Masuk“แม่ไม่ต้องมาทำเป็นห่วงเรื่องของฉันสองคนเลย ฉันกับอรเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว” นภารีบดักทางวรนุช “ฉันห่วงวุ้นจริงๆ นะแม่ อีกเรื่องที่ฉันเป็นกังวลก็คือ วุ้นมันจะยอมขายตัวเหรอ”
“ฉันมีวิธีพูดให้มันยอมก็แล้วกัน”
“แม่มั่นใจขนาดนั้นเชียว” เอมอรพูดเชิงถาม
“ก็เออสิวะ แกสองตัวอย่าลืมสิว่า ฉันเป็นคนเลี้ยงมันมาตั้งแต่แบเบาะ ทำไมจะไม่รู้นิสัยมัน เชื่อมือฉันเถอะ ฉันทำงานแบบนี้มาตั้งยี่สิบกว่าปี พูดให้ผู้หญิงยอมขายตัวไม่ยากหรอก ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากซะด้วยซ้ำ” วรนุชพูดอย่างมั่นใจ
“ฉันรู้ว่าแม่เก่ง แต่แม่อย่าลืมนะว่า วุ้นไม่ใช่ผู้หญิงหิวเงิน หรือเห็นวัตถุดีกว่าความสาวของตัวเอง ที่จะยอมพลีกายแลกเงิน ข้อสำคัญมันเรียนจะจบอยู่แล้วด้วย อนาคตมันสดใสยิ่งกว่าตะวันส่องโลกเสียอีก มันไม่มาอยู่ในโลกมืดมนหรอกแม่”
เอมอรรู้นิสัยของวรนุชและธันย์ณิชาดีพอๆ กัน เธอจึงมองไม่ออกว่า วรนุชจะเอาเรื่องใดไปกล่าวอ้างที่จะให้ธันย์ณิชายอม
“ฉันมีวิธีของฉันก็แล้วกัน แต่แกสองตัวกับคนอื่นๆ ห้ามสอดเรื่องนี้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
วรนุชพูดจบก็ลุกเดินออกไปจากห้องทำงานทันที ปล่อยให้เอมอรกับนภานั่งมองหน้ากัน และมีความคิดเดียวกันว่า งานนี้วรนุชจะต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมอันแพรวพราวที่ตนมี มาพูดชักจูงใจให้ธันย์ณิชายอม แต่จะเป็นวิธีใดนั้น ทั้งสองก็ไม่อาจรู้ได้
หญิงสาวในชุดนักศึกษาก้าวลงมาจากรถประจำทางสายประจำ จากนั้นก็เดินเรื่อยๆบนริมทางเท้าไปยังหมู่บ้านรินรณี หมู่บ้านขนาดใหญ่ที่แบ่งเป็นโซนบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ ซึ่งบ้านของเธออยู่ในโซนทาวน์เฮาส์ซอยห้า
ระหว่างที่เดินเข้าหมู่บ้าน เธอโปรยยิ้มให้คนที่รู้จักในหมู่บ้านที่เดินผ่าน แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เธอก็ยังแจกยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง
“วันนี้เดินยิ้มแฉ่งเลยนะ ดีอกดีใจอะไรล่ะ” ป้าพยุง เจ้าของร้านค้าประจำหมู่บ้านทักธันย์ณิชาที่เข้ามาซื้อน้ำดื่ม
“ป้ายุงจ๋า วุ้นเรียนจบแล้วจ้ะ” เธอตอบ ยิ้มหวานให้อีกฝ่าย
“ป้าดีใจด้วยนะที่วุ้นเรียนจบ ถ้าอย่างนั้นน้ำขวดนี้ป้าให้ฟรีนะ เป็นรางวัลที่วุ้นเรียนจบ”
พยุงเห็นสาวตรงหน้ามาตั้งแต่เด็ก ธันย์ณิชาเป็นเด็กดี อัธยาศัยน่ารัก พูดจาไพเราะอ่อนหวาน นิสัยยังดีอีกด้วย คนในหมู่บ้านที่รู้จักเธอ ต่างพากันรักและชื่นชม แม้ว่ามารดาของเธอจะมีอาชีพที่บางคนในหมู่บ้านไม่ยอมรับก็ตาม
“ขอบคุณค่ะป้ายุง” นักศึกษาจบใหม่พนมมือไหว้พร้อมกล่าวคำขอบคุณ “วุ้นไปก่อนนะจ๊ะป้า”
ธันย์ณิชาออกจากร้านขายของชำ ก้าวเดินต่อไปยังบ้านของตนที่อยู่ห่างจากร้านค้าสิบหลัง เธอเดินไปยิ้มไป และตั้งใจว่าจะนำข่าวดีนี้ไปบอกบิดามารดา ท่านทั้งสองจะได้ดีใจกับความสำเร็จของตน ทว่าเสียงดังเอะอะที่ดังออกมาจากบ้านของตน เสียงนั้นเป็นเสียงของวรนุชที่ตะโกนว่า ‘ช่วยด้วย’ ดังลั่นบ้าน ดังออกมาถึงหน้าประตูบ้าน เธอรีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที
“แม่ แม่ แม่เป็นอะไร” เสียงของธันย์ณิชาดังมาก่อนตัว พอเข้าไปถึงในบ้าน เธอรีบวิ่งไปกอดมารดาที่นั่งอยู่บนพื้น มีชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่ ไว้หนวดเคราหน้าตาน่ากลัวสองคน ยืนถือปืนอยู่ “พวกคุณเป็นใคร ทำอะไรแม่ของฉัน”
“กูมาทวงเงินแม่มึงนะสิ ติดเจ้านายกูล้านห้า วันนี้ครบกำหนดแล้ว กูเลยมาทวงแต่แม่มึงไม่มี กูก็เลยต้องสั่งสอนแม่มึงหน่อย คิดว่าเป็นดอกเบี้ยก็แล้วกัน” โด่งลูกน้องเสี่ยวิชัย เจ้าพ่อเงินกู้ชื่อดังย่านรัชดาตอบคำถามนักศึกษาสาวหน้าตาสะสวย
ธันย์ณิชาเบิกตากว้างอย่างตกใจกับคำตอบที่ได้รับ ทำไมเธอไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน ไม่คิดว่ามารดาจะมีหนี้สินมากถึงเพียงนี้ บ้านของเธอแม้ว่าจะเป็นเพียงทาวน์เฮาส์หลังเล็ก แต่การเงินไม่เคยขาดสภาพคล่อง เธอไม่เคยได้ยินเดชดวงกับวรนุชบ่นเรื่องเงินไม่พอใช้เลย แถมยังคิดแผนไปเที่ยวต่างจังหวัดและต่างประเทศด้วยซ้ำไป พอได้ยินอย่างนี้ เธอถึงกับอึ้งและไม่เข้าใจ
Chapter 11ดูเหมือนว่าณดลจะเข้าใจมารดา เด็กชายรับคำผู้เป็นแม่ ทว่าสายตายังไม่ละห่างจากโมเดลการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่เหล่านั้น ภาพและคำพูดของสองแม่ลูกตกอยู่ในสายตาของชายคนหนึ่งที่เดินเข้ามาในบ้าน ซึ่งเขาเองก็จำได้ดีว่า สองคนนี้คือใคร“เธอกับลูกมาทำอะไรที่นี่”ดารากานต์หันมามองเจ้าของเสียงเข้มที่ยืนกอดอกอยู่ตรงประตูบ้าน ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาหาเธอ“แล้วคุณล่ะมาทำอะไรที่นี่ ตอนนี้เวลางานไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ไปทำงาน มายืนอู้งานอยู่ตรงนี้ได้ยังไง เสียแรงที่นายเหมืองดีกับคุณ แต่คุณกลับทำงานไม่เต็มที่ อย่างนี้ต้องไล่ออกสถานเดียว”ดารากานต์ตอบไม่ตรงคำถาม หนำซ้ำยังต่อว่าเขาชุดใหญ่ เธอไม่คิดว่าจะเจอคนไม่มีมารยาทที่นี่ ทั้งที่ในใจก็หวั่นๆ ตั้งแต่เห็นรถจี๊ปคันนั้นจอดอยู่หน้าบ้านพยัคฆ์มองหน้าคนที่ต่อว่าเขาฉอดๆ หลุบตามองปากจิ้มลิ้มที่เขาคิดว่า มันน่าจูบเสียเหลือเกินชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะเลื่อนสายตามองดวงตาคู่หวานที่ตรึงใจเขาอย่างบอกไม่ถูก“ก็ไม่อยากทำตอนนี้ มีอะไรไหม” เขาตอบกวนกลับ “เธอยังไม่ตอบคำถามฉันเลยนะว่า เธอมาทำอะไรที่นี่”“ฉันมา...” เสียงของดารากานต์พูดค้าง เมื่อเสียงของโก๋ดังแทรก และเป็นประโยคคำพูดที
Chapter 10โก๋ไม่ได้ยกยอปอปั้นคุณงามความดีของนายเหมืองพยัคฆ์เพลิง ที่เขากล่าวมาล้วนแล้วแต่เป็นความจริงทั้งสิ้น แม้ว่าภายนอกเจ้าของแห่งนี้จะดูบ้าบิ่น โหดเหี้ยม แต่เนื้อในกลับมีจิตใจที่แตกต่าง น้ำเสียงและสีหน้าของโก๋ ยามพูดถึงเจ้านายของตน แสดงให้เห็นถึงการเทิดทูนและจงรักภักดี“เจ้านายอย่างนี้หายากนะคะ ส่วนใหญ่จะให้แค่สวัสดิการขั้นพื้นฐาน แต่เท่าที่ฟังมา นายเหมืองให้เยอะมากๆ ค่ะ”“เยอะสิ เยอะมากด้วย นายเหมืองบอกว่า คนงานทุกคนทำให้เขาร่ำรวย มีเงินกินมีเงินใช้ เรื่องที่นายเหมืองทำให้ไม่ถึงครึ่งกับที่ทุกคนให้มา แต่ถ้าคนไหนออกนอกกรอบที่นายเหมืองกำหนดไว้ นายเหมืองก็ไม่เอานะ ไล่ออกไปหลายคนแล้ว”ทุกอย่างย่อมมีขอบเขต นายเหมืองพยัคฆ์เพลิงใจดีก็จริง แต่บทจะร้ายขึ้นมา หน้าอินทร์หน้าพรหมก็ไม่สน และอารมณ์เปรียบประดุจพายุงวงช้างบวกกับอุกาบาศก์ถล่มโลก ทุกอย่างจะราบเป็นหน้ากลอง“ยิ่งได้ฟังกิตติศัพท์ของนายเหมือง ดาวชักอยากจะเห็นหน้าซะแล้ว”“ดาวได้เห็นแน่ ตอนนี้อาบน้ำอาบท่าให้สดชื่นและพักผ่อนสักงีบดีกว่านะ” เขาพูดขณะที่หยุดยืนหน้าห้องพัก โก๋ไขกุญแจแล้วเปิดประตู “เป็นไง อยู่ได้ไหม”“อยู่ได้สิคะ ดีกว่าห้องท
Chapter 9เธอขู่ไปอย่างนั้น โดยไม่ได้คิดอะไร อาจเป็นเพราะหมั่นไส้ท่าทางโอหังของเขาด้วยพยัคฆ์แม้ว่าจะนิ่งอึ้งกับคำพูดประโยคนี้ของเธอ แต่เขาก็อยากจะหัวเราะกับท่าทางขึงขังของเธอมากกว่า แถมยังคิดว่า ท่าทางของเธอน่ารักไม่หยอก“อ้าว นายเหมืองมีลูกมีเมียตอนไหนเนี่ย ทำไมฉันไม่รู้เรื่องล่ะ”ดารากานต์ทำหน้าตาเลิ่กลั่ก ในใจก็กลัวว่า เขาอาจจะรู้ว่า นายเหมืองพยัคฆ์เพลิงไม่มีครอบครัว ฉะนั้นเรื่องที่ตนบอกไปเขาก็ต้องคิดว่า ไม่เป็นความจริง“ว่าแต่คุณจะขอโทษฉันกับลูกไหม ที่คุณขับรถเหมือนขโมยใบขับขี่มา” เธอเปลี่ยนเรื่อง เกรงว่าเขาจะจับไต๋ได้“ฉันไม่ผิด ทำไมต้องขอโทษ ฉันขับรถของฉันมาดีๆ ความเร็วก็แค่หกสิบเอง เพราะฉันรู้ดีว่าถนนเส้นนี้ไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวที่สัญจรไปมา ฉันระวังเรื่องการขับรถทุกครั้งที่นั่งหลังพวงมาลัย ลูกเธอจู่ๆก็วิ่งมาตัดหน้ารถฉันเองนะ อย่างนี้ใครจะผิด” พยัคฆ์พูดด้วยเหตุผล“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ คุณทำลูกฉันตกใจ และคุณก็เป็นผู้ใหญ่จนสุนัขเลียก้นไม่ถึง คุณต้องขอโทษลูกฉัน” เธอเสียงแข็ง“ไม่ ฉันจะขอโทษเมื่อฉันคิดว่าตัวเองผิด” พยัคฆ์เสียงแข็งกลับ“คุณนิสัยแย่ที่สุด” ดารากานต์ต่อว่าเขาอีกครั้ง ก่
Chapter 8เหมืองพยัคฆ์เพลิงหญิงสาววัยยี่สิบห้าปีก้าวลงมาจากรถรับจ้างพร้อมกับเด็กชายวัยสามขวบ ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินเข้าไปในอาณาจักรเหมืองแร่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สถานที่ที่เปรียบเสมือนที่พักพิงใหม่ของสองแม่ลูก หลังจากที่ต้องอาศัยอยู่กับญาติของบิดาที่กดขี่เธอราวกับเป็นทาส ทว่าไม่เท่ากับที่เขาทำร้ายลูกชายของเธอ และนั่นทำให้ดารากานต์ตัดสินใจสมัครงานเป็นพนักงานบัญชีของเหมืองแห่งนี้ตามคำแนะนำของเพื่อน พรุ่งนี้คือวันเริ่มทำงานวันแรกระหว่างทางที่ดารากานต์เดินจูงมือลูกชายอยู่นั้น ตุ๊กตาหุ่นยนต์ที่ณดลถือเล่นอยู่เกิดหลุดมือเด็กชาย มันกระทบบนพื้นก่อนจะกระเด้งไปกลางถนน เจ้าของหุ่นยนต์สะบัดมือจากมือมารดา แล้วเดินไปกลางถนนเพื่อหยิบของเล่นตัวโปรด“เฮ้ย! เอี๊ยดดดด” เสียงร้องตกใจของเจ้าของรถจี๊ปดังพร้อมกับเสียงห้ามล้อ“กรี๊ดดดด” ดารากานต์กรีดร้องสุดเสียง เธอใจหายวาบ รู้สึกเหมือนหัวใจกำลังตกไปอยู่บนพื้น เธอรีบถลาไปหาลูกชายที่นั่งอยู่บนพื้น สีหน้าไร้เดียงสาตกใจไม่แพ้ผู้ใหญ่ทั้งสอง นั่งมองหน้ารถยนต์ที่อยู่ห่างกับตนไม่ถึงหนึ่งเมตรตาค้าง“เป็นไงบ้างครับตาม เจ็บตรงไหนหรือเปล่าลูก”ดารากานต์ตรวจดูร่า
Chapter 7“แม่คงทำตามที่วุ้นต้องการไม่ได้ ไม่มีแม่คนไหนหรอกนะที่จะให้ลูกตัวเองขายตัว แม้ว่าแม่จะมีอาชีพเป็นมาม่าซังก็ตาม” วรนุชปฏิเสธความหวังดีของบุตรสาวบุญธรรม“แต่มันเป็นความต้องการของวุ้น ที่วุ้นมีชีวิตอยู่ได้ทุกวันนี้ก็เพราะแม่ ถ้าไม่มีแม่ก็ไม่มีวุ้น ถึงแม้ว่าแม่จะไม่ได้ให้กำเนิด แต่แม่ให้ชีวิต ทำไมวุ้นจะเอาความสาวมอบเพื่อใช้หนี้ให้แม่ไม่ได้คะ ชีวิตของวุ้น วุ้นก็ให้แม่ได้” สำหรับธันย์ณิชา ความบริสุทธิ์เป็นเรื่องรอง ชีวิตของบุพการีที่ชุบเลี้ยงตนมาตั้งแต่เกิดต่างหากที่เป็นเรื่องหลัก ความกตัญญูเป็นเรื่องสำคัญที่เธอต้องยึดมั่นปฏิบัติ แล้วตอนนี้เธอมีโอกาสทดแทนบุญคุณ หญิงสาวจึงไม่ลังเลที่จะทำ“แม่หาทางอื่นก่อนดีกว่า แม่ทำใจไม่ได้ที่ให้วุ้นทำอย่างนั้น” วรนุชยังคงความตั้งใจเดิม“ถ้าแม่มีทางอื่นที่ดีกว่านี้ แม่คงไม่มานั่งปรับทุกข์กับพี่อร พี่ภาหรอกค่ะ ที่แม่กลุ้มเพราะแม่ไม่มีทางออก ตอนนี้วุ้นหาทางออกให้แม่แล้ว แม่รับไว้เถอะค่ะ วุ้นเต็มใจขายตัวเพื่อแม่”น้ำตาของผู้พูดไหลริน ทั้งที่พยายามเก็บกักมันไว้เต็มกำลัง สุดท้ายก็ทำไม่ได้ ทว่าน้ำตาที่รินไหลแม้ว่าจะมาจากความเสียใจที่ตนต้องพลีกายให้ชายที
Chapter 6“แล้วพ่อกับศักช่วยอะไรแม่ได้ไหม” เอมอรถามถึงสามีและลูกชายของวรนุช“จะช่วยอะไรได้ล่ะ แกสองตัวก็รู้ๆ อยู่ แค่ไม่เอาปัญหาใหม่มาให้ฉันก็ถือว่าดีมากแล้ว”พอพูดถึงเดชดวงกับศักรินทร์ สามีและลูกชายของวรนุช สีหน้าของนางก็หมองเศร้าลง เพราะทั้งคู่ดีแต่สร้างปัญหาให้นางไม่หยุดหย่อน เดี๋ยวเรื่องนั้น เดี๋ยวเรื่องนี้ ทว่าพักหลังทั้งคู่ทำตัวดีขึ้น ไม่นำความเดือดร้อนมาให้นาง แต่ถึงกระนั้นก็วางใจไม่ได้ นางยังกลัวๆ อยู่ว่า อาจจะนำเรื่องปวดหัวมาให้นางสักวัน“ถ้าอย่างนั้นก็มีทางเดียวนะแม่คือ แม่ต้องหาสาวพรหมจรรย์ให้พ่อเลี้ยง ถ้าแม่ไม่หาแต่ไปหาหนี้สินก้อนใหม่ มันก็จะดินพอกหางหมูไปกันใหญ่ หนี้ไม่ลดแต่กลับเพิ่มขึ้นมา”ธันย์ณิชาที่ยืนแอบฟังอยู่ใจเต้นแรง เธอไม่คิดว่าวรนุชจะมีปัญหาทางด้านการเงินหนักมากถึงเพียงนี้ อีกทั้งหนี้สินยังเร่งรัดจนหายใจหายคอไม่ออก ระหว่างที่กำลังยืนอึ้งกับการสนทนาที่ได้ยิน สุเมธ พนักงานในลานจอดรถได้เดินมาอีกทางหนึ่ง เขาผลักประตูเข้าไปโดยไม่เคาะ ในมือถือกล่องหนึ่งมาด้วย“แม่ มีคนฝากกล่องนี้มาให้” สุเมธบอกเจ้าของห้อง“มึงนี่ไอ้เมธ มึงไม่เคาะประตูห้องอีกแล้วนะ” วรนุชตวาดแว้ดใส่“โ







