LOGIN"แม็กซ์เวล!" มีเสียงของใครบางคนดังขึ้น และทั้งสามคนที่ยืนรอสัญญาณไฟก็หันกลับไปมองยังต้นเสียง
"กลับมาแม็กซ์ อย่าดื้อ" แพทย์หนุ่มตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงคนที่กำลังวิ่งมา ไม่คิดว่าจะเจอคนไทยที่นี่ แต่จะว่าเป็นคนไทยเลยก็ไม่ใช่ เพราะชายคนนั้นพูดไทยไม่ค่อยชัดสักเท่าไหร่
คิมหันต์หันกลับมามองดูเด็กตัวน้อยข้าง ๆ มิน่าล่ะ เด็กคนนี้ไม่เห็นเหมือนคนแถวนี้เลย สงสัยน่าจะลูกครึ่งไหม
แต่ทว่าไม่นานเขาก็เห็นว่าเด็กคนนั้นกำลังเตรียมจะวิ่งหนีอีกครั้ง แต่อีกทางกลับมีรถขับมาอย่างรวดเร็ว ในตอนที่คิดว่าเด็กคนนั้นกำลังจะวิ่ง เท้าหนาของเขาวิ่งไปดึงเด็กน้อยคนนั้นที่สะพายกระเป๋าเอาไว้ได้ทันเวลา
"แม็กซ์!" เสียงเรียกของคนที่กำลังวิ่งมาเรียกชื่อเด็กน้อยด้วยความตกใจ แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นที่รถเลื่อนผ่านไปพร้อมกับแพทย์หนุ่มที่เข้าไปจับเด็กชายแล้วอุ้มออกมาได้ทันเวลา
"ปล่อย ปล่อยนะ" เด็กตัวน้อยดิ้นไปมาในอกของแพทย์หนุ่ม ก่อนที่คิมหันต์จะวางเด็กตัวเล็กลง เขานั่งยอง ๆ ตรงหน้าเด็กน้อยพร้อมกับเอ่ยถามอย่างสงสัย
"ทำไมต้องวิ่งหนีด้วย" ที่เขาต้องถามเพราะไม่รู้ว่าเด็กกำลังวิ่งหนีอะไรมา อีกอย่างผู้ชายคนที่ตามเด็กคนนี้มาเป็นใคร ทำอะไรกับเด็กหรือไม่
แต่เด็กน้อยกลับยืนนิ่งไม่ยอมตอบ ก่อนจะหันไปมองดูคนที่วิ่งมาถึงด้วยความเหนื่อยหอบแล้วหันมองดูคิมหันต์ที่กำลังจับหัวไหล่ของตัวเองอยู่
"ไม่ต้องกลัว เขาทำอันตรายเธอหรือเปล่า"
"แม็กซ์ ใครบอกให้ทำแบบนี้" ว่าแล้วร่างสูงก็ขยับมาดึงตัวของเด็กน้อยออกจากมือของแพทย์หนุ่มทันที "หรือต้องให้รายงานเรื่องนี้กับมามี้"
"แม็กซ์จะหามามี้ ๆ" เสียงของเด็กน้อยเอ่ยงอแงขึ้นอีกครั้ง และเมื่อแพทย์หนุ่มมองดูเหตุการณ์แล้ว ก็ดูเหมือนว่าคงจะเป็นพ่อลูกกัน เด็กก็คงซุกซนเป็นธรรมดา
"thank you" คนตัวสูงหันมาเอ่ยขอบคุณคิมหันต์และแพรวนภาที่ช่วยเหลือเด็กน้อยเอาไว้
"ไม่เป็นอะไรครับ คราวหลังก็ระวังด้วยนะครับ"
"อ้าว คนไทยเหรอครับ"
"ครับ"
"ไทยเหยอ เตเตบอกว่ามามี้ไปไทย นี่ใช่ไทยไหม" จู่ ๆ เสียงเด็กน้อยก็ถามด้วยความสงสัย
"ไม่ใช่ครับ มาครับทอมอุ้ม อย่าดื้ออีกเข้าใจไหม" ว่าแล้วเด็กน้อยก็หยุดพยศก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้ให้คนตรงหน้าอุ้ม
"น้องน่ารักจังเลยนะคะ" เสียงของแพรวนภาดังขึ้นก่อนคนที่อุ้มเด็กจะหันไปยิ้มให้เธอ
"ขอบคุณมาก ๆ เลยครับที่ช่วยแม็กซ์ไว้ พวกคุณคงมาเที่ยวใช่ไหมครับ หรือว่ามาฮันนีมูนกัน" อากาศในช่วงนี้เหมาะกับการมาฮันนีมูนมาก เห็นมีคู่รักมากันเยอะ พวกเขาก็น่าจะใช่
"เปล่าครับ พวกเราเป็นเพื่อนกัน"
"อ้อ ขอโทษด้วยครับ" ไม่ใช่แค่คนที่เอ่ยถามทำหน้าไม่ถูก คนที่ยืนข้าง ๆ ก็ดูทำตัวไม่ถูกไปด้วยเช่นกัน
"งั้นเพื่อขอบคุณพวกคุณ ผมขอเลี้ยงข้าวสักมื้อนะครับ"
"ไม่เป็นไรเลยครับ ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่มากมาย" เขาเอ่ยบอกคนที่อุ้มเด็กน้อยอยู่
"ถ้าคุณไม่ช่วย ไม่รู้ว่าแม็กซ์จะเป็นอะไรบ้าง ให้ผมตอบแทนสักอย่างเพื่อความสบายใจเล็กน้อยได้ไหมครับ อีกอย่างร้านผมก็อยู่ไม่ไกลจากนี้ครับ" เขาเอ่ยด้วยความหนักแน่น ก่อนที่คิมหันต์จะหันไปถามความเห็นจากแพรวนภา
"ก็ได้ครับ"
"ขอบคุณครับ"
จากนั้นทั้งสี่คนเดินไปยังร้านอาหารของเขาที่อยู่ไม่ไกลมากนัก มีสายตาของเด็กน้อยที่คอยมองดูมาเฟียหนุ่มอยู่เนือง ๆ
"ผมไปสั่งอาหารให้ครับ"
"งั้นแพรวไปช่วยนะคะ" เพราะไม่อยากเสียมารยาทแพทย์สาวจึงอาสาไปช่วยเขาอีกแรง
"ผมฝากแม็กซ์ด้วยนะครับ"
"ครับ ผมดูแลให้ไม่ต้องห่วง" หลังจากที่ทั้งสองคนเดินจากไปคิมหันต์ก็หันไปมองดูเด็กน้อยที่นั่งหน้านิ่งกอดอกมองเขาหน้ากวน ๆ
ไอ้เด็กคนนี้น่าจะแสบใช่เล่น
"มองแม็กซ์ทำไม" หึ มาเฟียหนุ่มยกยิ้มอย่างอดที่จะหัวเราะไม่ได้ วัยรุ่นฟันน้ำนมแต่ห้าวตีนแล้วซะงั้น
"มองไม่ได้เหรอ"
"มองได้ แต่ต้องจ่ายค่ามองมา" เอ่อ แบบนี้ก็ได้เหรอ ไอ้เด็กนี่เอาเรื่องจริง ๆ ดูแล้วน่าจะมีเรื่องอยากคุยกับเขาด้วย เพราะสายตาแอบชำเลืองมองดูคนที่กำลังสั่งอาหารไม่หยุด
"อยากได้อะไร ทำไมไม่บอกพ่อ"
"พ่อพ่อไม่อยู่" อ้าว แล้วคนนั้นไม่ใช่พ่อหรือไง แพทย์หนุ่มเริ่มงงแล้ว
"แล้วคนนั้นเขาไม่ใช่หรือไง" เด็กน้อยส่ายหน้าไปมา
"คะ คนนี้เป็นเพื่อนของมามี๊" เสียงเล็กเสียงน้อยของเด็กตัวน้อยเอ่ยบอกเขา มาเฟียหนุ่มพยักหน้าให้ แล้วมีอะไรที่อยากให้เขาช่วย
"จะให้ช่วยเหรอ ถ้าจะหนีเที่ยวบอกเลยไม่ช่วยนะ" เด็กตัวเล็กแค่นี้ก็รู้จักจะหนีเที่ยวแล้ว โตมาจะแค่ไหน เป็นพ่อแม่ต้องปวดหัวทุกวันแน่
แต่เมื่อกี้เขาได้ยินเด็กคนนี้พูด ว่าแม่ไปประเทศไทย อย่าบอกจะให้เขาช่วยพาไปหาแม่ที่ไทยนะ งานเข้าเลย
"พาแม็กซ์ไปหามามี้หน่อย" คิดไม่มีผิดจริง ๆ เด็กน้อยพูดจบก็ขยับลงจากเก้าอี้ตัวเอง แล้วขยับมานั่งเก้าอี้ข้าง ๆ เขาแทน ก่อนจะดึงกระเป๋าด้านหลังออกมาแล้วเปิดซิปให้เขาดู
ตอนแรกก็คิดว่าจะหาอะไร แต่พอเห็นของข้างในกระเป๋าก็อดตกใจไม่ได้ ไม่นึกเลยว่าในกระเป๋าเด็กน้อยจะมีเงินเยอะขนาดนี้
พ่อแม่เด็กไม่สนใจถึงกับทิ้งเด็กไว้กับคนอื่นแบบนี้ได้ไงกัน ไม่ห่วงลูกบ้างเหรอ
ใบหน้าสวยยิ้มเยาะให้คนที่ยืนจ้องมองเธออย่างเอาเรื่อง“คู่นอน?” เขาทวนคำเธออีกครั้ง ที่ผ่านมาเธอให้เขาเป็นแค่คู่นอนแค่นั้นจริงเหรอมิลินไหวไหล่ให้เขาเล็กน้อยราวกับว่าไม่อยากจะสนใจ แน่นอนว่าที่ผ่านมาสถานะของเธอและเขามันก็เป็นแค่คู่นอน ไม่มีอะไรที่มากไปกว่านั้น“ทำไมคะ หรือว่าไม่ใช่""ไม่ใช่...""ถ้าไม่ใช่ แล้วเขาเรียกอะไรคะ" เธอเอ่ยถามเขาอย่างใจเย็น ตลอดเวลาที่เธออยู่กับเขา เขาไม่เคยให้ความชัดเจนกับเธอเลย ทั้งยังมีคู่หมั้น หรือแม้แต่ผู้หญิงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวพันด้วยตลอดแล้วความสัมพันธ์กับเธอแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ นั่น ต้องเรียกว่าอย่างไรเหรอ"คนรัก""หึ" มิลินกลั้นขำเอาไว้แทบไม่อยู่ คนรักจริงเหรอ คนรักกันเขาทำแบบนั้นเหรอ แอบเจอ แอบคุยแล้วก็ยังแอบเอากัน เขาทำเหมือนเธอเป็นชู้รัก เป็นยิ่งกว่าเมียน้อยเสียอีกคนรักเหรอ เธอไม่เคยรู้สึกถึงคำนั้นเลยจริง ๆ แต่ก็ช่างเถอะ เวลาผ่านมานานแล้ว เธอโตขึ้นมากกว่าจะกลับไปคิดเรื่องบ้าบอพวกนี้อีกแล้ว"แล้วมะปรางล่ะไปไหน ไม่เห็นตามเกาะติดพี่เป็นปลิงแล้ว หรือว่ามันเ
ใจดวงน้อยสั่นระรัวคล้ายกับว่ามันกำลังจะหลุดออกมา มิลินที่เริ่มได้สติก็รีบใช้มือดันตัวออกจากมาเฟียหนุ่มอย่างรวดเร็ว"เจ็บตรงไหนหรือเปล่า" เสียงทุ้มของเตวิชเอ่ยถามด้วยความห่วงใย ก่อนจะจับตัวของมิลินหมุนไปมาเพื่อสำรวจ เกือบไปแล้วไหม"นี่คุณ!" เตวิชหันไปหามาเฟียหนุ่มอย่างรวดเร็ว หมายจะเอาเรื่อง แต่ทว่ากลับโดนมิลินจับแขนเพื่อห้ามปรามเอาไว้"อย่ามีเรื่องเลย" เตวิชรู้สึกไม่ชอบหน้าคิมหันต์ขึ้นมาทันที ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าแพทย์หนุ่มเป็นคนที่ทำให้มิลินต้องเจ็บตัว แต่ก็เอาเรื่องไม่ได้คนที่นั่งบนเก้าอี้กลับยิ้มเยาะ ไม่คิดว่าแฟนใหม่ของมิลินจะดูใจเสาะขนาดนี้"เราไปกันเถอะ" มิลินไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาสักนิด เธอจับมือของเตวิชก่อนจะเดินออกจากห้องจัดงานอย่างรวดเร็ว"หมอเป็นอะไรหรือเปล่าคะ""ไม่เป็นไรครับ ผมขอตัวก่อน""เออ คือว่าแพรวขอกลับกับหมอได้ไหมคะ พอดีว่ายัยมะปรางกลับไปแล้ว ทิ้งแพรวไว้คนเดียวอีกแล้วค่ะ" แพรวนภาเอ่ยบอก ที่จริงแพรวนภากับมะปรางก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน มาเฟียหนุ่มรู้ดี แต่ตอนนี้เขาไม่ว่างที่จะไปส่งใครทั้งนั้น"ได้ครับ"&nb
'แม่งใครวะ โคตรสวย''ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็นน้องสาวของคลาสเวลต์''สวยไอ้สัส กูไปอยู่ไหนมา''มึงก็อยู่นี่แหละ แต่ได้ยินว่าเขาไม่ได้อยู่ไทยนานแล้ว''ไม่น่า''อะไร''ไม่งั้นกูจีบไปล่ะ''ไอ้ฟาย น้องสาวมาเฟียใครกล้าแหย็ม ไอ้สัส จีบปุ๊บ ลูกตะกั่วลงหัวปั๊บ''เออ ก็จริง'มีเสียงคนที่พูดคุยกระซิบกระซาบกันอยู่ด้านหลังไม่ขาดสาย แต่ทว่ามิลินกลับรู้สึกแปลกไป เมื่อเธอถูกอีกหลายสายตาจ้องมอง ไม่ว่าจะทั้งชายหรือหญิง"ผมเมธีครับ" คนที่นั่งถัดจากเตวิชเอ่ยบอกก่อนที่มิลิน.จะพยายามนึกถึงชื่อนี้ แต่เอาตรง ๆ เธอนึกไม่ออกอยู่ดี"เป็นเพื่อนคิมหันต์ครับ" มิลินรีบพยักหน้าทันที เพื่อนจริงเหรอ เธอก็พึ่งจะนึกออกตอนที่เขาเอ่ยชื่อคิมหันต์เมื่อก่อนแพทย์หนุ่มเคยพูดชื่อคนนี้ให้ฟัง แต่เขาไม่ได้บอกว่าเป็นเพื่อน แต่บอกแค่ว่าอย่าเข้าใกล้คนที่ชื่อเมธี"ค่ะ" เธอยิ้มให้เขาบาง ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงพิธีกรประกาศบนเวที เธอจึงใช้โอกาสนี้เลิกคุยกับเขา"ลินรู
"ถึงเวลาแล้ว ไปกันยัง" มิลินเดินออกมาจากห้องแต่งตัวก่อนที่จะมองดูผู้ชายสองคนที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น"มามี้ฉวย" แม็กซ์เวลเด็กน้อยปากหวานกว่าใคร ชมแม่ใหญ่เลย แต่ทว่าจะพาไปด้วยก็เป็นงานกลางคืน เลยมีคนอาสามาเฝ้าเด็กน้อยให้ ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นเจ้าเก่าเจ้าเดิม อาทอมของเขาเองอาทอมตลอดไป"วันนี้แม็กซ์อย่าดื้อนะครับ มามี้ไปธุระแป๊บเดียวก็กลับแล้วครับ""รับทราบครับมามี้คนฉวย" เด็กน้อยช่างพูดเจรจาเอ่ยบอกแม่ก่อนจะรีบวิ่งไปนั่งข้าง ๆ ทอมอย่างรู้ความ ฉลาดกว่านี้มีใครอีก แม็กซ์เวลเป็นเด็กที่เรียกเก่งมาก อาจารย์ที่สอนเด็กก่อนเข้าโรงเรียนเคยบอกเธอเขาเรียนรู้ได้ไวกว่าปกติ ไม่ใช่เพราะเขาได้พ่อมาหรอก เพราะแม็กซ์ฉลาดเองต่างหาก พ่อแม็กซ์เหรอโง่มาก โง่กว่าจะเป็นหมอซะอีก มิลินคิดแบบนั้น"ไปค่ะ" ว่าแล้วร่างสวยในชุดราตรีสีสวยก็ก้าวเดินออกมาจากห้องพร้อมกับเตวิชในชุดสูทที่ดูดี ดูเป็นการออกงานครั้งแรกในฐานะคู่รักเลยก็ว่าได้"ตื่นเต้นเหมือนกันนะ เตว่าไหม""สวยขนาดนี้ตื่นเต้นอะไร" คนข้าง ๆ เอ่ยชมไม่ขาดปาก เป็นธรรมดาที่เตวิชพูดแบบนี้กับเธออยู่แล้ว
-วันต่อมา-"เตเตมาแย้ว" เสียงของแม็กซ์เวลดังขึ้นเมื่อเห็นว่าตอนนี้ใครกำลังเดินมาหา"ว่าไงครับ ตัวแสบ คิดถึงเตไหม""คิดถึงที่ซุ้ดด" เด็กน้อยทำหน้าทะเล้นดีอกดีใจที่ได้เจอคนตามใจกลับมาหาแล้ว จากที่กอดเตวิชจนพอใจแม็กซ์ก็ขยับตัวไปนั่งเล่นด้านล่างเหมือนเดิม"เป็นไงบ้าง เหนื่อยไหม" มิลินเอ่ยถามคนที่กำลังนั่งอยู่ข้าง ๆ เตวิชหันมายิ้มให้เธอก่อนจะส่ายหน้าไปมา"ไม่เลย แต่ว่าไม่ได้กลับมานาน ที่นี่ดูแปลกไปเยอะเลย""นั่นสินะ กี่ปีแล้วที่เตไม่ได้กลับมาบ้าน ว่าแต่เตเข้าบ้านหรือยัง" มิลินเอ่ยถามเขาด้วยความอยากรู้ เธอรู้ว่าเตวิชออกจากบ้านไปตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อไปใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกเพียงลำพัง กว่าจะมีวันนี้ได้มันยากมาก"ยังไม่ได้เข้า ไม่รู้ว่าต้องบอกพวกเขายังไงดี""ตอนนี้มีลินแล้วกลัวอะไร เอ่อ แล้วทอมหายไปไหน ทำไมไม่มาด้วย""นอน เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น""ดีแล้ว ๆ ปล่อยเขานอนบ้าง แต่ว่าถ้าเตจะกลับบ้าน ลินไปเป็นเพื่อนก็ได้นะ เอาไหม" เธอเอ่ยถามเขาอย่างรู้สึกห่วงใย เป็นธรรมดาที่ทุกคนอยากจะกลับไปบ้าน เตวิชก็คงไม่ต่างกัน
จากนั้นจึงเลือกที่จะเดินจากออกไป พอเดินมาถึงรถของตัวเอง ก็รีบโทรหาเลขาคนสนิทของเขาทันทีเมื่อวานเขาได้รับการ์ดเชิญงานเดินแบบเปิดตัวเสื้อผ้าของแบนด์ระดับโลกจากคนรู้จัก แน่นอนว่าเขาสืบเรื่องมิลินมาพอรู้บ้างว่าเธอมีแบนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเองและแน่นอนว่าเธอต้องสนใจที่จะไปงานนี้แน่ หากว่ามีคนส่งการ์ดให้(ครับนาย)"ส่งการ์ดเชิญงานแฟชั่นโชว์ของเซฟานนี่ให้มิลินด้วย"(ได้ครับนาย แล้วนายจะไปไหมครับ ผมจะได้จัดการให้)"อืม คนที่ให้ตามมิลินว่าไงบ้าง"(จริงอย่างที่นายสงสัยครับ วันนั้นคุณมิลินไปรับผู้ชายคนหนึ่งที่สนามบิน) "ใคร"(เอกสารสืบไม่ได้ครับ แต่ที่น่าแปลกใจ คือมีเด็กกลับมาด้วย หลังจากส่งผู้ชายคนนั้น คุณมิลินกับเด็กคนนั้นก็ไปบ้านคุณไคล์ครับ)"เด็กเหรอ""ครับ จากนั้นก็ไม่ออกมาเลยจนถึงเช้า""ไปหาประวัติมาเอารูปมาด้วย ทั้งผู้ชายทั้งเด็ก" เขาไม่เข้าใจ ตกลงมิลินไปรับใครกันแน่ ทำไมมันดูคลุมเครือไปหมด"ครับ ผมจะรีบจัดการให้"ว่าจบเขาก็วางสายไปทันที ก่อนจะสตาร์ทรถแล้วมองไปรอบ ๆ สายตาคมดันเหลือบไปเห็นว่าตอนนี้มีรถของไคล์จอดอยู่ที่นี่ด้วย แสดงว่าเมื่อกี้ที่มากับมิลินเป็นนาเดียไม่ผิดแน่จากที่คิดไตร่ตร







