แคว้นเทียนโจว
รัชสมัยโจวเฉินกงฮ่องเต้ อาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล อุดมสมบูรณ์ไปด้วยที่ราบลุ่ม สามารถเพาะปลูกได้พืชผลทางการเกษตรเป็นอย่างดี พื้นดินอุดมสมบูรณ์ปลูกอะไรก็ออกดอกผลมากมาย เทือกเขาน้อยใหญ่เต็มไปด้วยป่าดงดิบ แม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่านเป็นภูมิประเทศที่ถือได้ว่าหายากอย่างยิ่งยวด เป็นพื้นที่มหามงคลเพราะด้วยมังกรทั้งตัวสถิตอยู่ในแคว้นเทียนโจว ก่อให้เกิดพื้นที่สวยงามและสภาพอากาศที่เหมาะสม อากาศหนาวจัดด้วยหิมะปกคลุมก็มีระยะเวลาเพียงแค่สี่เดือนเท่านั้นไม่ยาวนานดั่งเช่นแคว้นอื่นๆ พากันประสบ และด้วยเพราะความสมบูรณ์ของแคว้นเทียนโจว จึงเป็นสาเหตุทำให้แคว้นน้อยใหญ่ต้องการยึดครองเอามาเป็นของตน พืชผลมหาศาล พื้นที่ทางการเกษตรเป็นอู่ข่าวอู่น้ำเลยทีเดียว มิหนำซ้ำยังอุดมไปด้วยสายแร่ทองคำและเหมืองหยกชั้นดี ความสมบูรณ์ของแคว้นกลับเป็นดาบสองคมที่ทำให้เผชิญปัญหากับสงครามที่แคว้นอื่นต้องการแย่งชิงดินแดน แคว้นเทียนโจวในเวลานี้ถูกแคว้นฉู่ที่เป็นแคว้นพื้นบ้าน บุกประชิดชายแดนตีเมืองในอาณาเขตของแคว้นเทียนโจวไปแล้วถึงห้า เมือง โจวเฉินกงฮ่องเต้ มีพระบัญชาให้องค์รัชทายาทโจวฟางหยาง ดำรงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ออกทำศึกสงครามต้านทัพต้าฉู่ แต่แล้วองค์รัชทายาทกลับทรงพ่ายแพ้ บาดเจ็บสาหัสและเสียเมืองใต้การปกครองไปอีกสามเมือง ทำให้แคว้นต้าฉู่บุกประชิดเข้าใกล้เมืองหลวงเข้าไปทุกขณะ หลังการพ่ายแพ้ขององค์รัชทายาททำให้โจวเฉินกงต้องทำหน้าที่นำทัพด้วยพระองค์เอง ด้วยองค์ชายรองและองค์ชายสามสิ้นพระชนม์ตั้งแต่ยังเยาว์ ส่วนองค์ชายสี่ทรงหายสาบสูญไปพร้อมกับพระมารดา ซึ่งเป็นพระสนมเอกของเฉินกงฮ่องเต้เมื่อครั้งเสด็จประพาสป่าเพื่อล่าสัตว์ บริเวณเทือกเขาเหิงไห่ (เหิงเตี้ยนในปัจจุบัน) ทำให้คงเหลือเพียงองค์ชายใหญ่ซึ่งเป็นรัชทายาทและองค์ชายห้า ซึ่งมีพระชนมายุเพียงเก้าชันษาเท่านั้น อีกทั้งขุนศึกของพระองค์ที่เคยร่วมรบมาตั้งแต่อดีตฮ่องเต้ก็พลีชีพในการรบครั้งนี้ ฮ่องเต้โจวเฉินกง ฉลองพระองค์จอมทัพของแคว้นนำทัพบุกตะลุยทัพต้าฉู่อย่างดุเดือด กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งเต็มไปทั่วสมรภูมิรบของการแย่งชิงดินแดน กองทัพต้าฉู่หนึ่งแสนนาย บุกตะลุยทัพต้าโจวอย่างไม่หยุดยั้ง ส่งผลให้ชีวิตของทหารทั้งสองฝ่ายร่วงหล่นดั่งใบไม้ปลิดปลิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งชีวิตของทหารแคว้นเทียนโจวล้มตายเป็นเบือกองท่วมสูงนับหมื่นศพเลยทีเดียว ณ ชายป่าเหิงไห่ ในขณะเดียวกัน บริเวณชายป่าเขตเทือกเขาเหิงไห่แสงสว่างเจิดจ้าปรากฏขึ้นมาโดยพลัน พร้อมพระวรกายสูงใหญ่ทะมึนของจอมมารชินซาง ยืนทะมึนอยู่เพียงลำพังไร้สิ้นโฉมงามในชุดเจ้าสาวสีขาวเคียงข้างพระวรกายแต่อย่างใด พระเนตรสีเลือดทรงทอดพระเนตรไปทั่วบริเวณด้วยความสงสัยระคนแปลกพระทัยอย่างยิ่งยวด เพราะเหตุใดพระองค์ทรงอยู่เพียงลำพังเช่นนี้ “เหตุใดข้าจึงยืนอยู่เพียงลำพังโดดเดี่ยว นางอยู่ในอ้อมกอดของข้าหายไปได้อย่างไรกัน”รับสั่งรำพึงด้วยความสงสัยพร้อมปิดพระเนตรลงทันทีเพื่อใช้ญาณตบะของพระองค์ค้นหาโฉมงาม เพียงครู่พระเนตรพลันเปิดขึ้นทันใด เมื่อญาณตบะแก่กล้าขั้นที่แปดไม่สามารถบอกพระองค์ได้แม้แต่น้อย ด้วยในเวลานี้ทรงกลายเป็นมนุษย์ไปเสียแล้ว ทันทีที่ปานไฟอัคคีมิได้สถิตอยู่คู่พระวรกาย “แย่แล้ว! ข้าไม่สามารถใช้ญาณตบะและพลังเวทใดๆ ได้เลย ปานไฟอัคคีของข้าสถิตอยู่ที่กายนางหากไม่รีบนำออกมาจะต้องเกิดผลร้ายต่อนางอย่างยิ่งยวด... เหตุใดปานไฟอัคคีของข้าจึงย้ายไปสถิตอยู่ที่กายนางได้... หรือว่า! ” รับสั่งได้เพียงเท่านั้นสุรเสียงเงียบงันลงไปทันใด “จะเป็นไปได้อย่างนั้นหรือไร ว่านางถือกำเนิดตรงกับเวลาตกฟากของดาวปีศาจเช่นเดียวกับข้า” รับสั่งด้วยความแปลกพระทัยระคนสงสัยอย่างยิ่งยวด พระเนตรสีเลือดค่อยๆ แปรเปลี่ยนกลายเป็นสีนิลกาฬดั่งเดิม กายมนุษย์กลับคืนมาอย่างสมบูรณ์ไร้สิ้นกลิ่นอายปีศาจและพลังมารแต่อย่างใด พระองค์ทรงยืนครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะก่อนจะร่ายเวทเพื่อเร้นพระวรกายออกไปจากบริเวณดังกล่าวด้วยความลืมตัวว่ายังมีพลังเวทอยู่คู่พระวรกาย พระพักตร์หล่อเหลาส่ายไปมาเมื่อทรงนึกขึ้นได้ว่าไม่สามารถใช้พลังเวทปีศาจได้อีกแล้ว พระองค์คือมนุษย์ธรรมดา หาได้มีกายทิพย์และพลังเวทชั้นสูงอีกต่อไป “ข้าคงจะหลับใหลนานจนเกินไปเสียแล้วกระมัง จึงหลงลืมอะไรง่ายดายเช่นนี้ นี่ข้าอยู่ในโลกมนุษย์ตรงกับยุคใดกันเล่า แปรเปลี่ยนไปเช่นไรก็มิอาจรู้ได้ ปานไฟอัคคีมิได้อยู่คู่กายข้าก็ต้องใช้ชีวิตดั่งมนุษย์ทั่วไปแล้วกระนั้นสิ” รับสั่งพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะเหลือบสายพระเนตรพบซากศพที่เหลือเพียงโครงกระดูกมนุษย์เท่านั้นกองอยู่เบื้องหน้าพระพักตร์ไม่ไกลจากจุดที่ทรงยืนอยู่เท่าใดนัก จอมมารหนุ่มละสายพระเนตรโดยไม่ใส่พระทัยกับซากศพดังกล่าว เสด็จพระดำเนินไปอีกทิศทาง แต่แล้วก็ต้องหยุดนิ่งอยู่กับที่ดั่งมีสิ่งใดดลพระทัยให้ทรงพระดำเนินย้อนกลับไปทอดพระเนตรอีกครา พระวรกายใหญ่สูงทะมึนค่อยๆ พระดำเนินลัดเลาะตรงไปยังซากโครงกระดูกมนุษย์ ก่อนจะทอดพระเนตรโครงกระดูกสองร่างเป็นสตรีและเด็กทารก เสื้อผ้าอาภรณ์ตลอดจนเครื่องประดับบ่งบอกให้ล่วงรู้ว่ามีฐานะสูงศักดิ์เลยทีเดียว จอมมารหนุ่มค่อยๆ ทรุดวรกายลงประทับนั่งยองๆ พร้อมเอื้อมพระหัตถ์หยิบแผ่นหยกสีเขียวมรกต สลักชื่อเจ้าของป้ายหยกดังกล่าวเอาไว้ ครั้นนิ้วพระหัตถ์เกลี่ยเศษดินออกจนหมด พระเนตรสีนิลกาฬเบิกกว้างขึ้นมาโดยพลันเมื่อทรงทอดพระเนตรชื่อที่สลักไว้อยู่บนป้ายหยกดังกล่าว “ชินซาง!” รับสั่งพระนามของพระองค์ “ทารกน้อยผู้นี้มีนามดุจเดียวกับข้าหรือนี่ ถ้าเช่นนั้นโครงกระดูกนี้เป็นมารดาของเจ้ากระนั้นสิเด็กน้อย” รับสั่งพร้อมเอื้อมไปหยิบแผ่นหยกที่ตกอยู่อีกหนึ่งอัน สลักชื่อเอาไว้เช่นกัน “จิ่วซิน!” รับสั่งชื่อบนป้ายหยกพร้อมทอดพระเนตรโครงกระดูกทั้งสองพลางครุ่นคิดบางอย่างในพระทัย ป้ายหยกจิ่วซินถูกเก็บไว้ในสาบเสื้อฉลองพระองค์ด้านใน ส่วนป้ายหยกสลักพระนามดุจเดียวกับจอมมารทรงนำมาคล้องเอาไว้ที่บั้นพระองค์ พร้อมพระหัตถ์ค่อยๆ เก็บโครงกระดูกเท่าที่เหลืออยู่นำมาวางไว้บนเศษผ้าที่เปื่อยยุ่ยไปตามกาลเวลา แน่นอนว่าสภาพที่เหลืออยู่ของโครงกระดูกเช่นนี้ จนถูกสัตว์ป่าแทะเล็มซากศพเหลือเศษโครงกระดูกไม่มากต้องจบชีวิตมานานแล้ว ห่อผ้าที่บรรจุโครงกระดูกทั้งสองถูกจอมมารหนุ่มขุดหลุมฝังเอาไว้อย่างดี ใต้ต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่นดีทีเดียว ดอกไม้ป่าโปรยปรายอยู่บนหลุมที่ขุดฝัง ส่วนห่อผ้าที่เหลือเป็นเครื่องประดับที่มีราคาสูงมีค่าควรเมืองสามารถนำไปแลกเปลี่ยนเทียบราคาใดๆ ก็ได้ “หากข้ามีพลังเวทดั่งเช่นเก่าก่อน ข้าจะสรรสร้างหลุมฝังศพของเจ้าทั้งสองให้ดีกว่านี้ เครื่องประดับของพวกเจ้า ข้าขอเอาไว้ เพราะตอนนี้ร่างของข้ากลับมาเป็นมนุษย์ จำเป็นต้องใช้เพื่อเดินทางตามหาคนของข้าและดำรงชีวิตอยู่ให้ได้ต่อไป ส่วนป้ายหยกของพวกเจ้าข้าจะสืบค้นหาญาติ เพื่อแจ้งข่าวของเจ้าทั้งสองให้ได้ล่วงรู้” รับสั่งพร้อมเก็บห่อผ้าที่เต็มไปด้วยเครื่องประดับไว้ในสาบเสื้อด้านในฉลองพระองค์ วรองค์สูงใหญ่ทะมึนทรงลุกยืนจากพื้นดิน พลางแหงนพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรเทือกเขาสูงอันเป็นสถานที่ซึ่งซากโครงกระดูกของแม่ลูกทั้งสองจบชีวิตลง เป็นไปได้อย่างสูงที่พลัดตกจากเขาลงมาและนั่นทำให้จอมมารหนุ่มยืนครุ่นคิดอยู่ภายในพระทัย “ก้นเหวกับเบื้องบนย่อมแตกต่างกัน ไร้สิ้นพลังเวทแต่หาได้สิ้นวรยุทธ์ ขึ้นสู่โลกมนุษย์ก็ต้องพึ่งพาตนเอง” รับสั่งพร้อมใช้พลังวรยุทธ์จากดินแดนปีศาจกระโดดลอยละลิ่วขึ้นจับเถาวัลย์ใหญ่ สองพระบาทไต่ขึ้นสู่ยอดเขาเบื้องบนด้วยความรวดเร็ว ประหนึ่งว่าพระองค์ทรงพระดำเนินเล่นอยู่บนหินผาฉันใดก็ฉันนั้น เพียงหนึ่งชั่วธูปจอมมารชินซางกระโดดลอยละลิ่วขึ้นมาจากก้นเหว ลงมาประทับยืนอยู่บนพื้นของยอดเขาสูงเหิงไห่ กระแสลมพาดผ่านจนพระเกศาสีเงินยวงปลิวสยายไปตามแรงลม อาภรณ์สีนิลกาฬพลิ้วไหวต้องลมสะบัดไปมา กระแสลมแรงกลบเสียงเอ็ดอึงที่ดังอยู่ไม่ไกลจากจุดที่พระองค์ทรงยืนอยู่ไม่มากนัก เบื้องหน้าพระพักตร์คือกองทหารของแคว้นเทียนโจวกำลังหนีถอยร่นมายังทิศทางที่จอมมารหนุ่มทรงยืนอยู่ในขณะนั้น กองทหารพร้อมด้วยเฉินกงฮ่องเต้ เริ่มถอยร่นไม่เป็นกระบวนเมื่อฮ่องเต้แคว้นต้าฉู่ซึ่งนำทัพด้วยพระองค์เองเช่นเดียวกัน ตามล่าหมายตัดหัวเฉินกงฮ่องเต้เพื่อสยบกองทัพแคว้นต้าโจวและครอบครองดินแดนทองคำนี้ให้จงได้ พระวรกายของเฉินกงฮ่องเต้อาบไปด้วยพระโลหิต เกิดจากบาดแผลฉกรรจ์ที่ทรงได้รับหลายแห่งเลยทีเดียว กองทหารองครักษ์ตีฝ่าวงล้อมนำพระองค์ออกมาได้ แต่กำลังถึงทางตันเมื่อถอยมาถึงยอดเขาซึ่งไม่มีหนทางที่จะหนีได้อีกต่อไปแล้ว นอกจากกระโดดลงหุบเหวลึกเบื้องล่างนั่นเอง ท่ามกลางสายพระเนตรสีนิลกาฬของจอมมารชินซาง ทรงยืนทอดพระเนตรอยู่ในขณะนั้น กองทัพแคว้นต้าโจวเริ่มวิ่งเข้ามาใกล้พระองค์ โดยมีองครักษ์และเฉินกงฮ่องเต้เสด็จวิ่งนำหน้าทัพ ทันทีที่วิ่งเข้ามาใกล้ในระยะสายพระเนตรของจอมมาร พระเนตรสีนิลกาฬเป็นอันต้องเบิกกว้างขึ้นมาโดยพลัน เมื่อประสบพบพักตร์ของเฉินกงฮ่องเต้ “เสด็จพ่อ!!!” จอมมารชินซางรำพึงพระนามของพระบิดา ซึ่งเป็นอดีตจอมมาร ด้วยรูปลักษณะของเฉินกงฮ่องเต้ทรงถอดแบบอดีตจอมมารพระบิดาของพระองค์มาอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ราวกับว่าเป็นคนๆ เดียวกันฉันใดก็ฉันนั้น เป็นเหตุให้จอมมารชินซางชะงักงันอยู่กับที่ ในขณะที่เฉินกงฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรบุรุษหนุ่มร่างสูงใหญ่ทะมึนสวมอาภรณ์สีนิลกาฬ เส้นผมสีเงินยวงปล่อยสยายต้องสายลมพาดผ่านปรากฏอยู่ตรงหน้าพระพักตร์ เป็นเหตุให้พระองค์ทรงหยุดทอดพระเนตรทันทีเมื่อพานพบบุรุษปริศนา ซึ่งเต็มไปด้วยความองอาจและน่ายำเกรงอย่างยิ่งยวด “บุรุษหนุ่มผู้นี้เหตุใดจึงน่าหวาดหวั่นเป็นที่พรั่นพรึงนักเล่า ท่าทีองอาจ หล่อเหลาปานรูปสลักเช่นนี้ เป็นมนุษย์เดินดินอย่างนั้นหรอกรึ เหตุใดยังหนุ่มแน่นแท้ๆ แต่กลับมีเส้นผมสีเงินเช่นนั้น อีกทั้งยังยืนอยู่เพียงตามลำพังโดดเดี่ยวในสถานที่เช่นนี้!” รับสั่งกับทหารองครักษ์ที่กำลังประคองพระองค์อยู่ในขณะนั้น “หากมิใช่มนุษย์ก็คงจะเป็นเทพเซียนจากสรวงสวรรค์กระมังพ่ะย่ะค่ะ ลักษณะเช่นนี้ยากยิ่งนักที่จะพานพบ แต่ก็น่าแปลกเสียนี่กระไรที่มายืนอยู่บนยอดเขาเช่นนี้” องครักษ์คนดังกล่าวกราบทูลตอบกลับมา ในขณะที่เบื้องหลังกองทัพของแคว้นฉู่ไล่ติดตามมาทัน ฮ่องเต้แคว้นต้าฉู่ประทับอยู่บนหลังม้าทรงขึ้นคันธนูพร้อมลูกดอกอาบยาพิษจำนวนถึงสามดอกเล็งเป้ามาที่เฉินกงฮ่องเต้อยู่ในเวลานั้น พระเนตรสีนิลกาฬของจอมมารหนุ่ม ทรงทอดพระเนตรได้ทั้งในระยะใกล้ไกลประหนึ่งว่าสิ่งที่ทรงทอดพระเนตรอยู่เพียงตรงหน้าพระพักตร์เท่านั้น ครั้นทอดพระเนตรลูกธนูเล็งมาที่เฉินกงฮ่องเต้ สุรเสียงรับสั่งดังก้องขึ้นมาทันที “ดาบปีศาจ! จงมาหาข้า!” รับสั่งอาวุธคู่พระวรกายจากดินแดนปีศาจ สิ้นพระสุรเสียงท้องฟ้าเบื้องบนที่เต็มไปด้วยแสงแดดแรงกล้ากลับมืดครึ้มดำทะมึนขึ้นมาโดยพลัน และเริ่มเข้ามาปกคลุมไปทั่วเทือกเขาเหิงไห่ “เปรี้ยง!!!” สายฟ้าฟาดผ่าลงตรงกลางกองทัพของแคว้นต้าฉู่ จนกระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทางพระราชวังจำลองพิธีอภิเษกสมรสในซีรีส์เรื่องดัง ถ่ายทำฉากกราบไหว้ฟ้าดินระหว่างนางมารร้ายตัวเอกของเรื่องและชินอ๋องแห่งแคว้นเทียนโจว ปรากฏขึ้นต่อสายตาของเฉินวาวาด้วยความรู้สึกยากเกินจะบรรยายออกมาได้ ด้วยทุกอย่างตรงกับพิธีที่การทุกอย่างในยุคอดีต ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งสถานที่โดยรอบ บรรดาข้าราชบริพารที่ยืนประจำจุดของตน รวมไปถึงตำแหน่งที่ประทับขององค์ฮ่องเต้ล้วนเหมือนกันทุกอย่าง“อะ... อะไรกันนี่!” หญิงสาวในชุดเจ้าสาวโบราณในพิธีเตรียมพร้อมเข้าฉากถึงกับยืนตะลึงไปโดยพลันในขณะที่อู๋ชิงเหยียนก็มีอาการไม่แตกต่างกันแม้แต่น้อย ไม่คาดคิดว่าพิธีแต่งงานในยุคโบราณจะยิ่งใหญ่อลังการถึงขนาดนี้“โอ้โฮ! วาวาเธอนี่โคตรโชคดีเลยให้ตายสิ! ได้เข้าฉากแต่งงานยิ่งใหญ่อลังการแบบนี้ ราวกับว่าเข้าไปมีชีวิตในซีรีส์เรื่องนี้เลยนะ” แม่ผู้จัดการสาวกล่าวออกมาตามความรู้สึก“ฉันเคยเข้าพิธีแบบนี้มาแล้วกับชินอ๋องแห่งเทียนโจว และครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่ฉันจะได้เข้าพิธีแบบนี้อีก แตกต่างตรงที่คนที่ฉันจะเข้าพิธีในครั้งนี้ไม่ใช่ท่านอ๋องของฉัน”
งานแสดงแฟชั่นโชว์เครื่องเพชรเฉินวาวานั่งเงียบงันอยู่บนรถ SUV ของบริษัทฯ ซึ่งเธอเดินทางมาร่วมงานในฐานะเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ของ JCS GOLD MASTER ใบหน้างดงามลึกล้ำถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจนเฉิดฉายน่ามองชวนหลงใหลอย่างยิ่งยวด หากแต่ดวงตาคู่สวยกลับมีแต่ความหม่นหมอง ไม่มีชีวิตชีวาเหมือนก่อน“เฮ้อ!” เสียงถอนหายใจดังออกมาจากแม่ผู้จัดการสาว บ่งบอกให้รู้ว่าเธอกลุ้มใจกับอาการของเพื่อนรัก“วาวา! ถึงงานแล้วไม่ลงเหรอ นั่งเหม่อมาตลอดทาง ไม่ใช่สิ นั่งเหม่อมจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเป็นแบบนี้จะสองอาทิตย์แล้วนะ ถามจริงเถอะ! เมื่อไรอาการแบบนี้จะหายไปจากตัวแกเสียที” หญิงสาวบ่นกระปอดกระแปดให้เพื่อนรัก“ไม่หาย! ไม่มีใครรักษาฉันหายหรอกเหยียนเหยียน ป่วยกายรักษาด้วยยาหายได้ แต่ป่วยใจคนที่รักษาได้คือคนรักของฉันเท่านั้น มีเพียงท่านอ๋องคนเดียวที่ทำได้” กล่าวพร้อมหยาดน้ำตาหลั่งรินออกมาทันที“แปะ!” น้ำตาร่วงหล่นลงมาทันใด“อั้ยยะ! อย่าร้องนะ! อย่าร้อง... ห้ามร้องเด็ดขาดเลย จะต้องเข้าไปในงาน
มณฑลเสฉวน ณ โรงพยาบาลเฉิงตูภายในห้องคนไข้พิเศษพระวรกายสูงใหญ่ทะมึนของจอมมารชินซางยังคงอยู่ในห้วงญาณหลับใหลมาโดยตลอด พระพักตร์หล่อเหลาตราตรึงรัญจวนจิต รับกับขนตางามงอนเป็นแพยาวสวย พระนาสิกโด่งสันสวยขึ้นเป็นสันคม ภายใต้เกศาสีเงินยาวสยายเต็มหมอนที่กำลังถูกนางพยาบาลใช้แปรงหวีพระเกศาสีเงินยาวสยายอย่างเบามือ“ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้หล่อยิ่งกว่าพระเอกหนังอีกเลยเนอะ พระเอกบางคนยังหล่อสู้ไม่ได้เลย เป็นลูกครึ่งหรือเปล่าก็ไม่รู้ถึงมีเส้นผมสีบลอนด์เงินแบบนี้ สีเงินสม่ำเสมอไม่ใช่สีขาวเพราะผมหงอกก่อนวัยด้วย แถมสูงเกือบสองเมตร หุ่นก็ดี๊ดี... กล้ามเนื้อแน่นไปทุกส่วนเลย เช็ดตัวให้ทีไรมีความสุขจริงๆ เลยนะเธอ” นางพยาบาลสองคนที่ช่วยกันดูแลคนไข้ปริศนา ต่างคุยกันอยู่ใกล้เตียงด้วยความเคลิบเคลิ้มอย่างยิ่งยวดตั้งแต่จอมมารถูกช่วยขึ้นจากน้ำตกในอุทยานแห่งชาติที่เดียวกันกับเฉินวาวา หากแต่พบพระองค์ห่างไกลออกไปนอนหมดสติอยู่ทางต้นน้ำ หลังจากนั้นได้ถูกช่วยจากเจ้าหน้าที่อุทยานนำส่งโรงพยาบาลเฉิงตู หลังพระชายาเข้าทำการรักษาไปแล้วหนึ่งวัน นับ
ร่างระหงตรงดิ่งเข้าสวมกอดนางพยาบาลที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอด้วยความดีใจอย่างยิ่งยวด ในขณะที่อีกฝ่าย อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมนางร้ายหน้าสวยจึงรู้จักชื่อของเธอ สายตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ“คุณเฉินวาวารู้จักชื่อของฉันด้วยเหรอคะ” นางพยาบาลที่เหมือนมู่อิงราวเป็นคนเดียวกันถามทำลายความเงียบหญิงสาวที่กำลังสวมกอดด้วยความดีใจ ยิ้มกว้างพร้อมหยาดน้ำตาก่อนจะปล่อยร่างนั้นออกจากอ้อมกอดของเธอเพื่อสำรวจใบหน้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ครั้นยิ่งมองยิ่งเหมือนมู่อิงในยุคอดีตทำให้เฉินวาวายิ่งหลั่งน้ำตามากขึ้นไปกว่าเดิม“ขอโทษด้วยคะ พอดีคุณเหมือนกับคนที่ฉันรู้จักมากๆ เธอมีชื่อและหน้าตาเหมือนกับคุณพยาบาลไม่มีผิดเพี้ยน ก็เลยทำให้นึกถึงและคิดถึงมากด้วย”หญิงสาวตอบพลางส่งเสียงสะอื้นไห้ออกมาทันทีนางพยาบาลสาวถึงกับน้ำตาคลอเบ้าขึ้นมาทันที เธอเอื้อมมือไปจับมือเรียวสวยของนางร้ายที่เธอชื่นชอบ พร้อมเอ่ยปลอบโยน“อย่าร้องไห้เลยนะคะ เดี๋ยวคนที่คุณรู้จักถ้ารู้ว่าร้องไห้เพราะคิดถึงแบบนี้จะไม่สบายใจเอาได้ ร้องไห้มากตาบวมเดี๋ยวไม่สวยนะคะ”หญิงสาวยิ้มกว้างออกมาทันทีเม
ยุคอนาคตมณฑลเสฉวน ณ.โรงพยาบาลเฉิงตูภายในห้องพิเศษบัดนี้ร่างงามระหงของเฉินวาวา กำลังนอนหลับใหลอยู่บนเตียงคนไข้ของโรงพยาบาล หญิงสาวได้กลับคืนสู่ยุคอนาคต และยังคงอยู่บนผืนแผ่นดินจีนอันกว้างใหญ่ เธอหลับใหลตั้งแต่อยู่ในอดีตกาลจนกระทั่งกลับมาสู่อนาคตอย่างไม่คาดฝันร่างของเธอถูกพบอยู่บริเวณน้ำตกในอุทยานแห่งชาติในชุดเกราะและสวมหน้ากากทองคำอยู่ด้วยในขณะนั้น แผลจากคมธนูที่ถูกฮ่องเต้แคว้นเยว่ยิงปักถูกร่างนั้น ถูกเย็บและได้รับรักษาเป็นอย่างดีจากแพทย์แผนปัจจุบันไม่มีใครล่วงรู้ว่าเธอมาปรากฏกายอยู่ที่นี่ได้อย่างไร และเพราะเหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ ในขณะที่การพบนางร้ายหน้าสวยเฉินวาวาเป็นข่าวดังขึ้นหน้าหนึ่งขึ้นมาอีกครั้ง เพราะหญิงสาวหายสาบสูญไปนานกว่าหนึ่งเดือน อันเป็นระยะเวลาของโลกอนาคตที่ดำเนินอยู่ ซึ่งแตกต่างจากยุคอดีตที่จากมากาลเวลาในยุคอดีตผ่านไปแล้วหนึ่งปีในขณะที่เธอใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นนักข่าวต่างรอทำข่าวกันอย่างเนืองแน่น เมื่อข่าวการค้นพบของเฉินวาวา นางร้ายหน้าสว
ฉับพลันสุรเสียงของจอมมารชินซางดังกระหึ่มท่ามกลางทะเลเพลิง“มันผู้ใดหาญกล้าแตะต้องราชินีของข้า!” สุรเสียงของจอมมารดังกึกก้อง พร้อมพระวรกายค่อยๆ ปรากฏขึ้นท่ามกลางทะเลเพลิงที่ลุกโชนท่วมสูงทิวเขาต่อหน้ากองทัพของทั้งสามแคว้นท่ามกลางสายตาของมนุษย์ที่มีมากมายเป็นเรือนแสนของสองฝั่งแม่น้ำ ต่างยืนมองอย่างตกตะลึงเมื่อเห็นบุรุษสวมอาภรณ์สีนิลกาฬ เกศาสีเงินปลิวยายสยาย ในขณะที่รองแม่ทัพซึ่งล่วงรู้เหตุการณ์ทุกอย่างเมื่อเห็นชินอ๋องทรงฟื้นขึ้นดั่งเดิมและปรากฏอยู่ตรงหน้าท่ามกลางทะเลเพลิงอยู่ในขณะนี้“ชินอ๋องทรงฟื้นแล้ว! พระองค์ช่วยพระชายาด้วยพ่ะย่ะค่ะ! ฮ่องเต้โฉดผู้นี้กำลังจะจับพระชายาถ่วงน้ำ!” รองแม่ทัพตะโกนแทรกออกไปทันทีและนั่นทำให้ชิงอวิ้นฮ่องเต้ถึงกับชะงักงันเมื่อบุรุษสูงใหญ่ตรงพระพักตร์แท้จริงแล้วคือชินอ๋องผู้วายชนม์ไปแล้วเมื่อสามเดือนก่อนแต่บัดนี้กลับมาปรากฏพระวรกายด้วยร่างที่ยังคงรูปมิเน่าเปื่อยแต่อย่างใด“เป็นไปไม่ได้! คนตายแล้วฟื้นคืนกลับมาอย่างนั้นรึ!” รับสั่งรำพึงรำพันในขณะเดียวกันพระวรกายสูงใหญ่ทะ