กลางดึกคืนนึง
ขณะที่พริมกำลังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงานประจำของเธอ หน้าต่างห้องนอนของเธอมันเยื้องเข้ากับห้องนอนของรามพอดี ตั้งแต่หัวค่ำจนตอนนี้ก็ยังไม่เห็นเขา ซึ่งปกติรายนั้นไม่พลาดที่จะมานั่งเท้าคางมองดูเธอแล้วแท้ๆ แต่นี่เงียบหายไปเลย
แต่ก็เป็นแบบนี้มาสักพักแล้วล่ะ หรือว่าจะโกรธเรื่องวันนั้น
เขาทำแบบนั้นสม่ำเสมอ จนเธอชินและมันกลายเป็นส่วนนึงของชีวิตประจำวันไปแล้ว แต่พอเป็นแบบนี้เธอกลับไม่ชินเอาซะเลย มันแปลกไปหมด เหมือนอะไรมันขาดหายไปสักอย่าง
ตอนเขาอยู่ก็รำคาญ แต่พอไม่มีก็คิดถึงซะงั้น
"เฮ้อ!!"
ปึก!!
"อึ๊บ~"
จู่ๆ ก็มีมือปริศนาจับที่ขอบหน้าต่างห้องนอนของเธอ เล่นเอาพริมนั้นตกใจจนหัวใจแทบวาย ร่างบางรีบลุกและถอยหนีด้วยความกลัว กำลังจะกรีดร้องแต่เจ้าของมือปริศนาก็โผล่หน้าขึ้นมาพอดี
"แฮร่~ พี่พริมครับ รับผมหน่อยสิ"
"ราม!!" ฉันเรียกชื่อของเขาด้วยความตกใจ นี่เล่นบ้าอะไรของเขาเนี่ย ไม่มีอะไรให้เล่นแล้วหรือไง ถึงได้มาปีนบ้านคนอื่นเขาแบบนี้เนี่ย
"ฮึบ~!!"
ฉันไม่ได้ช่วยเขาหรอก เพราะมัวแต่ตกใจอยู่ รามประคองตัวเองจนขึ้นมาได้ และเข้ามาในห้องนอนของฉัน
"กำลังคิดถึงผมอยู่หรือเปล่า?"
"นายทำบ้าอะไรเนี่ย ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!"
"ผมเพิ่งขึ้นมาได้เอง จะรีบให้ไปไหนครับ"
"ลงไป เดี๋ยวนี้!!" ฉันใช้เสียงเข้มดุเขา แต่ก็ไม่กล้าพูดเสียงดัง ตอนนี้พ่อแม่นอนกันหมดแล้ว ถ้าเสียงดังขึ้นมาเดี๋ยวพวกเขาจะตื่นเอา
ถ้าพ่อของฉันรู้เรื่องขึ้นมา ได้เป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ
"ผมไม่ลงครับ" พูดหน้าตาย
"ลงไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นพี่จะโกรธนาย!"
"โกรธเลยครับ เดี๋ยวผมง้อเอง"
"ราม! ต่อให้พี่จะไม่ว่าที่นายทำตัวรุ่มร่ามกับพี่ แต่นายก็ไม่มีสิทธิ์ขึ้นมาห้องพี่แบบนี้นะ"
"ขอนอนหน่อยนะครับ"
"ระ ราม!!"
จะห้ามก็ไม่ทันแล้ว เพราะเจ้าตัวดันทิ้งตัวนอนลงบนเตียงของฉันไปซะแล้ว นี่ฉันควรจะทำยังไงกับเด็กคนนี้ดี นับวันเขายิ่งรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของฉัน
"ราม! คราวนี้พี่จะโกรธจริงๆ นะ นายทำเกินไป นี่มันพื้นที่ส่วนตัวของพี่"
"ผมก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีนี่ครับ"
"แค่นายขึ้นมาบนห้องของพี่ด้วยวิธีแบบนี้ มันก็คือเรื่องไม่ดีแล้ว"
"เดี๋ยวอีกหน่อยเราก็เป็นแฟนกัน แฟนจะขึ้นห้องแฟน มันก็ไม่เห็นแปลกนี่ครับ"
"อย่ามาพูดเองเออเองนะ!"
"เปล่าครับ ผมแค่เดาอนาคตถูก"
"พี่เป็นคนพูดคำไหนคำนั้น" ฉันเคยบอกว่าคิดแบบไหนกับเขา ไม่ว่ายังไงความคิดนี้มันก็จะไม่เปลี่ยน
"เหรอครับ งั้นเราลองมาพนันกันดีมั้ยล่ะครับ"
"ไม่!!"
"เพราะพี่ไม่กล้า พี่กลัวว่าจะรักผมขึ้นมาจริงๆ ใช่ไหมล่ะ"
"ราม...ลุกออกไปจากเตียงของพี่เดี๋ยวนี้!"
"ไม่ครับ"
ทำไมเขาถึงได้ดื้อขนาดนี้นะ ฉันควรจัดการยังไงกับเด็กคนนี้ดี แต่สถานการณ์ตอนนี้คือฉันเสียงดังมากไม่ได้ เพราะพ่อกับแม่นอนอยู่ข้างล่าง ถ้าได้ยินเสียงฉันโวยวายขึ้นมาพวกเขาต้องตื่นและมาดูแน่ๆ
"ขอร้องล่ะกลับไปเถอะ อย่ามาทำแบบนี้กับพี่เลย"
"พี่ก็นั่งทำงานไปสิครับ ผมแค่ขอมานอนเล่นด้วยเฉยๆ"
"ราม..."
"....."
ไม่ว่าฉันจะทำยังไงมันก็ไม่ได้ผลเลย ทั้งเรียกชื่อเขา ทั้งบอกว่าจะโกรธ ใช้เสียงดุไล่เขาออกไป สารพัดวิธีที่ฉันจะทำ แต่มันก็ไม่ได้ผลเลย เขาดูไม่ได้กลัวเลยถ้าฉันจะโกรธจริงๆ
แต่ตอนนี้ก็เริ่มแล้วล่ะ
สุดท้ายฉันก็ทำได้แค่ปล่อย ปล่อยให้รามนอนอยู่บนเตียง ส่วนฉันก็มานั่งทำงานต่อ เพราะยังมีงานที่ฉันต้องทำอีกมาก ไม่มีเวลาไปรบรากับเขาตลอดหรอก
"อยากนอนก็นอน แต่อย่าทำอะไรเกินกว่านั้นเด็ดขาด"
"บนเตียงพี่หอมจัง กลิ่นเหมือน.."
"ระ รามหยุดดมเดี๋ยวนี้นะ!!"
ฉันหันกลับไปดุเขา เพราะรามกำลังเอาหน้าก้มซุกลงไปกับที่นอนของฉัน ซึ่งมันก็ไม่แปลกที่มันจะมีกลิ่นตัว กลิ่นครีม กลิ่นอะไรต่อมิอะไรจากตัวของฉันติดอยู่บนที่นอนหรือผ้าห่ม
"หอมจังครับ รู้สึกเหมือนมีพี่นอนอยู่ข้างๆ เลย"
"นี่ตกลงนายเป็นแบบไหนกันแน่เนี่ย ทำตัวเหมือนกับโรคจิตเลยนะ"
"โรคจิตที่ไหนครับ ผมแค่ชอบกลิ่นตัวของพี่"
"นั่นแหละ โรคจิต"
"ผมเปล่าสักหน่อย"
"หยุดดม แล้วนอนอยู่นิ่งๆ ไม่งั้นก็กลับเลย"
"ก็ได้ครับ"
ฉันทำตัวไม่ค่อยถูกสักเท่าไหร่ เพราะปกติห้องนี้ฉันอยู่คนเดียว และก็ทำอะไรคนเดียวด้วย ถึงจะรู้สึกอุ่นใจแต่ก็รู้สึกระแวงด้วย
รามเองก็ไม่ใช่คนน่ากลัวหรอก แต่เขาเป็นพวกแปลก ชอบเอาแต่ใจตัวเอง ทำอะไรตามใจตัวเอง บางครั้งก็บ้าบอด้วย
...สักพักต่อมา
"พรุ่งนี้ไปเรียนพร้อมผมนะครับ"
"พรุ่งนี้พี่มีเรียนบ่าย"
"แล้วไปยังไง"
"รุ่นพี่มารับ"
"หมอนั่นอีกแล้วเหรอครับ?" ร่างกำยำลุกพรวดขึ้นมาจากเตียง เพราะประโยคที่ได้ยิน มันทำเอาอารมณ์ร้อนกรุ่นขึ้นมาทันที
"ราม..พี่บอกให้พูดดีๆ เค้าเป็นผู้ใหญ่นะ แก่กว่าเราด้วย"
"ผมบอกแล้วไงครับ ไม่ว่าใครถ้ามันคิดจะจีบพี่ผมถือว่าเป็นศัตรูหมด ไม่จำเป็นต้องเคารพ ไม่จำเป็นต้องพูดดี"
รามพูดด้วยสีหน้าและท่าทางที่จริงจังมากๆ เพราะเขาเองก็ยังยืนหยัดว่าจะจีบเธอต่อ จนกว่าจะได้เธอมาเป็นแฟน ฉะนั้นไม่ว่าใครที่เข้ามา ถือว่าเป็นศัตรูหมดเลย ศัตรูหัวใจ โดยเฉพาะรุ่นพี่คนนั้น ที่เป็นศัตรูเบอร์หนึ่ง
"เฮ้อ..."
"ให้ผมไปส่งนะครับ"
"นายมีเรียนตอนเช้าไม่ใช่หรือไง"
"แล้วไงครับ ผมขับรถกลับมารับพี่ก็ได้"
"แล้วจะขับกลับไปกลับมาให้มันเปลืองน้ำมันทำไม"
"ผมไม่อยากให้พี่ไปกับรุ่นพี่ไงครับ เขาไว้ใจได้ที่ไหน"
"แล้วนายล่ะ ไว้ใจได้เหรอ ดูสิ นี่ยังแอบปีนห้องนอนพี่เลย"
"ไว้ใจได้ครับ ผมไม่ทำอะไรพี่หรอก"
"แหวะ"
"ถ้าผมคิดจะทำ ผมคงทำไปนานแล้ว" นั่นสินะ ถ้าไม่นับรวมตอนที่ฉันโดนเขาจูบวันนั้น รามไม่เคยทำอะไรกับฉันเลย แต่เขาเป็นคนชอบรุ่มร่ามแบบนี้อยู่แล้วฉันเลยไม่ได้ซีเรียส
เขามีโอกาสให้ทำกับฉันตั้งมากแต่เขาก็ไม่เคยทำ ( หมายถึงเรื่องเซ็กซ์นะ ) แต่ถ้าหมอนี่ยังซิงอยู่ ก็พอเข้าใจ ว่าคงทำเรื่องแบบนั้นไม่เป็น
"แล้วนี่ปีนขึ้นมาทำไม?"
"เพราะมีคนคิดถึงผม ความรู้สึกมันบอกอย่างนั้น ผมก็เลยต้องปีนขึ้นมา เพื่อให้ใครบางคนหายคิดถึง"
"เวอร์ละ ใครเขาจะคิดถึงนายกัน"
"อ้อเหรอ แล้วที่คอยมองหน้าต่างห้องผมทุกๆ ห้านาทีนี่...คืออะไรครับ?"
"บะ บ้า พี่ก็แค่มองไปเรื่อย ทำไมต้องมองห้องนอนนายด้วยล่ะ สำคัญตัวเกินไปหรือเปล่า?"
"โกหกไม่เนียนนะครับ คุณพิรารัตน์"
"จิ๊! หยุดพูดเลยนะ ไม่งั้นพี่จะไล่ลงไปเดี๋ยวนี้แหละ"
"เอะอะก็ไล่ เอะอะก็ดุ ยังไม่ทันไรเลย นี่ฝึกข่มกันแล้วเหรอครับเนี่ย"
"ข่มบ้าบออะไรของนาย"
"ข่มผัวไงครับ"
"อะ ไอ้บ้าราม นายนี่มันจริงๆ เลยนะ"
เพราะมัวแต่ทะเลาะกับเขา ฉันเลยพลอยไม่ได้งานไปเลยเนี่ย ยังดีที่พรุ่งนี้ก็ยังพอมีเวลาให้ทำอีกหน่อย
"คุณยายไปไหน ทำไมถึงมาแรดที่นี่ได้?"
"นอนแล้วครับ นอนตั้งแต่หัวค่ำแล้ว"
"ทำไมนายถึงมาอยู่กับคุณยายล่ะ?"
"....."
สิ้นสุดประโยคคำถามของฉัน รามก็นิ่งไป สีหน้าของเขาแปลกไปเหมือนมีอะไรอยู่ในใจเลย ฉันไม่น่าถามออกไปเลยสินะ มันคงจะกระทบจิตใจของเขาพอสมควร
"ไม่ต้องตอบก็ได้ เมื่อกี้ถือซะว่าพี่ไม่ได้พูดออกไปก็แล้วกัน"
"ผมหนีแม่มา"
"อะไรนะ!"
"ผมไม่อยากถูกบังคับ ก็เลยหนีมาหาคุณยาย"
"แล้วนี่แม่นายเขาไม่ตามหาเหรอ?"
"ไม่หรอกครับ เขาคงไม่ตามหรอก เพราะผมคงไม่มีประโยชน์อะไรกับเขาแล้ว"
"....." นี่ฉันคิดถูกหรือคิดผิดเนี่ยที่ถามเรื่องนี้
"พี่ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ ผมโตแล้วผมตัดสินใจเองได้ ผมบรรลุนิติภาวะแล้ว เขาไม่มีสิทธิ์บังคับในการตัดสินใจของผม"
"อืมๆ มาอยู่กับคุณยายแล้ว ก็ทำตัวให้มันดีๆ ก็แล้วกัน"
"ครับ"
@หลายปีต่อมาฉันกับรามเราแต่งงานกันแล้ว หลังจากที่ช่วยกันทำงานเก็บเงินและมีเงินเก็บมากพอ เราซื้อบ้านน็อคดาวน์ไว้หลังนึง ราคาไม่แพงเท่าไร แต่ก็ถือว่าอยู่ได้สบายมากสำหรับครอบครัวเล็กๆ อย่างเรา และบ้านของเราก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านของพ่อแม่เท่าไรด้วยตอนนี้รามเปิดอู่เล็กๆ อยู่ใกล้บ้านส่วนอู่ที่เคยทำงานอยู่ก็ยังไปทำงานอยู่เหมือนเดิม รามทำงานหลายที่มากๆ จนบางครั้งฉันก็แอบห่วงสุขภาพของเขา กลัวว่าเขาจะพักผ่อนไม่เพียงพอหลังจากที่ย้ายบ้านมาอยู่ด้วยกันสองคนฉันก็ท้อง ทีแรกฉันก็กะว่าจะลาคลอดระยะยาวเลย เพราะตัวเองก็มีลาพักร้อนอยู่แล้ว แต่รามบอกให้ฉันลาออกจากที่นั่นมาเลย จะได้ไม่ต้องเจอคนแย่ๆ จนทำให้สุขภาพจิตของเราเสียอีก ยิ่งฉันท้องยิ่งไม่ควรอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้นเลยเราสองคนเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ถึงตอนนี้ก็ไม่ได้ร่ำรวยถึงขนาดที่อยู่บ้านนั่งกินนอนกินสบายๆ ไม่ต้องทำงาน เราแค่มีเก็บมากพอจะใช้จ่ายได้ไม่ลำบากก็เท่านั้นเองบวกกับปีก่อนคุณยายของรามเอาที่มาให้ รามก็เลยประกาศขาย เพราะถึงยังไงก็ไม่ได้ไปอยู่อยู่แล้ว ทำเลตรงนั้นขายได้หลายล้านเลยทีเดียว ที่ตัดสินใจขายเพราะเราสองคนวางแผนอนาคตกันเอาไว้แล้ว ฉันกับรา
@อีกหนึ่งปีต่อมาณ บ้านของพริมมีงานเล็กๆ เป็นงานหมั้นระหว่างพริมกับราม ญาติพี่น้องทางฝั่งของพริมก็มาไม่กี่คน เพราะส่วนใหญ่อยู่ต่างจังหวัดไกลๆ กันหมด และมีเพื่อนๆ ของพริมไม่กี่คน ทางฝั่งของรามก็มีแค่ยายและเพื่อนๆ ที่อู่กับอาที่เป็นเจ้าของอู่เท่านั้นแม่ของเขาเหมือนถูกตัดขาดจริงๆ รามยอมติดต่อไปหาแม่ เพื่อให้ยายนั้นสบายใจ แต่คำตอบที่ได้กลับมาก็เล่นเอาจุกเหมือนกัน เขาไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือ ไม่ได้ต้องการเงิน ไม่ได้ต้องการอะไรทั้งสิ้น นอกจากบอกให้รับรู้ รามรู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าการตัดสินใจไม่ไปอยู่กับแม่ที่ต่างประเทศมันจะเป็นยังไงไม่ใช่ไม่รัก ไม่ใช่ไม่เคารพ แต่บางเรื่องเราก็ต้องเป็นฝ่ายตัดสินใจเอง เพราะนี่คือชีวิตของเราถ้าเขาไปแล้วคุณยายจะอยู่กับใคร ที่ผ่านมาคุณยายก็อยู่โดยลำพังมาตลอดอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าแม่ของเขาตัดสินใจแบบนั้นได้ยังไง ในมุมของคนเป็นลูกดูใจร้ายมากเลยนะตัดกลับมาที่งานหมั้น ทุกอย่างจัดขึ้นแบบเรียบง่าย ไม่ได้หวือหวา มีกินเลี้ยงกันนิดๆ หน่อยๆ ตามประสาเพื่อนเกลอ พูดคุยกับญาติผู้ใหญ่ที่มาร่วมเป็นสักขีพยาน เป็นงานหมั้นเล็กๆ ที่ดูอบอุ่นมากเลยทีเดียวเงินสด 99,999 ทองอีก 1 บาท
@หนึ่งปีต่อมารามเรียนจบมาได้สักพักแล้ว และหลังจากที่เรียนจบก็ได้ทำงานอย่างเต็มตัวเต็มเวลา และก็ได้รับหน้าที่คอยดูแลเป็นหูเป็นตาแทนอาที่เป็นเจ้าของที่นี่ เขาเป็นคนละเอียดมีฝีมือ เรื่องงานช่างไม่ต้องห่วงเลยถึงจะอายุเท่านี้แต่ประสบการณ์ทำงานก็มากเลยทีเดียวพอได้ทำงานเต็มเวลารามก็เริ่มจะมีเงินเก็บจากที่ตัวเองทำงานอยู่ทุกวัน มีมากพอจะซื้อของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้กับแฟนสาวได้ในช่วงเวลาที่สำคัญของเธอรามกำเงินเก็บจำนวนนึงที่ได้มาจากการทำงานที่อู่เข้าร้านทองใกล้ๆ กับอู่ที่ทำงานอยู่สายตาคมกวาดมองแหวนทองที่ทางร้านวางโชว์หราอยู่ด้านหน้า กำลังเลือกลายและขนาดที่นิ้วของพริมจะใส่ได้ กะขนาดจากระยะสายตาของเขาเองเนี่ยแหละ ไม่เคยพลาดหรอก"อ้าวราม""หวัดดีครับเสี่ย"รามทักทายเจ้าของร้านทอง เสี่ยยักษ์ อายุรุ่นราวคราวเดียวกับอาที่เป็นเจ้าของอู่ ถึงรามจะไม่เคยมาใช้บริการร้านทองเลยสักครั้งแต่ก็พอจะรู้จักกันอยู่บ้าง เพราะเสี่ยยักษ์ก็เอารถไปใช้บริการที่อู่เป็นประจำอยู่เหมือนกัน"จะเอาแบบไหนล่ะหืม เลือกมาเลย เดี๋ยวเสี่ยลดราคาให้เป็นพิเศษ""อ๋อ ขอบคุณครับ""ซื้อให้แฟนเหรอ?""ครับ อยากได้แหวนสองสลึง วงเล็กๆ มีลาย
พริมกระโจนโถมเข้าหาแฟนหนุ่มจนกระทั่งเขานั้นหงายหลังลงไปกับที่นอนฟูกหนาของตัวเอง จากนั้นเธอก็เป็นฝ่ายเล้าโลมเขาก่อน อยากรู้ว่ามันรู้สึกยังไงที่ต้องเป็นคนอยู่ข้างบน เพราะที่ผ่านมารามเป็นฝ่ายเริ่มก่อนตลอดเลย"อึก พะ พี่ครับ""....." พริมไม่ได้สนใจท่าทางที่พยายามขัดขืนของอีกฝ่าย อารมณ์เสียอยู่เล็กน้อย แต่ก็ช่างมันเถอะ"อ่าส์~ แฮ่ก! รุนแรงจังเลยนะครับที่รักของผม""อือ...อยู่นิ่งๆ สิราม""อืมพี่ครับ"พริมชะงักเพราะเสียงเรียกของอีกฝ่าย เธอมองหน้าของเขาก่อนจะโน้มใบหน้าลงบดเบียดริมฝีปากของตัวเองลงไปอย่างบ้าคลั่ง ลิ้นร้อนสอดเข้าไปในโพรงปากอุ่นตวัดลิ้นเลียอย่างรุนแรงจนหายใจกันแทบไม่ทันหน้าอกอวบก็เบียดเสียดลงไปกับอกแกร่งของร่างกำยำแน่น ชนิดที่ว่ารู้สึกได้ถึงแรงเต้นของหัวใจของกันและกันเลยทีเดียว"อืมพี่พริมครับ อ่าส์""....." ร่างบางผละตัวออกไปก่อนจะถอดเสื้อยืดของตัวเองออกต่อหน้าของแฟนหนุ่ม หน้าอกที่อวบปลิ้นออกมาจากชุดชั้นในครึ่งเต้านั้นมันทำให้รามอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือขึ้นไปบีบเคล้นอย่างมันส์มือ "อึก..บะ เบาๆ สิพี่เจ็บนะ!""นมพี่ใหญ่จังเลยครับ มองข้างนอกนึกว่าคนไม่มีนม" นี่ถือว่าเป็นคำชมนะ เพราะ
หลังจากวันนั้นพริมกับรามก็ใช้ชีวิตกันโดยปกติมาตลอด ไม่ได้มีเรื่องอะไรปิดบังใครแล้ว คุณยายเองก็ได้รู้ว่าเป็นเรื่องจริงไม่ใช่หลานชายตัวเองพูดไปเรื่อยพริมเรียนจบแล้วและมีกินเลี้ยงกับเพื่อนๆ ก่อนแยกย้ายกัน เลยนัดกันที่ร้านอาหารในเมือง"พี่พริมกลับกี่โมงครับ ผมจะได้มารอรับ" รามเอ่ยถาม หลังจากที่จอดรถส่งแฟนสาวถึงร้านอาหารที่เธอนัดกับเพื่อนๆ แล้ว"ไม่เป็นไร นายนอนเถอะ พี่คงกลับดึกๆ เลย""นั่นแหละครับ ดึกแล้วพี่จะกลับไง นั่งแท็กซี่มันอันตราย" พูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง"เดี๋ยวเพื่อนมันแวะไปส่งน่ะ""ให้ผมรอมั้ยครับ ผมรอได้""ไม่เป็นไร นายทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้วนะ กลับไปพักเถอะ""จะดีเหรอครับ?""ใช่ ดีมากๆ เลย พี่อยู่กับเพื่อนได้ กลับเองได้ พี่ไม่ใช่เด็กแล้ว""โอเคครับ ผมกลับก็ได้ แต่ถ้าไม่มีใครไปส่งพี่ต้องโทรหาผมนะครับ ห้ามกลับแท็กซี่เด็ดขาด""อื้ม พี่สัญญา"พริมพยักหน้าตอบ เธอไม่อยากให้รามรอ เพราะเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้กลับตอนไหน จะให้รามรออยู่ได้ยังไงในเมื่อเขาเองก็ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้วเหมือนกัน"ขับรถกลับดีๆ นะราม วันนี้พี่ขอวันนึง""ครับ ผมไม่ว่าหรอก กินกับเพื่อนตามสบายเลยครับ
@บ้านพริม"มีอะไรหรือเปล่าลูก พริมราม""คือว่า เราสองคนกำลังคบกันค่ะ คบกันมาสักพักแล้ว" ทั้งที่มันเป็นการบอกข่าวดีแท้ๆ แต่เธอกลับตื่นเต้นกลัวไปหมดเลย"อะไรนะ?" แม่ของพริมมองหน้าทั้งสองคนสลับกันไปมา"ผมกำลังคบกับพี่พริมครับคุณน้า" รามยืดอกยอมรับอย่างลูกผู้ชาย เพราะมีหลายอย่างที่ตัวเองทำเกินเลยลงไป เขาจะยอมรับหากพ่อแม่ของเธอถาม และเขาพร้อมจะรับผิดชอบ"ราม.." เสียงเข้มของผู้เป็นพ่อดังขึ้น สายตาที่แข็งกร้าวมันทำให้พริมเริ่มใจเต้นแรง เพราะเธอไม่เคยเห็นพ่อของเธอเป็นแบบนี้เลย"ครับคุณลุง""มาคุยกับลุง""พ่อคะ...""คุยสองคน อย่างลูกผู้ชาย""ครับ"รามลุกขึ้นและเดินตามพ่อของพริมไปทางหลังบ้าน พริมอยากจะเดินตามไปเพราะกลัวว่าเรื่องมันจะจบไม่สวย แต่ก็ถูกแม่ห้ามเอาไว้"มันจะเกิดอะไรไหมคะแม่""เรากลัวอะไรล่ะหืม?""ไม่รู้สิคะ แม่ไม่เห็นสายตาของพ่อเหรอ น่ากลัวมากเลย""ไม่มีอะไรหรอก ให้เขาได้คุยกันแบบลูกผู้ชาย เราเป็นผู้หญิงก็ไม่ต้องไปอยากรู้หรอก""....." โอ้ย! ทำไมมันถึงตื่นเต้นกลัวอะไรขนาดนี้นะ พ่อของฉันใจดีจะตายไป คงไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก จะว่าไปรามมันก็ยังเด็กไง และด้วยความที่เป็นเด็กก็ยังไม่มีอะไรเป็