ทันทีที่ได้ยินชื่อดังกล่าว ปานรูปหยดน้ำที่มองเห็นเพียงเลือนรางเนื่องจากถูกรอยไฟอัคคีบดบังสว่างวาบขึ้นมาทันที พร้อมภาพของบุรุษสูงใหญ่ทะมึน สวมอาภรณ์สีนิลกาฬ เกศาสีเงินยวงยาวสยาย ดวงตาสีเลือดฉายแวววับปรากฏให้เธอเห็นขึ้นมาโดยพลัน
ภาพนิมิตปรากฏให้เธอเห็นร่างงามในชุดเจ้าสาวสีขาวในยุคโบราณกำลังนั่งอยู่บนเตียงมีพัดทำจากขนห่านฟ้าปิดบังใบหน้าของเจ้าสาวเอาไว้ บุรุษเกศาสีเงินยวงในชุดเจ้าบ่าวสีขาวเปิดประตูเข้ามาในห้องหอ ร่างสูงใหญ่ทะมึนเดินตรงมาหยุดยืนตรงหน้าพร้อมค่อยๆ เอื้อมหยิบพัดที่ปิดใบหน้าเจ้าสาวออกจากมือนาง เผยให้เห็นใบหน้าของเฉินวาวาเธอคือเจ้าสาวงดงามลึกล้ำอย่างแปลกประหลาดปรากฏอยู่ในห้องหอและในนิมิตดังกล่าว “เฮือกกก!!!” ร่างระหงลุกพรวดพราดขึ้นจากตั่งด้วยความตกใจสุดขีด เมื่อจู่ๆ เกิดเห็นภาพเช่นนั้นทั้งๆ ที่ไม่ได้นอนหลับหรือฝันแต่อย่างใด “ทะ... ทำไม... ฉันถึงเห็นตัวเองเป็นเจ้าสาวของเขา... ขะ... เขาจะตามหลอกหลอนฉันกันไปถึงไหน” เธอยืนบ่นพึมพำอยู่เพียงลำพังก่อนจะรู้สึกตัวว่ากำลังยืนอยู่คนเดียวในกระโจม “อ้าวอีตาฮ่องเต้เจ้าแผนการกับองครักษ์หน้าหงิกออกไปตั้งแต่เมื่อไร ทำไมฉันถึงไม่ได้สังเกต” ทว่ายังมิทันขาดคำร่างสูงขององครักษ์ลู่เหอเดินเข้ามาภายในกระโจม พร้อมถือถาดที่ทำจากสัมฤทธิ์มีข้าวของวางอยู่ และมีนางกำนัลเดินตามหลังมาอีกหนึ่งคน ในมือถือถาดพร้อมข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของเธอ “ฝ่าบาททรงมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว ขอองค์หญิงเยว่วาวาทรงรับพระบรมราชโองการและออกเดินทางไปแคว้นเทียนโจวพรุ่งนี้พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ลู่เหอกล่าวพร้อมโค้งคำนับพร้อมยื่นถาดตรงหน้าให้หญิงสาว เฉินวาวาก็รู้งานรีบรับพระบรมราชโองการทันที ร่างระหงทรุดกายลงนั่งคุกเข่าพร้อมก้มคำนับลงพื้น “เป็นพระมหากรุณาธิคุณเพคะ” หญิงสาวกล่าวพร้อมเงยหน้ายื่นมือรับพระบรมราชโองการจากองครักษ์ลู่เหอ ครั้นดวงตากลมโตเห็นหน้ากากครึ่งซีกทำมาจากทองคำแกะสลักลายดอกจวี๋ฮวา ฝีมือช่างทำทองแกะสลักงดงามเป็นยิ่งนัก จนเฉินวาวายืนมองอยู่นาน “หน้ากากเอาไว้ทำอะไรอย่างนั้นเหรอท่านองครักษ์ลู่เหอ” หญิงสาวเรียกองครักษ์ที่ต้องถวายอารักขาซะเต็มยศ เล่นเอาเจ้าตัวรู้สึกชอบกลเมื่อถูกพระขนิษฐาบุญธรรมขององค์ฮ่องเต้มีรับสั่งเรียกเช่นนั้น “องค์หญิงรับสั่งแต่ชื่อของกระหม่อมก็เพียงพอแล้วพ่ะย่ะค่ะ ทรงเรียกแบบนี้ฟังแล้วแลดูชอบกลนัก” ลู่เหอกราบทูลกลับไปตามความรู้สึกของตน “อ่อ! อย่างนั้นเหรอ... ถ้างั้นไม่เกรงใจละนะ แล้วหน้ากากเอามาไว้ทำอะไร สวยจังเลยฝีมือสลักลวดลายยอดฝีมือโคตรๆ เลยไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน” หญิงสาวเผลอหลุดใช้คำสมัยใหม่ออกไป ก่อนจะรู้สึกตัวว่าต้องใช้คำพูดย้อนยุค “อะ... เออ... ข้าหมายถึงช่างที่ทำมีฝีมือยอดเยี่ยมมากนะ” หญิงสาวกล่าวกลบเกลื่อนทันที “อ่อ” องครักษ์หนุ่มเอ่ยออกมาเบาๆ เมื่อได้ยินคำอธิบายเช่นนั้นพร้อมกราบทูลกลับไป “ฝ่าบาทมีพระบัญชาให้ช่างทองหลวงตีหน้ากากทองคำเพื่อนำมาปิดบังพระพักตร์ให้แก่องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ ทั้งนี้เพื่อสะดวกในการเดินทางและซ่อนเร้นพระพักตร์ที่ถูกพิษเอาไว้ภายใต้หน้ากากนี้” เฉินวาวายืนนิ่งงันไปทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น สองมือที่กำลังถือถาดรีบวางลงกับโต๊ะหนังสือพลางหยิบหน้ากากทองคำมาสวมเข้าที่ใบหน้าของเธอทันที ครั้นสวมหน้ากากปิดบังใบหน้า ลวดลายของหน้ากากที่สลักลายดอกจวี๋ฮวาขับใบหน้าด้านซ้ายที่มิมีรอยไฟอัคคีจนโดดเด่นสวยงามขึ้นมาอย่างน่าตื่นตะลึง เล่นเอาองครักษ์ลู่เหอถึงกับยืนนิ่งงันไปทันใด “สวยไหม!” เฉินวาวาเอ่ยถามองครักษ์หนุ่มตรงหน้าพลางส่องกระจกเห็นใบหน้าด้านซ้ายขาวนวลเนียนไร้ที่ติ ขับริมฝีปากอวบอิ่มอมชมพูจนน่าหลงใหลอย่างไม่คาดคิด ในขณะที่องครักษ์ลู่เหอก้มหน้ามองพื้นอย่างรวดเร็ว เมื่อถูกถามกลับมาเช่นนั้นพลางรีบซ่อนเร้นดวงตาที่ชื่นชมสตรีที่ตนเคยเอ่ยปากว่านางมีใบหน้าดุจปีศาจ ก่อนจะได้ยินเสียงของนางถามกลับมา “แล้วนี่ถาดอะไร!” เฉินวาวาเอ่ยถามพร้อมเดินตรงไปหานางกำนัลที่กำลังถือถาดสัมฤทธิ์อยู่ในขณะนั้น ทว่านางกำนัลคนดังกล่าวเผลอตัวมองหญิงสาวหลังจากสวมหน้ากากทองคำปิดบังรอยไฟอัคคี เผยให้เห็นใบหน้าส่วนที่เหลือที่เต็มไปด้วยความงดงามชวนมองน่าหลงใหลอย่างยิ่งยวด จนเฉินวาวาอดไม่ได้ที่จะถามออกไป “มองอะไรอยู่เหรอ... ทำไมถามแล้วไม่ตอบ” ครั้นนางกำนัลคนดังกล่าวรู้สึกตัวว่าได้เผลอมององค์หญิงพระองค์ใหม่ด้วยความลืมตัว นางรีบทรุดกายลงคุกเข่าพร้อมรีบเอ่ยกราบทูลกลับไปทันที “หม่อมฉันขออภัยเพคะที่เผลอตัวมององค์หญิงจนลืมทำหน้าที่ของตัวเองไป ได้โปรดพระราชทานอภัยให้แก่หม่อมฉันด้วยเพคะ”นางกำนัลคนดังกล่าวเอ่ยละล่ำละลัก เฉินวาวาถึงกับยืนงงไปชั่วขณะเมื่อเห็นอาการกลัวลนลานของนางกำนัลตรงหน้า “แค่ถามเฉยๆ ทำไมต้องกลัวลนลานถึงขนาดนี้เลยเหรอ แปลกจังเลย” หญิงสาวพึมพำอยู่ภายในใจ “เอาเถอะจ้ะ... เอาเถอะ... ลุกขึ้น! ... ลุกขึ้น!ไม่ต้องมากพิธี... เธอ... เอ้ย... เจ้าชื่ออะไรเหรอ” หญิงสาวถามกลับไป “หม่อมฉันชื่อมู่อิงเพคะ” นางกำนัลรายงานตัวเองกลับไปทันทีพร้อมเสียงองครักษ์ลู่เหอแทรกดังขึ้น “ฝ่าบาทมีรับสั่งให้มู่อิงตามเสด็จองค์หญิงไปที่แคว้นเทียนโจวด้วยพ่ะย่ะค่ะ เพื่อคอยรับใช้อย่างใกล้ชิดและพรุ่งนี้เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นก็เคลื่อนขบวนเสด็จทันที เพราะตั้งค่ายอยู่ที่นี่นานกว่าสิบห้าวันแล้วต้องรีบเดินทางให้ทันตามกำหนดที่เคยแจ้งให้เทียนโจวรู้ล่วงหน้า” “เฮ้อ!” หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างแรงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก่อนจะพยักหน้าขึ้นลงติดๆ กัน “อือ... รู้แล้วถึงเวลาข้าจะเตรียมตัวให้พร้อม...” หญิงสาวกล่าวพร้อมหันกลับไปสนใจถาดที่อยู่ในมือของนางกำนัลส่วนตัวที่มีผ้าสีเหลืองนวลคลุมอยู่ “ของใช้ส่วนพระองค์ที่ติดพระวรกายองค์หญิงมาเพคะ” นางกำนัลมู่อิงเอ่ยกราบทูลออกไป และนั่นทำให้เฉินวาวาเบิกตากว้างขึ้นมาทันทีพร้อมรีบเปิดผ้าคลุมออก เผยให้เห็นเครื่องสำอางในยุคปัจจุบันอยู่บนถาดและเครื่องประดับหลายรายการที่ติดตัวเธอมารวมไปถึงมงกุฎหงส์ที่ทำจากทองคำแท้ “อร้ายยย!!! เครื่องสำอางของฉัน” หญิงสาวดีใจอย่างเห็นได้ชัดเธอรีบรับถาดจากมือของมู่อิงมาถือเอาไว้เสียเอง เฉินวาวาแสร้งทำเป็นให้ความสนใจกับถาดเครื่องใช้ส่วนตัว ครั้นเห็นร่างสูงขององค์รักษ์ลู่เหอก้าวพ้นไปจากกระโจม เธอรีบกวักมือเรียกนางกำนัลมู่อิงเข้ามาหาเพื่อสอบถามเรื่องราวทุกอย่างที่เธออยากรู้ ทันทีที่มู่อิงมานั่งคุกเข่าลงตรงหน้า หญิงสาวคัดปิ่นปักผมที่ทำจากหยกชั้นดีซึ่งทำจากยุคปัจจุบันยื่นส่งให้นาง “ข้ามอบให้เจ้าเป็นรางวัลที่จะมาคอยดูแล” เฉินวาวากล่าวพร้อมทำท่าจะเสียบปิ่นปักผมให้แก่นาง ทว่านางกำนัลมู่อิงกลับปฏิเสธเป็นพัลวันเมื่อได้ยินเช่นนั้น “หม่อมฉันรับมิได้เพคะองค์หญิง ปิ่นนี้สูงค่ายิ่งนักเกินฐานะอันต่ำต้อยของหม่อมฉันที่จะรับเอาไว้” สิ้นเสียงของนางกำนัลคนสนิท เฉินวาวาจำต้องใช้แผนขู่ออกมาทันที “เจ้าเลือกเอาไว้จะรับปิ่นปักผมจากข้า หรือจะถูกโบยห้าสิบไม้! เลือกเอา” หญิงสาวทิ้งไม้ตายที่ใช้ที่ไรได้ผลทุกคราในยุคปัจจุบันและยังนำมาใช้ในเวลานี้ นางกำนัลมู่อิงรีบก้มคำนับลงพื้นทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น “อย่าโบยหม่อมฉันเลยเพคะองค์หญิง รับแล้วเพคะ รับแล้ว” กล่าวพร้อมยกมือทั้งสองข้างรีบรับปิ่นหยกจากมือขององค์หญิงคนงามเอาไว้อย่างรวดเร็ว “มู่อิงขอบพระทัยเพคะที่เมตตาประทานปิ่นปักผมนี้ให้ นอกจากจะงดงามแล้วทรงมีพระเมตตายิ่งนัก” นางกำนัลมู่อิงกราบทูลกลับไป “โอ๊ยยย! ของมันแน่อยู่แล้วละ... ข้ารู้ว่าเกิดมาสวย ดังนั้นเมื่อเป็นหญิงก็ต้องคู่กับความงาม ข้าให้ปิ่นปักผมนี้แก่เจ้าเอาไว้ใช้นะไม่ได้ให้ไว้บูชากราบไหว้หรือเก็บไว้เฉยๆ รู้หรือเปล่า” หญิงสาวกล่าวกำชับ “อะ... เออเพคะองค์หญิง... แม้ว่ามู่อิงจะฟังรับสั่งรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างแต่ก็พอจะเข้าใจ คงเป็นเพราะโง่เขลาอับปัญญาความฉลาดมาน้อย ขอองค์หญิงได้โปรดขัดเกลาและสั่งสอนมู่อิงด้วยเพคะ” “โอ้โฮ! พูดซะสะเทือนใจตับไตใส้พุงหมดเลย” เฉินวาวาบ่นพึมพำออกมาเบาๆ เมื่อได้ยินถ้อยคำและอาการหวั่นเกรงของนางที่มีต่อเธออยู่ตลอดเวลา ก่อนจะเริ่มใช้จิตวิทยากับนางกำนัลส่วนตัวของเธอ “เอาแบบนี้ข้าจะค่อยๆ สอนเจ้า และถ้าข้าอยากรู้อะไรก็ให้ตอบมาตามตรงและบอกให้ละเอียดไม่ต้องปิดบังอะไรทั้งนั้น แล้วข้าจะสั่งสอนเจ้าจนกลายเป็นสตรีที่ทั่วหล้าอยากได้เจ้าครอบครอง... เชื่อเฉิน... เอ้ย... เชื่อข้าแล้วจะดี ข้าถามแล้วเจ้าตอบตกลงไหม” หญิงสาวพูดพลางมองนางกำนัลส่วนตัวของเธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าขึ้นลงติดต่อกัน ยินยอมที่จะตอบคำถามที่เธออยากรู้ทุกอย่างพระราชวังจำลองพิธีอภิเษกสมรสในซีรีส์เรื่องดัง ถ่ายทำฉากกราบไหว้ฟ้าดินระหว่างนางมารร้ายตัวเอกของเรื่องและชินอ๋องแห่งแคว้นเทียนโจว ปรากฏขึ้นต่อสายตาของเฉินวาวาด้วยความรู้สึกยากเกินจะบรรยายออกมาได้ ด้วยทุกอย่างตรงกับพิธีที่การทุกอย่างในยุคอดีต ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งสถานที่โดยรอบ บรรดาข้าราชบริพารที่ยืนประจำจุดของตน รวมไปถึงตำแหน่งที่ประทับขององค์ฮ่องเต้ล้วนเหมือนกันทุกอย่าง“อะ... อะไรกันนี่!” หญิงสาวในชุดเจ้าสาวโบราณในพิธีเตรียมพร้อมเข้าฉากถึงกับยืนตะลึงไปโดยพลันในขณะที่อู๋ชิงเหยียนก็มีอาการไม่แตกต่างกันแม้แต่น้อย ไม่คาดคิดว่าพิธีแต่งงานในยุคโบราณจะยิ่งใหญ่อลังการถึงขนาดนี้“โอ้โฮ! วาวาเธอนี่โคตรโชคดีเลยให้ตายสิ! ได้เข้าฉากแต่งงานยิ่งใหญ่อลังการแบบนี้ ราวกับว่าเข้าไปมีชีวิตในซีรีส์เรื่องนี้เลยนะ” แม่ผู้จัดการสาวกล่าวออกมาตามความรู้สึก“ฉันเคยเข้าพิธีแบบนี้มาแล้วกับชินอ๋องแห่งเทียนโจว และครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่ฉันจะได้เข้าพิธีแบบนี้อีก แตกต่างตรงที่คนที่ฉันจะเข้าพิธีในครั้งนี้ไม่ใช่ท่านอ๋องของฉัน”
งานแสดงแฟชั่นโชว์เครื่องเพชรเฉินวาวานั่งเงียบงันอยู่บนรถ SUV ของบริษัทฯ ซึ่งเธอเดินทางมาร่วมงานในฐานะเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ของ JCS GOLD MASTER ใบหน้างดงามลึกล้ำถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจนเฉิดฉายน่ามองชวนหลงใหลอย่างยิ่งยวด หากแต่ดวงตาคู่สวยกลับมีแต่ความหม่นหมอง ไม่มีชีวิตชีวาเหมือนก่อน“เฮ้อ!” เสียงถอนหายใจดังออกมาจากแม่ผู้จัดการสาว บ่งบอกให้รู้ว่าเธอกลุ้มใจกับอาการของเพื่อนรัก“วาวา! ถึงงานแล้วไม่ลงเหรอ นั่งเหม่อมาตลอดทาง ไม่ใช่สิ นั่งเหม่อมจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเป็นแบบนี้จะสองอาทิตย์แล้วนะ ถามจริงเถอะ! เมื่อไรอาการแบบนี้จะหายไปจากตัวแกเสียที” หญิงสาวบ่นกระปอดกระแปดให้เพื่อนรัก“ไม่หาย! ไม่มีใครรักษาฉันหายหรอกเหยียนเหยียน ป่วยกายรักษาด้วยยาหายได้ แต่ป่วยใจคนที่รักษาได้คือคนรักของฉันเท่านั้น มีเพียงท่านอ๋องคนเดียวที่ทำได้” กล่าวพร้อมหยาดน้ำตาหลั่งรินออกมาทันที“แปะ!” น้ำตาร่วงหล่นลงมาทันใด“อั้ยยะ! อย่าร้องนะ! อย่าร้อง... ห้ามร้องเด็ดขาดเลย จะต้องเข้าไปในงาน
มณฑลเสฉวน ณ โรงพยาบาลเฉิงตูภายในห้องคนไข้พิเศษพระวรกายสูงใหญ่ทะมึนของจอมมารชินซางยังคงอยู่ในห้วงญาณหลับใหลมาโดยตลอด พระพักตร์หล่อเหลาตราตรึงรัญจวนจิต รับกับขนตางามงอนเป็นแพยาวสวย พระนาสิกโด่งสันสวยขึ้นเป็นสันคม ภายใต้เกศาสีเงินยาวสยายเต็มหมอนที่กำลังถูกนางพยาบาลใช้แปรงหวีพระเกศาสีเงินยาวสยายอย่างเบามือ“ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้หล่อยิ่งกว่าพระเอกหนังอีกเลยเนอะ พระเอกบางคนยังหล่อสู้ไม่ได้เลย เป็นลูกครึ่งหรือเปล่าก็ไม่รู้ถึงมีเส้นผมสีบลอนด์เงินแบบนี้ สีเงินสม่ำเสมอไม่ใช่สีขาวเพราะผมหงอกก่อนวัยด้วย แถมสูงเกือบสองเมตร หุ่นก็ดี๊ดี... กล้ามเนื้อแน่นไปทุกส่วนเลย เช็ดตัวให้ทีไรมีความสุขจริงๆ เลยนะเธอ” นางพยาบาลสองคนที่ช่วยกันดูแลคนไข้ปริศนา ต่างคุยกันอยู่ใกล้เตียงด้วยความเคลิบเคลิ้มอย่างยิ่งยวดตั้งแต่จอมมารถูกช่วยขึ้นจากน้ำตกในอุทยานแห่งชาติที่เดียวกันกับเฉินวาวา หากแต่พบพระองค์ห่างไกลออกไปนอนหมดสติอยู่ทางต้นน้ำ หลังจากนั้นได้ถูกช่วยจากเจ้าหน้าที่อุทยานนำส่งโรงพยาบาลเฉิงตู หลังพระชายาเข้าทำการรักษาไปแล้วหนึ่งวัน นับ
ร่างระหงตรงดิ่งเข้าสวมกอดนางพยาบาลที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอด้วยความดีใจอย่างยิ่งยวด ในขณะที่อีกฝ่าย อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมนางร้ายหน้าสวยจึงรู้จักชื่อของเธอ สายตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ“คุณเฉินวาวารู้จักชื่อของฉันด้วยเหรอคะ” นางพยาบาลที่เหมือนมู่อิงราวเป็นคนเดียวกันถามทำลายความเงียบหญิงสาวที่กำลังสวมกอดด้วยความดีใจ ยิ้มกว้างพร้อมหยาดน้ำตาก่อนจะปล่อยร่างนั้นออกจากอ้อมกอดของเธอเพื่อสำรวจใบหน้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ครั้นยิ่งมองยิ่งเหมือนมู่อิงในยุคอดีตทำให้เฉินวาวายิ่งหลั่งน้ำตามากขึ้นไปกว่าเดิม“ขอโทษด้วยคะ พอดีคุณเหมือนกับคนที่ฉันรู้จักมากๆ เธอมีชื่อและหน้าตาเหมือนกับคุณพยาบาลไม่มีผิดเพี้ยน ก็เลยทำให้นึกถึงและคิดถึงมากด้วย”หญิงสาวตอบพลางส่งเสียงสะอื้นไห้ออกมาทันทีนางพยาบาลสาวถึงกับน้ำตาคลอเบ้าขึ้นมาทันที เธอเอื้อมมือไปจับมือเรียวสวยของนางร้ายที่เธอชื่นชอบ พร้อมเอ่ยปลอบโยน“อย่าร้องไห้เลยนะคะ เดี๋ยวคนที่คุณรู้จักถ้ารู้ว่าร้องไห้เพราะคิดถึงแบบนี้จะไม่สบายใจเอาได้ ร้องไห้มากตาบวมเดี๋ยวไม่สวยนะคะ”หญิงสาวยิ้มกว้างออกมาทันทีเม
ยุคอนาคตมณฑลเสฉวน ณ.โรงพยาบาลเฉิงตูภายในห้องพิเศษบัดนี้ร่างงามระหงของเฉินวาวา กำลังนอนหลับใหลอยู่บนเตียงคนไข้ของโรงพยาบาล หญิงสาวได้กลับคืนสู่ยุคอนาคต และยังคงอยู่บนผืนแผ่นดินจีนอันกว้างใหญ่ เธอหลับใหลตั้งแต่อยู่ในอดีตกาลจนกระทั่งกลับมาสู่อนาคตอย่างไม่คาดฝันร่างของเธอถูกพบอยู่บริเวณน้ำตกในอุทยานแห่งชาติในชุดเกราะและสวมหน้ากากทองคำอยู่ด้วยในขณะนั้น แผลจากคมธนูที่ถูกฮ่องเต้แคว้นเยว่ยิงปักถูกร่างนั้น ถูกเย็บและได้รับรักษาเป็นอย่างดีจากแพทย์แผนปัจจุบันไม่มีใครล่วงรู้ว่าเธอมาปรากฏกายอยู่ที่นี่ได้อย่างไร และเพราะเหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ ในขณะที่การพบนางร้ายหน้าสวยเฉินวาวาเป็นข่าวดังขึ้นหน้าหนึ่งขึ้นมาอีกครั้ง เพราะหญิงสาวหายสาบสูญไปนานกว่าหนึ่งเดือน อันเป็นระยะเวลาของโลกอนาคตที่ดำเนินอยู่ ซึ่งแตกต่างจากยุคอดีตที่จากมากาลเวลาในยุคอดีตผ่านไปแล้วหนึ่งปีในขณะที่เธอใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นนักข่าวต่างรอทำข่าวกันอย่างเนืองแน่น เมื่อข่าวการค้นพบของเฉินวาวา นางร้ายหน้าสว
ฉับพลันสุรเสียงของจอมมารชินซางดังกระหึ่มท่ามกลางทะเลเพลิง“มันผู้ใดหาญกล้าแตะต้องราชินีของข้า!” สุรเสียงของจอมมารดังกึกก้อง พร้อมพระวรกายค่อยๆ ปรากฏขึ้นท่ามกลางทะเลเพลิงที่ลุกโชนท่วมสูงทิวเขาต่อหน้ากองทัพของทั้งสามแคว้นท่ามกลางสายตาของมนุษย์ที่มีมากมายเป็นเรือนแสนของสองฝั่งแม่น้ำ ต่างยืนมองอย่างตกตะลึงเมื่อเห็นบุรุษสวมอาภรณ์สีนิลกาฬ เกศาสีเงินปลิวยายสยาย ในขณะที่รองแม่ทัพซึ่งล่วงรู้เหตุการณ์ทุกอย่างเมื่อเห็นชินอ๋องทรงฟื้นขึ้นดั่งเดิมและปรากฏอยู่ตรงหน้าท่ามกลางทะเลเพลิงอยู่ในขณะนี้“ชินอ๋องทรงฟื้นแล้ว! พระองค์ช่วยพระชายาด้วยพ่ะย่ะค่ะ! ฮ่องเต้โฉดผู้นี้กำลังจะจับพระชายาถ่วงน้ำ!” รองแม่ทัพตะโกนแทรกออกไปทันทีและนั่นทำให้ชิงอวิ้นฮ่องเต้ถึงกับชะงักงันเมื่อบุรุษสูงใหญ่ตรงพระพักตร์แท้จริงแล้วคือชินอ๋องผู้วายชนม์ไปแล้วเมื่อสามเดือนก่อนแต่บัดนี้กลับมาปรากฏพระวรกายด้วยร่างที่ยังคงรูปมิเน่าเปื่อยแต่อย่างใด“เป็นไปไม่ได้! คนตายแล้วฟื้นคืนกลับมาอย่างนั้นรึ!” รับสั่งรำพึงรำพันในขณะเดียวกันพระวรกายสูงใหญ่ทะ