก และนั่นก็คือเหตุผลที่ตอนนี้เขามานั่งอยู่ข้างคนขับรถกระบะสีประตูขับเคลื่อนสี่ล้อซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังจุดที่นักศึกษามาออกค่ายเดิมทีก็ตกลงจะมาด้วยกัน แต่เพราะเขามีงานที่ยังเคลียร์ไม่เรียบร้อยจึงต้องยอมปล่อยให้คนน้องมาเข้าค่ายกับเพื่อนพาลินงอนนิดหน่อยที่เขาไม่ทำตามที่พูด แต่ก็ตัดสินใจมากับเพื่อน เพราะอยากใช้ชีวิตในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยให้คุ้มค่าที่สุด ส่วนตัวเขาก็รีบเคลียร์งานแล้วตามมาทีหลังโดยไม่ได้บอกพาลินแค่สองสามที่ต้องนอนอยู่คนเดียวเขาก็ทรมานเกินไปแล้ว“อันที่จริงมันก็ไม่ไกลหรอกนะครับ แต่ทางมันค่อนข้างลำบากมันเลยดูเหมือนไกล” เสียงคนขับรถกระบะทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์“ครับ”ดลธรรมให้ลูกน้องที่บริษัทซึ่งบังเอิญเป็นคนพื้นที่ช่วยติดต่อเช่ารถพร้อมคนขับไปส่งที่หมู่บ้านบนเขาชายหนุ่มนั่งเครื่องมาลงที่สนามบินพิษณุโลกตั้งแต่เช้าจากนั้นก็ให้คนขับรถพาไปซื้อไก่ทอด โด
ดลธรรมและพาลินย้ายกลับมาอยู่ที่คอนโดเพราะอยากให้มารดาได้ทำความรู้จักและปรับตัวกับเบจิงได้มากขึ้นแต่เขากับพาลินก็ยังแวะไปทานอาหารเย็นด้วยอยู่บ่อยๆ ดูเหมือนว่าเบจิงจะเข้ากันได้ดีกับคุณยายของตนเองแม้พาลินจะมีรถเป็นของตัวเองแล้ว แต่ดลธรรมก็ยังมารับส่งที่มหาวิทยาลัยเป็นบางวัน“พี่โดม ขอโทษทีครับคุยกับเพื่อนนานไปหน่อย”“ไม่เป็นไร แล้วตกลงเอาไงเราจะไปค่ายกับเพื่อนไหม” ช่วงวันหยุดยาวติดกันชมรมค่ายอาสาจะพากันไปออกค่ายที่พิษณุโลก“กำลังตัดสินใจอยู่ครับ”“ทำไมดูตัดสินใจยากจัง แต่ก่อนเห็นตื่นเต้นจะไป”“ก็ตอนนั้นยังไม่มีแฟน ตอนนี้มีแฟนแล้วติดแฟนครับ”“ฟังคำตอบแล้วชื่นใจจัง”“ถ้าผมไปพี่จะคิดถึงผมไหม”“ถ้าเราไปพี่ก็ไปด้วยครับ ไม่อยากนอนคนเดียว”“ถ้าผมไม่ไปก็เหมือนจะเอาเปรียบคนอื่นอยู่ที่ไม่ช่วยออกแรงอะไรเลย”“แต่พี่ก็ช่วยเรื่องคอมไปตั้ง 10 ชุดแล้วนะครับ”“นั้นมันส่วนของพี่ แต่ผมไม่ได้ทำอะไรเลย”“ถ้าอยากรู้สึกมีส่วนร่วมกับคอมห้าชุดนั่นก็แค่..”“แค่อะไรครับ” พาลินหันมามองคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย พอเห็นหน้าเขาก็เดาออกทันทีว่าตอนนี้สิ่งที่คนพี่ต้องการคืออะไร เพียงแค่คิดพาลินก็หน้าแดงขึ้นมาทันที“นานเ
คุณแพรเพ็ญและจอห์นสามีใหม่บินกลับมาทันทีหลังจากดลธรรมโทรไปบอกว่าย่าของเบจิงจะพาเบจิงไปอยู่ด้วยเธอเสียลูกสาวไปคนหนึ่งแล้วจึงไม่อยากจะเสียหลานชายไปอีกคน เพราะรู้ว่าที่ฝ่ายนั้นอยากพาเบจิงไปก็เพื่อต่อรองกับดลธรรมให้รับผิดชอบเด็กในท้องของปณิชญาเท่านั้น“คุณยายครับ ตาจอห์นบอกว่าที่บ้านตามีหิมะด้วยจริงไหมครับ”“จริงสิ เบจิงอยากไปดูหิมะไหม”“อยากไปครับ แต่เบจิงต้องไปโรงเรียนคงไปกับคุณยายไม่ได้”“ที่นั่นก็มีโรงเรียนครับ เดี๋ยวยายจะให้เบจิงดูนะครับว่าโรงเรียนที่นั่นเป็นยังไงบ้าง อยากดูไหมครับ”“อยากดูครับ พี่ลินมาดูด้วยกันไหม” เบจิงเรียกพาลินที่กำลังเดินถือผลไม้จานใหญ่ให้มาดูด้วยกันอีกคนแพรเพ็ญเปิดคลิปแนะนำโรงเรียนประถมในประเทศออสเตรียให้กับหลานชายดู เพราะเธอกับสามีคุยกันแล้วว่าจะรับเบจิงไปอยู่ที่นั่นในฐานะลูกชายของทั้งสองคนดลธรรมก็เห็นด้วยกันมารดาเพราะอยากให้เบจิงมีอนาคตที่ดี ลำพังเขากับพาลินคนดูแลเด็กชายได้ไม่ดีพอแต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับเบจิงว่าอยากจะย้ายไปอยู่ที่นั่นไหม ตอนนี้ทั้งมาลีและป้าสายก็เริ่มฝึกภาษาอังกฤษกับจอห์นเพราะแพรเพ็ญอยากให้สองนั้นย้ายไปอยู่ด้วยกันทุกคนที่นี่เตรียมวางแผนก
สามเดือนแล้วที่แพรรดาจากไปและเบจิงอยู่กับดลธรรมและพาลินในบ้านหลังใหญ่ ชีวิตของเด็กชายกลับมาสดใสอีกครั้ง เสียงหัวเราะดังออกมานอกบ้านจนคนที่เพิ่งมาถึงยิ้มอย่างพอใจ“สวัสดีครับคุณย่า” เบจิงยกมือทักทายผู้เป็นย่าที่เจอกันครั้งสุดท้ายในงานศพของผู้เป็นมารดา“น้าชายเราไปอยู่ไหนแล้วล่ะ”“มีธุระอะไรกับผมเหรอครับแม่” ดลธรรมยังเรียกเธอว่าแม่อย่างเดิมเพราะอยากให้เกียรติในฐานะที่เธอเป็นย่าของเบจิงเขาค่อนข้างแปลกใจที่คุณปราณีมาหาถึงที่บ้าน เพราะตลอดหลายเดือนมานี้ท่านไม่เคยแวะมาที่นี่เลยสักครั้ง“แม่เรากลับไปแล้วใช่ไหม” คุณปราณีถามถึงแพรเพ็ญ“เพิ่งบินกลับไปสองวันก่อนมีธุระอะไรกับท่านหรือเปล่าครับ”“เปล่า แม่แค่อยากคุยกับโดมสักหน่อย”“ได้ครับ เบจิงไปหาพี่ลินก่อนนะครับน้าขอไปคุยธุระกับคุณย่าก่อน”“ครับน้าโดม”ชายหนุ่มพาคุณปราณีมายังห้องทำงานของตนเองที่ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นของพี่สาวและพี่เขย“โดม แม่จะคุยกับเราเรื่องเบจิง”“มีอะไรเหรอครับ“แม่จะพาเบจิงไปอยู่ด้วย”“แต่เบจิงอยู่กับผมก็มีความสุขดี แม่ก็เห็นว่าเขากลับมาร่าเริงแล้ว”“แต่แม่อยากให้หลานไปอยู่กับแม่”“ผมว่าแม่ไม่มีสิทธิ์จะทำแบบนั้นนะครับ“มีสิ