นักฆ่าเกิดใหม่ครั้งที่สองในร่างหวังเย่วซินเด็กสาวที่ย่าแท้ ๆ ขายให้กับพ่อค้าทาส นั่นไม่ใช่ปัญหานางมีเงินที่ซ่อนไว้ในชาติที่แล้ว ไถ่ตัวเองแล้วสร้างฐานะใหม่ เป้าหมายในชาตินี้คือขัดเกลาส่งเสริมน้องชายให้เป็นจอหงวน
View Moreหวังเว่ยซินในชาติที่แล้ว ทะลุมิติเข้าในนิยายอยู่ในร่างของกู้เฉียวจิงฮูหยินเอกของแม่ทัพบูรพาเสิ่นเยี่ยหงพร้อมมีบุตรด้วยกันสองคน ในวันที่เกิดใหม่พร้อมภารกิจตู้ยาวิเศษ เกิดเรื่องราวมากมายจนกระทั่งนางหลงรักบุตรชายและบุตรสาวทั้งสองคนมากไม่อาจจะตัดใจจากไป
ทว่านางไม่มีความรู้สึกลึกซึ้งกับเสิ่นเยี่ยหงแม้แต่น้อย
อีกทั้งคนที่บุรุษรักก็ไม่ใช่นาง หากฝืนรักฝืนอยู่ด้วยกันย่อมมีปัญหามากมายตามมาที่หลัง
จนกระทั้งทำภารกิจที่ห้าสำเร็จ นางได้รับรางวัลเป็นพรสามประการและยังค้นพบอีกว่าตั้งแต่แรกที่นางมาอยู่ที่นี่...เจ้าของร่างเดิมกู้เฉียวจิงยังอยู่กับนาง เป็นหนึ่งร่างสองวิญญาณ
กู้เฉียวจิง เจ้าของร่างเดิมไม่ได้คิดจะทวงร่างคืน เพราะหากไม่มีหวังเว่ยซินที่เข้ามาอยู่ในร่างแทนแม้กระทั่งชีวิตของบุตรชายก็ไม่อาจจะรักษาเอาไว้ได้ บุญคุณครั้งนี้แค่ร่างกายนางยินดีที่จะมอบให้ นางจึงมาขอพรหนึ่งข้อเพื่อไปเกิดใหม่
ทำให้หวังเว่ยซิน ผุดวาบความคิดหนึ่งขึ้นมา ความตั้งใจเดิมของนาง คืออยากออกจากจวนหงอี้โหว อยากหย่า เพียงแต่นางไม่อาจตัดใจทำร้ายจิตใจเด็กทั้งสองได้ ทำให้ยืดเยื้อมาหลายเดือน ในเมื่อมีหนทางให้นางไปเกิดใหม่พร้อมกับพรสามประการ นางจึงไม่ลังเลที่จะใช้มัน
นางวางแผนฝังเงินเอาไว้ให้องค์รักษ์ซูซูเฝ้า พร้อมรหัสลับ นักฆ่าศตวรรษที่ยี่สิบห้า จากนั้นก็เรียบเรียงพร
ขอไปเกิดใหม่พร้อมความทรงจำและวรยุทธ์
เกิดในครอบครัวที่นางสามารถเลือกใช้ชีวิตด้วยตนเองได้ทันที มีครอบครัวได้มีบิดา มารดา หรือน้องชายพี่ชายน้องสาวพี่สาว แต่ขออย่ามีสามีเด็ดขาด
เกิดในยุคเดิมในนิยายที่มาทำภารกิจ ยุคที่กู้ซวินอายุห้าขวบเสิ่นซูเวยอายุสามเดือน เผื่อคิดถึงจะได้แอบมาหา
เมื่อทุกอย่างพร้อม นางตัดใจเรียบร้อย ครั้งกล่าววาจาของขอพรเสร็จ ไม่ทันได้ทำใจฉับพลันสติก็ดับวูบทันที
หวังเว่ยซิน ได้ตามที่ขอ
ในถนนเส้นหนึ่งในอำเภอเล็ก ๆ มีรถม้าคันนี้กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวง ภายในรถม้ามีเด็กสาววัยแรกแย้มอยู่ประมาณห้าหกคน ทุกคนล้วนมีผิวพรรณละเอียดใบหน้าหมดจด เค้าโครงรูปหน้าชัดบ่งบอกว่ายามเติบโตย่อมเป็นหญิงงามอย่างไม่ต้องสงสัย
“ฮื้อ ฮื้อ...ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าครอบครัวข้าจะขายข้า”
เสียงเด็กสาวร้องไห้สะอื้นจนตัวโยก บางคนร้องจนหมดแรงหลับไป กู้เฉียวจิงตอนนี้อยู่ในร่างของ หวังเว่ยซิน หนึ่งในสาวงามที่ถูกครอบครัวขายมา เจ้าของร่างได้ตรอมใจตายยกร่างให้กู้เฉียวจิง อย่างไม่อาลัยอาวรณ์พร้อมขอไปเกิดใหม่ทันที
นางนิ่งเงียบสนิทพยายามทบทวนเรื่องราวของตนเองจากความทรงจำเจ้าของร่างพร้อมกับตรวจสอบพรว่าได้ครบหรือไม่
ในข้อที่หนึ่งขอไปเกิดใหม่พร้อมความทรงจำและวรยุทธ์ ข้อนี้ผ่านไม่มีข้อผิดพลาด ถูกต้องตามเจตนา
ข้อสอง เกิดในครอบครัวที่นางสามารถเลือกใช้ชีวิตด้วยตนเองได้ทันที นับว่าใช่ ตอนนี้นางมีมารดาและน้องชายแต่นางถูกขายออกมาโดยผู้ที่ได้ว่าเป็นย่าแท้ ๆ อำมหิตสุด ๆ แต่ก็ยังถูกต้องตามที่ขอ เลือกใช้ชีวิตได้ทันที หวังเว่ยซินยิ้มแห้ง ๆ
ส่วนข้อสาม ช่วงเวลาคงต้องรอสักระยะ ได้ยินคนขับรถม้าคุยกัน จะพาพวกไปขายหญิงสาวที่หอชิงเซียงที่เมืองหลวง
คิ้วของหวังเว่ยซิงขมวดเล็กน้อย จะเป็นหอนางโลมที่เคยเชิญหญิงงามมาอบรมเหล่าอนุหรือเปล่านะ
เช่นนั้นก็ถือโอกาสนั่งรถม้าไปด้วย โชคดีไม่ต้องหาทางเข้าเมืองหลวงเอง จะได้ไปสืบด้วยว่าช่วงนี้คือยุคสมัยใด
ดวงตาของเด็กสาววาววับขึ้น แล้วนางก็จะไปขุดเงินที่ฝั่งเอาไว้ เงินสองแสนตำลึงของนางหวังว่าคงจะอยู่ดีนะ
ทว่าอย่างไรก็ต้อง ก็ภาวนาในใจ ขอบคุณท่านเทพท่านช่างเต็มเปี่ยมด้วยความเมตตาขอให้ท่านมีบารมี ยิ่ง ยิ่ง ยิ่งขึ้นไป...
หึ ! เสียงแค่นเสียงแว่วมาจากแห่งหนึ่ง
หวังเว่ยซินสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะยิ้มแป้น จากนั้นหาที่เหมาะเอนกายนอนลงไปอย่างใจเย็น
เช้ามืดรถม้าก็มาถึงประตูเมืองหลวง ทหารเฝ้าประตูเปิดอ่านเอกสารพลางเลิกผ้าเข้ามาดู เด็กสาวพากันตกใจสั่นสะท้าน แววตาที่ทหารมองดูฉายความเห็นใจอยู่จาง ๆ
รถม้าเคลื่อนล้อไปอีกสักระยะก็จอดสนิท เสียงไพเราะใสดังอยู่ด้านนอกรถม้า
“โจวถัง ครั้งนี้หวังว่าจะมีที่ถูกใจข้านะ”
“ถูกใจเถ้าแก่หลีอย่างแน่นอนขอรับ เชิญท่านตรวจสอบข้างในได้เลย”
โจวถังพ่อค้าที่ไปซื้อนางมาจากบ้านก็เลิกผ้าม่านขึ้นแล้วออกเสียงสั่ง “พากันออกมาได้แล้ว...ที่นี่เป็นหอซิงเซียงชื่อดังของเมืองหลวงหากแม่นางหลีถูกใจพวกเจ้าได้อยู่ที่นี่ทั้งชาติสบายไปทั้งชาติ อย่าชักช้าข้าพาไปที่อื่นแล้วจะเสียใจ”
โจวถังทั้งกล่าวด้วยน้ำเสียงข่มขู่ เด็กสาวได้ยินต่างสะดุ้งหวาดกลัว พวกนางกระจ่างใจดีถูกขายมาครั้งนี้ไม่พ้นลงเอ่ยที่หอนางโลม ทว่าอย่างน้อยได้อยู่ที่ดี ๆ ชีวิตก็อาจจะไม่ย่ำแย่จนเกินไป จึงพากันกระตื้อรือร้นลงจากรถม้า
แม่นางหลีคลี่พัดพลางเดินสำรวจ แววตาของปรายตามองดูเด็กสาวที่ละคน ดูจากสีหน้านับว่าพึงพอใจ ดวงตาของโจวถังประกายแววยินดี
“ไม่ทราบว่าถูกใจแม่นางหลีหรือไม่ขอรับ...ข้าเดินทางไปรับมาจากบ้านด้วยตนเอง ต่างเป็นเด็กสาวว่านอนสอนง่ายทุกคนขอรับ”
แม่นางหลีพยักหน้าพร้อมกับยิ้มพราว
“นับว่าท่านโจวถังใส่ใจคุณภาพไม่น้อย”
“แน่นอน แน่นอนขอรับ มาส่งให้หอซิงเซียงจะขอไปทีไม่ได้ ข้าเลือกสรรมาอย่างดีให้ท่านเลือกก่อนหอนางโลมอื่น ๆ ด้วยนะขอรับ”
ความเหน็บหนาวสะท้านแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายจนสั่นเทา ทั้งที่นางไม่ใช่หวังเว่ยซินตัวจริงเย็นยังรับรู้ถึงความเจ็บปวด เมื่อปรายตาดูก็เห็นเด็กสาวล้วนดวงตาหม่นหมองใบหน้าซีดเซียว
ปรากฏว่า แม่นางหลีรับไว้ทั้งหมดจากนั้นนางก็ส่งสายตาให้คนพาเด็กสาวเข้าไปข้างใน บุรุษกำยำกลุ่มหนึ่งออกมาต้อนดั่งต้อนวัวควาย หวังเย่วซินกำมือแน่นเตือนสติตนเองอย่างสร้างเรื่องราวลับสายตาคนอื่น นางแค่หนีออกไปก็จบแล้ว
พวกนางถูกนั่งไปขังรวมในห้องหนึ่ง หวังเว่ยซินได้ยินแว่วคุยกัน พวกเขากำลังพูดคุยเจรจาราคากัน ต่อรองกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
ร้อยตำลึง ข้ามีค่าหนึ่งร้อยตำลึง
เมื่อตกลงซื้อขายกันเสร็จ แม่นางหลีก็เดินเข้ามากวาดสายตาไปทั่วแล้วพูดขึ้น “ตอนนี้มาถึงขั้นนี้แล้ว ชีวิตมีแต่ต้องเดินต่อ...รูปร่างหน้าตาของพวกเจ้าแต่ละคนล้วนงดงาม หากมีวาสนาอาจจะมีเหล่าขุนนางรับเลี้ยงเป็นอนุอยู่ดีกินดีไปตลอดชาติ เชื่อข้าแม้กระทั่งบ้านเดิมพวกเจ้าก็ให้สิ่งนี้ไม่ได้”
เหล่าเด็กสาวพลางฟังพลางสะอื้น แม่นางหลีเดินไปนั่งเก้าอี้ตรงหน้า แล้วถือกระดาษหนาชุดหนึ่งขึ้นตบเบา ๆ พลางเอ่ยเสียงขรึมข่มขู่
“พวกเจ้าลองทบทวนดูให้ดี..ข้าซื้อขายพวกเจ้ามาอย่างถูกต้องตามกฏหมาย จะทำยำแกงอย่างไรก็ได้ หากพวกเจ้าคิดหนี นอกจากคนของข้า ที่จะตามจับพวกเจ้า..ยังมีคนของทางการ..หากหลุดรอดไปจริง ๆ ตลอดชีวิตนี้อย่าคิดว่าจะเปิดเผยตนเองได้เลย”
จากนั้นแม่นางหลีก็สะบัดโบกเดินส่ายสะโพกออกไป อย่างไม่ใส่ใจว่าใครจะรู้สึกอย่างไร
วาจานี้ สร้างความตกตะลึงให้กับหวังเว่ยซินเป็นอย่างมาก แสดงว่า แม้นางจะหนีไปได้ ก็ไม่ต่างจากนักโทษ?
นางปลอบให้ตนเองใจเย็น ไม่หนีก็ได้
นางมีเงินนางมาไถ่ตัวเองได้
หลังจากนั้นก็มีบ่าวหญิงชราพาพวกนางไปยังห้องอาบน้ำขัดตัว พวกนางถูกเปื้อนอาภรณ์จนหมดสิ้นทั้งกายไม่มีสิ่งใดปกปิด เด็กสาวแต่ละคนล้วนก้มหน้าแดงอับอาย หญิงชราต่างเดินสำรวจพร้อมลูบคล่ำนวดคลึง พลางบ่น “ฮืม ผิวค่อนข้างหยาบกระด้างต้องบำรุงให้มากเสียหน่อย”
แผ่นหลังเด็กสาวคนหนึ่งถูกชี้ นางสะดุ้งตกใจหญิงชราไม่ได้สนใจ เอ่ยพูดน้ำเสียงเสียดาย “มีรอยแผลเป็นเล็ก ๆ ตรงนี้ ลองหาขึ้ผึ้งมาทาดู”
หลังจากนั้นพวกเขาก็นำชุดผ้าแพรสีขาวปักลายพุดตานหลากสีสรร มวยผมอย่างปราณีตประทินโฉมบางเบา เน้นเผยความงดงามตามธรรมชาติ ผสานกับดวงตากลมโตแววตาไร้เดียงสา เด็กสาวชาวบ้านเหล่านี้ก็กลายเป็นบุปผาแรกแย้มพร้อมให้บุรุษมาเด็ดดอมดม
แม่นางหลีเข้ามาดูผลงาน ดวงตานางเป็นประกายยิ้มแย้มแฝงเลศนัย “พวกเจ้าควรต้องภาคภูมิใจ ที่ตนเองยังมีรูปร่างงดงามพอผ่อนปรนชะตากรรมที่เลือกไม่ได้ อย่างน้อยก็ไม่ให้อับจนมากเกินไป”
ขึ้นชื่อว่าสตรีย่อมรักสวยรักงาม ครั้งได้เห็นตนเองสวมชุดอาภรณ์หรูหราใบหน้าแต่งแต้มงดงามผุดผาดก็เริ่มมีรอยยิ้มมีกำลังใจที่จะสู้ต่อ รู้สึกว่าชีวิตไม่ได้แย่จนเกินรับไหว
หวังเว่ยซินครุ่นคิด นางเองก็อยากรู้เสียแล้ว ว่าคืนแรกของนางจะราคาเท่าไรจะมีคนเสนอราคาไหมนะ ฮ่า ฮ่า
ค่ำคืนฤดูใบไม้ผลิ ดวงดาวบนฟ้าเปล่งแสงระยิบระยับหวังเว่ยซินมาปรากฏกายตรงจุดที่นางในนามกูเฉียวจิงชาติที่แล้ว ฝั่งหีบเงินเอาไว้ เวลาน่าจะผ่านมาหลายปี ต้นไม้น้อยใหญ่เติบโตปกคลุม โชคดีที่นางขโมยมีดมาจากห้องครัวด้วย
ฉับ ฉับ พริบตาต้นไม้ก็ถูกถางเกือบหมดสิ้น นางใช้ปลายมีดขุดดินลงไปได้เพียงหนึ่งครั้ง ก็รู้สึกเยือกเย็นที่คอเมื่อกวาดสายตามองตามกระบี่ไปก็สบสายตากับคนคุ้นเคย
“ซูซูหรือ ข้าคือ นักฆ่าศตวรรษที่ยี่สิบห้า พอดีเลยเจ้ามาช่วยข้าขุดหน่อย”
ทั้งแววตาทอประกายดั่งยินดีที่ได้พบพร้อมกับประโยคนั้น ทำให้ซูซูชะงักงัน เพ่งมองดูเด็กสาววัยแรกแย้มตรงหน้าอีกครั้ง นักฆ่างั้นหรือ? หลายปีที่มานางจินตนาการถึงคนที่จะมาขุดหีบเงินหีบนี้มาโดยตลอด แต่ไม่เคยมีในความคิดว่าจะเป็นเด็กสาวอรชรบอบบางผู้หนึ่ง
“เหตุใดจึงนิ่งเล่า...มาช่วยกันหน่อย”
หวังเว่ยซินเอ่ยเรียกสติอีกฝ่ายอีกครั้ง ทว่าถึงซูซูไม่ช่วย นางก็ไม่ขุ่นเคือง เพราะตอนนี้นางเบิกบานใจยิ่งนัก
พรทั้งสามข้อท่านเทพให้นางครบทุกข้อ
ดีจริง ๆ
ชีวิตที่เป็นอิสระได้เริ่มต้นแล้ว
ตอนที่ 41 เข้าถึงได้ทุกคน หวังเว่ยซินพอกลับถึงเรือนก็ระงับสติได้แล้ว นางยืดตัวตรงขึ้น ไม่อยากให้ตนเองผิดแปลก ลองอะแอ่มเบา ๆ ปรับโทนเสียง พอรู้สึกว่าพร้อมแล้วก็ตรงไปยังเรือนของมารดา จางฮูหยิน โจวชุน ทุกคนล้วนอยู่พร้อมหน้าที่นั้น “พี่สาวท่านกลับมาแล้ว...ท่านทานมื้อเที่ยงมาแล้วหรือยัง ทานด้วยกันหรือไม่” โจวชุนรีบเอ่ยถาม หวังเว่ยซินเดินเข้ามาใกล้นั่งลงข้างมารดาปรายตามองกับข้าวพูดขึ้น “ยังไม่ได้ทาน อาหารมื้อนี้คือส่วนที่ซื้อมาเมื่อเช้านี้หรือเจ้าคะ” จางฮูหยินพยักหน้าตอบ “เจ้าค่ะ...ท่านมาก็ดีแล้ว พวกเราจะได้ช่วยกันตัดสินใจ” จือซื่อยิ้มกล่าวต่อ “ร้านค้าแผงลอยที่จางฮูหยินพาไป ล้วนสะอาดสะอ้าน รสชาติถูกปาก แต่ว่า...ซินเอ๋อร์มันจะเหมาะกับโรงเตี๊ยมของลูกหรือ” หวังเว่ยซินยิ้มพลางกล่าว “เหมาะสิเจ้าคะ ทั้งโรงเตี๊ยมและอาหารล้วนเป็นสิ่งที่ข้าจัดเตรียมไว้ให้ทุกคนเข้าถึง” จางฮูหยินเบิกตามองกว้าง “โรงเตี๊ยมที่กำลังสร้าง ขนาดไม่ใช่เล็ก ๆ ยังตกแต่งสวนดอกไม้ขนาดใหญ่... คุณหนูใหญ่ท่านมิใช่สร้างเพื่อรับรองคนชั้นสูงหรือเ
จะไม่เอ่ยถาม เสียงเอ่ยเรียกที่เต็มไปด้วยพลังโทสะผุดขึ้น“จางเคอ!!” สิ้นเสียงพริบตาก็มีบุรุษผู้หนึ่งยืนประสานมือเยื้องหญิงสาวไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยถามเขาก็รีบกล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อม “คุณหนูหวัง...คุณชายรองอยู่ที่จวนผู้บัญชาการขอรับ” ด้วยการนำทางของจางเคอไม่มีใครขัดขวางหวังเว่ยซิน นางเร่งฝีเท้าเข้าไปในเรือนรับรองไม่ทันไรก็เห็นน้องชายนั่งร่วมโต๊ะกับหลีเซียวหยวนในกลางเรือนรับรอง หลายอย่างในใจยังไม่จัดการ แม้ว่านางจะรู้ว่าหลีเซียวหยวนคงรู้อะไรมาน้อย ทว่าในตอนนี้นางยังไม่อยากจะพูดอะไรจึงอยากจะหลบไปก่อน“ไม่ต้องให้คนของท่านต้องลำบาก พวกข้าจะกลับกันเอง”กระนั้นเหมือนชายหนุ่มจะไม่ยินยอม เมื่อหวังอี้หยางก้าวเท้าพ้นสายตาไป คนในเรือนรับรองก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย หวังเว่ยซินไม่ทันระวังตนเองพริบตาก็ถูกหลีเซียวหยวนเข้ามาประชิดโอบเอวนางเข้ามาแนบอก นางได้แต่เอามือดันอีกฝ่ายเอาไว้แล้วพูดขึ้น“ท่านปล่อยข้าก่อน”หลีเซียวหยวนไม่เพียงไม่ปฏิบัติตาม เข้ายังโอบกอดนางแน่นขึ้นแล้วซุกหัวเข้าไปในเรือนผม เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงแฝงออดอ้อนจือความตัดพ้อ“ขอเพียงเจ้าพยักหน้าว่าใช่หรือ
คุยกัน จวนผู้บัญชาการหลี แม้จะได้รับการต้อนรับอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง อีกทั้งขนมหวานพร้อมชาหอมกรุ่นชุมชื่นละมุนคอ ก็ไม่ทำให้หวังอี้หยางคลายความประหม่าในใจได้ หลีเซียวหยวนพยายามพูดคุยสร้างบรรยากาศ “ดูสีหน้าน้องชายใคร่ไม่สบายใจนัก.. ข้าทำอะไรผิดพลาดหรือทำสิ่งใดให้เจ้าไม่พอใจหรือเปล่า” หวังอี้หยางส่ายหน้ารัว ๆ “ปะ เปล่าขอรับ...ข้าไม่เคยเป็นแขกจวนขุนนางมาก่อนเลยค่อนข้างจะประหม่าขอรับ” หวังอี้หยางคร่ำครวญในใจ แค่ขุนนางชั้นต่ำเฝ้าประตูจวนนายอำเภอเขาก็หวั่นเกรงไม่กล้าสบตา ตอนนี้เขาไม่ล้มลงสลบไร้สิ้นสติไปก็นับว่าเก่งกาจแล้ว หลีเซียวหยวนลอบถอนหายใจ การบ่มเพาะใครสักคนให้เต็มไปด้วยความภูมิฐานและเต็มเปี่ยมด้วยท่วงท่านักปราชญไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่าย จะต้องมีช่วงเวลาเคี่ยวกรำจนคร่ำกร้านจึงจะสามารถมีสติใช้ปัญญาที่มีในช่วงเวลายากลำบากใจได้ เห็นได้ว่า หวังอี้หยางยังห่างไกลคำว่าสุขุมรอบคอบอีกมากนักอีกไม่นานหวังเว่ยซินจะตามมา หลีเซียวหยวนจึงเอ่ยถามขึ้น “ข้าขอรบกวนเวลาน้องชายไม่นาน...ช่วยเล่าเหตุการณ์ก่อนที่เจ้าจะมีสติปัญญาเ
พูดได้ไหม กู้เฉียวจิงชำเลืองมองหวังเว่ยซินด้วยความระมัดระวัง แล้วพูดเสียงอ่อย ๆ “พี่สาว...ท่านอย่าตำหนิเลยนะ” หวังเว่ยซินหันมาอีกฝ่าย แววตาเรียบเฉย “ตอนนี้ดึกมากแล้ว ข้าเหนื่อยนัก...สมควรที่เจ้าจะกลับไปได้แล้ว...” เห็นอีกฝ่ายไม่โมโหกู้เฉียวจิงก็ผ่อนคลายลง ยิ้มละมุ่น “เช่นนั้นข้าไม่รบกวนพี่สาวแล้ว...แล้วถ้าเงินไม่พอมาหาข้านะ ข้ามีเยอะ” “รู้แล้ว...ไปได้แล้ว” น้ำเสียงหวังเว่ยซินแฝงความรำคาญพริบตากู้เฉียวจิงก็หายไป หวังเว่ยซินถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ข้ามิได้กลัวว่า หลีเซียวหยวนจะจับได้ ..แต่ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร อธิบายได้แค่ไหน เรื่องเหล่านี้เป็นความลับของสวรรค์หรือเปล่า พูดไปจะมีผลดีหรือผลเสีย...แล้วจะถามตู้ยาได้อย่างไร” หญิงสาวเอนกายลงนอน “ช่างเถอะ...ถ้าเปิดเผยไม่ได้..ตู้ยาคงมีหนทางจัดการเอง...ข้ามิได้ตั้งใจเปิดเผยเสียหน่อยย่อมไม่ผิด” นางสลัดไล่ความกังวลไป พรุ่งนี้นางยังมีสิ่งที่จะต้องทำอีกมากจึงรีบหลับตานอนยามรุ่งอรุณ พระอาทิตย์ยังไม่ทอแสง หวังเว่ยซินล้างหน้าล้างตาเสร็จออกมาจากเรือนก็เห็น
ตอนที่ 36 ชีวิตใหม่แล้วนะหลังกู้ซวินกลับไป หลีเซียวหยวนก็ยกสุราดื่มเพียงลำพัง หวนคิดถึงตอนที่เจอกับหวังเว่ยซินครั้งแรกนางเข้ามาพูดคุยกับเขาก่อน แม้เขาจะมีรูปลักษณ์ที่สตรีจะชำเลืองมอง ทว่าด้วยกลิ่นอายเจ้าเล่ห์แฝงความเย็นชาร้ายกาจที่ประทับร่างมานาน ทำให้น้อยนักจะมีสตรีกล้าพูดคุยด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายไม่ประมาทเขาเป็นคนมีสติปัญญาเฉียบแหลมสิ่งใดและรายละเอียดต่าง ๆ ที่ผ่านตาแล้วมักไม่ลืม ชายหนุ่มยิ้มอย่างใจลอยเอ่ยพูดกับอีกฝ่ายที่อยู่ในความคิด “แม้ข้าจะกล่าวว่าไม่จดจำเพียงหน้าตา...ย่อมหมายถึงลักษณะกริยา..มิใช่จดจำวิญญาณเสียหน่อย”น้ำเสียงของเขาแฝงความจนใจอยู่บ้าง เขาเป็นคนทำอะไรรอบครอบและระมัดระวังอยู่เสมอ กระนั้นเขาก็รู้ใจตนเอง ความรู้สึกให้ความสนใจอีกฝ่ายมิใช่เรียบง่ายอย่างคนทั่วไปและเหมือนเขาจะได้หลักฐานมาเพิ่มแล้ว “จางเคอ”“ขอรับนายท่าน”จางเคอชำเลืองมองหลีเซียวหยวนที่กำลังอารมณ์ดีด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดระคนแปลกใจ“เจ้าไปสืบผลการเรียนของหวังอี้หยางทั้งก่อนหน้านี้และตอนนี้มาอย่างละเอียด ... และมีหลักฐานด้วยยิ่งดี”แม้ภายนอกใบหน้าของจางเคอจะนิ่งราบเรียบ ทว่าภายในกลับป
ตอนที่ 36 เปิดเผยเรื่องราวหลังจากที่ฟังวาจาของอาจารย์หงโจหวังเว่ยซินก็กระจ่างใจได้ไม่ยาก กล่าวให้ง่ายขึ้นหวังอี้อย่างต้องฝึกกล้ามเนื้อเล็กให้แข็งแรงขึ้นอีกทั้งยังอ่อนเยาว์เกินไปหรือที่นางเข้าใจคือน้องชายยังขาด วุฒิภาวะ ตารางการเรียนของหวังอี้หยางถูกปรับเปลี่ยน ช่วงเช้าจะเรียนเกี่ยวกับปรัชญาการเมืองการปกครอง การคำนวณในบางครั้ง ส่วนช่วงบ่ายฝึกใช้พู่กันทั้งการคัดอักษรและวาดภาพ โดยอาจารย์หงโจได้รับปากจะดูแลจัดการเรื่องนี้ เรื่องเรียนของหวังอี้หยางนับว่าราบรื่นยิ่งนัก หวังเว่ยซินรู้สึกวางใจได้หลายส่วน อีกทั้งการสร้างเรือนก็ใกล้จะเสร็จทำให้นางยิ่งอารมณ์ดี มีเวลาจัดการเรื่องการวางแผนการบริการจัดการโรงเตี๊ยม โดยไม่ทันได้สังเกตว่าช่วงนี้มีบุรุษผู้หนึ่งติดตามนางอยู่ “นายท่าน คุณชายกู้มารอพบท่านอยู่ที่จวนขอรับ” หลีเซียวหยวนหันมาพยักหน้าแล้วเร้นกายออกไปทันทีจวนผู้บัญชาการหลี เมื่อเห็นหลีเซียวหยวน กู้ซวินก็ลุกขึ้นคารวะ “ศิษย์คารวะท่านอาจารย์”ชายหนุ่มโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง “มีความคืบหน้าหรือ”กู้ซวินพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “โชค
ตอนที่ 35 ต้องใช้เวลา โจวชุนหลังจากคัดเด็กที่คิดว่าน่าจะเหมาะสมกับน้องชายของตนเอง เมื่อคัดเลือกมาได้สองคน จึงเดินออกมาตามหา หวังเว่ยซิน ให้นางช่วยตรวจสอบคนอีกครั้ง “พี่สาว ... ข้าตัดสินใจเลือกเด็กได้แล้ว” หวังเว่ยซินหันมามองเด็กชายสองคนเบื้องหน้า ร่างกายสะอาดสะอ้าน ผิวพรรณดูสดใสขึ้นผิดจากหลายวันก่อน แสดงว่าพวกพอรู้จักดูแลตนเองได้ดีในระดับหนึ่ง นับว่าใช้ได้ “พวกเจ้าชื่ออะไร” “ผู้น้อย...อี้ซิงขอรับ” “ผู้น้อย..จางถงขอรับ” “อี้ซิง จางถง...ข้าจะให้เจ้าสองคนเป็นบ่าวรับใช้ข้างกายคุณชายรองหวังอี้หยาง พวกเจ้ายินดีหรือไม่” เด็กน้อยทั้งสองคนรีบคุกเข่า “ผู้น้อยยินดีติดตามรับใช้คุณชายรองขอรับ” น้ำเสียงหนักแน่นชัดเจน หวังเว่ยซินพยักหน้าพอใจ “เช่นนั้นก็ไปเก็บข้าวของ กลับไปกับข้า” เด็กชายทั้งสองรับคำรีบกุลีกุจอวิ่งกลับไป หวังเว่ยซินหันมายิ้มกับโจวชุน “แล้วเจ้าเล่า? เลือกสาวใช้ได้หรือยัง” โจวชุนส่ายหน้า “มิต้องหรอกเจ้าค่ะ เอาไว้ย้ายมาอยู่ที่นี่คัดเลือกตอนนั้นยั
ตอนที่ 34 เงินจะหมดแล้ว นอกจากเรือนพักเล็กของเหล่าทาสที่สร้างก่อน ก็เป็นเรือนใหญ่ที่พักของหวังเว่ยซิน เหล่าทาสที่คาดเดาความยิ่งใหญ่ทั้งคฤหาสน์และโรงเตี๊ยมต่างก็มีสีหน้ายิ้มแย้มเพราะที่นี่ต่อไปนี้จะเป็นที่พวกเขาได้อาศัยอยู่จวบจนชั่วชีวิต ทว่า แม้หวังเว่ยซินจะเป็นนายที่เพียบพร้อม ไม่ต่างจากสวรรค์ประทานมาให้ กระนั้นก็มิใช่จะไม่มีคนโง่ละโมบมาก ตัดสินใจหักหลังนาง ความจริงนี้หวังเว่ยซินรู้ดี นางมิได้เชื่อใจพวกเขาขนาดนั้น การปล่อยป่ะให้อิสระก็นับเป็นการคัดเลือกคนอย่างหนึ่ง วันนี้นางกับโจวชุนมาตรวจดูความคืบหน้าและยังมาสอดส่องเด็กรับใช้ให้หวังอี้หยางด้วย เสียงฮื้อฮากระซิบพูดคุยทำให้หวังเว่ยซินเงยหน้าขึ้นไปมอง “นั่นเป็นขบวนรถม้าจากจวนหงอี้กง...ใช่หรือไม่” คนงานอีกคนพยักหน้า “ใช่แล้ว...ว่าแต่พวกเขาจะไปที่ใด” อีกคนเริ่มเอ่ยพูด ด้วยความรู้สึกที่เหนือกว่า “ข้ารู้...” “รู้ก็พูดสิ...จะมัวอวดอ้างอันใด” พวกเขาต่างใจจดจ่อรอฟัง อีกคนอดทนไม่ไหวก็เอ่ยปากเร่ง “แล้ว..อย่างไร พวกเขาจะไปที่ใด”
ตอนที่ 33 แลกเปลี่ยนความคิด จางฮูหยินเสร็จงานที่ก่อสร้างก็เดินกลับ ถึงเรือนตะวันก็คล้อยต่ำเหลือแสงสว่างอยู่รำไร นางจึงรีบหุ่งข้าวเตรียมมื้อเย็น จางฉือพึ่งกลับมาถึงได้ยินเสียงเคลื่อนไหวในครัวจึงเอ่ยถาม “ท่านแม่พึ่งกลับมาหรือขอรับ” “จางฉือหรือลูก...ไปนั่งพักก่อน แม่ทำอาหารสักครู่” จางฉือ วางกระเป๋าตำราลงพลางพับแขนเสื้อขึ้น แล้วเดินเข้าไปในครัว จางฮูหยินเห็นบุตรชายก็เอ่ย “มิต้อง ๆ ตรงนี้ไม่มีอันใด กับข้าวมีแล้ว...แม่แค่ต้มข้าวเพิ่มเท่านั้น...ลูกไปล้างหน้าล้างตาเสียแล้วค่อยมาทานข้าวกัน” จางฉือ มองไปยังกล่องอาหารแล้วเดินไปนั่งข้างมารดา พลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านแม่ต่างหากที่ต้องไปอาบน้ำ ข้าจะเป็นคนต้มข้าวเอง” จางฉือสบสายตามุ่งมั่นของบุตรชาย นางจึงจำยอม “ได้..เช่นนั้นแม่ไปล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้า...แล้วจะกลับมาทานอาหารที่เจ้าเตรียมให้..อย่าลืมอุ่นน้ำแกงด้วยนะ” จางฉือยิ้ม “ขอรับ...ท่านแม่วางใจได้” จางฮูหยินอาบน้ำเสร็จก็ได้กลิ่นอาหารหอมฉุน นางรีบเดินแล
Comments