เมื่อได้ยินเสียงร้องโวยวายของแม่นม ภวิชไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าขายาวๆ ก้าวเดินตรงไปยังห้องครัวที่ทะลุประตูหลังของบ้านใหญ่ เยื้องออกไปเป็นบ้านหลังเล็ก และถัดไปอีกไกลพอตัวซึ่งเป็นบ้านพักของคนงาน ไม่แปลกหรอกที่มินตราจะไม่ได้ยินเสียงเอ๊ะอ๊ะโวยวายของภวิชที่ทำขึงขังเสียงดัง เพราะมันอยู่ห่างกันกับห้องครัวพอประมาณ
“ คุณมินไม่ต้องเก็บหรอกค่ะเดี๋ยวป้าเก็บเอง ” “ เกร้ง ๆ ไม่เป็นไรค่ะมินเก็บดีกว่าเดี๋ยวมีคนมาเหยียบเข้าจะแย่ไม่ลำบากอะไรนี่ค่ะ ” “ ฟึ่บ กึก โอ้ย /กรี๊ด ” มือเรียวเล็กของมินตราที่กำลังเก็บเศษจานแก้วที่เผลอทำหล่นแตกถูกกระชากอย่างแรงทำให้มือที่กำลังเก็บเศษแก้วนั้นถูกของคมแหลมบาดเข้าให้เป็นทางยาว เธอร้องด้วยความตกใจส่วนแม่นมนั้นกรี๊ดเสียงหลงเพราะทั้งตกใจที่เห็นคุณชายที่เธอเลี้ยงดูฉุดกระชากหญิงสาวแถมมินตรายังโดนของคมปักเข้าที่มืออีก มินตราเงยหน้ามองคนที่มาฉุดกระชากเธอ “ พี่วิช ” เธอยิ้มออกกว้างด้วยความดีใจจนลืมบาดแผลไปแล้วด้วยซ้ำคิดถึง เขาอยากกอดมากๆรู้ทั้งรู้ว่ายังไงวันนี้เขาก็กลับมาแต่ทำไมรู้สึกดีใจไม่น้อย ต่างจาก ภวิชที่แววตาลุกเป็นไฟโชติโชนไม่ได้สังเกตุสิ่งผิดปกติที่ไหลตรงมือของเธอเลย “ ออกไปกันให้หมด! ฉันมีเรื่องต้องคุยกับมินตรา ออกไป้! ” ไล่ทุกคนไปให้พ้นหน้าตอนนี้ไม่ได้สนใจเลยว่ามีคนที่เลี้ยงดูเขามาแต่เด็กอยู่ด้วย ป้านิ่มยกมือปิดปากด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่าสาวใช้ยังไม่รีบออกไปอีกเขาก็สั่งอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง “ บอกให้ไสหัวออกไปกันให้หมดไงไม่เข้าใจหรอ!! ไป้ ” เขาหันไปตะคอกสาวใช้ สองสามคนที่ยืนก้มหน้าขาสั่นอยู่ข้างๆแม่นมของเขา ตอนนั้นภวิชเพิ่งสังเกตเห็นว่า มีคนที่เปรียบเสมือนแม่อยู่ด้วยน้ำเสียงเกี้ยวกราดไม่ควรทำใส่ท่าน “ ผมขอโทษครับแม่นิ่ม แม่นิ่มพาทุกคนออกไปทีครับผมมีเรื่องต้องคุยกับมิน ที่บ้านสองคน! ” สองคนที่เขาจงใจเน้น นั่นหมายถึงบ้านหลังใหญ่นั้นต้องไม่มีการเยื้องย่างเข้าไปยุ่งเด็ดขาดถ้าไม่ได้รับอนุญาต “ ค่ะคุณชายค่อยๆพูด กันนะคะ ไปสิเร็วๆ เดี๋ยวก็โดนหรอก ” ป้านิ่มบอกคุณชายคนเล็กอย่างห่วงๆมินตรา แล้วหันไปสั่งลูกน้องบรรดาเด็กรับใช้ทั้งหลายให้ออกไปจากบริเวณนั้นเมื่อภวิชเห็นว่าทุกคนออกไปจากพื้นที่แล้วเหลือแค่สาวเจ้ามารยา เขาจะคาดโทษและลงทัณฑ์ให้สาสมกับที่ทำให้หึงจนเป็นบ้า ฝ่ามือหนาที่กระชากแขนมินตราครั้งแรกถูกกระชากเข้าหาอกแกร่งอีกครั้งภวิชกำข้อมือเธอแน่นอีกมือก็สอดเข้าที่เอวกิ่วของเธอ แววตาดุดันเหมือนจ้องจะตะครุบเหยื่อไม่พูดอะไรสักคำจ้องหน้ามินตาที่ทำสีหน้าตกใจไม่น้อยแววตาสงสัยที่มองมายังเขา ภวิชไม่รู้เลยว่ามันเป็นความสงสัยของเธอจริงหรือ หรือมารยากันแน่ “ พะ พี่วิช พี่วิชเป็นอะไรค่ะ ” เธอถามเสียงอ่อนแววตาเริ่มรื้นคลอเต็มเบ้าตาด้วยความตกใจแล้วก็รู้สึกเจ็บแผลแล้วด้วย “ ปั่นหัวฉันสนุกนักใช่ไหม ดีเลยงั้นฉันจะทำให้สนุกกว่านี้ ฟึ่บ ” “ อะ อือ อือ พะ พี่ วิช อืม ” ริมฝีปากหยักหนาประกบปากร่างบางอย่างรุนแรงและเร่าร้อน...เขาโหยหาเธอ....อยากกอดอยากสัมผัสเธอความรุนแรงก็ยิ่งมากขึ้นรถจูบที่เริ่มได้กินคาวเลือดไม่ได้ทำให้ภวิชลดความเถื่อนลง เขากระชากเสื้อมินตราจนกระดุมขาดกระเด็นไป “ ผลั๊ก พี่วิช ฮ่า อืม ยะ อย่าทำแบบนี้กับมิน บะ แบบนี้ ” มินตราผลักเขาออกเพราะความรุนแรงที่เขาจูบเธออย่างกับจะสูบเลือดสูบเนื้อ “ อย่ามาทำไม่เคยไปหน่อยเลย เราทำอะไรๆกันมากกว่านี้มาไม่รู้กี่ครั้งแล้วจะมาหวงตัวกับฉันทำไม ” คำพูดคำจาไม่ได้แคร์เลยว่าคนฟังจะรู้สึกยังไง “ นี่คุณเป็นอะไรของคุณ มาพูดจาดูถูกฉันแบบนี้ทำไม ” มินตรามองเขาด้วยความเจ็บปวดเขาเป็นบ้าอะไรของเขาสรรพนามเปลี่ยนแปลงไปตามอารมณ์ “ ถ้าคุณอารมณ์ร้อนแบบนี้ฉันว่าเราอย่าเพิ่งคุยกันดีกว่า ” เธอพยายามดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุมของเขา “ จะไปไหน! มีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน กับผัวนี่เล่นตัวกับชู้นี่ร่าเริงใช่ไหม!หรือเห็นฉันโง่คิดอยากสวมเขาให้ ใส่สนตะพาย....ห้ะ ” “ กรี้ส นี่คุณวิชปล่อยฉันนะ โอ้ยพูดอะไรของคุณ ” มินตราดิ้นรนจากการกอดรัดของเขา แถมยังทุบตีหลังของเขาตุ๊บตั๊บเมื่อชายหนุ่มหันมาแบกตัวเธอพาดไว้ที่บ่าแล้วเดินตรงกลับไปห้องนอนของตัวเองอย่างรวดเร็ว “ ตุ๊บ... ” เมื่อถึงห้องนอนเขาก็กึ่งโยนกึ่งวางเธอลงบนเตียง “ โอ้ย เจ็บนะ ” มินตราค่อยๆ ลุกนั่งอย่างอยากลำบากแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะ ภวิชขึ้นคร่อมบนตัวของเธอ “ ออกไปนะ ” มินตราเริ่มรู้สึกพะวงกับคนตรงหน้าท่าทางของเขาคุกคามไม่เป็นมิตรเอาซะเลย “ อย่าไล่ผัว! เพราะตอนนี้ผัวต้องการ....! ” เขามองด้วยแววตาเจ้าเล่ห์และไม่รอช้าที่เขาจะจูบ...บดขยี้ริมฝีปากบางไม่ทะนุถนอมไม่แม้แต่จะออมแรง ไฟปรารถนาลุกโชกโชนขึ้นอีกครั้งเขารวบมือน้อยๆ ที่ทุบอกแกร่งของเขารวบมันขึ้นไว้เหนือศรีษะลิ้นช่ำชองกวาดต้อนเรียวลิ้นเล็กหวานความรู้สึกวูบๆวาบๆกำลังจู่โจมมินตราด้วยรสเสน่หาของเขา “ แคว้ก ” “ อย่า คุณวิช อย่าทำกับฉัน อ่า แบบนี้ ” น้ำเสียงขาดห้วงพยายามพูดให้ได้ใจความ อารมณ์ปรารถณาที่เขาสร้างให้เธอทรมานเล่น “ โอ้ย! ” มินตราร้องด้วยความเจ็บที่เขากดเขี้ยวฟันคมดั่งคมเล็บลงบนผิวของเธอมือลูบไล้สัมผัสไปทั่วเรือนร่างบอบบาง มินตราน้ำตาคลอที่เบ้าตาด้วยความกลัว เขาเป็นอะไรทำไมเขาต้องทำรุนแรงกับเธอแบบนี้ “ เคยบอกให้เรียกว่ายังไง หืม” เขากระเซ้าเย้าแหย่กระซิบข้างหูเธอเบาๆขบเม้มให้เธอเกิดอารมณ์ไปกับเขา “ ได้โปรดอย่าทำกับมินแบบนี้ ฮือๆ ” เสียงสะอื้นของคนใต้ร่างที่ถูกเขาถอดปราการไปจนหมดสิ้นทำให้คนที่กำลังเพลิดเพลินกับดอกบัวสีชมพูหวานที่กำลังก่อตัวตั้งเต่งตูมรับสัมผัสสู้กับปากของเขาถึงกับฉุน “ จะเก็บเอาไว้นอนแบ...ให้มันเอารึไง! กับผัวถึงห้ามนักหนาห๊ะมินตรา!! ไหนบอกมาสิกับฉันเนี่ยเธอรังเกียจนักหรือไงห๊ะ ตอบมา ” เขาเงยหน้ามองบีบหัวไหล่สองข้างของเธอเขย่าแรงๆ หน้าอกน้อยสั่นกระเพื้อมตามแรงของเขาภวิชที่ถอดเสื้อโยนทิ้งลงพื้นไปแล้วเหลือเพียงส่วนล่างเท่านั้นที่ยังสมบูรณ์ครบทุกอย่าง “ ฮือๆๆๆคุณพูดเรื่องอะไรใครมีชู้ฮือๆ ใครกันฮือๆ ” เธอร้องไห้จนตัวโยน " อยากปากแข็งนักใช่ไหม ได้เลยมิน...” เขาจัดการถอดเข็มขัดแล้วโยนมันอย่างไม่สนใจนักมินตรามองเขาอย่างผวาเมื่อรู้ทันทีว่าสิ่งที่จะตามมามันไม่ต่างจากการถูกข่มขืน “ ฮือๆ ไม่นะ พี่วิช ” “ หึ เรียกชื่อผัวแบบเดิมได้แล้วหรอ? ” เขายิ้มมุมปากแต่มันช่างเยือกเย็นซะเหลือเกิน “ สายไปแล้วมิน ” “ โอ็ย พะพี่วิชมินเจ็บ...อ่า.ฮือๆ ” มินตราผวาแทบขยับตัวหนีเมื่อมังกรที่ผงาดชูชันของเขาจ่อเข้ากับกลีบกุหลาบของเธอแล้วดันเข้าหาเธอจนลึกสุดแกนกายร่างกายที่ไม่มีการเล้าโลมเตรียมความพร้อมสำหรับรสสวาทมันย่อมสร้างความเจ็บปวดไม่ต่างจากเสียพรหมจรรย์ครั้งแรก ไม่มีการประโลมเล้าอารมณ์ให้เธอเคลิ้มไปกับเขาเช่นทุกครั้ง “ อ่า ยังฟิตเหมือนเดิม อ่ามิน ” เขาทรมานจนปวดเกร็งไปทุกสัดส่วน “ อะ พี่วิชฮือ หยุดเถอะนะ นะคะ ” มินตราอ้อนวอนแต่เสือหิวกระหายมีหรือจะฟัง เมื่อรุนแรงแต่เธอไม่มีอารมณ์ร่วมมันจะสนุกอะไร สู้ทำให้เธอหื่นกระหายเต็มใจไปกับเขาไม่ดีกว่าเหรอคิดดังนั้นภวิชก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างห้ามไม่ได้ มือหนาเอื้อมสัมผัสแก้มมินตราที่ร้องสะอื้นอยู่ใต้ร่างของเขาบางสิ่งที่มินตราได้รับรู้พฤติกรรมการกระทำของเขาที่อ่อนโยนแบบนี้อยากเก็บไว้นานๆเขาลูบแก้มของเธอบางเบาจุมพิตที่หางตาซับน้ำตาแทนผ้าเช็ดหน้าด้วยริมฝีปากพรหมจูบไปทั่วหน้าอย่างอ่อนโยนไม่ป่าเถื่อนเช่นเมื่อครู่ “ ไม่คิดถึงพี่บ้างเลยหรอมิน...หรือมีแต่พี่ที่คิดถึงมินฝ่ายเดียว ” มลายสิ้นแล้วความโกรธแววตาที่ภวิชมองมินตราที่วาดหวังผิดหวังน้อยใจหรือไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองกันแน่เขาจะรักเธอหรอ......เขาจะมีใจกับเธอหรอ...หรือเธอคิดไปเองข้างเดียวว่าได้เป็นคนพิเศษของเขา ภวิชจ้องมองลึกในดวงตาสีนิลที่จ้องมองเขาเขาเองก็อยากรู้คำตอบของมินตราแต่ได้เพียงเห็นแต่น้ำตาที่ไหลมาไม่ขาดสาย มือบางกล้าๆกลัวๆใช้มือขวาไม่เจ็บและยังมีสภาพปลอดภัยลูบที่แก้มเขาเบาๆ แล้วยกศรีษะขึ้นจูบ พร้อมหยดน้ำตาใสๆที่ภวิชไม่ได้สนใจตรงนั้นเขากำลังตะลึงกับสัมผัสของเธอ มินตรารู้ดีว่าหากเธอหลุดปากพูดอะไรไปในตอนนี้มันหมายถึงการทำสงครามของเขาและเธอ พายุอารมณ์ความปรารถณาแรงกล้าขึ้นมาจนยากจะดับเสียงครวญครางไม่ได้ศัพท์ของทั้งสองคนดังระงมทั้งคืนทั่วห้อง ด้วยหัวใจที่เรียกร้องต่อกัน พรุ่งนี้ฉัน ทุกอย่างอาจจะเป็นแค่ภาพฝันก็ได้ มินตราคิดในใจแล้วปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเขา ซึมซับทุกอย่างในตัวตนของเขามินตราค่อยๆลืมตาขึ้นมาในเช้าอีกหนึ่งวัน คุณหญิงมณีจึงตรงเข้าไปกอดลูกสาวเอาไว้แน่น “ มินตื่นแล้วหรอลูกเป็นยังไงบ้างค่อยๆลุกนะลูก ” “ มินรู้สึกเจ็บท้องค่ะแม่ แล้วลูกมินหล่ะค่ะ แม่ ลูกมินยังอยู่ใช่ไหมคะ ”มินตราเริ่มผวาเมื่อเธอสัมผัสหน้าท้องเธอจำได้ว่าเมื่อวานเธอมีอาการตกเลือดทำไมเธอเจ็บท้องแล้วความฝันก่อนหน้านั้นที่หนุ่มน้อยเดินหายไปจากเธอคืออะไร “ มินใจเย็นๆนะลูก ” “ ลูกมินยังอยู่ใช่ไหมคะ ลูกของหนู ” “ เขาไม่อยู่แล้วลูก หนูเสียเลือดมากคุณหมอต้องขูดมดลูกเพื่อช่วยชีวิตมินไว้ ” “ ไม่จริงอ่ะ แม่โกหกใช่ไหม ลูกหนูกับพี่วิช แม่โกหกใช่ไหม ฮือๆ แล้วพี่วิชหล่ะคะแม่ พี่วิชเขาปลอดภัยใช่ไหมคะแม่ ใช่ไหมฮือๆ ” “ ใจเย็นก่อนนะลูก คุณวิชเขาปลอดภัยหนูอยากไปหาเขาไหม ” “ จริงนะคะ เขาปลอดภัยจริงนะคะ ” ถึงแม้เธอจะเศร้าใจเรื่องลูกแต่ ภวิชปลอดภัยความหวังเธอก็ยังไม่โดนพังหมดซะทุกอย่าง ผู้เป็นแม่เมื่อเห็นน้ำตาของลูกก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ตามเธอสงสารลูกสาวคนเดียวอย่างจับใจแต่เมื่อโชคชะตาให้ลูกเธอเจอแบบนี้ เธอคงทำได้เพียงยืนอยู่ข้างๆเธอไม่ตอบอะไรมากนอกจากพยักหน้า มินตราถูกพยุงให้นั่งรถเข็นแ
ณ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่ภัสสรใช้เวลาพอสมควรกว่าจะ มาถึง “ ถึงแล้ว ลงมาสิ ” “ เรามาทำอะไรกันที่นี่หรอคะ ” “ ฉันคงพาเธอมานั่งรถเล่นมั้งจะไปไหมเร็วๆเข้า ” “ อ๋อค่ะๆ ” มินตราปลดสายเข็มขัดนิรภัยออกจากตัวแล้วรีบลงจากรถเมื่อเห็นว่าสาวน้อยที่พามาเริ่มหงุดหงิดแต่เธอก็ไม่เคยคิดโกรธภัสสรเลยเธอกลับชอบเพราะภัสสรซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเธอเองมินตราก้าวเท้าเข้ามาในโรงพยาบาลด้วยความรู้สึกหลากหลายเธอสงสัย เธอกังวลหรือเธอกำลังกลัวกันแน่ ภัสสรสรเดินนำมินตราไปจนหยุดที่หน้าห้องพักห้องหนึ่ง “ แกร๊ก ” “ ถึงแล้วเข้าไปสิ ” ภัสสรยืนพิงประตู เบี่ยงหลบทางให้มินตราที่ทำท่าชะเง้อชะแง้มองดู มินตรากล้าๆกลัวๆเดินเข้าไปในห้องเธออยากพบภวิชนะแล้วภัสสรพาเธอมาเยี่ยมใครกัน มินตราเดินใกล้เข้ามายังเตียงผู้ป่วยก็พบกับทั้งพ่อแม่ภวัตต์และรฏาในห้อง เท่านั้นยังไม่พอทุกคนหันมามองเธอเป็นตาเดียวคำพูดต่อมาของภวัตต์ทำให้มินตราก้าวขาไม่ออก “ วิช มินมาหา นายลืมตามาดูเธอหน่อยสิฉันรู้ว่านายคิดถึงเขา ” เปลือกตาภวิชที่ขยุบขยิบเหมือนกับได้ยินสิ่งที่ภวัตต์บอกแต่ปฏิกิริยาไม่มีการตอบสนองที่ทำให้รู้ว่าเขาฟื้น มินตรามอ
“ พี่แหวน พี่มองหาใครหรอค่ะ ” “ อ้าวคุณมิน เปล่าค่ะ พี่แค่กำลังมองหารถคันนึงหน่ะค่ะ จะชอบมาจอดหน้าบ้านเราเป็นเวลานานๆ แต่สองสามวันมานี่ไม่เห็นแล้วหล่ะคะ ไม่รู้ว่าพวกโรคจิตหรือเปล่านะคะ จอดรถหน้าบ้านแต่ไม่มีคนลงจากรถเลย ” มินตรามองไปยังหน้าบ้านที่มีต้นไม้ใหญ่อยู่ตามสายตาสาวใช้ที่บอกไป “ พี่แหวนคิดมากไปหรือเปล่าคะเขาอาจจะเป็นญาติฝั่งตรงข้ามนะคะ ” “ จริงๆนะคะคุณมิน ” “ ชั่งเถอะค่ะ ” “ อะๆ นั่นไงคะรถคันนั้นไงคะคุณมิน ” “ หืม ” มินตราชะงักเท้าที่เธอเพิ่งจะหันหลังกลับเข้าบ้านรถหรูหราที่ หน้าตาคุ้นเคย แล่นมาจอดหน้าบ้านตามคำพูดของสาวใช้มินตราไม่รอให้สาวใช้ตรงไปเปิดประตูเธอเลือกก้าวขาไปหาเอง “ แกร๊ก ” เสียงเปิดประตูรั้วหน้าบ้านและเธอก็ได้เห็นร่างสง่างามสมส่วนของสายชลที่ก้าวลงจากรถเดินตรงมาหาเธอ “ สวัสดีครับคุณมิน ” “ สวัสดีค่ะคุณสายชล ” “ คุณมินสบายดีไหมครับ ” “ ก็อย่างที
ตกกลางคืนภวิชเริ่มมีสติหลังจากดื่มน้ำเมาแล้วยังทะเลาะอย่างรุนแรงกับน้องสาวสุดที่รักอีก เขาอดห่วงมินตราไม่ได้จริงๆจึงต้องหวนกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อมาหาเธอ คุณหญิงมณีที่อยู่ภายในห้องแต่ทำไมในห้องถึงมีอดีตเพื่อนรักอย่างโทนี่อยู่ด้วยเขาเอานิ้วมือเรียวแตะที่กระจกเพื่อสัมผัสใบหน้า มินตราผ่านอากาศที่หลังจากนี้เขาจะไม่มีสิทธิ์สัมผัสชิดใกล้กับเธออีกแล้ว “ มินพี่ไม่รู้ว่าลูกจะได้อยู่กับพวกเราไหม แต่ถ้าหากลูกได้อยู่ บอกรักเขาแทนพี่ด้วยนะมิน ” น้ำตาไหลลงอีกครั้งนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้ใกล้ชิดกับเธอ “ ไอ้เสี่ยชัย!!! ฉันไม่ปล่อยแกไว้ให้แกทำร้ายลูกกับเมียฉันซ้ำสองแน่!! ” เขาทิ้งความอ่อนโยนครั้งสุดท้ายไว้ให้กับผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาและแม่ของลูกเขาก่อนจะเปลี่ยนสายตาเป็นแข็งกร้าวและข่มเสียงพูดถึงคนที่ทำร้ายดวงใจของเขา ด้วยความแค้นสุมอก มีใครเคยบอกไหมว่าอย่าให้คนอย่างเขาแค้น เพราะนั่นหมายถึงแค้นฝั่งหุ่นทั้งเป็นและตาย เขาจะไม่ยอมให้คนที่เขารักเป็นอันตรายไปอีกแล้วมันมากไปแล้วที่ผ่านมา
ภวิชที่ทำแผลเสร็จตอนนี้เขาพันแผลที่หัวไหล่แล้วเรียบร้อย เขาก็รีบตรงมายังหน้าห้องฉุกเฉินทันที เป็นเวลาที่หมอออกมาจากห้องผ่าตัด “ ภรรยาผมเป็นยังไงบ้างครับ ” “ ตอนนี้หมอทำการผ่าตัดนำกระสุนออกมาแล้วนะครับแต่อาการเธอตอนนี้ยัง...” “ เกิดอะไรขึ้นครับหมอ คุณพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง ” “ เอ่อ คือหมอคิดว่าคุณคงทำใจไว้สักนิดนะครับ ” “ หมายความว่าไงคะหมอ ” รฏาเริ่มใจคอไม่ดี “ เธอมีอาการตกเลือดหน่ะครับ คุณต้องทำใจไว้ส่วนหนึ่งด้วยนะครับเธออาจสูญเสียเด็กในท้อง ” “ เด็กในท้อง หมายถึง ละ ลูกหน่ะหรอ ” ภวิชพูดจาติดขัดเขาพยายามเรียบเรียงสิ่งที่ได้ยิน สายชล ภวัตต์ รฏา รวมถึง กฤษที่อยู่บริเวณนั้น ทุกคนต่างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน คนที่ตกใจที่สุดคงไม่พ้นภวิช “ เฮ้ย! วิช ” ภวัตต์รีบเข้ามาพยุงน้องชายที่เข่าอ่อนลงทันทีที่หมอพูดจบ มินตราท้องหรอ ที่สาวน้อยเขาเพลียบ่อยๆตอนนั้นที่เขาสงสัยว่าทำไมเธอถึงเหนื่อยง่ายๆ เพราะเธอท้องงั้นหรอ แล้วทำไม ทำไมมินถึงใจร้ายไม่ยอมบอกเขาไม่ยอมให้เขาทำหน้าที่พ่อของลูกบ้าง ภวิชเหมือนคนหูอื้อไม่ได้
- แต่งงานกันนะครับ- ทันทีที่เพลงเล่นจบลงภวิชก็ดึงมือทั้งสองของมินตรามากุมไว้ในขณะที่เขายังคงคล้องแซกโซโฟนอยู่เขาใช้นิ้วมือปาดน้ำตาของคนสวยที่เปื้อนตรงแก้มใสอย่างอ่อนโยนแววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้งเขาย่อตัวไปหยิบกล่องแหวนขึ้นมาแล้วมองกล่องแหวนในมือภาวนาขอให้มินตราตอบรับเขา “ ว่ายังไงครับ แต่งงานกับพี่ได้ไหม พี่จะทำให้มินมีความสุขที่สุด ” “ คุณวิชคือมิน.....” “ ว่ายังไงครับ ” “ มิน ไม่........ ” “ ฟุ้บ ปังๆๆๆ ” เสียงปืนที่ดังขึ้นหลายนัดทำให้ความโรแมนติกทุกๆ อย่างหมดสิ้นลง เสียงระเบิดที่ดังขึ้นท้ายเรือทำให้มินตราตกใจ ภวิชคว้าดึงมินตราเข้ามากอดเขาหันมองซ้ายขวา สายชลที่คอยช่วยเหลือควบคุมระบบไฟอยู่บนสุดของเรือในห้องกัปตัน ลูกน้องบางส่วนที่กระจายคอยดูอยู่รอบๆ เขาไม่ได้บอกมินตราเรื่องนี้เพราะกลัวเธอจะตกใจ แต่สุดท้ายก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ “ วิช ” “ วัตต์นายรีบพามินลงไปจากเรือลำนี้ที ฉันจะดูทางนี้ให้ ” “ แล้วคุณหล่ะคะวิช ” รฏาเป็นฝ่ายถาม สมองมินตราสับสนไปไหม ว่าเกิดอะไรขึ้น “ ผมจะดูต้นทางให้รีบลง