มหาวิทยาลัยAA
"น้องพริมครับ น้องพริม"
"อ้าว พี่เปรม"
"กำลังจะกลับแล้วเหรอครับ"
"ค่ะ พี่เปรมมีอะไรหรือเปล่าคะ?"
"เอ่อ พี่จะชวนไปนั่งกินขนมครับ ร้านข้างๆ มหาลัยเรานี่เอง"
"....." พริมยืนนิ่งเหมือนกำลังคิด แต่อีกคนที่เดินมาด้วยกันหน้าเข้มรออยู่แล้ว เพราะได้ยินทุกประโยคคำพูดที่ทั้งสองคุยกัน จึงไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ที่มีคนอื่นมายุ่งกับพี่คนสวยแบบนี้
"ไปเถอะครับ เดี๋ยวพี่ไปส่งที่บ้านเอง"
"เอ่อแต่ว่า.."
"ถือซะว่าเป็นคำขอบคุณที่น้องพริมช่วยพี่แก้งานส่งอาจารย์ ไม่งั้นพี่ไม่จบแน่"
"งั้นก็ได้ค่ะ" คนตัวเล็กตอบรับคำขอ เพราะถ้าปฏิเสธเขาคงได้หาข้ออ้างมาเจอเธออีกแน่ๆ และต้องชวนเธอไปนั่นไปนี่อีก ไม่รู้จบ
"งั้นก็ไปกันครับ" รุ่นพี่ยิ้มตอบรับด้วยความดีใจ
"รามเดี๋ยวนายกลับก่อนเลยนะ ไม่ต้องรอพี่"
"ครับ? กลับไปไหนครับ?"
"กลับบ้านไง"
"แล้วพี่ล่ะครับ ไม่กลับเหรอ เดี๋ยวไม่ทันรถหรอกครับ"
"นายได้ยินที่พี่พูดกับรุ่นพี่แล้วนี่ อย่ามาทำไขสือหน่อยเลย"
"....." รามทำหน้าเมินเหมือนไม่รับรู้ ก็จริง เขาได้ยินทุกอย่างหมดแล้ว ไม่พอใจแต่ก็พูดอะไรไม่ได้ ต้องคีฟลุคเด็กน้อยตาใสต่อหน้าพี่สาวคนสวยข้างบ้านคนนี้
"ราม เข้าใจหรือเปล่า?"
"ผมขอไปกินด้วยสิครับ"
"อะไรนะ!?" รุ่นพี่อุทานออกมาด้วยความตกใจ
"จะบ้าเหรอราม!"
"ไม่บ้าครับ ทำไมล่ะ ผมขอไปด้วยแค่นี้เอง" รามยังคงยืนหยัดคำเดิมว่าจะไป ไม่ได้สนใจอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ เพราะคนเดียวที่เขาจะใส่ใจคือพริมเท่านั้น
"รามพี่ขอล่ะ"
"ไปนั่งเฉยๆ ก็ได้ครับ"
"นายเป็นใคร แล้วทำไมมาตามพริมแบบนี้" รุ่นพี่ถามเสียงแข็ง
"เป็นใครสำคัญกับพี่ด้วยเหรอครับ แล้วอีกอย่างพี่กับพี่พริมไม่ได้เป็นอะไรกัน ไปนั่งสองต่อสองแบบนั้น พี่พริมเธอเสียหายนะครับ ให้ผมไปด้วยแหละดีแล้ว กันพวกคิดไม่ดีครับ"
"พอแล้วราม จะไปก็ไป" พริมพูดแทรก เพราะถ้าให้ทั้งสองคนคุยกันต่อ คงได้วุ่นวายมากกว่านี้แน่ๆ เลย
หลังจากนั้นรามก็ได้ตามไปนั่งที่ร้านขนม บรรยากาศมันค่อนข้างน่าอึดอัด เพราะดูเหมือนว่าทั้งสองจะไม่ค่อยลงรอยกันไปแล้ว และคนที่รู้สึกอึดอัดมากที่สุดก็คือพริม
"เดี๋ยวพี่ไปส่งที่บ้านนะครับ" รุ่นพี่พูด
"ไม่เป็นอะไรครับ ผมไปส่งเองได้ บ้านเราอยู่ใกล้กัน มาเรียนพร้อมกันกลับบ้านพร้อมกันทุกวันอยู่แล้ว" รามพูดแทรกเสียงแข็ง สายตานั้นจ้องเขม็งอย่างไม่ยอมแพ้
"อ๋อ นึกว่าใคร ทำตัวหวงก้างเชียว ที่แท้ก็แค่เด็กข้างบ้านเองงั้นเหรอ?"
"ครับ แต่สนิทกันมาก สนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ครอบครัวเราก็สนิทกัน"
"เหรอ สงสัยพี่คงต้องทำความรู้จักกับครอบครัวของน้องพริมบ้างแล้วสิ จะได้สนิทบ้าง"
"คงยากครับ เพราะคุณลุงหวงลูกสาวมาก ใครมาจีบไม่ได้หรอกครับ"
"ไม่เข้าถ้ำเสือ แล้วจะได้ลูกเสือเหรอครับ เคยได้ยินคำพูดนี้ไหม"
"ไม่เคยครับ เพราะพี่พริมเป็นคน ไม่ใช่ลูกเสือ แต่ถ้าจะเป็นจริงๆ ก็คงไม่เหมาะมั้งครับ เพราะเสือไม่คู่ควรกลับหมะ.."
"โอ๊ย!! พอแล้ว ทั้งสองคนเลย"
สถานการณ์มันก็น่าอึดอัดอยู่แล้ว ทั้งสองเล่นมาต่อปากต่อคำกันแบบนี้แล้วเธอจะต้องทำยังไง เธอไม่ได้อยากให้ใครมาทะเลาะกันเพราะตัวเอง
"น้องพริมครับพี่ซื้อของมาฝากด้วยครับ" พูดจบรุ่นพี่ก็หยิบของออกมาจากกระเป๋าเสื้อ มันเป็นสร้อยข้อมือเล็กๆ ที่มีจี้เป็นรูปหัวใจและรูปปลาโลมา มันสวยมากๆ เลย
"พะ แพงหรือเปล่าคะเนี่ย ซื้อมาให้พริมทำไมคะ พริมเกรงใจ" เพราะเขาซื้อของมาให้บ่อยมาก แต่ละอย่างก็แพงโขเลยทีเดียว เธอเกรงใจมาก ขนมบางอย่างก็ไม่ได้กินเองด้วย
"ไม่ต้องเกรงใจครับ พี่เต็มใจให้ ยื่นข้อมือมาสิครับ"
"เอ่อ..."
ไม่ใช่คนที่ปฏิเสธคนไม่เป็นนะ แต่ฉันแค่ไม่อยากทำลายน้ำใจของใคร บางอย่างเขาซื้อมาให้ฉันก็รับไว้ กินหรือไม่กินใช้หรือใช้นั่นก็อีกเรื่อง
"รับไปเถอะครับ พี่อยากให้"
"ขอบคุณนะคะ แต่พริมขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายนะคะ ที่พี่เปรมจะซื้ออะไรมาให้พริม"
"ครับน้องพริม"
รามได้แต่มองท่าทีของสองคนตรงหน้าด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิด ไม่ชอบสายตาที่พริมมองรุ่นพี่เลย มันทำให้รู้สึกว่าเธอเองก็แอบมีใจเหมือนกัน แค่ยังปากแข็งปฏิเสธเท่านั้นเอง
แหงล่ะ พวกเอาใจผู้หญิง ซื้อของหรูๆ แพงๆ ให้ ยังไงผู้หญิงก็ชอบอยู่แล้ว
ไม่รวยกะเขาบ้างก็ให้มันรู้ไปสิ
"สวยมากเลยนะครับ เหมาะกับน้องพริมมากเลย"
"ขอบคุณอีกครั้งนะคะ"
"ข้อมือสวยๆ แบบนี้ ต้องมีเครื่องประดับนิดๆ หน่อยๆ นะครับ ถึงจะดูดี"
"....." คนตัวเล็กไม่ได้ตอบกลับ เพราะเธอยังคงยิ้มชื่นชมความสวยงามของสร้อยข้อมืออยู่ ซึ่งการกระทำนี้ทำเอารามที่นั่งจ้องอยู่นั้นไม่พอใจมากเลยทีเดียว
ในใจอยากจะกระชากออกมาแล้วโยนทิ้งเข้าป่าไปให้รู้แล้วรู้รอดเลย แต่มันก็ทำแบบนั้นไม่ได้เนี่ยสิ ขืนทำไป ก็ได้กลายเป็นตัวร้ายในสายตาของพี่สาวคนสวยพอดี
เบื่อจัง เบื่อฉิบหาย ที่ต้องคีฟลุคหมาน้อยแสนใสซื่อเนี่ย
"พี่พริมครับ เรากลับกันเถอะครับ"
"อื้ม.."
"เดี๋ยวพี่ไปส่งนะครับน้องพริม"
"ไม่ต้องหรอกครับ แค่พามากินขนม ซื้อของให้ แค่นี้ก็พอแล้วครับ ไม่ต้องตอบแทนอะไรแล้วมั้งครับ กะอีแค่ช่วยทำให้ผ่านงานแค่นี้"
"ราม" พริมหันไปดุเสียงเข้ม เพราะไม่อยากให้รามทำนิสัยแย่ต่อหน้าคนที่อายุมากกว่าตัวเอง เพราะเห็นเป็นน้องคนนึงเลยตักเตือน
"นะครับน้องพริม ให้พี่ไปส่ง" รุ่นพี่ยังคงรบเร้า เพราะเธอยังไม่ได้ตอบอะไร ฉะนั้นก็ถือว่ายังไม่ได้คำตอบ
"ไม่เป็นอะไรค่ะ เดี๋ยวพริมกลับเองดีกว่า ขอบคุณมากนะคะ สำหรับสร้อยข้อมือแล้วก็ขนม"
"ครับ เดินทางกลับดีๆ นะครับ"
"ขอบคุณค่ะ"
รามและพริมเดินออกมาพร้อมกัน แต่เจ้าหมาเด็กนั้นเดินนำลิ่วมาก่อนเลย ท่าทีกระฟัดกระเฟียดนั้นก็เดาไม่ยากหรอก คงไม่พอใจอยู่นั่นแหละ
"นายทำตัวไม่ดีนะราม"
"ต้องเหมือนรุ่นพี่คนนั้นเหรอครับ ถึงจะดีในสายตาของพี่"
"อย่าประชดราม พี่เตือนเพราะเห็นนายเป็นน้อง ทำแบบนั้นต่อหน้าผู้ใหญ่ได้ยังไง"
"เฮอะ! แค่น้อง" รามแค่นหัวเราะออกมาเหมือนเย้ยหยันตัวเอง ทำดีแทบตายสุดท้ายเขาให้เป็นแค่พี่น้อง
"ราม..."
"ผมมีหมวกอันเดียว พี่เอาไปใส่เถอะครับ เดี๋ยวผมกระเซิง ไว้ทำงานเก็บเงินอีกหน่อยจะซื้อให้ใหม่ครับ"
"ฟังพี่หรือเปล่าราม?"
"ฟังครับ แต่ไม่รับรู้ ผมดีกับคนที่มาจีบพี่ไม่ได้หรอกครับ ผมถือว่านั่นเป็นศัตรู...หัวใจของผม"
รามชัดเจนมาตลอดอยู่แล้วว่ากำลังชอบพริม และกำลังเดินหน้าจีบเธออยู่ แต่สิ่งที่ได้รับตอบกลับคือ คำว่าพี่น้อง ที่เธอมีให้ แต่กับคนอื่นเธอกลับรู้สึกดี มันน่าน้อยใจไหมล่ะ
"แต่พี่ไม่เคยคิดอะไรกับนายนะราม"
"ก็แหงสิครับ พี่พูดมาตลอดว่าเห็นผมเป็นแค่น้อง แต่ใครสนล่ะ"
"ราม..."
"ขึ้นซ้อนท้ายแล้วกอดเอวผมไว้ด้วยนะครับ อย่าปล่อยเด็ดขาด ถ้าตกรถลงไปจะโทษผมไม่ได้นะครับ"
"งอนจริงจังเชียวนะราม"
"....." เขาเงียบ ไม่เชิงงอนอะไรขนาดนั้นหรอก เพราะชินแล้วกับที่เธอพูดกรอกหูทุกวัน ว่าคิดแค่น้อง แต่ก็ไม่ได้คิดจะสนใจอยู่แล้ว ถือคติว่า น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อนเลย นับประสาอะไรกับใจคนล่ะ
ไม่ได้งอนแต่หงุดหงิดมากกว่า ยิ่งเห็นสร้อยข้อมือแล้วยิ่งรู้สึกบาดตาบาดใจซะเหลือเกิน
"ขึ้นรถสิครับ ที่รอนี่หรือจะให้ผมอุ้มขึ้น?"
"ไอ้บ้า! พี่ขึ้นเองได้"
"งั้นก็รีบขึ้นสิครับ"
"อารมณ์แปรปรวนจริงนะเด็กนี่"
"ผมไม่เด็กแล้วนะครับ ดูได้ พิสูจน์ได้ ผมโตแล้ว"
"ราม!!"
@หลายปีต่อมาฉันกับรามเราแต่งงานกันแล้ว หลังจากที่ช่วยกันทำงานเก็บเงินและมีเงินเก็บมากพอ เราซื้อบ้านน็อคดาวน์ไว้หลังนึง ราคาไม่แพงเท่าไร แต่ก็ถือว่าอยู่ได้สบายมากสำหรับครอบครัวเล็กๆ อย่างเรา และบ้านของเราก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านของพ่อแม่เท่าไรด้วยตอนนี้รามเปิดอู่เล็กๆ อยู่ใกล้บ้านส่วนอู่ที่เคยทำงานอยู่ก็ยังไปทำงานอยู่เหมือนเดิม รามทำงานหลายที่มากๆ จนบางครั้งฉันก็แอบห่วงสุขภาพของเขา กลัวว่าเขาจะพักผ่อนไม่เพียงพอหลังจากที่ย้ายบ้านมาอยู่ด้วยกันสองคนฉันก็ท้อง ทีแรกฉันก็กะว่าจะลาคลอดระยะยาวเลย เพราะตัวเองก็มีลาพักร้อนอยู่แล้ว แต่รามบอกให้ฉันลาออกจากที่นั่นมาเลย จะได้ไม่ต้องเจอคนแย่ๆ จนทำให้สุขภาพจิตของเราเสียอีก ยิ่งฉันท้องยิ่งไม่ควรอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้นเลยเราสองคนเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ถึงตอนนี้ก็ไม่ได้ร่ำรวยถึงขนาดที่อยู่บ้านนั่งกินนอนกินสบายๆ ไม่ต้องทำงาน เราแค่มีเก็บมากพอจะใช้จ่ายได้ไม่ลำบากก็เท่านั้นเองบวกกับปีก่อนคุณยายของรามเอาที่มาให้ รามก็เลยประกาศขาย เพราะถึงยังไงก็ไม่ได้ไปอยู่อยู่แล้ว ทำเลตรงนั้นขายได้หลายล้านเลยทีเดียว ที่ตัดสินใจขายเพราะเราสองคนวางแผนอนาคตกันเอาไว้แล้ว ฉันกับรา
@อีกหนึ่งปีต่อมาณ บ้านของพริมมีงานเล็กๆ เป็นงานหมั้นระหว่างพริมกับราม ญาติพี่น้องทางฝั่งของพริมก็มาไม่กี่คน เพราะส่วนใหญ่อยู่ต่างจังหวัดไกลๆ กันหมด และมีเพื่อนๆ ของพริมไม่กี่คน ทางฝั่งของรามก็มีแค่ยายและเพื่อนๆ ที่อู่กับอาที่เป็นเจ้าของอู่เท่านั้นแม่ของเขาเหมือนถูกตัดขาดจริงๆ รามยอมติดต่อไปหาแม่ เพื่อให้ยายนั้นสบายใจ แต่คำตอบที่ได้กลับมาก็เล่นเอาจุกเหมือนกัน เขาไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือ ไม่ได้ต้องการเงิน ไม่ได้ต้องการอะไรทั้งสิ้น นอกจากบอกให้รับรู้ รามรู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าการตัดสินใจไม่ไปอยู่กับแม่ที่ต่างประเทศมันจะเป็นยังไงไม่ใช่ไม่รัก ไม่ใช่ไม่เคารพ แต่บางเรื่องเราก็ต้องเป็นฝ่ายตัดสินใจเอง เพราะนี่คือชีวิตของเราถ้าเขาไปแล้วคุณยายจะอยู่กับใคร ที่ผ่านมาคุณยายก็อยู่โดยลำพังมาตลอดอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าแม่ของเขาตัดสินใจแบบนั้นได้ยังไง ในมุมของคนเป็นลูกดูใจร้ายมากเลยนะตัดกลับมาที่งานหมั้น ทุกอย่างจัดขึ้นแบบเรียบง่าย ไม่ได้หวือหวา มีกินเลี้ยงกันนิดๆ หน่อยๆ ตามประสาเพื่อนเกลอ พูดคุยกับญาติผู้ใหญ่ที่มาร่วมเป็นสักขีพยาน เป็นงานหมั้นเล็กๆ ที่ดูอบอุ่นมากเลยทีเดียวเงินสด 99,999 ทองอีก 1 บาท
@หนึ่งปีต่อมารามเรียนจบมาได้สักพักแล้ว และหลังจากที่เรียนจบก็ได้ทำงานอย่างเต็มตัวเต็มเวลา และก็ได้รับหน้าที่คอยดูแลเป็นหูเป็นตาแทนอาที่เป็นเจ้าของที่นี่ เขาเป็นคนละเอียดมีฝีมือ เรื่องงานช่างไม่ต้องห่วงเลยถึงจะอายุเท่านี้แต่ประสบการณ์ทำงานก็มากเลยทีเดียวพอได้ทำงานเต็มเวลารามก็เริ่มจะมีเงินเก็บจากที่ตัวเองทำงานอยู่ทุกวัน มีมากพอจะซื้อของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้กับแฟนสาวได้ในช่วงเวลาที่สำคัญของเธอรามกำเงินเก็บจำนวนนึงที่ได้มาจากการทำงานที่อู่เข้าร้านทองใกล้ๆ กับอู่ที่ทำงานอยู่สายตาคมกวาดมองแหวนทองที่ทางร้านวางโชว์หราอยู่ด้านหน้า กำลังเลือกลายและขนาดที่นิ้วของพริมจะใส่ได้ กะขนาดจากระยะสายตาของเขาเองเนี่ยแหละ ไม่เคยพลาดหรอก"อ้าวราม""หวัดดีครับเสี่ย"รามทักทายเจ้าของร้านทอง เสี่ยยักษ์ อายุรุ่นราวคราวเดียวกับอาที่เป็นเจ้าของอู่ ถึงรามจะไม่เคยมาใช้บริการร้านทองเลยสักครั้งแต่ก็พอจะรู้จักกันอยู่บ้าง เพราะเสี่ยยักษ์ก็เอารถไปใช้บริการที่อู่เป็นประจำอยู่เหมือนกัน"จะเอาแบบไหนล่ะหืม เลือกมาเลย เดี๋ยวเสี่ยลดราคาให้เป็นพิเศษ""อ๋อ ขอบคุณครับ""ซื้อให้แฟนเหรอ?""ครับ อยากได้แหวนสองสลึง วงเล็กๆ มีลาย
พริมกระโจนโถมเข้าหาแฟนหนุ่มจนกระทั่งเขานั้นหงายหลังลงไปกับที่นอนฟูกหนาของตัวเอง จากนั้นเธอก็เป็นฝ่ายเล้าโลมเขาก่อน อยากรู้ว่ามันรู้สึกยังไงที่ต้องเป็นคนอยู่ข้างบน เพราะที่ผ่านมารามเป็นฝ่ายเริ่มก่อนตลอดเลย"อึก พะ พี่ครับ""....." พริมไม่ได้สนใจท่าทางที่พยายามขัดขืนของอีกฝ่าย อารมณ์เสียอยู่เล็กน้อย แต่ก็ช่างมันเถอะ"อ่าส์~ แฮ่ก! รุนแรงจังเลยนะครับที่รักของผม""อือ...อยู่นิ่งๆ สิราม""อืมพี่ครับ"พริมชะงักเพราะเสียงเรียกของอีกฝ่าย เธอมองหน้าของเขาก่อนจะโน้มใบหน้าลงบดเบียดริมฝีปากของตัวเองลงไปอย่างบ้าคลั่ง ลิ้นร้อนสอดเข้าไปในโพรงปากอุ่นตวัดลิ้นเลียอย่างรุนแรงจนหายใจกันแทบไม่ทันหน้าอกอวบก็เบียดเสียดลงไปกับอกแกร่งของร่างกำยำแน่น ชนิดที่ว่ารู้สึกได้ถึงแรงเต้นของหัวใจของกันและกันเลยทีเดียว"อืมพี่พริมครับ อ่าส์""....." ร่างบางผละตัวออกไปก่อนจะถอดเสื้อยืดของตัวเองออกต่อหน้าของแฟนหนุ่ม หน้าอกที่อวบปลิ้นออกมาจากชุดชั้นในครึ่งเต้านั้นมันทำให้รามอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือขึ้นไปบีบเคล้นอย่างมันส์มือ "อึก..บะ เบาๆ สิพี่เจ็บนะ!""นมพี่ใหญ่จังเลยครับ มองข้างนอกนึกว่าคนไม่มีนม" นี่ถือว่าเป็นคำชมนะ เพราะ
หลังจากวันนั้นพริมกับรามก็ใช้ชีวิตกันโดยปกติมาตลอด ไม่ได้มีเรื่องอะไรปิดบังใครแล้ว คุณยายเองก็ได้รู้ว่าเป็นเรื่องจริงไม่ใช่หลานชายตัวเองพูดไปเรื่อยพริมเรียนจบแล้วและมีกินเลี้ยงกับเพื่อนๆ ก่อนแยกย้ายกัน เลยนัดกันที่ร้านอาหารในเมือง"พี่พริมกลับกี่โมงครับ ผมจะได้มารอรับ" รามเอ่ยถาม หลังจากที่จอดรถส่งแฟนสาวถึงร้านอาหารที่เธอนัดกับเพื่อนๆ แล้ว"ไม่เป็นไร นายนอนเถอะ พี่คงกลับดึกๆ เลย""นั่นแหละครับ ดึกแล้วพี่จะกลับไง นั่งแท็กซี่มันอันตราย" พูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง"เดี๋ยวเพื่อนมันแวะไปส่งน่ะ""ให้ผมรอมั้ยครับ ผมรอได้""ไม่เป็นไร นายทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้วนะ กลับไปพักเถอะ""จะดีเหรอครับ?""ใช่ ดีมากๆ เลย พี่อยู่กับเพื่อนได้ กลับเองได้ พี่ไม่ใช่เด็กแล้ว""โอเคครับ ผมกลับก็ได้ แต่ถ้าไม่มีใครไปส่งพี่ต้องโทรหาผมนะครับ ห้ามกลับแท็กซี่เด็ดขาด""อื้ม พี่สัญญา"พริมพยักหน้าตอบ เธอไม่อยากให้รามรอ เพราะเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้กลับตอนไหน จะให้รามรออยู่ได้ยังไงในเมื่อเขาเองก็ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้วเหมือนกัน"ขับรถกลับดีๆ นะราม วันนี้พี่ขอวันนึง""ครับ ผมไม่ว่าหรอก กินกับเพื่อนตามสบายเลยครับ
@บ้านพริม"มีอะไรหรือเปล่าลูก พริมราม""คือว่า เราสองคนกำลังคบกันค่ะ คบกันมาสักพักแล้ว" ทั้งที่มันเป็นการบอกข่าวดีแท้ๆ แต่เธอกลับตื่นเต้นกลัวไปหมดเลย"อะไรนะ?" แม่ของพริมมองหน้าทั้งสองคนสลับกันไปมา"ผมกำลังคบกับพี่พริมครับคุณน้า" รามยืดอกยอมรับอย่างลูกผู้ชาย เพราะมีหลายอย่างที่ตัวเองทำเกินเลยลงไป เขาจะยอมรับหากพ่อแม่ของเธอถาม และเขาพร้อมจะรับผิดชอบ"ราม.." เสียงเข้มของผู้เป็นพ่อดังขึ้น สายตาที่แข็งกร้าวมันทำให้พริมเริ่มใจเต้นแรง เพราะเธอไม่เคยเห็นพ่อของเธอเป็นแบบนี้เลย"ครับคุณลุง""มาคุยกับลุง""พ่อคะ...""คุยสองคน อย่างลูกผู้ชาย""ครับ"รามลุกขึ้นและเดินตามพ่อของพริมไปทางหลังบ้าน พริมอยากจะเดินตามไปเพราะกลัวว่าเรื่องมันจะจบไม่สวย แต่ก็ถูกแม่ห้ามเอาไว้"มันจะเกิดอะไรไหมคะแม่""เรากลัวอะไรล่ะหืม?""ไม่รู้สิคะ แม่ไม่เห็นสายตาของพ่อเหรอ น่ากลัวมากเลย""ไม่มีอะไรหรอก ให้เขาได้คุยกันแบบลูกผู้ชาย เราเป็นผู้หญิงก็ไม่ต้องไปอยากรู้หรอก""....." โอ้ย! ทำไมมันถึงตื่นเต้นกลัวอะไรขนาดนี้นะ พ่อของฉันใจดีจะตายไป คงไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก จะว่าไปรามมันก็ยังเด็กไง และด้วยความที่เป็นเด็กก็ยังไม่มีอะไรเป็