แชร์

ตอนที่ 4  คุกเข่าคารวะ

ผู้เขียน: ประดับดิน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-09 10:24:56

ตอนที่ 4  คุกเข่าคารวะ

          ขบวนเดินทางของหวังเว่ยซินเดินทางโดยไม่หยุดพัก  เมื่อตะวันคล้อยบ่ายก็มาถึงประตูเมืองหลงไป๋    หัวหน้าลู่เมิงผู้นำในการเดินทางครั้งนี้  ควบม้ามาใกล้รถม้าแล้วเอ่ยขึ้น

          “คุณหนูหวังขอรับ  ตอนนี้เรากำลังจะเข้าเมืองหลงไป๋  อีกประมาณสองเค่อ  ก็จะถึงหมู่บ้านอี้จือ”

          หวังเว่ยซินได้ยินเช่นนั้นก็เลิกผ้าม่านขึ้น  ชโงกหัวออกมาเล็กน้อยพูดขึ้น  “รบกวนท่านลู่ให้คนไปจองห้องที่โรงเตี๊ยมสักสามห้องให้ข้า  ด้วยคืนนี้เราจะพักในตัวเมือง..และช่วยพาไปยังร้านอาภรณ์กับเครื่องประดับเสียก่อน” 

          ลู่เมิ่งเอ่ยตอบ “ขอรับ..ข้าจะให้คนไปจัดการตอนนี้”

          เห็นอีกฝ่ายไม่ขมวดคิ้ว ไม่เอ่ยถาม  หวังเว่ยซินก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก  นางผงกศีรษะเล็กน้อยก่อนจะปิดผ้าม่านลง  พอจะต้องเจอกับครอบครัวของเจ้าของร่างนางก็รู้สึกประหม่าอยู่บ้าง เตือนสติตนเอง  ต้องอดทนให้มากจุดประสงค์ของนางคือมารับมารดากับน้องชายไปอยู่ด้วย  ห้ามทำให้มากเรื่องเด็ดขาด แต่ว่าจะกลับแบบธรรมดาก็ดูจะง่ายไป 

          รถม้าหยุดอยู่ร้านผ้าแพรร้านที่ใหญ่ที่สุด   เมื่อเข้าไปในร้านหวังเว่ยซินก็เอ่ยบอกสิ่งที่ตนเองต้องการทันที

          “ข้าต้องการอาภรณ์ใหม่พร้อมเครื่องประดับที่หรูหราที่สุด  และรบกวนท่านช่วยหาคนแต่งกายให้ข้าจะได้หรือไม่”  เถ้าแก่ของร้านมองหวังเว่ยซินอย่างตกตะลึงไปครู่หนึ่ง  ก่อนจะรีบรับปาก “ได้ ๆ  ขอรับ คุณหนูรบกวนรอสักครู่  เด็ก ๆ  พาคุณหนูไปยังห้องรับรอง  ..โจวชุนไปเชิญฮูหยินมาตอนนี้”  

          หวังเว่ยซินยิ้มที่มุมปาก  ที่ไหนก็ขอมีเงินก็เป็นเรื่องง่าย  นางหันไปบอกลู่เมิง  “ท่านลู่ ไม่ต้องตามข้าไปรอข้าที่รถม้าเถิด”

          ใบหน้าลู่เมิ่งยังคงสุขุมยกมือประสาน  “ขอรับ” 

          ลู่เมิ่งจอดรถม้ารอหวังเว่ยซินอยู่หน้าร้านแพรประมาณครึ่งชั่วยามเด็กสาวถึงปรากฏกาย  เดิมหวังเว่ยซินก็งดงามอยู่แล้วเมื่อสวมอาภรณ์เครื่องประดับยิ่งขับให้นางดูสูงส่ง  ทว่าภายในใจลู่เมิ่งกลับรู้สึกเอ็นดูเพราะรอยยิ้มอ่อนใจดูท่านางน่าจะเหนื่อยกับการแต่งกายไม่น้อย 

          หวังเว่ยซินไม่รู้เลย  ว่ารอยยิ้มนั้นไม่มีผู้ใดถูกสบสายตาจะไม่หวั่นไหว  ลู่เมิ่งที่จิตใจมั่นใจยังรู้สึกสั่นสะท้าน เขายิ้มตอบเล็กน้อยหันไปมองเด็กสาวที่อยู่ข้างกายหวังเว่ยซินมากกว่าคนจำนวนหนึ่งกำลังทั้งหอบของและหีบขนาดใหญ่สองสามหีบ

          “เด็กคนนี้  ข้าว่าจ้างเป็นบ่าวรับใช้ชั่วคราว” 

หวังเว่ยซินอธิบาย  ลู่เมิ่งยังคงประหยัดวาจา  เขาไม่เอ่ยถามเหตุผลเช่นเคย  แม้ท่าทางของหญิงรับใช้คนนั้นจะดูผิดแปลก

          “ขอรับ...เชิญคุณหนูขึ้นรถม้า”     

          เส้นทางเข้าหมู่บ้าน  ค่อนข้างขรุขระรถม้าเคลื่อนสั่นไหวไปมา  หวังเว่ยซินแทบอยากจะออกไปควบขี้ม้าแทน  รถม้าคันใหญ่หรูหราเข้ามาในหมู่บ้านก็ดึงดูดสายตาของคนในหมู่บ้านทันที 

          “นั่นใครกัน  คนต่างถิ่นหลงทางเข้ามาหรือ”

          สตรีชาวบ้านผู้หนึ่งเอ่ยถามขึ้น  สตรีอีกคนหรี่ตามองเห็นบุรุษที่นำขบวนมีบุคลิกองอาจดูล่ำซำ  เอ่ยพูดพร้อมก้าวฝีเท้าออกไป

          “เอะ...ข้าจะสอบถามเสียหน่อยเผื่อพวกเขาต้องการความช่วยเหลือ” 

          ขบวนเดินทางยังเคลื่อนที่ไปเรื่อย ๆ   ลู่เมิ่งเห็นสตรีคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาจึงชำเลืองมอง สตรีคนนั้นเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มแป้นอย่างยินดีเอ่ยถามขึ้น

          “ท่านผู้สูงศักดิ์กำลังจะไปที่ใดหรือ  ให้ข้าช่วยนำทางหรือไม่”

          หวังเว่ยซินได้ยินเสียงคุ้นเคย  แต่ไม่ได้เปิดผ้าม่านออกมา  ได้ยินเสียงลู่เมิงตอบกลับไป

          “เรียนแม่นาง  ข้ากำลังจะไปตระกูลหวัง/ ..อ่า..นั่นมันตระกูลของข้า  ท่านตามข้ามาเลย”   ลู่เมิงยังเอ่ยไม่เต็มประโยคสตรีผู้นั้นก็โพล่งพูดแทรกขึ้น 

          คนในหมู่บ้านได้ยินเสียงของหวังหนิงและเห็นขบวนเดินทางที่ดูยิ่งใหญ่ก็ต่างเริ่มให้ความสนใจ  ทำให้หวังหนิงยิ่งได้ใจเอ่ยพูดเสียงดัง 

          “ท่านผู้สูงศักดิ์คงเป็นสหายของน้องชายข้ากระมัง  เช่นนั้นตามข้ามาเถิด  ข้าจะนำทางพวกท่านเอง” 

          ลู่เมิงปรายสายตามองในรถม้า  เห็นว่าผ้าม่านยังไม่คงนิ่งไม่ไหวติง  แสดงว่ายินยอมให้สตรีผู้นี้นำทาง จึงหันมาประสานมือตอบ  “รบกวนแม่นางด้วย”

          หวังเว่ยซินที่อยู่ในรถม้าได้ยินเสียงพูดคุยกระซิบข้างนอก  พวกเขาต่างคาดเดาบุคคลในรถม้าในหลากหลายรูปแบบ  และด้วยความสนใจและใคร่รู้  คนที่เดินตามรถม้าก็มีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงประตูเรือนสกุลหวัง 

          “ท่านแม่  ท่านแม่...มีผู้สูงศักดิ์มาเยือนเจ้าค่ะ”  เสียงหวังหนิงตะโกนโหวกเหวก  ทั้งหวังเรียกคนข้างในและคนที่อยู่ล้อมรอบได้ยิน 

          กระนั้นหวังเว่ยซินก็ยังไม่ออกมาจากรถม้า   

          แอ๊ด...เสียงประตูดังขึ้น  หวังหนิงเห็นมีสตรีผู้หนึ่งโผล่หน้าออกมา  ก็รีบพูดขึ้นน้ำเสียงร้อนรน  “พี่สะใภ้...ท่านรีบไปตามท่านแม่กับท่านพ่อมาต้อนรับเดี๋ยวนี้”  สตรีผู้นั้นเบิกตากว้างมองคนเบื้องหน้าอย่างตกตะลึง   รถม้าคันใหญ่หรูหราและคนคุ้มกันนั่งอยู่บนหลังม้าช่างองอาจข่มขวัญ  ทำให้นางเชื่ออย่างสนิทใจ รีบกลับเข้าไปในทันที 

          สักพักก็มีคนกลุ่มหนึ่งออกมา    นำหน้าด้วยหวังจงกับหวังฮูหยินพวกเขาไม่เอ่ยถามที่มาที่ไปก็รีบพากันคุกเข่า หวังจงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นท่วงตาดุจดั่งนักปราชญ์

“ข้าหวังจง คารวะผู้สูงศักดิ์” 

          หวังเว่ยซินอดทนอดกลั้น  ไม่หลุดเสียงหัวเราะออกไป   นางยืนมือออกไป  คนข้างนอกที่กำลังจ้องมองรถม้าเป็นตาเดียวมือขาวเนียนหมดจดโผล่พ้นออกมา  แม้ยังไม่เปิดเผยโฉม นิ้วมือเรียวยาวงดงามนั่นก็สะกดตรึงจิตผู้คนไปกว่าครึ่งใจ  พวกเขาต่างพากันจินตนาการถึงรูปโฉมอย่างใจจดใจจอ   

          บ่าวรับใช้ยืนมือไปให้หวังเว่ยซินจับ  นางโค้งศีรษะปิ่นหยกระย้างดงามโผล่ออกมา ยิ่งกระตุ้นให้ทุกคนตื่นเต้น  ลืมหายใจไปชั่วขณะ  ทว่าเมื่อนางเงยหน้าขึ้นยืนอย่างมั่นคงก็มีเด็กคนหนึ่งตะโกนขึ้น 

          “นั่นมัน...พี่เว่ยซินนี่น่า”

          ทุกคนต่างกระพริบตาถี่ ดูให้ชัดเจนอีกครั้ง  แม้เด็กสาวตรงหน้าจะงดงามสะคราญแต่งกายด้วยผ้าไหมราคาแพงสวมเครื่องประดับล้ำค่า ใบหน้าเฉิดฉายเย็นชาแต่ใบหน้านั้นพวกเขาต่างคุ้นเคยดี    จึงมีเสียงเอ่ยขึ้น

          “อ่า...แม่หนูเว่ยซินจริง ๆ ด้วย” 

          หวังจงที่กำลังคุกเข่าอยู่  รีบเงยหน้าขึ้นมามองดูเขาเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง 

          “คริ คริ...”  เสียงหัวเราะดังกังวานอย่างไพเราะเสนาะหู  ชาวบ้านหลายคนก็เริ่มหัวเราะการกระทำของคนสกุลหวัง  หวังเว่ยซินยิ้มที่มุมปาก นับว่าการอดทนแต่งกายทรงเครื่องเป็นชั่วยามไม่เสียเปล่าจริง ๆ

          แม่เฒ่าหวังรีบลุกขึ้นชี้หน้าด่าทอหวังเว่ยซินทันที  “นังเด็กชั่วร้าย...แต่แกกล้าให้ปู่กับย่า คุกเข่าให้เชียวหรือ”

          หวังเว่ยซินก้าวเดินออกไปข้างหน้า  ทั่วกายเรือนร่างไม่มีกลิ่นอายเด็กสาวเมื่อวันวาน  ทุกกริยาแฝงความเย่อหยิ่งราวคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ ยิ่งแววตาเย็นชาคู่นั้นที่จ้องมองมาทำให้แม่เฒ่าหวังเผลอถอยหลังหนี

          “ข้ามิได้บอกให้พวกท่านคุกเข่าเสียหน่อย   เป็นพวกท่านที่กระทำเองคิดไปเอง”     ขณะที่พูดหวังเว่ยซินก็กวาดตามองทุกคน  นางยอมรับจากใจคนสกุลหวังล้วนมีใบหน้างดงามหมดจน  ท่วงท่ากลิ่นอายคล้ายตระกูลใหญ่อยู่บ้าง มิน่าถึงหลอกผู้คนว่าตนเองเป็นคนมีศีลธรรมได้

ทว่าไม่มีมารดากับน้องชายของนางในกลุ่มนี้  แน่นอนล่ะ เรื่องดี ๆ พวกเขาไม่มีทางได้โผล่หน้าออกมา  นางปรายสายตามองฮูหยินเฒ่าแล้วพูดขึ้น

          “...อ่า...นี้ท่านหายป่วยแล้วหรือ..แล้วตอนนี้มารดากับน้องชายข้าอยู่ที่ใด”  น้ำเสียงที่เอ่ยถามแฝงความเย็นชา  หวังจงพึ่งได้สติแต่ไม่ตอบคำถาม 

          “เว่ยซิน  เหตุใดเจ้ามาอยู่ที่นี่”  หวังเว่ยซินยิ้มที่มุมปาก

          “นั่นสิ  ข้าถูกพวกท่านขายไปแล้ว   ควรจะอยู่หอนางโลมหรือเป็นบ่าวอุ่นเตียงในจวนขุนนาง  ไม่ควรได้ออกมาเดินเพ่นพานสินะ”   เสียงกระซิบพูดคุยเริ่มดังขึ้น 

          แม่เฒ่าหวังเดินออกมาเบื้องหน้า สำรวจหวังเว่ยซินดวงตาเป็นประกายขึ้นมาอย่างมีเลศนัย  “นี่เจ้าคงโชคดี  มีคนเลี้ยงดูสินะ...ข้าค่อนสบายใจหน่อย..”

          นางเอามือทาบอก ท่าทางดุจดั่งหญิงชราอบอุ่นมีเมตตา ทำให้หวังเว่ยซินรู้สึกขยะแขยง  รีบบอกปัดคนเหล่านี้ออก  “ใช่และตอนนี้ข้ามิใช่คนสกุลหวังแล้ว...พวกเราไม่เกี่ยวข้องกันอีก”

          หวังหนิงเผยแววเจ็บปวดระคนละอายใจ  เอ่ยขึ้น  “หวังเว่ยซิน  สกุลหวังจำใจขายเจ้าเพราะจำเป็นต้องใช้เงินรักษาท่านแม่  หลายวันที่ผ่านมาพวกข้าทุกคนล้วนอยู่ด้วยความทุกข์ใจ  นี่ไม่ใช่เพราะเป็นเพราะความกตัญญูหรือหรือ ส่งผลให้เจ้าจะได้มีโอกาสได้สวมชุดอาภรณ์งดงามอย่างนี้...เช่นนี้เจ้ารีบคารวะขอบคุณและขอขมาท่านแม่เสีย” 

          ลู่เมิ่งคิ้วกระตุกเล็กน้อย  นี่มันตระกะเพี้ยนอะไร  หากไม่โง่เขลาผู้ใดก็มองออก รักษาอาการป่วยนั่นล้วนเป็นข้ออ้าง  ขายหลานสาวให้กับพ่อค้าทาส  ไม่ต่างอะไรกับส่งไปไม่มีทางมีชีวิตที่ดีได้  เหตุใดยังกล้าเสนอหน้าพูดทวงบุญคุณ     

          “ฮ่า ฮ่า...พวกท่านช่างหน้าไม่อายสม่ำเสมอเสียจริง”

          หวังจงหน้าเขียวคล้ำ  “นั่งเด็กสามหาว  นี่เจ้ากล้าด่าทอสกุลเดิมตนเองขนาดนี้เชียวหรือ..ชีวิตนี้เจ้าอย่าหวังจะได้ดี”   หวังเว่ยซินอยากด่าอีกหลายประโยค แต่นางคิดว่าเท่านี้พอแล้ว  จึงเอ่ยน้ำเสียงกดดันอีกครั้ง

          “มิต้องให้ท่านเป็นกังวล...ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่นาน..ข้าถามว่ามารดาข้าอยู่ที่ใด”  คนสกุลหวังต่างชำเลืองมองกันปรึกษากันผ่านสายตา  ทำให้หวังเว่ยซินรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมา  นางก้าวเท้าออกไปสีหน้าดุดันเข้มขึ้นเรื่อย ๆ   

          เด็กน้อยคนเดิมที่เอ่ยพูดขึ้นเมื่อสักครู่จึงพูดขึ้น

          “ท่านป้ามู่กับน้องอี้หยาง  ย้ายออกไปแล้วขอรับตอนนี้พวกเขาพักอยู่เชิงเขาโน้น”  หวังเว่ยซินผ่อนหายใจโล่งออก  ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง  เดินมานั่งเบื้องหน้าเด็กน้อย  หยิบเงินออกมาถุงหนึ่งยื่นออกไป

          “จี้เจิน..ข้าจ้างเจ้าเป็นผู้นำทาง...พาข้าไปหาท่านแม่ที”

          จี้เจินเบิกตามองถุงเงินอย่างดีใจ 

“ได้ ๆ พี่เว่ยซินตามข้ามาเลย” 

คนสกุลหวังแม้ตอนนี้จะรู้สึกเสียหน้าแต่กระนั้นก็พากันเดินตามรถม้าของหวังเว่ยซินไป

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • พี่สาวจอหงวนไม่ง่าย   ตอนที่ 5  ชั่วสม่ำเสมอ 

    ตอนที่ 5 ชั่วสม่ำเสมอ ชาวบ้านที่อยากรู้อยากเห็นก็ตามรถม้าของหวังเว่ยซินไป ในขณะที่คนในรถม้ากำลังครุ่นคิดยิ้มมุมปาก นับได้ว่าความชั่วสม่ำเสมอของสกุลหวังทำให้นางประหยัดทั้งเวลาและเงินขึ้นไม่น้อย เดิมคิดว่าต้องใช้เงินจำนวนมากซื้อตัวมารดากับน้องชายเสียอีก และไม่รู้ว่าจะต้องใช้พลังเจรจาแค่ไหน ทว่าในตอนนี้ ในเมื่อถูกขับออกมาแล้วจะไปที่ใดก็ล้วนง่ายเมื่อเข้าไปใกล้เรือน จี้เจินก็ตะโกนเรียกส่งเสียงออกไปก่อน“อี้หยาง อี้หยาง พี่เว่ยซินกลับมาแล้ว” ปัก! ปัก! เสียงผ่าฟืนของหวังอี้หยางถูกเสียงร้องเรียกของจี้เจินขัดจังหวะ จือซือจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าจากอาการป่วย “นั่นไม่ใช่เสียงของจี้เจินหรือ ไปดูเสียหน่อยเถอะ” “ขอรับท่านแม่”หวังอี้หวางวางขวานลง จากนั้นก็เดินไปยังประตูภาพใบหน้ายิ้มแป้นแววตาระยิบระยับของของจี้เจินทำให้เด็กชายขมวดคิ้ว กำลังจะเอ่ยถามสายตาก็มองไปเห็นรถม้าที่กำลังเลื่อนมายังประตูและผู้คนจำนวนสิบกว่าคนกำลังตามมา เมื่อหวังอี้หยางมองเห็นคนเหล่านั้นชัดเจนใบหน้าก็ซีดขึ้น“พวกท่านปู่ท่านย่ามาทำอะไร” จี้เจินไม่ทันสังเกตุเห็นสีหน้าของสหายได้ยินคำถามก็รีบตอบทันที“พวก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-10
  • พี่สาวจอหงวนไม่ง่าย   ตอนที่ 6  ข้านี่ล่ะ หวังเว่ยซิน

    ตอนที่ 6 ข้านี่ล่ะ หวังเว่ยซิน หลังจากจัดการดูแลให้หวังเว่ยซินเข้าพักในโรงเตี๊ยมเสร็จเรียบร้อย ลู่เมิ่งก็เร้นกายออกไป ชั่วพริบตาเขาก็มาปรากฏกายนั่งอยู่เบื้องหน้าของบุรุษองอาจผู้หนึ่ง ชายหนุ่มผู้นั้นรินสุราให้อีกฝ่ายพร้อมกล่าว “ต้องรบกวนเวลางานของนายน้อยลู่ เกรงใจยิ่งนัก” “ให้ท่านผู้บัญชาการหลีต้องรอ ข้าเองก็รู้สึกผิด” แม้จะกล่าวเช่นนั้น ทว่าน้ำเสียงและสีหน้าของลู่เมิ่งหาได้หมายความเช่นนั้น “มิกล้า มิกล้า ทว่าการที่ได้เจอนายน้อยลู่หานที่นี่..ช่างนับได้ว่าเป็นวาสนา” ลู่หานที่อยู่ในนามลู่เมิ่งยกจอกสุราขึ้นดื่มพลางกล่าว “ข้าก็เช่นกัน” จางเคอรู้สึกเหนื่อยใจกับวาจาทั้งสองฝ่ายยิ่งนัก เขาหวังว่าการสนทนานี้จะจบลงด้วยดีไม่มีการชักกระบี่ออกมา“นายน้อย ลงมือสืบข่าวด้วยตนเองคงมีเรื่องที่น่าสนใจที่หมู่บ้านอี้จือกระมัง” สิ้นวาจาของหลีเซียวหยวน พลันลู่หานก็คล้ายกระจ่างใจบางอย่าง“อ่า...” จอกสุราในมือของหลีเซียวหยวนหยุดชะงัก หรี่ตามองแววตาประกายเต็มไปด้วยนัยแฝงของลู่หาน“มีอะไร”“หึ ท่านเองก็คงตามคุณหนูหวังเว่ยซินมากระมัง”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-10
  • พี่สาวจอหงวนไม่ง่าย   ตอนที่ 7  ครอบครัวใหม่พี่น้องใหม่

    ตอนที่ 7 ครอบครัวใหม่พี่น้องใหม่ “อะไรนะ” จือซือเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตกใจระคนแปลกใจ “ท่านแม่ฟังไม่ผิด ข้ารับเด็กสาวคนนี้ โจวชุน เป็นน้องสาวบุญธรรม ท่านแม่ได้โปรดเมตตานางด้วย” จือซือปรายสายตาขอความเห็นจากหวังอี้หยาง ทั้งที่ไม่ควรไว้ใจคนส่งเดช ทว่าทั้งสองก็ไม่กล่าวขัดขวางอันใด “ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว เจ้าว่าเช่นไรก็ให้เป็นเช่นนั้น” โจวชุนเบิกตากว้างอย่างยินดี นางเดินไปคุกเข่าเบื้องหน้าจือซือพร้อมกล่าวเสียงปนสะอื้น “ข้า ข้าขอคารวะท่านแม่” “เอ่อ...” จือซือตื่นตระหนกกับท่าทีอีกฝ่ายทำไมดูไม่เคอะเขินลื่นไหลขนาดนี้ และนี่หมายความว่านางต้องรับเด็กคนนี้เป็นบุตรสาวบุญธรรมด้วยหรือ แต่พอมองสบตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของเด็กสาว มันสะกิดใจจนนางไม่กล้าทักท้วง กล่าวตอบด้วยเสียงอ่อนโยนอย่างไม่รู้ตัว “ลุกขึ้น ๆ ในเมื่อเป็นครอบครัวเดียวกันจะคุกเข่าทำไม” “ท่านแม่...” โจวชุนกลืนก้อนสะอื้นในคอจากนั้นก็หยิบถุงผ้าออกมา แล้วพูดสิ่งที่ต้องทำ“พี่สาวให้ข้าเตรียมชุดมาเปลี่ยนให้ท่านก่อนเดินทาง..” จากนั้นหวังเว่ย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-10
  • พี่สาวจอหงวนไม่ง่าย   ตอนที่ 8  ทุกการเปลี่ยนแปลงต้องปรับตัว

    ตอนที่ 8 ทุกการเปลี่ยนแปลงต้องปรับตัวทุกคนยังอยู่อาการเหนื่อยล้าจากการเดินทางหวังเว่ยซินจึงจัดมื้อเย็นง่ายในโรงเตี๊ยม กระนั้นก็สร้างความตื่นเต้นประหม่าให้กับพวกเขา “ที่ตรงนั้นเป็นหอสุราหรือเจ้าค่ะ” “แล้วตรงนั้น เป็นเรือสำราญใช่ไหมเจ้าค่ะ” เสียงโจวชุนเอ่ยถามไม่หยุด โชคดีที่เสี่ยวเอ้อก็ตอบยิ้มแย้มตอบคำถามไม่หยุดเหมือนกัน ตอนแรกหวังอี้หยางไม่กล้าเอ่ยวาจาครั้งเห็นโจวชุนพาเจรจาไม่หยุด ก็เอ่ยปากถามบ้าง เกิดเป็นความครื้นเครงขึ้น “พอแล้ว พอแล้ว อาหารมาแล้วมาทานข้าวกันเสียก่อน” จือซือเอ่ยเรียกคนทั้งสอง “ขอรับ/เจ้าค่ะ” “น่ากินทั้งเลย ข้าทานนะเจ้าค่ะ” “ทั้งหมดนี้ คือให้พวกเราทานหรือขอรับ” หวังเว่ยซินยิ้มละมุนตอบ “ใช่ เจ้าทานเยอะ ๆ อย่าให้เหลือเชียว” “ซินเอ๋อร์ มื้อหน้าอย่าสั่งมาเยอะขนาดนี้เลย” “ท่านแม่...พูดเช่นนี้พี่เว่ยซินน้อยใจแย่นะเจ้าคะ” จือซือพลันรู้สึกตกใจรีบพูด “แม่ไม่ได้ตำหนิ เจ้านะ เพียงแต่กลัวว่าจะสิ้นเปลือง เจ้าก็รู้แม่ทานอะไรก็ได้” หวังเว่ยซินเข้าใจดี แต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-11
  • พี่สาวจอหงวนไม่ง่าย   ตอนที่ 9  มันก็ใช่ว่าจะง่าย

    ตอนที่ 9 มันก็ใช่ว่าจะง่าย หลังจากดื่มน้ำชาทานมื้อเที่ยงเสร็จ หวังเว่ยซินก็ไปดูที่ดินที่ตนเองซื้อเอาไว้ นางกระโดนขึ้นไปยืนอยู่บนต้นไม้สูงจุดประจำทอดสายตามองผืนแผ่นดินกว้างด้วยความรู้สึกปลาบปลื้ม พลางมองพลางวางแผนหลายอย่างในใจอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะเร้นกายออกไป หลังจากนั้นก็ ปรากฏบุรุษสวมชุดสีดำลายไก่ฟ้ามายืนแทนที่พลางทอดสายตามองตามร่างอรชนที่เพียงพริบตาก็หายไปร้านเครื่องเขียน “คุณหนูข้าจัดเตรียมให้ท่านเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดสิบห้าตำลึงขอรับ” หวังเว่ยซินหยิบเงินออกมาจ่าย เด็กในร้านรีบจัดการห่ออุปกรณ์เครื่องเขียนทันที ในขณะที่รอนางก็ได้ยินเสียงหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่ง “...ถ้าอย่างนั้นข้าขอกระดาษสักห้าแผ่นก็พอ” “อ่า...จางฮูหยินเช่นนั้นข้าแถมให้ท่านอีกแผ่นละกัน เห็นแก่ความตั้งใจของท่าน” “ขอบคุณ ขอบคุณเถ้าแก่” “..มิกล้า มิกล้า เดินทางกลับดี ๆ ล่ะ” หวังเว่ยซินปรายสายตามองดูหญิงคนนั้นเดินออกจากร้านไป มือที่ถือห่อกระดาษประคับประคองยิ่ง คล้ายมันแบกความฝันของนางเอาไว้ เด็กที่ร้านเห็นนางมองดูพลางขม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-11
  • พี่สาวจอหงวนไม่ง่าย   ตอนที่ 10  ปฏิเสธและไม่ปฏิเสธ

    ตอนที่ 10 ปฏิเสธและไม่ปฏิเสธ บนระเบียงชั้นสองโรงน้ำชา หวังเว่ยซินยกชาดื่มรวดเดียวหมดอย่างรู้สึกคับแค้นใจ พลางนึกถึงเรื่องราวในวันนี้ “ขออภัยคุณหนูหวัง ท่านก็ทราบว่าการรับศิษย์ของข้านั้นค่อนข้างเข้มงวด ข้าต้องเสียมารยาทต่อท่านแล้ว”“ขออภัยคุณหนู ข้ามิอาจรับน้องชายของท่านได้จริงๆ” “ขออภัย...นักเรียนของข้าเต็มแล้ว” “ขออภัย...” “ขออภัย......” มือเรียวขาวจับก้อนถ่ายขีดรายชื่อ เหล่าอาจารย์ที่ได้มาจากเด็กที่ร้านหนังสือถูกขีดทิ้งจนหมดสิ้น เด็กสาวเอนกายพิงเสาพลางคิด “หากเอากระบี่พาดคอคนพวกนั้น จะยอมรับหวังอี้หยางเป็นศิษย์หรือเปล่านะ” ในขณะนั้นนางก็เห็นชายเสื้อสีดำลายไก่ฟ้ามาหยุดอยู่เบื้องหน้า เด็กสาวเงยหน้าขึ้นสบกับสายตาของชายหนุ่มมันแฝงประกายเย้ยหยัน มุมปากหล่อเหลายกยิ้มเอ่ย “ท่าทางของคุณหนูหวัง เหนื่อยล้ายิ่งนัก” หวังเว่ยซินเบ้ปากเบือนหน้าหนี นางพอรู้สาเหตุแล้ว บุรุษผู้นี้จิตใจคับแคบ ไม่มีทางปล่อยให้นางล่อเล่นด้วยง่าย ๆ แต่นางเป็นสตรีตัวเล็ก ๆ และนางอุตสาช่วยเหลือให้การสืบข่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-12
  • พี่สาวจอหงวนไม่ง่าย   ตอนที่ 11  เข้าใจผิด

    ตอนที่ 11 เข้าใจผิด หวังเว่ยซินออกมาโรงน้ำชาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว นางกระจ่างใจดี ในตอนนี้หวังอี้หยางไม่สามารถเข้าเรียนร่วมกับเด็กคนอื่นได้ ยังมีอีกหลายอย่างที่เด็กชายต้องได้รับการขัดเกลาเป็นพิเศษ นางจึงต้องจำเป็นหาอาจารย์ไปสอนที่เรือนเท่านั้น เดินเล่นไปสักพักก็มาถึงเรือนเสียงพูดคุยของคนข้างใน ผุดความอบอุ่นสายหนึ่งวิ่งเข้ามาทำให้จิตใจของนางสงบลง “กำลังทำอะไรกันอยู่หรือ” จือซือหันมายิ้มให้บุตรสาวแล้วพูดขึ้น “แม่กำลังจะปลูกผัก อย่างไรก็อยู่ว่าง ๆ” หวังเว่ยซินพยักหน้ารับทราบหันไปมองดู หวังอี้หยางกับโจวชุนที่กำลังช่วยกันขุดดินทำแปลงอย่างสนุกสนาน ทุกคนต่างมีสีหน้าดีขึ้นมากพลางคิดในใจ “หากซื้อที่ดินสักหลายแปลงให้พวกเขาทำไร่ทำนาจะดีกว่าไหมนะ” นางนั่งเล่นพูดคุยกับพวกเขาสักพักก็ขอตัวไปพักผ่อน บางอย่างคิดไม่ออกก็ยังไม่ต้องคิด เมื่อเข้ามาในห้องก็หยิบกระดาษออก วาดรูปแบบโรงเตี๊ยมที่ต้องการคร่าว ๆ พอใกล้ถึงมื้อเย็น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหยุดที่หน้าประตูจากนั้นก็ได้ยินเสียง“พี่สาว ข้าเข้าไปได้หรือไม่” โจวชุนเอ่ยถาม “เข้ามาสิ”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-12
  • พี่สาวจอหงวนไม่ง่าย   ตอนที่ 12  ได้เริ่มต้นแล้ว

    ตอนที่ 12 ได้เริ่มต้นแล้วรุ่งเช้าหวังเว่ยซินก็ไปปรากฏกายที่ร้านเครื่องเขียน“จางฮูหยินหรือขอรับ?” เด็กในร้านทวนวาจาของหวังเว่ยซิน“ใช่...ข้าต้องการรู้ที่อยู่ของนาง” “ได้ ๆ ขอรับ...” หลังจากได้ที่อยู่สักพัก หวังเว่ยซินก็มาปรากฏกายอยู่หน้าเรือนของสกุลจาง เรือนหลังเล็กค่อนข้างทรุดโทรม ประตูเรือนถูกปิดเอาไว้ไม่ได้ใส่กุญแจไม่เกรงกลัวผู้ใดจะเข้าไปขโมยของ เด็กสาวแต่งกายงดงามโดดเด่นเพื่อนบ้านที่ชะโงก มองดูนางยืนอยู่ครู่หนึ่งก็ตะโกนมาบอก“คุณหนู..สกุลจาง... ไม่มีผู้ใดอยู่หรอก พวกเขาออกไปทำงานกันหมดแล้ว” หวังเว่ยซินหันไป ถามต่อ “ท่านป้าพอทราบหรือไม่ พวกเขาจะกลับมาเมื่อไร”“ลูกชายกับลูกสาวออกไปรับจ้างทำนา คงมืดค่ำจึงจะได้กลับ ส่วนจางฮูหยินออกไปขายขนม ขายหมดเมื่อไรก็กลับมาเมื่อนั้น”ไม่มีคนอยู่เรือน หวังเว่ยซินตะโกนขอบคุณกลับ แล้วเดินออกมา ในเมื่อรู้ที่พักแล้วเย็นนี้ค่อยกลับมาเจอพวกเขา จากนั้นนางก็เร้นกายออกไปยังชานเมืองหาโรงน้ำชาเงียบสงบสักที่ ออกแบบโรงเตี๊ยมของนางต่อ เสร็จแล้วจะได้หาผู้รับเหมาก่อสร้างเสียทีทว่า บรรยากาศโรงน้ำชานอกเมืองหาได้เงียบสงบดั่งใจคิด กลุ่มคนเดินทาง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-14

บทล่าสุด

  • พี่สาวจอหงวนไม่ง่าย   คุยกัน

    คุยกัน จวนผู้บัญชาการหลี แม้จะได้รับการต้อนรับอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง อีกทั้งขนมหวานพร้อมชาหอมกรุ่นชุมชื่นละมุนคอ ก็ไม่ทำให้หวังอี้หยางคลายความประหม่าในใจได้ หลีเซียวหยวนพยายามพูดคุยสร้างบรรยากาศ “ดูสีหน้าน้องชายใคร่ไม่สบายใจนัก.. ข้าทำอะไรผิดพลาดหรือทำสิ่งใดให้เจ้าไม่พอใจหรือเปล่า” หวังอี้หยางส่ายหน้ารัว ๆ “ปะ เปล่าขอรับ...ข้าไม่เคยเป็นแขกจวนขุนนางมาก่อนเลยค่อนข้างจะประหม่าขอรับ” หวังอี้หยางคร่ำครวญในใจ แค่ขุนนางชั้นต่ำเฝ้าประตูจวนนายอำเภอเขาก็หวั่นเกรงไม่กล้าสบตา ตอนนี้เขาไม่ล้มลงสลบไร้สิ้นสติไปก็นับว่าเก่งกาจแล้ว หลีเซียวหยวนลอบถอนหายใจ การบ่มเพาะใครสักคนให้เต็มไปด้วยความภูมิฐานและเต็มเปี่ยมด้วยท่วงท่านักปราชญไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่าย จะต้องมีช่วงเวลาเคี่ยวกรำจนคร่ำกร้านจึงจะสามารถมีสติใช้ปัญญาที่มีในช่วงเวลายากลำบากใจได้ เห็นได้ว่า หวังอี้หยางยังห่างไกลคำว่าสุขุมรอบคอบอีกมากนักอีกไม่นานหวังเว่ยซินจะตามมา หลีเซียวหยวนจึงเอ่ยถามขึ้น “ข้าขอรบกวนเวลาน้องชายไม่นาน...ช่วยเล่าเหตุการณ์ก่อนที่เจ้าจะมีสติปัญญาเ

  • พี่สาวจอหงวนไม่ง่าย   พูดได้ไหม

    พูดได้ไหม กู้เฉียวจิงชำเลืองมองหวังเว่ยซินด้วยความระมัดระวัง แล้วพูดเสียงอ่อย ๆ “พี่สาว...ท่านอย่าตำหนิเลยนะ” หวังเว่ยซินหันมาอีกฝ่าย แววตาเรียบเฉย “ตอนนี้ดึกมากแล้ว ข้าเหนื่อยนัก...สมควรที่เจ้าจะกลับไปได้แล้ว...” เห็นอีกฝ่ายไม่โมโหกู้เฉียวจิงก็ผ่อนคลายลง ยิ้มละมุ่น “เช่นนั้นข้าไม่รบกวนพี่สาวแล้ว...แล้วถ้าเงินไม่พอมาหาข้านะ ข้ามีเยอะ” “รู้แล้ว...ไปได้แล้ว” น้ำเสียงหวังเว่ยซินแฝงความรำคาญพริบตากู้เฉียวจิงก็หายไป หวังเว่ยซินถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ข้ามิได้กลัวว่า หลีเซียวหยวนจะจับได้ ..แต่ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร อธิบายได้แค่ไหน เรื่องเหล่านี้เป็นความลับของสวรรค์หรือเปล่า พูดไปจะมีผลดีหรือผลเสีย...แล้วจะถามตู้ยาได้อย่างไร” หญิงสาวเอนกายลงนอน “ช่างเถอะ...ถ้าเปิดเผยไม่ได้..ตู้ยาคงมีหนทางจัดการเอง...ข้ามิได้ตั้งใจเปิดเผยเสียหน่อยย่อมไม่ผิด” นางสลัดไล่ความกังวลไป พรุ่งนี้นางยังมีสิ่งที่จะต้องทำอีกมากจึงรีบหลับตานอนยามรุ่งอรุณ พระอาทิตย์ยังไม่ทอแสง หวังเว่ยซินล้างหน้าล้างตาเสร็จออกมาจากเรือนก็เห็น

  • พี่สาวจอหงวนไม่ง่าย   ตอนที่ 36 ชีวิตใหม่แล้วนะ

    ตอนที่ 36 ชีวิตใหม่แล้วนะหลังกู้ซวินกลับไป หลีเซียวหยวนก็ยกสุราดื่มเพียงลำพัง หวนคิดถึงตอนที่เจอกับหวังเว่ยซินครั้งแรกนางเข้ามาพูดคุยกับเขาก่อน แม้เขาจะมีรูปลักษณ์ที่สตรีจะชำเลืองมอง ทว่าด้วยกลิ่นอายเจ้าเล่ห์แฝงความเย็นชาร้ายกาจที่ประทับร่างมานาน ทำให้น้อยนักจะมีสตรีกล้าพูดคุยด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายไม่ประมาทเขาเป็นคนมีสติปัญญาเฉียบแหลมสิ่งใดและรายละเอียดต่าง ๆ ที่ผ่านตาแล้วมักไม่ลืม ชายหนุ่มยิ้มอย่างใจลอยเอ่ยพูดกับอีกฝ่ายที่อยู่ในความคิด “แม้ข้าจะกล่าวว่าไม่จดจำเพียงหน้าตา...ย่อมหมายถึงลักษณะกริยา..มิใช่จดจำวิญญาณเสียหน่อย”น้ำเสียงของเขาแฝงความจนใจอยู่บ้าง เขาเป็นคนทำอะไรรอบครอบและระมัดระวังอยู่เสมอ กระนั้นเขาก็รู้ใจตนเอง ความรู้สึกให้ความสนใจอีกฝ่ายมิใช่เรียบง่ายอย่างคนทั่วไปและเหมือนเขาจะได้หลักฐานมาเพิ่มแล้ว “จางเคอ”“ขอรับนายท่าน”จางเคอชำเลืองมองหลีเซียวหยวนที่กำลังอารมณ์ดีด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดระคนแปลกใจ“เจ้าไปสืบผลการเรียนของหวังอี้หยางทั้งก่อนหน้านี้และตอนนี้มาอย่างละเอียด ... และมีหลักฐานด้วยยิ่งดี”แม้ภายนอกใบหน้าของจางเคอจะนิ่งราบเรียบ ทว่าภายในกลับป

  • พี่สาวจอหงวนไม่ง่าย   ตอนที่ 36 เปิดเผยเรื่องราว

    ตอนที่ 36 เปิดเผยเรื่องราวหลังจากที่ฟังวาจาของอาจารย์หงโจหวังเว่ยซินก็กระจ่างใจได้ไม่ยาก กล่าวให้ง่ายขึ้นหวังอี้อย่างต้องฝึกกล้ามเนื้อเล็กให้แข็งแรงขึ้นอีกทั้งยังอ่อนเยาว์เกินไปหรือที่นางเข้าใจคือน้องชายยังขาด วุฒิภาวะ ตารางการเรียนของหวังอี้หยางถูกปรับเปลี่ยน ช่วงเช้าจะเรียนเกี่ยวกับปรัชญาการเมืองการปกครอง การคำนวณในบางครั้ง ส่วนช่วงบ่ายฝึกใช้พู่กันทั้งการคัดอักษรและวาดภาพ โดยอาจารย์หงโจได้รับปากจะดูแลจัดการเรื่องนี้ เรื่องเรียนของหวังอี้หยางนับว่าราบรื่นยิ่งนัก หวังเว่ยซินรู้สึกวางใจได้หลายส่วน อีกทั้งการสร้างเรือนก็ใกล้จะเสร็จทำให้นางยิ่งอารมณ์ดี มีเวลาจัดการเรื่องการวางแผนการบริการจัดการโรงเตี๊ยม โดยไม่ทันได้สังเกตว่าช่วงนี้มีบุรุษผู้หนึ่งติดตามนางอยู่ “นายท่าน คุณชายกู้มารอพบท่านอยู่ที่จวนขอรับ” หลีเซียวหยวนหันมาพยักหน้าแล้วเร้นกายออกไปทันทีจวนผู้บัญชาการหลี เมื่อเห็นหลีเซียวหยวน กู้ซวินก็ลุกขึ้นคารวะ “ศิษย์คารวะท่านอาจารย์”ชายหนุ่มโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง “มีความคืบหน้าหรือ”กู้ซวินพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “โชค

  • พี่สาวจอหงวนไม่ง่าย   ตอนที่ 35 ต้องใช้เวลา

    ตอนที่ 35 ต้องใช้เวลา โจวชุนหลังจากคัดเด็กที่คิดว่าน่าจะเหมาะสมกับน้องชายของตนเอง เมื่อคัดเลือกมาได้สองคน จึงเดินออกมาตามหา หวังเว่ยซิน ให้นางช่วยตรวจสอบคนอีกครั้ง “พี่สาว ... ข้าตัดสินใจเลือกเด็กได้แล้ว” หวังเว่ยซินหันมามองเด็กชายสองคนเบื้องหน้า ร่างกายสะอาดสะอ้าน ผิวพรรณดูสดใสขึ้นผิดจากหลายวันก่อน แสดงว่าพวกพอรู้จักดูแลตนเองได้ดีในระดับหนึ่ง นับว่าใช้ได้ “พวกเจ้าชื่ออะไร” “ผู้น้อย...อี้ซิงขอรับ” “ผู้น้อย..จางถงขอรับ” “อี้ซิง จางถง...ข้าจะให้เจ้าสองคนเป็นบ่าวรับใช้ข้างกายคุณชายรองหวังอี้หยาง พวกเจ้ายินดีหรือไม่” เด็กน้อยทั้งสองคนรีบคุกเข่า “ผู้น้อยยินดีติดตามรับใช้คุณชายรองขอรับ” น้ำเสียงหนักแน่นชัดเจน หวังเว่ยซินพยักหน้าพอใจ “เช่นนั้นก็ไปเก็บข้าวของ กลับไปกับข้า” เด็กชายทั้งสองรับคำรีบกุลีกุจอวิ่งกลับไป หวังเว่ยซินหันมายิ้มกับโจวชุน “แล้วเจ้าเล่า? เลือกสาวใช้ได้หรือยัง” โจวชุนส่ายหน้า “มิต้องหรอกเจ้าค่ะ เอาไว้ย้ายมาอยู่ที่นี่คัดเลือกตอนนั้นยั

  • พี่สาวจอหงวนไม่ง่าย   ตอนที่ 34 เงินจะหมดแล้ว

    ตอนที่ 34 เงินจะหมดแล้ว นอกจากเรือนพักเล็กของเหล่าทาสที่สร้างก่อน ก็เป็นเรือนใหญ่ที่พักของหวังเว่ยซิน เหล่าทาสที่คาดเดาความยิ่งใหญ่ทั้งคฤหาสน์และโรงเตี๊ยมต่างก็มีสีหน้ายิ้มแย้มเพราะที่นี่ต่อไปนี้จะเป็นที่พวกเขาได้อาศัยอยู่จวบจนชั่วชีวิต ทว่า แม้หวังเว่ยซินจะเป็นนายที่เพียบพร้อม ไม่ต่างจากสวรรค์ประทานมาให้ กระนั้นก็มิใช่จะไม่มีคนโง่ละโมบมาก ตัดสินใจหักหลังนาง ความจริงนี้หวังเว่ยซินรู้ดี นางมิได้เชื่อใจพวกเขาขนาดนั้น การปล่อยป่ะให้อิสระก็นับเป็นการคัดเลือกคนอย่างหนึ่ง วันนี้นางกับโจวชุนมาตรวจดูความคืบหน้าและยังมาสอดส่องเด็กรับใช้ให้หวังอี้หยางด้วย เสียงฮื้อฮากระซิบพูดคุยทำให้หวังเว่ยซินเงยหน้าขึ้นไปมอง “นั่นเป็นขบวนรถม้าจากจวนหงอี้กง...ใช่หรือไม่” คนงานอีกคนพยักหน้า “ใช่แล้ว...ว่าแต่พวกเขาจะไปที่ใด” อีกคนเริ่มเอ่ยพูด ด้วยความรู้สึกที่เหนือกว่า “ข้ารู้...” “รู้ก็พูดสิ...จะมัวอวดอ้างอันใด” พวกเขาต่างใจจดจ่อรอฟัง อีกคนอดทนไม่ไหวก็เอ่ยปากเร่ง “แล้ว..อย่างไร พวกเขาจะไปที่ใด”

  • พี่สาวจอหงวนไม่ง่าย   ตอนที่ 33 แลกเปลี่ยนความคิด

    ตอนที่ 33 แลกเปลี่ยนความคิด จางฮูหยินเสร็จงานที่ก่อสร้างก็เดินกลับ ถึงเรือนตะวันก็คล้อยต่ำเหลือแสงสว่างอยู่รำไร นางจึงรีบหุ่งข้าวเตรียมมื้อเย็น จางฉือพึ่งกลับมาถึงได้ยินเสียงเคลื่อนไหวในครัวจึงเอ่ยถาม “ท่านแม่พึ่งกลับมาหรือขอรับ” “จางฉือหรือลูก...ไปนั่งพักก่อน แม่ทำอาหารสักครู่” จางฉือ วางกระเป๋าตำราลงพลางพับแขนเสื้อขึ้น แล้วเดินเข้าไปในครัว จางฮูหยินเห็นบุตรชายก็เอ่ย “มิต้อง ๆ ตรงนี้ไม่มีอันใด กับข้าวมีแล้ว...แม่แค่ต้มข้าวเพิ่มเท่านั้น...ลูกไปล้างหน้าล้างตาเสียแล้วค่อยมาทานข้าวกัน” จางฉือ มองไปยังกล่องอาหารแล้วเดินไปนั่งข้างมารดา พลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านแม่ต่างหากที่ต้องไปอาบน้ำ ข้าจะเป็นคนต้มข้าวเอง” จางฉือสบสายตามุ่งมั่นของบุตรชาย นางจึงจำยอม “ได้..เช่นนั้นแม่ไปล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้า...แล้วจะกลับมาทานอาหารที่เจ้าเตรียมให้..อย่าลืมอุ่นน้ำแกงด้วยนะ” จางฉือยิ้ม “ขอรับ...ท่านแม่วางใจได้” จางฮูหยินอาบน้ำเสร็จก็ได้กลิ่นอาหารหอมฉุน นางรีบเดินแล

  • พี่สาวจอหงวนไม่ง่าย   ตอนที่ 32 มิใช่ว่าจะดูไม่ออก

    ตอนที่ 32 มิใช่ว่าจะดูไม่ออก ส่วนทางเวทีในขณะนั้น เฟยอิงปรากฏกายตามที่คาดหลังจากที่ผ่านไปหนึ่งกระบวนท่าใบหน้าหญิงสาวก็เต็มไปด้วยความตึงเครียด ไอ้บ้านี้ ร่างกายภายในบอบซ้ำอย่างหนักแทบจะทรงตัวไม่อยู่แล้ว แต่ไม่ได้จะชนะ..แล้วให้คนเอ่ยเพราะ..นังคนนั้นไม่ได้ แม้เฟยอิงจะสามารถเอาชนะได้ภายในหนึ่งฝ่ามือ กระนั้นทุกครั้งที่ลงมือนางกลับถอนกำลังภายในออกทั้งหมด หวังยืดการประลองให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สีหน้าที่นางแสดงออกมาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ลมหายใจหอบถี่ดั่งกำลังต่อสู้อย่างหนักหน่วง ทว่าก็มิใช่ว่าทุกคนจะดูไม่ออก เสิ่นเยี่ยหงเห็นสถานการณ์บนเวที ก็ถอนหายใจโล่งอก ใบหน้าองค์รัชทายาทเองก็ผ่อนคลายลงไปหลายส่วน หันมาถาม “หลีเซียวหยวนไปไหนเสียแล้ว” เสิ่นเยี่ยหงแค่นเสียงหัวเราะ “กระหม่อมคาดว่าน่าจะตามไปดูอาการของคุณหนูหวังผู้นั้นพ่ะย่ะค่ะ” รัชทายาทยิ้มพลางเอ่ย “อายุของหลีเซียวหยวนก็ควรออกเรือนแล้ว ได้ข่าวมงคลท่านได้บุตรสาวเพิ่มอีกคนแล้ว” เสิ่นเยี่ยหง พยักหน้าตอบ “

  • พี่สาวจอหงวนไม่ง่าย   ตอนที่ 31 ทำตามหน้าที่

    ตอนที่ 31 ทำตามหน้าที่ ดวงตาของหวังเว่ยซินคล้ายมีเปลวไฟลุกโชน อารมณ์ของหญิงสาวขุ่นมัวสุดขีด อุตสาวางแผนเจ็บตัวให้สมจริงไปแล้ว การต่อสู้หลังจากนี้ก็ของจริงเช่นนั้น พริบตาหวังเว่ยซินก็พลิ้วกายวูบไหวไปมาบนเวที เพียะ!! ผลัวะ!! อั๊ก!! เชี่ยเฉิงถูกหวังเว่ยซินซ้อมจนร่างที่ยืนอยู่ซวนโซ ชายหนุ่มเอากระบี่ปักประครองตนเองแล้วตะโกนขึ้น “นังปีศาจ..!!” หวังเว่ยซินหยุดเคลื่อนไหวยืนนิ่งอยู่บนไม้ขอบเวที นางหรี่ตามองสภาพของอีกฝ่าย ด้วยแววตาผ่อนคลาย ได้ระบายโทสะทำให้หายใจคล่องขึ้น ส่วนหลีเซียวหยวนก็คลายมัดที่กำอยู่โดยไม่รู้ตัว “อย่าพึ่งตายนะ...ข้ายังไม่ได้เริ่มต้น” หวังเว่ยซินชัดกระบี่ออกไป พลิ้วไหวกายดุจสายลม ผู้คนเบื้องล่างเห็นเพียงประกายกระบี่มีเพียงพวกเหล่ายุทธภพที่มีฝีมือแก่กล้ามองเห็นสิ่งที่เคลื่อนไหว “นางกำลังทำอะไร” “ดูเหมือนว่า...จะกรีดเสื้อผ้าของอีกฝ่าย” เมื่อนางหยุดการเคลื่อนไหว เสื้อผ้าของเชี่ยเฉิงก็ขาดกระจายออก “ว้าย!!” เสียงส

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status