ที่น้องเล็กกล่าวมาไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย บุรุษที่ดีพร้อมมักจะเป็นที่หมายปองของสตรี เช่นนี้หากได้เจอกันอีกครานางคงต้องหาวิธีล่อลวงเขาให้ติดกับ กลับไปเมืองหลวงอีกครา เขาจะได้รีบให้แม่สื่อมาสู่ขอตน
ใช้เวลาเกือบสองวันคุณหนูคุณชายตระกูลอวี้ก็เดินทางมาถึงเมืองอู๋ท่งอันแสนอุดมสมบูรณ์ เพราะฝนที่ตกต้องตามฤดูกาลทำให้พืชผักงดงาม ขายได้ราคา ในเมื่อการทำไร่ทำสวนสามารถทำให้ชาวบ้านกินดีอยู่ดี เมืองนี้จึงแทบไม่มีขอทานหากเทียบกับเมืองหลวง
“ลู่หมิง ข้ามีเรื่องสำคัญจะบอก” คำกล่าวของคุณชายหยางทำให้สตรีสองคนที่กำลังคีบอาหารใส่จานตนชะงักมือเล็กน้อย
“มีเรื่องอันใด” อวี้ลู่หมิงหันมาถาม
&
“เหตุใดเจ้าถึงถีบพี่ตกเตียงเช่นนี้” ใบหน้าไร้ที่ตินั่นยุ่งเหยิงราวกับกำลังไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกเช่นใดดีระหว่างมึนงงกับไม่พอใจ จะให้เขาพอใจได้อย่างไร ในเมื่อนี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกสตรีถีบตกเตียงเช่นนี้ พระจันทร์แสนซุกซนของเขาช่างไม่เหมือนใครจริงๆ แต่เพราะนางเป็นเช่นนี้ เขาถึงได้หลงใหลมิใช่หรือ “ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าเพียงตกใจ ก็ใครใช้ให้ท่านขึ้นมานอนเตียงสตรีที่ยังไม่ได้ปักปิ่นล่ะเจ้าคะ ข้านั้นเป็นเพียงแม่นางน้อยที่ไร้เดียงสาจึงตกใจอยู่บ้างที่มีบุรุษมาอยู่บนเตียง” อวี้ซีเยว่หลุบตาลงเล็กน้อย ริมฝีปากเม้มเข้าหากันราวกับกำลังไม่ได้รับความเป็นธรรม “พี่ขอโทษ ที่ทำเจ้าตกใจ” เขากล่าวพลางลุกยืนขึ้น มือใหญ่ปัดอาภรณ์อย่างลวกๆ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้นาง “ข้าก็ต้องขอโทษ
“ตามแต่ท่านต้องการเจ้าค่ะ แต่ขอยกเว้นชีวิตและเงินทองเจ้าค่ะ ข้าค่อนข้างยากจน ทุกวันนี้อยู่ดีกินดีเพราะบิดามารดา” นางกล่าวจบก็กลับมานั่งตัวตรงพร้อมกับหลุบตาลงเล็กน้อยให้ดูน่าเอ็นดูกึ่งน่าสงสาร “ท่านผู้ตรวจการโจว เย็นนี้ท่านพอจะมีเวลาว่างหรือไม่ขอรับ” เมื่อมีคนเสนอค่าตอบแทนให้ คุณชายหยางเช่นเขามีหรือจะไม่รับไว้ ในเมื่อค่าตอบแทนที่เขาต้องการมันช่างหอมหวานยิ่ง... “ข้าไม่ได้มีงานสำคัญใด ท่านมีอันใดหรือไม่” ขุนนางหนุ่มเอ่ยถามบุรุษผู้ที่มีอายุน้อยกว่า “เย็นนี้ข้าอยากจะเชิญท่านมารับมื้อเย็นที่จวนที่พวกข้าพักอาศัย อาจจะมีการจิบสุราบ้างเล็กน้อยเพื่อสร้างความคุ้นเคยกัน” หยางเฟยฉีกล่าวจบก็เหลือบมองสหายตน&nb
“ใช่ เขากล่าวว่าอย่างไรก็ไม่แต่ง เพราะตัวเขานั้นรักฮูหยินมาก สุดท้ายคนแบกความอับอายจึงเป็นคุณหนูเฟินที่บุรุษหลายคนในงานได้เห็นนางในสภาพเช่นนั้น ทั้งยังถูกบุรุษปฏิเสธไม่รับผิดชอบอีก” “ข้าเพิ่งรู้ว่ามีเรื่องเช่นนี้ด้วย แล้วการที่นางตกน้ำเป็นฝีมือใครหรือเจ้าคะ” เหตุใดนางถึงได้รู้สึกเหมือนว่าเวรกรรมกำลังตามทันสตรีผู้นั้น “ไม่ทราบ คุณหนูเฟินก็บอกไม่ได้ว่าเป็นฝีมือใคร เพราะบริเวณนั้นไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว” ‘ก็คงไปสร้างศัตรูเอาไว้มาก เลยมีคนมาเอาคืน’ “เจ้าอยากกินอะไรเพิ่มหรือไม่ พี่จะสั่งให้” สิ้นเสียงของรองเจ้ากรมยุติธรรม ก็มีบุรุษสองคนเปิดประตูห้องส่วนตัวเข้ามา “มิรบกวนท่านรอ
14 ว่าที่น้องเขยของอวี้ลู่หมิง ด้านบนของหอขายข่าวมีบุรุษสองคนนั่งมองกลุ่มคนด้านล่างด้วยสายตาเรียบเฉย นิ้วแกร่งหยิบถั่วในจานก่อนจะโยนเข้าปาก หากไม่ได้มาหนานโจวด้วยในคราวนี้ ตนก็คงไม่รู้ว่าแท้จริงนายท่านเฟยเจ้าของหอขายข่าวที่ยิ่งใหญ่และหอประมูลแห่งนั้นคือสหายผู้นี้ แม้จะรับรู้
“พี่รองน่ะสิเจ้าคะ คะนึงหาพี่เลี่ยงรุ่ยจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ข้าและพี่ใหญ่จึงต้องพากันเดินทางมาที่หนานโจว” “ซีเยว่เจ้าล้อพี่เล่นแล้ว” อวี้ลู่เสียนกล่าวด้วยท่าทีเขินอาย จนบุรุษตระกูลเฟินกำมือแน่น “ข้าพูดความจริงเจ้าค่ะ” “เราไปนั่งคุยกันในเหลาแห่งนั้นดีหรือไม่ จะได้คุยไปกินข้าวไป” ในสายตาอวี้ซีเยว่ตอนนี้ พี่ชายซ่างกวนป๋อช่างรู้ใจนาง กินอาหารเลิศรสไปด้วยคุยกันไปด้วยดีที่สุด “เช่นนั้นข้า...” คุณหนูเฟินตั้งใจจะเอ่ยปากแต่โดนอวี้ลู่เสียนเอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน “เช่นนั้นเราสี่คนรีบไปกันเถิดเจ้าค่ะ” คำจำกัดจำนว
‘อย่างไรสำหรับพี่ บุรุษก็ต้องมาก่อนนะน้องเล็ก’ พี่สาวอย่างตนไม่สามารถยื่นมือเข้าไปยุ่งได้จริงๆ เพราะมิเช่นนั้นว่าที่ฟูจวินของนางจะเดือดร้อน แคว้นฉีจินก็แสนจะกว้างใหญ่ แต่เหตุใดนางถึงได้พบศัตรูบนทางแคบ[1] ด้วยสัญชาตญาณอวี้ซีเยว่รีบจับแขนพี่สาวเอาไว้แน่น เพราะกลัวพี่สาวจะบุกเข้าไปทำร้ายสตรีดอกบัวขาว “มีอันใดหรือซีเยว่” อวี้ลู่เสียนเอ่ยถามน้องสาว เมื่อเห็นนางทำสีหน้าไม่ค่อยดี “มิมีอันใดเจ้าค่ะ เรารีบไปหาอะไรกินในโรงเตี๊ยมทางนั้นเถิดเจ้าค่ะ” “เดินทางรอนแรมจากเมืองหลวงมาไกลมิคาดคิดว่าจะมาเจอคนรู้จักที่หนานโจว” เสียงหวานของสตรีผู้หนึ่งดังขึ้นก