แชร์

ตอนที่ 3 ความห่วงใย

ผู้เขียน: กุลฉัตร ( Hydrenyea )
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-13 19:15:47

“ คุณอาการเป็นอย่างไงบ้าง นี่ก็ค่ำแล้ว ทานอะไรรึยัง ” เขาถามเสียงเรียบแต่แฝงความห่วงใย

“ ค่ะ ยังไงฉันก็ต้องขอบคุณจริงๆ ” รอยยิ้มนั้นทำให้เขาเหมือนโดนมนต์สะกด ก่อนที่เขาจะเสียศูนย์ไปมากกว่านี้เขาต้องเปลี่ยนสถานการณ์ด่วน

“ ป้าแก้วคงเตรียมกับข้าวแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ ” เขาพูดเสียงขรึมคิ้วขมวดทำให้ร่างบางไม่เข้าใจเท่าไหร่กับอารมณ์แปรปรวนของชายร่างสง่างามตรงหน้า ก่อนที่เขาจะเดินนำหล่อนไป แต่เมื่อก้าวพ้นประตูชายหนุ่มเอามือข้างขวาจับหัวใจด้านซ้ายที่มันเต้นแรงเมื่อเดินนำห่างจากหล่อนจนคิดว่าหล่อนไม่เห็นแล้ว

“ เฮ้อ ” เขาถอนหายใจหนักๆกับตนเองก่อนจะทิ้งระยะห่างจากสาวเจ้า ร่างบางที่ก้าวออกจากห้องครั้งแรกมองรอบๆตัว บันไดสีน้ำตาลลายไม้ศักดิ์ที่เป็นเกลียวตั้งอยู่กลางตัวบ้าน....บันไดขนาดที่ยาวไม่มากแต่มีสองฝั่งและสองชั้นคือถ้าเดินขึ้นมาชั้นแรกประตูที่เห็นคือห้องทำงานแต่ถ้าอีกชั้นที่อยู่สูงขึ้นไปอีกนิดที่มีบันไดเพียงห้าขั้นซึ่งสถานที่นั้นคือที่ส่วนตัวของภวิช นั่นคือห้องนอนนั่นเองมันเป็นการออกแบบของเขาในการสร้างพื้นที่ส่วนตัว ป้าแก้วคือผู้หญิงคนแรกที่เขาให้เข้าได้เพราะต้องทำความสะอาด ส่วนบุคคลอื่นเป็นผู้ต้องห้าม คนสนิททั้งสามเองก็ไม่เคยย่างกายไปยังห้องนอนเขาสักคนจะมีอีกคนก็คือ มินตราเท่านั้นที่ต่อไปห้องเขาคือห้องเธอ ร่างบางเดินลงมาถึงชั้นล่าง โคมไฟที่ติดบนเพดานดูหรูหรา โซฟาที่อยู่ที่ห้องรับแขกไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคงแพงยิบ.....ร่างสูงที่เดินพาไปที่โต๊ะอาหารเงียบๆ ทำให้ร่างบางถามขึ้นท่ามกลางความเงียบเมื่อภวิชเดินถึงหัวโต๊ะ

“ คุณภวิชค่ะ ” ร่างบางที่ทักเขาเสียงอ่อนโยนทำให้เขาที่กำลังจะเลื่อนเก้าอี้เงยหน้ามองพร้อมถัดมาที่เขาก็หย่อนตัวนั่ง

“ ว่าไง ”

“ คุณอยู่ที่นี่กับครอบครัวรึเปล่าค่ะ ทำไมดูเงียบจัง ” ถึงรู้ว่าไม่ควรถามแต่ก็อยากรู้นี่นาดีกว่าเงียบกันแบบนี้

“ คุณเห็นคนอื่นรึไง นอกจากป้าแก้ว แล้ว ก็ เราสองคน ” เขาลากเสียงยาวพร้อมหน้านิ่งขรึม

"ขอโทษค่ะ คุณมีครอบครัวไหมค่ะ ” หล่อนนั่งลงตรงเก้าอี้ใกล้ๆเขา ภวิชสั่งเด็กรับใช้ให้ทำหน้าที่ตักข้าวใส่จานเขาและเธอร่างบางหันไปยิ้มแล้วกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพทำเอาสาวรับใช้แทบวางตัวไม่ถูกที่มีคนขอบคุณแถมยิ้มให้อีกภวิชมองสาวตรงหน้าอย่างไม่วางตาแล้วก็ต้องตักอาหารเข้าปากเมื่อจู่ๆหล่อนก็หันมาหาเขา

“ คุณภวิชค่ะ ขอบคุณที่ช่วยฉันเอาไว้นะคะ ” หญิงสาวบอกเขาที่ตักอาหารเข้าปากหันมองเธออีกครั้งนี่จะไม่กินข้าวรึไงนะเขาคิดในใจ

“ ผมว่าคุณกินข้าวก่อนไหมเดี๋ยวจะเย็นหมดเปล่าๆ ” เขาบอกพร้อมตาคมที่ส่งมาทำให้ร่างบางเริ่มตักอาหารเข้าปากด้วยความหิว เขามองทุกอิริยาบถที่เธอทำ พร้อมกระตุกยิ้มนิดๆที่ดูท่าหล่อนหิวถึงขั้นขอข้าวอีกจานในขณะที่เขาก็ตักอาหารเข้าปากเรื่อยๆจริงๆไม่ได้หิวเท่าไหร่หรอกเพราะเขาเพิ่งกินตอนเย็นแต่เพราะกลัวว่าถ้าให้หล่อนกินคนเดียวคงไม่กินแน่ จะให้เขาอิ่มก่อนแล้วมองหล่อนหล่อนก็คงหยุดกินเหมือนกัน ฉะนั้นจำต้องให้หล่อนอิ่มแปร้ก่อนแล้วเขาถึงรวบช้อนตาม

“ อาหารถูกปากไหม ”

“ อร่อยมากๆเลยค่ะ ” ร่างบางยิ้มให้อย่างอ่อนหวานจนใจเขากระตุกอีกครั้ง.ไม่อยากรอเวลาจริงๆ ตอนนี้เขาอยากจะรักเธอจะแย่อยู่แล้ว

“ คุณจะไปเดินเล่นหน่อยไหม ”

“ เอ่อ ก็ได้ค่ะ ”

“ มิน คุณจะทำอะไร ” เขาเรียกชื่อเล่นเธออย่างสั้นๆแล้วมองมือเธอที่หยิบจานเขาไปรวมกับของหล่อน

“ ฉันจะไปล้างจานค่ะ ” เธอตอบอย่างใสซื่อ ผู้หญิงคนนี้ไม่เหมือนคนอื่นจริงๆ

“ ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวมีคนทำเอง ส่วนคุณอยู่เฉยๆก็พอ ” เขาเดินมาจับมือหล่อนออกจากจานชามพร้อมส่งยื่นให้คนรับใช้ที่หน้าเจื่อนลงเมื่อเห็นร่างบางจัดเก็บจานทำหน้าที่แทนตัวเอง                                               

จากนั้นภวิชก็ฉวยมือคนที่กำลังยืนงงให้เดินตามเขาออกไปหน้าบ้าน....ลมทะเลในยามนี้มันทำให้คนที่เพิ่งหายไข้ รู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายกว่าเดิมเธอมองร่างสูงที่จับมือเธอลากจูงไปยังซุ้มที่ทำจากไม้ชั้นดีมุงด้วยใบจากที่อยู่กลางสนามหญ้าสีเขียวอ่อนๆที่มีไฟประดับอย่างสวยงามรอบๆตัวบ้านพักที่เพิ่งเดินออกมานั้น มีบ้านเล็กๆที่ดูอบอุ่นอีกสามหลัง และมีบ้านไม้หลังใหญ่พอสมควรอีกที่ มีสวนดอกไม้ตามริมทาง สวยมากจริงๆ

“ คุณภวิชจะพาฉันไปไหนค่ะ ปล่อยก็ได้ค่ะฉันเดินเองได้ ” หญิงสาวรั้งมือให้เข้าหาตัว ภวิชยอมปล่อยทั้งที่ขัดใจเขา

“ ก็เห็นว่าคุณไม่สบายเลยอยากให้มาสูดอากาศเท่านั้น ” เขายักไหล่ให้เธอ คนอุตส่าห์เอาใจ ดันมาทำท่าไม่ไว้ใจเขาซะงั้น เขาเดินนำหล่อนไปนั่งที่ซุ้ม

“ ขอบ คุณนะ คะ และก็ขอโทษด้วยที่ทำให้คุณต้องเดือดร้อน ” เธอเอ่ยพร้อมสบตาเขาที่ก็มองเธอเช่นกัน

“ อย่าคิดมากเลย เป็นใครก็ต้องช่วยทั้งนั้นแหละถ้าเจอคนไม่สบายคุณต้องการอะไรเพิ่มก็บอกป้าแก้วได้เขาจะหาให้คุณ ”

“ ไม่แล้วค่ะขอบคุณมาก เอ่อ ฉันมีเรื่องจะขอรบกวนคุณได้ไหมคะ ” เขาพยักหน้าจนหล่อนยิ้มกว้างให้เขาอีกที จิตใจเขาสั่นอีกแล้ว

“ พรุ่งนี้คุณพาฉันขึ้นฝั่งได้ไหมค่ะ ” ความตื่นเต้นที่ได้รับที่หล่อนยิ้มให้แทบหายไปทันที คิ้วเรียวหนาขมวดอีกครั้ง

“ ทำไม? อยู่ที่นี่ไม่สบายหรอ อยากได้อะไรเพิ่มอีกฉันจะให้คนหาให้ ” เขาพูดกึ่งประชดประชันและเอาแต่ใจ ดูแลอย่างดีจะมาหนีเขาไปเนี่ยนะไม่มีทางซะหรอก

“ ปะเปล่านะคะฉันรบกวนคุณมามากเกินไปแล้วไม่อยากให้คุณลำบากอีกค่ะ ” เธอรีบตอบเพราะไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องทำเสียงขุ่นใส่เธอด้วย

“ อ้อ นึกว่าเรื่องอะไร ไม่ลำบากอะไรหรอกอยู่ไปเถอะ ”เขายังคงพูดเอาแต่ใจ

“ ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ ” ทำไมไม่เข้าใจบ้างเลยนะ หญิงสาวเริ่มขุ่นในใจ

“ หรือเธอมีใครที่รออยู่ที่บ้านหรือมีคนที่รักหรอถึงต้องรีบกลับ ” เรียวตาคมที่สบมาอย่างค้นหาความจริง ว่าเธอมีคนที่รักอยู่หรือเปล่า

“ ค่ะ ฉันมีคนที่ฉันรักรออยู่ที่บ้านแล้ว ” คำตอบนี้ทำให้ภวิชเผลอกำมือแน่นใจเต้นรัว ไม่ใช่เพราะดีใจแต่กำลังรู้สึกเหมือนจะเสียของรักไปซึ่งเขาไม่มีวันยอมเธอไม่รู้สึกหวั่นไหวกับเขาเหมือนผู้หญิงอื่นๆเลยรึไง ถึงจะไปจากเขาทั้งๆที่ผู้หญิงคนอื่นมีแต่จะจับเขาทั้งนั้นแต่ความรู้สึกเหมือนจะเสียของมีค่าก็ชะงักและเรียกความชุ่มชื้นในหัวใจให้เขาอีกครั้งเมื่อหล่อนพูดต่อ

“ ฉันห่วงพ่อ กับน้องค่ะ อีกอย่างฉันต้องทำงานด้วย ” เขาแอบยิ้มอยู่ในใจเมื่อหล่อนพูดถึงพ่อแต่ก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดีคนเจ้าเล่ห์จึงถามอีกครั้ง

“ ไอ้ที่ว่าคนที่รักเนี่ย พ่อกับน้องหรอ? ” เขาถามตีหน้าขรึม

“ ใช่ค่ะ ” คำตอบเธอทำให้เขาดี๊ด๊าอยู่ในใจ

“ เออ จริงสิคะ ” หล่อนทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้

 “ ค่ารักษาพยาบาลของฉันเท่าไหร่ค่ะ ” ร่างสูงเกือบลืมคิดไปเลยเพราะเขาไม่ได้สนใจอะไรนอกจากเธอแต่ก็เท่านั้นคนชอบวางแผนมีหรอจะรับมือไม่ทัน

“ ประมาณ 30000 ”

“ หะ 30000 คุณพาฉันไปโรงพยาบาลที่ไหนเนี่ย? ” ใบหน้าหล่อนที่ตกใจและเสียงที่ร้องขึ้นสูงทำให้เขากลั้นหัวเราะจนหน้าแดง

“ นี่คุณ ผมพาคุณไปรพ. จ่ายห้องพิเศษไหนจะค่าหมอที่เป็นคนดูแลครอบครัวผมอีก นี่ถือว่าผมลดให้คุณเยอะแล้วนะ ” เขาทำเสียงดุแต่ไม่จริงจัง เขายังไม่รวมตั๋วเครื่องบินที่ต้องยกเลิกตั้งสามที่เพราะเขาให้สายชลเดินทางล่วงหน้ามาจัดการบางอย่างให้เขาก่อนแล้วนี่ยังไม่รวม ค่าที่หล่อนนอนตักเขา ค่าจูบและค่ากอดนะ หึๆ เขาหัวเราะในใจ จริงๆราคาก็ประมาณนั้นจริงๆ ไหนจะค่าน้ำมัน ค่าโน่นค่านี่ที่อำนวยความสะดวกให้เธอ

“ นี่ลดแล้วหรอค่ะ......เฮ้อ....ฉันจะรีบหามาคืนนะคะ รับรองไม่หนี ” หญิงสาวถอนหายใจ นอกจากหนี้ยังไม่หมด งานก็ยังไม่มีที่ทำ ยังมาเป็นหนี้อีก โชคดีจริงๆที่เจอคนรวยให้ที่พักและจ่ายค่ารักษา แต่ก็นะ โชคร้ายที่เขารวยและจ่ายให้เธอมากไปร่างบางนั่งห่อไหล่ ถอนหายใจอย่างคิดหนัก จะหางานจากไหนหล่ะทีนี้ ร่างสูงเปลี่ยนท่านั่งที่ใช้มือยันกับที่นั่งไว้ก่อนจะเปลี่ยนมันมาเป็นกอดอกแทน เห็นหล่อนเศร้าแล้วเขาก็ไม่อยากแกล้งเลย

“ เอาหล่ะ เรื่องเงินมันเรื่องเล็กสำหรับผม คุณมีเมื่อไหร่ค่อยให้ผมคืน ผมไม่รีบ ส่วนวันพรุ่งนี้ ตกลง ผมจะไปส่งคุณแต่มีข้อแม้คือ ผมต้องไปที่บ้านคุณด้วยและห้ามปฎิเสธ เด็ดขาด!! ” เขายื่นคำขาด ร่างบางมองหน้ายิ้มรับที่เขาจะให้เธอกลับแถมยังให้เธอติดเงินอีกต่างหาก

“ ก็ได้ค่ะ ” แต่คำขอสุดท้ายนี่สิถึงจะลำบากใจแต่ก็ตอบไปแล้ว ชายหนุ่มที่ตีหน้าขรึมแอบยิ้มในใจ หึๆ ต่อให้เธอหนีเขาเขาก็จะลากเธอกลับมาให้ได้

“ ติ๊ดๆ ” เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ภวิชต้องล้วงไปหยิบในกระเป๋ากางเกง เขามองที่นาฬิกาข้อมือ เพิ่งรู้ว่าสนทนากับหญิงสาวตรงหน้ามันจะใช้เวลาเร็วและนานขนาดเป็นชั่วโมง ชื่อหน้าจอนั่นคือสายชลนั่นเอง....ภวิชหันมองหญิงสาวที่นั่งมองหน้าเขาอยู่พลางอยากจะอัดลูกน้องนัก จะรีบโทรมาทำไมว่ะ ขัดจังหวะความสุขจริงๆ เขาคาดโทษในใจ นี่เขามีความสุขกับคนตรงหน้าจริงหรอเนี่ย ทั้งที่เพิ่งเจอมันเป็นเรื่องที่เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ก่อนจะขอตัวเพื่อไปคุยธุระ ร่างบางมองตามร่างสูงที่เดินลับหายไปแล้วเขาพูดทิ้งท้ายแค่ว่าดึกแล้วรีบกลับเข้าบ้านเพราะอากาศเริ่มเย็นแล้วเดี๋ยวไข้จะกลับอีก

“ มินตราเอ้ยมินตรา เธอจะเอาไงกับชีวิตเธอเนี่ย ” ร่างบางพูดกับตัวเอง วันพรุ่งนี้กลับบ้านหายมาหลายวันแบบนี้ พ่อจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ เฮ้อ ร่างบางนั่งอยู่ตรงนั้นอีกสักพักมองดาวมองจันทร์ที่สาดส่องลงมากระทบพื้นน้ำทะเลที่อยู่เบื้องหน้าไม่ไกลเท่าไหร่นัก ธรรมชาติที่ใดจะสวยงามได้เท่านี้นะ

“ ฟึ่บ นายทำทุกอย่างที่ฉันให้จัดการรึยัง ” เขาที่เดินถือโทรศัพท์คุยมาจนถึงห้องแต่เมื่อเข้าห้องเขาก็ตรงไปที่บานกระจกใสที่ผ้าม่านปิดอยู่เขาดึงมันออกแล้วมองไปยังซุ้มที่เขาเพิ่งเดินจากมา มองร่างที่นั่งอยู่ตรงนั้นแล้วคุยโทรศัพท์ไปด้วย

(เรียบร้อยแล้วครับ) ปลายสายตอบกลับ

“ ดีมาก แล้วนี่จะจัดการมันตอนไหน ” เขาถามเสียงเหี้ยมแต่หากสายตายังคงมองที่เดิม

(คืนนี้ครับ)

“ ก็ดี ฉันขี้เกียจเก็บพวกมันไว้นานๆ ถ้าจัดการเสร็จแล้วนายก็มาพักที่บ้านนภา ได้เลยนะ ”

(ครับเจ้านายขอบคุณครับ งั้นผมคงต้องวางแล้วเชิญเจ้านายพักผ่อนเถอะครับ)

“ อืม ขอบใจ ” พูดจบสัญญาณก็ถูกตัดไป บ้านนภาคือชื่อบ้านที่เขาตั้งขึ้น เป็นบ้านไม้ชั้นเดียวที่พักได้สบายอยู่ถัดจากบ้านหลังนี้ที่เขาพักไปสักนิดมันเป็นบ้านพักพิเศษที่เขาทำขึ้นเองจะว่าไปบนเกาะนี้เขาก็ออกแบบทั้งหมด จริงๆสายชลก็นอนที่บ้านไม้หลังใหญ่อีกที่ที่อยู่ใกล้ๆกันรวมถึงกฤษและทัชด้วยก็พักที่นั่นแต่ด้วยงานที่เขาให้สายชลและกฤษไปจัดการนั้นมันใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะกลับก็คงเกือบเช้าของพรุ่งนี้ ดังนั้นเขาจึงให้บ้านพักนั้นเป็นที่พักของบอดี้การ์ดทั้งสองแทน เมื่อวางโทรศัพท์ลงและเห็นว่าร่างบางยังคงนั่งอยู่เขาจึงไปจัดการอาบน้ำอาบท่าให้สดชื่นเสียหน่อยอยากรู้นักว่าถ้าเขาบอกเรื่องห้องนอนกับเธอ เธอจะทำยังไง........

        เอาไงดีว่ะเรา ร่างบางคิดหากำลังใจให้ตัวเองเมื่อมาหยุดยืนที่หน้าห้องนอนของร่างสูง จะมาถามเขาว่าคืนนี้เธอจะนอนที่ไหนในเมื่อเจ้าของห้องเขามาแล้ว

“ เฮ้อ ” ถอนหายใจอย่างคิดวิธีที่จะคุยกับเขา จนต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อประตูห้องนอนเปิดออก ผ้าที่เขาเช็ดผมเปียกหมาดๆยังคงพาดอยู่ที่บ่า เสื้อยืดสบายๆ กับกางเกงเลย์ที่เหมือนของเธอทำให้เขาดูเด็กกว่าตอนใส่สูทไปเยอะ

“ อ้าว มายืนทำไมตรงนี้ ” เขาถามเมื่อเห็นว่าหล่อนไม่ยอมเปิดประตูเข้ามาสักที เขาได้ยินตั้งแต่ฝีเท้าที่มาหยุดอยู่ห้องเขาตั้งแต่สิบนาทีแรกแล้ว แต่อยากรู้ว่าเจ้าหล่อนจะทำอะไรเลยรอดูก่อนแต่เมื่อความเงียบที่ไม่มีวี่แววว่าจะเปิดทำให้เขาต้องเดินไปเปิดมันเสียเอง

“ คุณวิชค่ะ คือ มิน.....”

“ เข้ามาสิ ” เขาสะบัดหน้าเข้ามาในห้องเชิงบอกให้หล่อนเข้ามาข้างใน แล้วเขาก็ถอยตัวให้แต่หล่อนก็ยังยืนที่เดิม

“ ฉันบอกให้เข้ามาก่อน เธอจะพูดเรื่องที่นอนใช่ไหม ” เขาถามอย่างรู้ดีว่าหล่อนกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่

“ คะ ค่ะ ” เมื่อรู้ว่าอย่างน้อยเขาก็รู้เรื่องที่เธอจะพูดเธอจึงเดินเข้ามาในห้องเขาโดยไม่เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากนั่น ภวิชปิดประตูล็อคห้องทันที

“ คือว่า..” หล่อนก้มหน้าจะหาคำพูดแต่เขาก็พูดขึ้นเสียก่อน

“ เธอนอนบนเตียงฉันเนี่ยแหล่ะ ” 

“ หะ ได้ยังไงคะ ไม่เอาหรอก คุณก็นอนสิ ฉันไปนอนที่อื่นก็ได้ ” หล่อนปฎิเสธพัลวัน จนเขาเผลอยิ้มออกมารอยยิ้มนั้นทำให้หล่อนใจเต้นแรงมันดูมีเสน่ห์เหลือร้ายจริงๆเขากอดอกมองเธอแล้วส่ายหัว

“ มินตรา ถ้าคุณไม่นอนที่นี่ห้องนี้ คุณจะไปนอนที่ไหนครับ ” เขาถามน้ำเสียงยียวน กวนๆแต่น่ารัก

“ ก็ บ้านหลังอื่นๆของคุณไงค่ะมีตั้งหลายบ้านนี่นา ” หล่อนลองเสนอให้ เพิ่งรู้ว่าหล่อนนี่หัวธุรกิจมาต่อรองกับเขา

“ ไม่ได้หรอก คุณคิดว่าเกาะนี่ปลอดภัยนักหรือไง!อันตรายรอบตัวไปหมด แถมบ้านพักนั้นก็มีคนนอนแล้ว ลูกน้องผมไง ผู้ชายทั้งนั้น ถ้าคุณไม่กลัวก็ไปก็ได้นะ พวกนี้มันห่างเมียมานาน ถ้ามันทำอะไรคุณนิดๆหน่อยๆอย่าร้องให้ผมช่วยแล้วกัน ผมไม่เกี่ยวนะ ” เขายักไหล่แล้วแถมขู่อีก ลูกน้องที่นอนหน่ะใช่ ก็เขาไงหล่ะที่วางแผนทำให้บ้านพักที่ปกติว่างวันนี้ต้องทำให้เต็มไม่มีที่ว่างเพราะรู้ว่าเธอคงต้องไม่นอนห้องเขาแน่เมื่อรู้สึกตัว ร่างบางหน้าซีดทันทีเมื่อเขาข่มขู่อย่างนั้นและก็ทำท่าจะคัดค้านเขาอีกแต่เขาก็ชิงพูดก่อน

“ คุณนอนเตียงนี่แหล่ะ ส่วนผมจะนอนโซฟาตรงนั้น ” เขาชี้ไปอีกมุมห้องที่มีโซฟาปรับให้เป็นที่นอนอีกทีตัวยาวพร้อมผ้าห่มและหมอน ร่างบางมองหน้าเขาอย่างขอบคุณ

“ ตะแต่ว่าคุณเป็นผู้ชายนะ ”

“ เฮ้อ ให้ได้ยังงี้สิ คุณจะเอายังไง งั้นผมไปนอนห้องทำงานก็ได้ ” เขาทำเสียงหงุดหงิดแล้วเดินไปห้องทำงานที่ประตูเชื่อมกับห้องนอน ร่างบางที่จะพูดก็ต้องกลืนน้ำลายอีกครั้ง นิสัยแย่จริงๆ บ้านก็บ้านเขา ที่นอนก็ที่นอนเขา ยังมาแย่งเขาอีก.... หล่อนเดินไปนั่งตรงโซฟาที่ที่เขาเตรียมไว้สำหรับนอน ก่อนจะค่อยๆ เดินไปยังห้องที่ชายหนุ่มเพิ่งหายเข้าไป

“ ก็อกๆ ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นขณะที่ภวิชกำลังพิมพ์งานอยู่หน้าคอมเขาเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นการโผล่หัวเข้ามาของมินตราทำให้เขาละสายตาจากหน้าจอมองหน้าเธอ

“ อะไรอีก ผมบอกแล้วไงว่านอนนี่ก็ได้คุณจะได้สบายใจ ”

ร่างบางค่อยๆก้าวผ่านประตูเข้ามาแต่ก็ไม่ได้ปิดไว้

“ ฉันจะบอกคุณว่า คุณนอนที่เตียงก็ได้นะคะ ฉันจะนอนที่โซฟาเอง ถึงยังไงมันก็เป็นห้องของคุณ ฉันไม่อึดอัดหรอกค่ะ ” หล่อนโกหกออกไปว่าไม่อึดอัดอย่างน้อยก็เกรงใจผู้ให้ที่อยู่แถมช่วยชีวิตไว้อีกต่างหาก ภวิชเอนกายพิงเก้าอี้แล้วถอนหายใจ

“ มินตรา คุณนี่มัน...จิ๊ ...จริงๆเลยนะ คุณนั่นแหล่ะนอนที่เตียงผม แล้วอย่ามีปัญหาอีกไม่งั้นผมจะจับคุณโยนออกนอกห้องแล้วส่งให้ลูกน้องผมซะ เข้าใจไหม แล้วก็ไปนอนได้แล้ว ” เขาพูดทำเสียงจิ๊จ้ะขัดใจ เสียงไม่ดุมากแต่ก็จริงจังจนคนที่ฟังหน้าง้ำงอก่อนจะพยักหน้าโดยไม่มีข้อโต้แย้งแล้วปลีกวิเวกตัวเองไปยังเตียงนอนอย่างเสียไม่ได้ หยิบผ้าห่มขึ้นคลุมกาย การพยายามเพื่อข่มตาให้หลับดำเนินไปเกือบเที่ยงคืน ก็ยังไม่มีวี่แววว่าคนที่นอนตรงโซฟาจะเดินไปนอนตรงนั้นสักที หล่อนก็ยิ่งนอนไม่หลับ เสียงประตูที่เชื่อมต่อห้องทำงานและห้องนอนถูกบิดออกอย่างแผ่วเบาร่างบางหลับตาลงทันที...ภวิชก้าวเข้ามาในห้องพร้อมบิดกายเล็กน้อยนวดคอนิดๆ ถอนหายใจออกมา เขาเพิ่งคุยงานกับผู้จัดการที่อยู่ต่างประเทศโดยผ่านวิดีโอคอลก่อนที่สายชลจะโทรมารายงานผลให้ทราบ ว่าได้ส่งสี่คนนั้นไปนรกเรียบร้อยแล้วโดยการซ้อมก่อนจะจับยัดใส่ถุงกระสอบโดยมัดมือและเท้าก่อนจะโยนลงทะเล ให้ตายอย่างทรมาน เขาไม่ได้อยากฆ่าใครจริงๆแต่พวกมันคิดจะฆ่าเขาก่อนนี่ยังคิดไม่ตกเรื่องพ่อของมินตรา เขามีส่วนจะกำจัดเขาด้วยหรือเปล่า ชายหนุ่มคิดอย่างกลุ้มก่อนจะเดินไปนั่งโซฟาซึ่งวันนี้มันกลายเป็นที่นอนที่เขาไม่เต็มใจสักนิด อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองร่างบางที่หลับตาพริ้ม เขากระชับผ้าห่มให้คลุมตัวหล่อนอย่างเบามือ คนใต้ผ้าห่มสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนของชายหนุ่มตรงหน้าใจก็เต้นแรงทุกครั้งที่รู้สึกเช่นนี้บอกไม่ถูกว่ารู้สึกเช่นไร แต่ที่แน่นอนคือหล่อนรู้สึกดี ดีมากๆ จากนั้นภวิชก็นวดๆ ไหล่ให้ตัวเองก่อนจะค่อยๆเอนกายลงด้วยความอ่อนล้า เขายังคงลืมตากว้างร่างบางคอยแอบลืมตามองเป็นพักๆก็เห็นเขายังคงนวดขรึงที่ไหล่อยู่จนในที่สุด ก็ทนพยายามหลับไม่ได้แล้วจึงค่อยๆลุกจากที่นอนทำให้ร่างสูงหันมามอง

“ มีอะไรหรือเปล่า? ” เขาถามเมื่อเห็นว่าอยู่ๆหล่อนก็ลุกขึ้น แล้วเดินตรงมาหาเขา จนภวิชค่อยๆยัดตัวขึ้นนั่งเมื่อหล่อนมาหยุดตรงหน้าเขา

“ เมื่อยมากไหมค่ะ ” คิ้วเขาขมวดเมื่อหล่อนตื่นขึ้นมาเพื่อตั้งคำถามกับเขางั้นหรอ

“ คุณไปนอนเถอะ นิดหน่อยเท่านั้น ” เขายังคงใช้มือซ้ายมากดที่ไหล่ขวาให้ตัวเอง แล้วก็ต้องหันมองร่างบางเมื่อมือนิ่มๆจับมือของเขาออกแล้วแทนด้วยมือของหล่อนที่นวดไหล่ให้เขาแทน ใจสั่นไหวเหลือเกินสัมผัสอ่อนโยนแค่นี้มันทำให้เขาทำอะไรแทบไม่ถูกอุตส่าห์พาตัวเองให้อยู่ไกลๆจากเธอแล้วเชียวแต่ดูเธอสิ มาใกล้เขาแบบนี้ ถ้าเขาต้องการ....เธอจะทำยังไง

“ น้ำหนักแค่นี้พอไหมค่ะ ”

“ อืม ” เขาไม่ตอบอะไรนอกจากนั้นนั่งนิ่งๆให้หล่อนขยับนิ้วบีบนวดไปมา ใจเขานั้นหล่อร้อนรุ่มจนลืมความปวดเมื่อยเสียแล้ว

"พอแล้วหล่ะ ขอบใจมาก นอนเถอะดึกแล้ว " เขาจับมือนุ่มของหล่อนให้หยุดนวดแล้วหันไปอมยิ้มให้หญิงสาวจนหล่อนยิ้มตอบ

“ ขอบคุณนะค่ะคุณภวิช ”

“ วันนี้คุณขอบคุณผมกี่ครั้งแล้ว ขอเป็นอย่างอื่นบ้างได้ไหม ” เขาส่ายหัว ที่วันนี้ทั้งวันได้ฝังคำขอบคุณไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

“ แล้วคุณอยากได้อะไรค่ะ? ” หล่อนทำหน้าสงสัยจนเขาส่ายหัวซื่อจริงๆ ถ้าเขาบอกอยากได้เธอ เธอจะให้เขาไหมหล่ะ เขาคิดต่อในใจ

“ คุณคงให้ไม่ได้หรอก ”

“ ก็แล้วมันอะไรหล่ะค่ะ ฉันอาจให้คุณได้นะ ” หล่อนยิ้ม และไม่นานร่างบางก็ถูกกระชากลงมานั่งที่ตักเขาพร้อมฝ่ามือที่ประครองข้างแก้มทั้งสองของหล่อนตามด้วยริมฝีปากหน้าที่บดเร่าร้อน

“ อะ อืม อือ ” ร่างบางดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนของเขาแต่ก็รู้สึกเหมือนโลกเบาหวิว เมื่อความรุนแรงตอนแรกเริ่มแผ่วบางและเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน เขาขบริมฝีปากให้หล่อนรู้สึกนิดๆและยอมเปิดปากให้เขาได้ชิมความหอมหวาน ลิ้นอุ่นชำนาญกวาดหาเรียวลิ้นที่พยายามหนีให้พร้อมใจร่วมมือไปกับจูบของเขา หญิงสาวเริ่มหวามไหวและหมดแรงดิ้นรนต้องยอมให้เขาขโมยจูบ ตัวเธอเองหมดเรี่ยวแรงเหมือนถูกเขาสูบเอาวิญญาณออกจากร่าง ภวิชต้องรีบถอนตัวออกมาก่อนจะถลำลึกไปกว่านี้ เขาต้องอดทน เพื่อให้เธอเต็มใจเพราะรักเขาจริงๆ ถึงแม้ตอนนี้ร่างกายแทบแหลกสลายเพราะอารมณ์ที่ก่อตัว ยิ่งตาหวานเยิ้มเขายิ่งแทบขาดใจ

“ คุณ ขโมยจูบฉันอีกแล้วนะ ” หญิงสาวพยายามจะลุกหนีแต่ด้วยความที่ไม่มีแรงบวกกับมือแกร่งที่โอบหล่อนทำให้ขยับไม่ได้

“ แค่จูบยังไม่ได้ปล้ำซักหน่อย ” เขาพูดหน้าตายพร้อมช้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขนแล้วตรงมาที่เตียง ร่างบางเริ่มมีสติกลับมา นี่เขาจะทำอะไรคงไม่ได้จะปล้ำหล่อนหรอกนะอาการหวาดกลัวทำเอาภวิชยิ้มในหน้ามองคนที่อยู่ในอ้อมแขน

“ ผมไม่ได้ทำอะไรแค่จะส่งคุณถึงที่ เท่านั้นเอง ” เขาวางร่างบางลงบนเตียงแต่แทนที่เขาจะลุกเขากลับโน้นตัวล็อคหล่อนไว้อีกครั้ง หญิงสาวพลิกหน้าหันซ้ายและขวาให้หนีจากใบหน้าเขา

“ นอนได้แล้วค่ะฉันง่วงแล้ว ” เธอคว้าผ้าห่มขึ้นหมายจะคลุมโปรงแต่โดนมือหนาคว้าไว้ก่อน

“ งั้นผมนอนนี่ ” เขาทำท่าจะขึ้นเตียง

“ ไม่ได้นะคะไหนคุณบอกจะนอนนั่นไง ไปนอนที่คุณสิ ”

“ ฮ่าๆๆ ” เขาหัวเราะอีกครั้งรอยยิ้มนี้ ทำให้เธอใจสั่นแรงทุกทีสิน่า

“ นึกว่าจะไม่พูดกับผมซะแล้ว ” ใบหน้าที่อยู่ใกล้แค่คืบพูดเสียงอ่อนโยนและน่าฟัง ตามด้วยสัมผัสที่อ่อนโยนที่เขาจูบตรงหน้าผาก และเมื่อเธอเผลอเขาก็จูบปากเธอบางเบาอีกครั้งก่อนจะพูดเบาๆแล้วลุกจากไปด้วยคำว่า

“ ฝันดีนะครับ มิน ”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พิศวาสรักมาเฟียร้าย (ดวงใจมาเฟีย)   ตอนที่ 68 ตอนอวสาน

    มินตราค่อยๆลืมตาขึ้นมาในเช้าอีกหนึ่งวัน คุณหญิงมณีจึงตรงเข้าไปกอดลูกสาวเอาไว้แน่น “ มินตื่นแล้วหรอลูกเป็นยังไงบ้างค่อยๆลุกนะลูก ” “ มินรู้สึกเจ็บท้องค่ะแม่ แล้วลูกมินหล่ะค่ะ แม่ ลูกมินยังอยู่ใช่ไหมคะ ”มินตราเริ่มผวาเมื่อเธอสัมผัสหน้าท้องเธอจำได้ว่าเมื่อวานเธอมีอาการตกเลือดทำไมเธอเจ็บท้องแล้วความฝันก่อนหน้านั้นที่หนุ่มน้อยเดินหายไปจากเธอคืออะไร “ มินใจเย็นๆนะลูก ” “ ลูกมินยังอยู่ใช่ไหมคะ ลูกของหนู ” “ เขาไม่อยู่แล้วลูก หนูเสียเลือดมากคุณหมอต้องขูดมดลูกเพื่อช่วยชีวิตมินไว้ ” “ ไม่จริงอ่ะ แม่โกหกใช่ไหม ลูกหนูกับพี่วิช แม่โกหกใช่ไหม ฮือๆ แล้วพี่วิชหล่ะคะแม่ พี่วิชเขาปลอดภัยใช่ไหมคะแม่ ใช่ไหมฮือๆ ” “ ใจเย็นก่อนนะลูก คุณวิชเขาปลอดภัยหนูอยากไปหาเขาไหม ” “ จริงนะคะ เขาปลอดภัยจริงนะคะ ” ถึงแม้เธอจะเศร้าใจเรื่องลูกแต่ ภวิชปลอดภัยความหวังเธอก็ยังไม่โดนพังหมดซะทุกอย่าง ผู้เป็นแม่เมื่อเห็นน้ำตาของลูกก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ตามเธอสงสารลูกสาวคนเดียวอย่างจับใจแต่เมื่อโชคชะตาให้ลูกเธอเจอแบบนี้ เธอคงทำได้เพียงยืนอยู่ข้างๆเธอไม่ตอบอะไรมากนอกจากพยักหน้า มินตราถูกพยุงให้นั่งรถเข็นแ

  • พิศวาสรักมาเฟียร้าย (ดวงใจมาเฟีย)   ตอนที่ 67 หัวใจ 2

    ณ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่ภัสสรใช้เวลาพอสมควรกว่าจะ มาถึง “ ถึงแล้ว ลงมาสิ ” “ เรามาทำอะไรกันที่นี่หรอคะ ” “ ฉันคงพาเธอมานั่งรถเล่นมั้งจะไปไหมเร็วๆเข้า ” “ อ๋อค่ะๆ ” มินตราปลดสายเข็มขัดนิรภัยออกจากตัวแล้วรีบลงจากรถเมื่อเห็นว่าสาวน้อยที่พามาเริ่มหงุดหงิดแต่เธอก็ไม่เคยคิดโกรธภัสสรเลยเธอกลับชอบเพราะภัสสรซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเธอเองมินตราก้าวเท้าเข้ามาในโรงพยาบาลด้วยความรู้สึกหลากหลายเธอสงสัย เธอกังวลหรือเธอกำลังกลัวกันแน่ ภัสสรสรเดินนำมินตราไปจนหยุดที่หน้าห้องพักห้องหนึ่ง “ แกร๊ก ” “ ถึงแล้วเข้าไปสิ ” ภัสสรยืนพิงประตู เบี่ยงหลบทางให้มินตราที่ทำท่าชะเง้อชะแง้มองดู มินตรากล้าๆกลัวๆเดินเข้าไปในห้องเธออยากพบภวิชนะแล้วภัสสรพาเธอมาเยี่ยมใครกัน มินตราเดินใกล้เข้ามายังเตียงผู้ป่วยก็พบกับทั้งพ่อแม่ภวัตต์และรฏาในห้อง เท่านั้นยังไม่พอทุกคนหันมามองเธอเป็นตาเดียวคำพูดต่อมาของภวัตต์ทำให้มินตราก้าวขาไม่ออก “ วิช มินมาหา นายลืมตามาดูเธอหน่อยสิฉันรู้ว่านายคิดถึงเขา ” เปลือกตาภวิชที่ขยุบขยิบเหมือนกับได้ยินสิ่งที่ภวัตต์บอกแต่ปฏิกิริยาไม่มีการตอบสนองที่ทำให้รู้ว่าเขาฟื้น มินตรามอ

  • พิศวาสรักมาเฟียร้าย (ดวงใจมาเฟีย)   ตอนที่ 66 หัวใจ

      “ พี่แหวน พี่มองหาใครหรอค่ะ ” “ อ้าวคุณมิน เปล่าค่ะ พี่แค่กำลังมองหารถคันนึงหน่ะค่ะ จะชอบมาจอดหน้าบ้านเราเป็นเวลานานๆ แต่สองสามวันมานี่ไม่เห็นแล้วหล่ะคะ ไม่รู้ว่าพวกโรคจิตหรือเปล่านะคะ จอดรถหน้าบ้านแต่ไม่มีคนลงจากรถเลย ” มินตรามองไปยังหน้าบ้านที่มีต้นไม้ใหญ่อยู่ตามสายตาสาวใช้ที่บอกไป “ พี่แหวนคิดมากไปหรือเปล่าคะเขาอาจจะเป็นญาติฝั่งตรงข้ามนะคะ ” “ จริงๆนะคะคุณมิน ” “ ชั่งเถอะค่ะ ” “ อะๆ นั่นไงคะรถคันนั้นไงคะคุณมิน ” “ หืม ” มินตราชะงักเท้าที่เธอเพิ่งจะหันหลังกลับเข้าบ้านรถหรูหราที่ หน้าตาคุ้นเคย แล่นมาจอดหน้าบ้านตามคำพูดของสาวใช้มินตราไม่รอให้สาวใช้ตรงไปเปิดประตูเธอเลือกก้าวขาไปหาเอง “ แกร๊ก ” เสียงเปิดประตูรั้วหน้าบ้านและเธอก็ได้เห็นร่างสง่างามสมส่วนของสายชลที่ก้าวลงจากรถเดินตรงมาหาเธอ “ สวัสดีครับคุณมิน ” “ สวัสดีค่ะคุณสายชล ” “ คุณมินสบายดีไหมครับ ” “ ก็อย่างที

  • พิศวาสรักมาเฟียร้าย (ดวงใจมาเฟีย)   ตอนที่ 65 แค่รักคงไม่พอ

    ตกกลางคืนภวิชเริ่มมีสติหลังจากดื่มน้ำเมาแล้วยังทะเลาะอย่างรุนแรงกับน้องสาวสุดที่รักอีก เขาอดห่วงมินตราไม่ได้จริงๆจึงต้องหวนกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อมาหาเธอ คุณหญิงมณีที่อยู่ภายในห้องแต่ทำไมในห้องถึงมีอดีตเพื่อนรักอย่างโทนี่อยู่ด้วยเขาเอานิ้วมือเรียวแตะที่กระจกเพื่อสัมผัสใบหน้า มินตราผ่านอากาศที่หลังจากนี้เขาจะไม่มีสิทธิ์สัมผัสชิดใกล้กับเธออีกแล้ว “ มินพี่ไม่รู้ว่าลูกจะได้อยู่กับพวกเราไหม แต่ถ้าหากลูกได้อยู่ บอกรักเขาแทนพี่ด้วยนะมิน ” น้ำตาไหลลงอีกครั้งนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้ใกล้ชิดกับเธอ “ ไอ้เสี่ยชัย!!! ฉันไม่ปล่อยแกไว้ให้แกทำร้ายลูกกับเมียฉันซ้ำสองแน่!! ” เขาทิ้งความอ่อนโยนครั้งสุดท้ายไว้ให้กับผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาและแม่ของลูกเขาก่อนจะเปลี่ยนสายตาเป็นแข็งกร้าวและข่มเสียงพูดถึงคนที่ทำร้ายดวงใจของเขา ด้วยความแค้นสุมอก มีใครเคยบอกไหมว่าอย่าให้คนอย่างเขาแค้น เพราะนั่นหมายถึงแค้นฝั่งหุ่นทั้งเป็นและตาย เขาจะไม่ยอมให้คนที่เขารักเป็นอันตรายไปอีกแล้วมันมากไปแล้วที่ผ่านมา

  • พิศวาสรักมาเฟียร้าย (ดวงใจมาเฟีย)   ตอนที่ 64 ยอม

    ภวิชที่ทำแผลเสร็จตอนนี้เขาพันแผลที่หัวไหล่แล้วเรียบร้อย เขาก็รีบตรงมายังหน้าห้องฉุกเฉินทันที เป็นเวลาที่หมอออกมาจากห้องผ่าตัด “ ภรรยาผมเป็นยังไงบ้างครับ ” “ ตอนนี้หมอทำการผ่าตัดนำกระสุนออกมาแล้วนะครับแต่อาการเธอตอนนี้ยัง...” “ เกิดอะไรขึ้นครับหมอ คุณพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง ” “ เอ่อ คือหมอคิดว่าคุณคงทำใจไว้สักนิดนะครับ ” “ หมายความว่าไงคะหมอ ” รฏาเริ่มใจคอไม่ดี “ เธอมีอาการตกเลือดหน่ะครับ คุณต้องทำใจไว้ส่วนหนึ่งด้วยนะครับเธออาจสูญเสียเด็กในท้อง ” “ เด็กในท้อง หมายถึง ละ ลูกหน่ะหรอ ” ภวิชพูดจาติดขัดเขาพยายามเรียบเรียงสิ่งที่ได้ยิน สายชล ภวัตต์ รฏา รวมถึง กฤษที่อยู่บริเวณนั้น ทุกคนต่างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน คนที่ตกใจที่สุดคงไม่พ้นภวิช “ เฮ้ย! วิช ” ภวัตต์รีบเข้ามาพยุงน้องชายที่เข่าอ่อนลงทันทีที่หมอพูดจบ มินตราท้องหรอ ที่สาวน้อยเขาเพลียบ่อยๆตอนนั้นที่เขาสงสัยว่าทำไมเธอถึงเหนื่อยง่ายๆ เพราะเธอท้องงั้นหรอ แล้วทำไม ทำไมมินถึงใจร้ายไม่ยอมบอกเขาไม่ยอมให้เขาทำหน้าที่พ่อของลูกบ้าง ภวิชเหมือนคนหูอื้อไม่ได้

  • พิศวาสรักมาเฟียร้าย (ดวงใจมาเฟีย)   ตอนที่ 63 หัวใจกั้นฟ้า

    - แต่งงานกันนะครับ- ทันทีที่เพลงเล่นจบลงภวิชก็ดึงมือทั้งสองของมินตรามากุมไว้ในขณะที่เขายังคงคล้องแซกโซโฟนอยู่เขาใช้นิ้วมือปาดน้ำตาของคนสวยที่เปื้อนตรงแก้มใสอย่างอ่อนโยนแววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้งเขาย่อตัวไปหยิบกล่องแหวนขึ้นมาแล้วมองกล่องแหวนในมือภาวนาขอให้มินตราตอบรับเขา “ ว่ายังไงครับ แต่งงานกับพี่ได้ไหม พี่จะทำให้มินมีความสุขที่สุด ” “ คุณวิชคือมิน.....” “ ว่ายังไงครับ ” “ มิน ไม่........ ” “ ฟุ้บ ปังๆๆๆ ” เสียงปืนที่ดังขึ้นหลายนัดทำให้ความโรแมนติกทุกๆ อย่างหมดสิ้นลง เสียงระเบิดที่ดังขึ้นท้ายเรือทำให้มินตราตกใจ ภวิชคว้าดึงมินตราเข้ามากอดเขาหันมองซ้ายขวา สายชลที่คอยช่วยเหลือควบคุมระบบไฟอยู่บนสุดของเรือในห้องกัปตัน ลูกน้องบางส่วนที่กระจายคอยดูอยู่รอบๆ เขาไม่ได้บอกมินตราเรื่องนี้เพราะกลัวเธอจะตกใจ แต่สุดท้ายก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ “ วิช ” “ วัตต์นายรีบพามินลงไปจากเรือลำนี้ที ฉันจะดูทางนี้ให้ ” “ แล้วคุณหล่ะคะวิช ” รฏาเป็นฝ่ายถาม สมองมินตราสับสนไปไหม ว่าเกิดอะไรขึ้น “ ผมจะดูต้นทางให้รีบลง

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status