LOGINดวงตากลมโตมองไปข้างหน้าและเบนสายตาไปมองที่ทะเลก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเมื่อพบว่าต่อให้เดินไปอีกก็คงไม่เลิกคิดเป็นแน่ พลันก็เพิ่งรู้ตัวว่าคนที่กำลังคิดอยู่ในหัวหายไปนานแล้ว คิดได้ดังนั้นก็หมุนเท้าเตรียมหันหลังกลับ ไม่วายบ่นคนที่ทำให้ต้องเดินมาไกลเช่นนี้ ซ้ำยังหายไปนาน
“หายไปไหน ไม่ยอมบอกแบบนี้มันน่าหงุด...”
คำพูดในท้ายประโยคถูกกลืนลงคอพร้อมกับเท้าที่หยุดชะงักอัตโนมัติ ดวงตาจ้องมองไปข้างหน้า สบสายตาสีอำพันนิ่งราวโดนสาป ร่างกายแข็งทื่อไปเสียดื้อ ๆ หญิงสาวยืนหันหน้าเผชิญ มือเล็กที่ถือรองเท้ากระชับแน่น แสงสีส้มทองที่สะท้อนลงบนตัวชายหนุ่มซึ่งยืนส่งยิ้มละมุนมาให้จนใจสั่นหวั่นไหว
เขาช่างดูอ่อนโยนและอบอุ่นจัง
“ขอโทษนะครับที่หายไปนาน”
แหนะ ยังมีครับลงท้ายมาอีก ถ้าไม่มีเสียงคลื่นเสียงลมอีกฝ่ายคงได้ยินเสียงหัวใจของเธอที่เต้นแรงจนมันจะหลุดออกมาอยู่แล้วกระมัง ไม่เลย เธอไม่เคยชินเลยเสียที
ดาเมจแรงอะไรขนาดนี้คะพ่อคุณคนหล่อ
เขาช่างเป็นผู้ชายที่อันตรายต่อหัวใจของเธอเสียจริง
“…”
“...หนูเอม หนูเอมครับ”
เซนนิก้าเบือนหน้าเข้าหาทะเลพลางยิ้มขันน้อย ๆ อย่างเอ็นดูอีกฝ่ายที่ตัวแข็งทื่อจนไม่รู้สึกตัวเช่นนี้ก่อนจะหันกลับมาเรียกด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม แต่สาวเจ้าก็ยังไม่ไหวตัว จนเขาต้องยื่นมือไปเกลี่ยผมทัดหู และวางมือทาบลงบนแก้มนุ่ม เชอเอมถึงได้รู้สึกตัว กะพริบตาถี่หลุบสายตามองมือหนาอุ่น
“พี่ไม่ใช่เมดูซ่าหรือพ่อมดนะครับ”
“คะ? เอ่อ เมดูซ่ากับพ่อมดเกี่ยวอะไรด้วย” คิ้วเรียวสวยขยับขมวดเข้าหากัน ถามออกไปเมื่อตั้งสติได้
“ได้ยินว่าเป็นคนเก่งหัวไว ทำไมทีนี้กลายเป็นคนหัวช้าไปได้ล่ะ หืม” มือใหญ่ผละออกจากแก้ม ยกขึ้นมาวางบนศีรษะออกแรงโยกเบา ๆ อย่างเอ็นดู พลางโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้เล็กน้อยเพื่อมองหน้าสาวเจ้าให้ชัดขึ้นเมื่อแสงตอนนี้เริ่มมืดลงมาก
“ก็ใครกันล่ะคะ ทำเบลอไปหมดแล้ว” เธอกล่าวโทษพลางจ้องสบตาอีกฝ่าย
“แล้วสิ่งนี้พอจะไถ่โทษได้หรือเปล่า” เขาพูดพลางยกมืออีกข้างขึ้นพร้อมคลายออก เผยให้เห็นสร้อยจี้เพชรตกมาอยู่ในระดับสายตาของสาวเจ้า
“ไปซื้อมาตลอดไหนคะ” เธอมองพลางถามด้วยความใคร่รู้
“พี่สั่งทำกับคนออกแบบของบริษัทเอม ว่าจะให้ตอนกินข้าวแต่ก็ลืม เลยกลับไปเอามา” ชายหนุ่มให้คำตอบ ทว่าชั่วครู่ที่ดวงตาคมไหววูบเมื่อระหว่างที่เขาเดินกลับไปเอาสร้อยจี้เพชรสีแดงเส้นนี้
สิ่งที่เขาอยากลืมแล้วใช้ชีวิตอยู่ที่นี่กำลังค่อย ๆ ย้ำเตือนให้เขา...กลับไป
“เพชรสีแดงด้วย รวยจังเลยนะคะ” เธอแซวเขาอย่างเขินอาย
“พี่ใส่ให้” เขาพูดพลางเดินอ้อมมาอยู่ข้างหลังแล้วสวมใส่สร้อยให้กับเธอ เดินกลับมายืนอยู่ข้างหน้าสาวเจ้า
“จะเก็บรักษาเอาไว้อย่างดีเลย” เธอพูดด้วยรอยยิ้ม เงยหน้าจากสร้อยขึ้นมามองคนเห็น
“ชอบขนาดนั้นเชียว กลับห้องกันเถอะ เดี๋ยวคนแถวนี้เบลอจนหลงทางเดินเข้าห้องคนอื่นแล้วจะยุ่ง พี่หึงแรงนะ เดี๋ยวน้องเอมจะลุกไม่ไหว” เขาหัวเราะในลำคออย่างขบขันสาวเจ้าที่ย่นจมูกให้กับคำพูดของเขา ก่อนจะแกล้งพูดเย้าให้อีกฝ่ายชักสีหน้าใส่ในท้ายประโยค
ทั้งน่ารักทั้งน่าเอ็นดู
ชายหนุ่มไม่ได้พูดเรื่อยเปื่อยไปเท่านั้น แต่ยังลดมือจากศีรษะของหญิงสาวมากุมมือสอดนิ้วทั้งห้าประสานกับนิ้วเรียวเล็ก กอบกุมพาเดินกลับไปทางที่พักเมื่อแสงเริ่มมืดมากกว่าเดิม แววตาลุ่มลึกหลุบมองมือใหญ่ที่กอบกุมพาเดินกลับ พลันรอยยิ้มระบายกว้างขึ้นอย่างเผลอตัว นึกสนุกอยากก้าวเดินให้ตรงจังหวะคนตัวสูงที่คอยลอบสังเกตจนต้องเดินช้าให้เธอก้าวจนทัน พลางอดยิ้มไม่ได้กับความน่ารัก
เธอยิ้มดีใจเมื่อก้าวจนทันอย่างไม่รู้ตัว และปล่อยให้เขาพาเดินกลับห้องพัก สายตาที่มองเท้าก็แหงนขึ้นมามองแผ่นหลังกว้างที่เธอทั้งจิกทั้งข่วน สัมผัสมาเกือบตลอดคืน
คนอะไรเรียกตัวเองว่า ‘พี่’ ได้อบอุ่นจนใจเจ็บเพราะหวั่นไหว หนำซ้ำเรียกคนอื่นด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มไม่พอ ยังมาเรียก ‘น้องเอม’ ให้รู้สึกถึงความอ่อนโยนเข้าไปอีก ก่อนหน้านี้คลับคล้ายคลับคลาว่าจะได้ยินเขาเรียกเธอว่า ‘หนูเอม’ ไม่เคยมีใครเรียกเธอเช่นนี้มาก่อน แม้แต่อดีตแฟนเก่า หรือพ่อแม่ แม้แต่อัฐพลก็ไม่เคยเรียกเธอได้อบอุ่นอ่อนโยนเท่านั้น เรียกแต่ชื่อที่ให้ความรู้สึกปกติธรรมดาของความสัมพันธ์คนในครอบครัวทั่วไปที่ไม่ค่อยมีโมเมนต์น่ารัก
เป็นไมโครเวฟหรือไงนะ จะอบอุ่นไปถึงไหน ขนาดไมโครเวฟยังมีหยุด แต่ทำไมเขาถึงได้อุ่นมันเสียตลอดเวลาจนจะรับมือกับความหวั่นไหวไม่ไหวแล้ว
คนอะไรดาเมจแรงจนเล่นงานคุณหนูเชอเอมได้อยู่หมัด
มีหรือเธอจะยอมอยู่เฉย แค่ยอมให้เขาป้อนด้วยช้อนของเขายังไม่พอหรอก คิดได้แล้วมือเล็กก็ใช้ช้อนตัวเองตักเนื้อปลากะพงยื่นไปตรงหน้าเขาทันที เขามองสาวเจ้าด้วยรอยยิ้มอย่างไม่คิดอะไร อ้าปากรับเนื้อปลากินทันที ทั้งสองผลัดกันป้อนบ้าง กินข้าวกันเองบ้าง จนอาหารที่สั่งมาหมดเกลี้ยงและพากันออกมาจากร้านอาหารก็เกือบบ่ายโมงแล้วแดดจ้ากำลังพอดี แต่ไอความร้อนก็ทำให้คนที่กำลังเดินไปตามทางถนนเหงื่อตกจนกระทั่งเดินไปเจอกับร้านเล็ก ๆ ของชาวบ้านซึ่งตั้งขายน้ำแข็งใส แต่ทว่าด้านหน้าร้านตั้งป้ายว่า ‘โอ้เอ๋ว’ คิ้วทรงสวยขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย ไม่วายคว้าแขนของชายหนุ่มให้เดินตรงไปยังร้านที่เป็นเป้าหมายทันที ก่อนจะเอ่ยถามเมื่อเดินมาถึงร้าน“โอ้เอ๋วคืออะไรเหรอคะ ไม่ใช่น้ำแข็งใสเหรอคะ” ถามออกไปด้วยความสงสัยเต็มประดา“หม้ายช่าย โอ้เอ๋วคือวุ่น หรอยแรง ลองกินม้าย” คนขายพูดภาษาใต้ตอบกลับมา“ขอสองถ้วยค่ะ” สาวเจ้าตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มแม้จะไม่ค่อยรู้ว่ามันคืออะไร แต่ค่อยกลับไปหาข้อมูลก็ไม่สาย แต่สิ่งหนึ่งที่เธอรู้เรื่องก็เห็นจะเป็นภาษาใต้ที
หลังจากกินไอศกรีมกันจนอิ่มท้อง ทั้งคู่ก็พากันออกไปเดินเล่นตามถนนย่านเมืองเก่า พลางหามุมถ่ายรูป ผลัดกันถ่ายรูปบ้างเซลฟีบ้าง และมันทำให้เขารู้สึกถึงความสุขที่แท้จริงในฐานะของผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่เดินไปทางไหนก็ไม่มีคนรู้จัก มองเขาเป็นเพียงคนแปลกหน้าหรือไม่ก็นักท่องเที่ยว แตกต่างจากที่อิตาลี ที่ไปไหนจะต้องมีลูกน้องเป็นสิบคนเดินตามไปด้วยทุกที่ แม้แต่เข้าห้องน้ำก็ต้องเข้าคนเดียว มีลูกน้องกันเอาไว้ข้างนอก ความเป็นส่วนตัวและการได้เดินเล่นอย่างไม่กังวลเช่นนี้น่ะหรือ...ไม่มีหรอกและยิ่งได้เดินกับคนที่ทำให้หัวใจสั่นไหวด้วยแล้วยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลยแม้สักนิด การได้พบและได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเชอเอมทำให้เซนนิก้าต้องเปลี่ยนแผนชีวิตใหม่ทั้งหมดในความตั้งใจของชายหนุ่ม เพราะหญิงสาวได้กลายมาเป็นคนสำคัญในชีวิตของเขาไปเสียแล้ว และคงมีเรื่องยุ่งยากตามมาอีกไม่นาน เขาจะต้องวางแผนรับมือให้ดีที่สุด หากเขาจะรั้นคำสั่งของผู้เป็นปู่ก็คงไม่มีอะไรราบรื่นเป็นแน่ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาอีกต่อไปยามที่ได้กลับอิตาลีใช่ อีกไม่นานเขาจะต้องกลับอิตาลี กลับไปเคล
สายฝนที่กระหน่ำตกลงมาในวันที่สองของการมาเที่ยวภูเก็ตทำให้เชอเอมและเซนนิก้าไม่สามารถออกไปเที่ยวไหนได้เลย กระทั่งในวันที่สาย ฝนที่เคยตกก็หายไปราวกับว่าไม่มีมาก่อน ท้องฟ้าแจ่มใสจนคิดว่าเป็นหน้าร้อน แต่สำหรับหญิงสาวแล้ว ถือเป็นวันดีที่ทำให้ไม่ต้องอุดอู้อยู่แต่ในห้อง และเธอเองก็อยากออกมาเที่ยวในเมืองภูเก็ตมากกว่าจะนั่งมองคลื่นทะเลกระทบโขดหินที่วิวห้อง และสถานที่แรกที่เธอกับเซนนิก้ามาตามแพลนที่ฟ้าครามให้ไว้ก็ไม่พ้นร้านของกิน“อร่อยใช่มั้ยคะ” เชอเอมเอ่ยถามเซนนิก้าเมื่อได้กินไอศกรีมเจ้าดังที่ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยจนมีแต่คนนำไปขึ้นเว็บไซต์รีวิวอย่างร้าน Torry's Ice Cream ที่ตั้งอยู่บนถนนถลางแห่งย่านเมืองเก่าจังหวัดภูเก็ต หลังจากรอให้ฝนหยุดตกมาหนึ่งวันเต็ม ๆ และมันก็เป็นวันที่ดีสำหรับเธอกับเขากับท้องฟ้าแจ่มใสแดดจ้า ราวเป็นใจให้หญิงสาวและชายหนุ่มได้ออกมาท่องเที่ยวและสำรวจพื้นที่ภูเก็ตไปด้วย“อืม อร่อย”“เอมมาครั้งนี้ก็ครั้งที่สอง ครั้งแรกที่มาก็ตอนแวะเพราะหิว หลังจากนั้นก็ไม่ได้มาอีกเลย” เชอเอมยิ้มกว้าง ภูมิใจกับสิ่งที่
บทที่ 9รอยยิ้มกับแสงตะวันเสียงคลื่นกระทบฝั่งเป็นระลอกในยามสายของวันให้บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบายหลังฝนเทกระหน่ำลงมาเมื่อคืน เซนนิก้าก้าวเดินออกมาในระยะห่างที่มากพอจะไม่ให้คนในวิลลาออกมาได้ยิน เมื่อสายทางไกลติดต่อมาในช่วงเวลาที่ไม่ค่อยเหมาะสมเสียเท่าไรสำหรับชายหนุ่ม แม้เขาจะรู้ว่าไม่นานเรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้น เพียงแต่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นรวดเร็วแบบนี้ หากเมื่อก่อนยังไม่พบกับเชอเอม ก็คงมองว่ามันก็ช้าไปอยู่ดีกับเรื่องที่สักวันหนึ่งเขาจะต้องกลับไปจัดการในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวตระกูลปาเนสบากาเรซแววตาคมกริบมองชื่อของบุคคลที่ต่อสายเข้ามาด้วยเบอร์ต่างประเทศอย่างชั่งใจชั่วครู่ ก่อนจะกดรับสายในที่สุด ทว่ายังไม่ยอมกรอกเสียงออกไป จนคนปลายสายต้องเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอยู่ในที“แกจะกลับเมื่อไร”น้ำเสียงแหบพร่าไปตามวัยที่ชราขึ้นส่งเสียงเข้มถาม เมื่อคนที่เป็นหลานชายคนโตดื้อดึงที่จะไม่ยอมกลับไปรับช่วงต่อกิจการครอบครัว นับตั้งแต่เลิกรากับเอเรียน่า หลานชายคนนี้ก็หนีหายไปจากครอบครัวตามน้องของต
เพื่อให้ได้เธอกลับไป ให้เธอตายใจก็เป็นได้“พี่โอนเงินยี่สิบล้านยูโรเข้าบัญชีโรงแรมที่นี่เพื่อให้ได้เป็นหุ้นส่วนและที่บาร์ของเอมอีกห้าล้านยูโรกับซิกไปแล้ว...ก็เพราะพี่หวงเอม” เขาตอบกลับหน้าตาเฉยอย่างไม่ยี่หระทว่าคนฟังคำตอบไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาอย่างที่เขาใช้น้ำเสียงโทนปกติ อุทานออกไปด้วยความตกใจอย่างที่สุด“อะไรนะคะ! พี่ต้องได้รับความกระทบกระเทือนที่หัวแน่ ๆ เลย” เธอพูดออกไปพร้อมกับดึงทิชชูออกจากจมูก“ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น พี่แค่อยากให้เอมอยู่ในสายตาพี่ตลอด เวลาเอมจะไปไหน ทำอะไร พี่จะได้รู้ว่ามีใครมาเกาะแกะเอมไหม” เขายังคงตอบกลับมาเสียงเรียบเรื่อยอย่างปกติแต่ทว่าไม่ใช่เรื่องปกติของเชอเอมน่ะสิ“นี่พี่...” เธอพูดไม่ออกจริง ๆ กับความใจป๋าของชายหนุ่ม“พี่เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีความรู้สึก ความต้องการเหมือนซิกก้าที่อยากเลือกความรักเอง แค่เพิ่งรู้ตัวว่าหวั่นไหวกับเอมก็เท่านั้น แปลกตรงไหนที่พี่จะหึงจะหวง” เขายังคนตอบด้วยน้ำเสียงโทนเดิมจนเชอเอมทนไม่ไหว“พี่จะมา
ยกเว้นคราวนี้นะ เธอแค่อยากใช้เวลากับเซนนิก้าเพื่อค้นหาคำตอบให้กับหัวใจตัวเองมากขึ้น ให้มันชัดเจนมากกว่านี้จนแน่ใจว่าตัวเองจะไม่ปฏิเสธและก่อกำแพงขึ้นมาอีก ทว่าเท้าที่กำลังก้าวเดินพ้นเขตวิลลาของตัวเองก็ต้องชะงักเมื่อเสียงของฟ้าครามตะโกนเรียกเอาไว้เสียก่อน สาวเจ้าจึงหันกลับไปมองแล้วส่งยิ้มไปให้“จะไปเอามื้อเช้าเหรอ”“ค่ะ กินมื้อเช้าก็ว่าจะออกไปเที่ยว จริงสิคะ พี่ครามช่วยลิสต์มาให้เอมได้ไหมคะว่ามีที่ไหนแนะนำบ้าง เอมขี้เกียจเสิร์ชดูอ่ะ”เชอเอมพูดออกไปตามตรงพร้อมสีหน้าหยีเมื่อพูดถึงความขี้เกียจของตัวเองให้ฟ้าครามได้หัวเราะออกมาอย่างเอ็นดูกับนิสัยของรุ่นน้องคนนี้ที่เป็นลูกคุณหนูตัวจริง แต่ยังดีที่มีจิตใจดี ไม่เห็นแก่ตัว“ได้สิ เดี๋ยวจะสงเคราะห์ แต่ขอแกล้งเขาอีกสักหน่อยก็แล้วกัน” ฟ้าครามยิ้มหัวเราะตอบออกไป พลางชำเลืองมองเซนนิก้าที่กำลังยืนมองออกมาจากหน้าต่างวิลลาด้วยสายตาข่มขู่ไม่เป็นมิตร ราวกับว่าเขาเป็นศัตรูของเจ้าตัวมานาน“แค้นฝังหุ่นจังเลยนะคะ”“แน่นอน แฟนทั้งคนนะ มาขัดขวางความรักคนอื่นหน้าตา







