เมื่อมาถึงประตูหน้าห้องนอนของเธอก็เคาะให้สัญญาณ แต่ไม่มีการตอบโต้มาจากด้านในจึงถือวิสาสะบิดลูกบิดประตูแล้วเปิดออก ในห้องนอนของเธอมีแต่ความว่างเปล่า
“หนูนิด..” เขาพยายามเงี่ยหูฟังแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย “หนูนิดพี่เข้าไปนะ..”
“จะเข้าไปในห้องนิดทำไมคะ”
เสียงที่ดังมาจากทางด้านหลังทำเอาเขาสะดุ้งไปเล็กน้อย เขาหันไปมองเธอแล้วรู้สึกประหม่าขึ้นมาจนต้องเบือนหน้าหนี ก็ดูเธอแต่งตัวสิ เสื้อกล้ามรัดรูปกับกางเกงขาสั้นเต่อแบบนั้น มันขับเน้นส่วนเว้าส่วนโค้งของหุ่นระหงให้ดูเด่นสะดุดตาเหลือเกิน
“ทำไมไม่ลงไปกินข้าวล่ะ”
“ส้มไม่ได้บอกพี่รามเหรอคะ”
“บอก แต่พี่อยากรู้ว่าทำไม”
“แล้วพี่รามไม่ได้ถามส้มเหรอคะว่าทำไม”
“ถาม แต่พี่คิดว่าส้มตอบไม่เคลียร์”
“ส้มตอบว่าอย่างไรเหรอคะ”
“ส้มบอกว่าหนูนิดไม่อยากกินข้าวเช้า”
“ส้มตอบไม่เคลียร์จริง ๆ ด้วย สงสัยต้องเรียกมาดุหน่อยแล้ว ที่ทำให้พี่รามเดือดร้อนมาหานิดด้วยตัวเองแบบนี้”
“แล้วนิดเป็นอะไร ทำไมถึงไม่ลงไปกินข้าว ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า” เขาพยายามไม่คิดว่ากำลังถูกเธอใช้คำพูดเหน็บแนม
“ไม่สบายตรงนี้ค่ะ” เธอตบที่หน้าอกเบาๆ “มันรู้สึกอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก ที่ต้องกินข้าวร่วมกับคนแปลกหน้า ดังนั้นนิดเลยตัดสินใจไม่ไปร่วมโต๊ะด้วยจะดีกว่า เพราะกลัวจะอาเจียนรดแขก”
“แพรไม่ใช่คนแปลกหน้านะหนูนิด ถ้าหนูนิดจะอยู่ที่นี่ต่อไปหนูนิดควรจะรู้เอาไว้ เพราะเธอคงไปมาหาสู่กับพี่บ่อย ๆ”
“ไม่ใช่คนแปลกหน้า ก็แสดงว่าจะมาเป็นคนในครอบครัวนี้เหรอคะ ถ้าจะมาเป็นเมื่อไหร่ก็บอกนิดด้วยละกัน นิดจะได้เอาหลานไปอยู่ด้วยกันที่ออสเตรเลีย”
“ชักจะเลยเถิดแล้วนะหนูนิด พี่แก้วเล่าอะไรให้ฟังถึงได้คิดแบบนี้” แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรที่จะมาเอาลูกชายของเขาไป
“อย่าพูดถึงพี่แก้วด้วยความไม่พอใจแบบนี้นะคะพี่ราม เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพี่แก้ว แต่มันเกี่ยวกับความรู้สึกของนิดเอง นิดรู้สึกยังไงก็พูดออกไปอย่างนั้น” หญิงสาวมองเขาด้วยแววตาเอาเรื่อง รู้สึกเสียใจที่เมื่อคืนเผลอรู้สึกดีกับเขาไป
“ถ้าอย่างนั้นหนูนิดก็คิดผิดแล้ว พี่กับแพรเป็นแค่เพื่อนแค่คนรู้จักกันเท่านั้น ไม่มีอย่างอื่นแอบแฝงแน่นอน”
“แล้วคุณแพรล่ะคะ เธอคิดแบบเดียวกับพี่รามหรือเปล่า”
“แน่นอนค่ะคุณนิด” เสียงของพินแพรดังขึ้นก่อนจะเดินเข้ามาร่วมวงด้วยอีกคน “แพรกับพี่รามไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่าเจ้านายลูกน้อง เป็นเพื่อนเป็นพี่ที่สนิทกันมากก็เท่านั้น แพรบริสุทธิ์ใจนะคะ”
สิริญ่ามองหญิงสาวอย่างไม่พอใจ แต่ก็มีรอยยิ้มเคลือบอยู่บนใบหน้า “คุณแพรขึ้นมาทำไมคะ พี่รามชวนขึ้นมาเหรอ”
พินแพรถึงกับวางสีหน้าไม่ถูกเมื่อเจอคำถามนี้เข้าไป เธออึกอักกระดากอายเมื่อเห็นสายตาของรามก็ตั้งคำถามแบบเดียวกัน
“แพรขอโทษที่ถือวิสาสะขึ้นมา แต่แพรแค่จะมาเตือนพี่รามว่าวันนี้เรามีประชุมตอนเช้า เราควรจะออกจากบ้านเร็วกว่าปกติ”
“พี่รามได้ยินแล้วค่ะ ตอนนี้คุณแพรก็ลงไปได้แล้ว นิดมีเรื่องต้องคุยกับพี่รามต่ออีกหน่อยค่ะ” ผู้หญิงคนนี้อาศัยข้ออ้างมาบังหน้าได้ทุกเรื่องเลยสินะ แต่อย่าหวังว่าเธอจะคล้อยตามง่ายๆ
“แต่ว่า..” พินแพรมองหน้ารามเพราะคิดว่าเขาน่าจะตามเธอลงไปด้วย
“แพรไปก่อนได้เลยนะ เตรียมเอกสารเอาไว้ให้พร้อม เมื่อพี่ไปถึงก็ค่อยเรียกประชุมอีกทีละกัน”
คำตอบของเขาทำให้เธอรู้สึกอับอายจนหน้าแดง เขาไม่ได้เห็นเธออยู่ในสายตา แล้วจะพูดทำไมว่าเธอไม่ใช่คนแปลกหน้า ทำไมต้องพูดให้เธอคิดเลยเถิดไปไกลด้วย
“ค่ะพี่ราม” เธอฝืนตอบเขาไปแล้วรีบหันหลังเดินหนีอย่างเร็วที่สุด
“แพรไปแล้ว หนูนิดมีอะไรจะพูดก็พูดมา”
“นิดอยากเรียนต่อปริญญาโท มีรามพานิดไปสมัครเรียนหน่อยสิคะ”
แม่เจ้าประคุณ บทจะเปลี่ยนเรื่องก็เปลี่ยนปุบปับจนเขาตามแทบไม่ทัน รามมองหน้าหญิงสาวที่เขาหมายหัวไว้แล้วว่าแสบสันใช่ย่อย ต่างกันราวขั้วบวกกับขั้วลบเมื่อเทียบกับภรรยาที่จากไป
“วันนี้เลยเหรอ”
“ถ้าพี่รามว่าง” เธอไม่คิดจะรบกวนเขาเลยในตอนแรก แต่ตอนนี้เธออยากจะยั่วโทสะยายพินแพรนั้นเหลือเกิน
“พี่มีประชุมตอนเช้าหนูนิดก็ได้ยินแล้วนี่”
“หลังจากประชุมเสร็จเป็นไงคะ”
“ก็น่าจะได้ แล้วนิดเลือกที่เรียนไว้แล้วเหรอ”
“พี่รามมีที่แนะนำไหมคะ”
“ถ้าอย่างนั้นพี่จะให้แพรเขาช่วยหาทางอินเทอร์เน็ตให้ก่อนละกัน เลือกมาสักสามสี่ที่แล้วเราค่อยไปดูสถานที่จริงกันดีไหม”
“ความจริงนิดมีเลือกเอาไว้แล้วแห่งหนึ่ง แต่นิดไปไม่ถูก”
“ที่ไหน”
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ กดหารายละเอียดที่จดไว้แล้วยื่นให้พี่เขยดู “นิดอยากไปดูที่นี่ก่อน ถ้าไม่โอเคก็จะลองหาที่ใหม่”
“ที่นี่ก็ไม่ค่อยไกลจากออฟฟิศของพี่นะ ถ้าหนูนิดจะไปเดี๋ยวประชุมเสร็จแล้วพี่พาไปเลยก็ได้”
“จริงเหรอคะ”
“รีบไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็ลงไปกินข้าวสิ เสร็จแล้วจะได้ออกไปพร้อมกันเลย”
“พี่รามไปก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวนิดโทรเรียกให้พี่ราชแวะมารับก็ได้”
“ราชต้องเข้าประชุมคงไม่สะดวกมารับเราหรอก พี่จะรอกินข้าวนะ” เขาตัดบทอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่ ในเมื่อเธอสนิทสนมกับน้องชายเขานัก แล้วจะมาเรียกร้องให้เขาพาไปสมัครเรียนทำไม
“พี่ราชไม่เห็นบอกเลยว่ามีประชุม” สิริญ่าบ่นพึมพำขณะเดินเข้าห้อง เพราะเธอเพิ่งวางสายจากเขาเมื่อสักครู่นี้เอง
“พี่กลับมาก่อน ปล่อยให้ราชเขารับผิดชอบส่วนที่เหลือต่อ”“อ้าว! นิดนึกว่ากลับมาพร้อมกันซะอีก” ตอนที่เขาโทรหาเธอเมื่อช่วงกลางวัน เธอก็ถามถึงราช แต่เขาก็ไม่บอกว่าไม่ได้กลับมาด้วยกัน“ไม่ได้กลับมาหรอกจ้ะ ลูกค้าชวนให้อยู่ฉลองวันเกิดเขาด้วยกันเย็นนี้ พี่ก็เลยให้ราชเขาอยู่ต่อน่ะ”“แล้วทำไมพี่รามถึงไม่อยู่ด้วยล่ะคะ”เขาเหลือบไปมองเธอ ก่อนจะหันไปมองถนนอีกครั้ง “อยากให้พี่อยู่นักเหรอ”“พี่รามก็สมควรจะอยู่ไม่ใช่เหรอคะ”“ก็ใช่ แต่ที่นั่นไม่มีหนูนิด พี่ก็เลยไม่อยากอยู่”คำตอบของเขา ทำให้กลีบปากบางถึงกับคลี่กว้างอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนจะรีบเม้มเข้าหากันอย่างฝืนความรู้สึก.. ถ้าเป็นผู้หญิงที่อ่อนไหวง่ายก็คงถามไปแล้วว่า ไม่มีตัวเองอยู่หรือเพราะไม่มีเลขาคนสวยอยู่กันแน่ แต่บังเอิญว่ามันไม่ใช่นิสัยของตน“แต่นิดชอบนะคะที่ไม่มีพี่รามอยู่ใกล้ ๆ เพราะมันทำให้นิดนอนหลับสบายทั้งคืนเลยค่ะ”เธอหลับสบายจริงเหรอ ขนาดเขายังนอนไม่ค่อยจะหลับเพราะไร้ไออุ่นจากเธอ
“ก็ได้ค่ะ นิดเลิกเรียนตอนห้าโมงนะคะ”(โอเค เดี๋ยวตอนเย็นเจอกันนะครับ)“ค่ะ บาย”(หนูนิด..)“ขา”(...พี่ ..พี่คิดถึงหนูนิดนะครับ)หัวใจของหญิงสาวถึงกับเต้นรัวด้วยความรู้สึกตื่นเต้น เมื่อได้ยินคำพูดที่ฟังดูคล้ายขัดเขินจากปลายสาย เขาคงเขินมากสินะถึงได้ตัดสายทิ้งทันทีที่พูดจบแบบนั้นวิคเห็นอาการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ของสิริญ่า ก็ยิ่งสงสัยหนักกว่าเดิม สรุปแล้วคนที่โทรมาสายแรกกับสายที่สอง ใครคืนคนพิเศษของเธอกันแน่ หัวใจของเธอยังว่างพอจะให้เขาเข้าไปจับจองได้บ้างไหม เขาอยากรู้จริง ๆ “ยิ้มแก้มปริเลยนะ ใครโทรมาล่ะ”คนที่ยิ้มเพลิน ๆ หุบยิ้มลงไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองคนที่ด้านข้าง เพราะมัวแต่ปลื้มปริ่ม จึงลืมไปเลยว่ายังนั่งอยู่ในรถกับเขา“ไปนั่งรอคนอื่นในห้องดีกว่า” เธอบอกกับเขาแล้วเปิดประตูลงจากรถ เก็บความสุขเอาไว้ในใจ แล้วชวนเพื่อนคุยเรื่องอื่นขณะเดินไปที่ห้องเรียนเมื่อเข้าห้องเรียนได้สักพัก อาจารย์คนใหม่ก็เดินเข้ามาทักทายก่อนจะเริ่มทำการสอน และบอกเหตุผลกั
หญิงสาวรีบทำตัวให้สำรวมเมื่อบิดาของวิคเดินเข้ามาหา ยกมือไหว้โดยไม่รอให้เพื่อนแนะนำ“สวัสดีค่ะคุณอา”“เพื่อนผมเองครับป๋า ชื่อนิด” วิคแนะนำหลังจากที่ท่านรับไหว้เธอแล้วบิดาของวิคพยักหน้ารับ แล้วขยับเข้าไปใกล้หญิงสาวอีกนิด เพ่งมองเธออย่างพินิจพิเคราะห์“ป๋าครับ” วิคเรียกบิดา เมื่อเห็นว่าการกระทำของท่านนั้นดูไม่ค่อยเหมาะสม และสร้างความอึดอัดใจให้กับหญิงสาว“รู้ตัวหรือเปล่าว่าหนูเป็นคนที่สวยสง่ามาก เคยประกวดนางงามบ้างหรือยัง” บุรุษวัยเลขสี่ปลาย ๆ ถอยห่างออกไป แล้วตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมาการกระทำของบิดาเพื่อนทำให้เธอตกใจไปเล็กน้อย แต่ก็กลับมาเป็นปกติเมื่อรู้เหตุผล “ไม่เคยหรอกค่ะคุณอา” ตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม“สนใจอยากประกวดไหมล่ะ ป๋ามีเพื่อนอยู่ในวงการนี้ด้วยนะ”“ไม่เอาดีกว่าค่ะ นิดอยากอยู่อย่างสงบมากกว่า” เธอคลี่ยิ้มพร้อมตอบคำถาม“เฮ้อ เสียดายจัง ป๋าก็อยากจะเป็นป๋าดันกับเขาสักครั้งในชีวิต แต่ก็ถูกปฏิเสธซะแล้ว” บิดาของวิคทำหน้า
“เราคิดถึงพี่รามมากขนาดนี้เชียวเหรอ” ถามตัวเองและคิดตริตรองหาคำตอบ ทบทวนถึงวันเก่า ๆ ที่ผ่านมา.. แรก ๆ ความรู้สึกของเธอไม่ได้เป็นแบบนี้แน่ ๆ แล้วทำไมตอนนี้มันถึงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงได้ล่ะ... หรือว่าเธอรักเขา.. เธอรักเขาจริง ๆ หรือนี่ บ้าไปแล้วหนูนิด! เธอเผลอใจไปรักเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมถึงรวดเร็วอย่างนี้แล้วที่เธอเมินคำพูดของพินแพร เพราะอยากเอาคืนหล่อน หรือเพราะไม่อยากเสียเขาให้หล่อนกันแน่...คิดวนไปวนมาจนเคลิ้มหลับไป ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงเตือนข้อความเข้าของโทรศัพท์“นิด” เสียงใสทุ้มหูของชายหนุ่มผู้หนึ่ง ตะโกนเรียกหญิงสาวที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดอาคารเรียน พร้อมกับวิ่งตามไปสมทบ “กู๊ดมอร์นิ่งจ้ะนิด”“กู๊ดมอร์นิ่งวิค กลับมาจากจีนตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วอาม่าเป็นยังไงบ้าง” สิริญ่าทักทายเพื่อนร่วมคณะ ที่เป็นหนุ่มลูกผสมไทย จีน อเมริกัน ซึ่งเป็นเพื่อนใหม่ที่สนิทที่สุดเลยก็ว่าได้“กลับมาเมื่อคืนนี้เอง พออาม่าออกจากโรงพยาบาลวิคกับพ่อก็กลับมาก่อน แต่หม่ามี๊กับน้องสาววิคยังอยู่ต่ออีกสอ
พินแพรเดินตามเข้าไป มองร่างระหงโปร่งเพรียวที่อยู่ในชุดนอนแนบเนื้อ แล้วถึงกับเกิดอาการริษยา ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าหรือด้านหลัง หล่อนก็ดูดีไร้ที่ติจริง ๆ เพราะแบบนี้สินะ รามถึงได้รักและหลงหล่อนนัก ไม่ว่าจะจากหรือเจอ ก็ต้องรั้งเธอมากอดจูบอย่างไม่อายสายตาคนอื่นแต่จะว่าไปแล้ว เรื่องนี้โทษผู้ชายฝ่ายเดียวก็คงไม่ได้ เพราะอีผู้หญิงก็ใช่ย่อย ไม่ว่าจะจากหรือเจอ หล่อนก็ต้องกางแขนยื่นหน้าให้ท่าเขาตลอดสิริญ่าเดินไปที่มุมพักผ่อน ซึ่งเป็นมุมที่เขาและเธอใช้เวลาอ่านหนังสือ เล่นอินเทอร์เน็ต ดูทีวี เล่นกับลูก หรือแม้แต่เรื่องอย่างว่า.. เขาก็เคยทำกับเธอมาแล้ว ร่างกายของเธอรู้สึกวาบหวิวขึ้นมา เมื่อนึกถึงบทรักอันร้อนแรงของเขาเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ณ ที่ตรงนี้“เชิญนั่งค่ะ” เธอสลัดความรู้สึกวาบหวามนั้นทิ้งไปแล้วนั่งลง มองหน้าอีกฝ่าย รอฟังโดยไม่ถามเหตุผลที่หล่อนมาขอพบ เพราะรู้อยู่เต็มอกว่ามีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น คือเรื่องของราม“ฉันมาทวงสัญญาค่ะคุณนิด” พินแพรเริ่มต้นด้วยคำพูดอ่อนโยนตามสไตล์ของเธอ “เรื่องพี่รามค่ะ”“หลังจากวันนั้นฉ
(อย่าโทษเขาเลยค่ะ ฉันยอมทำทุกอย่างก็เพราะรักเขามาก ฉันเชื่อว่าพี่รามจะไม่ว่าอะไร ถ้าฉันเก็บลูกของเราไว้ ทั้งหมดเป็นการตัดสินใจของฉันคนเดียวเท่านั้น.. คุณนิดคะ ฉันอยากจะขอให้คุณคิดเรื่องนี้อีกสักครั้งได้ไหม)“คิดเรื่องอะไรเหรอคะ”(เรื่องพี่รามกับคุณ.. ฉันอยากให้คุณหลีกทางให้เรา ถึงแม้เขาจะรักฉันน้อยกว่าที่ฉันรักเขา ถึงแม้พี่รามจะบอกฉันว่า ระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้ก็ตาม เขาให้ฉันอยู่แบบนี้ต่อไป เขาจะไม่ทอดทิ้งฉัน แต่ฉันต้องอยู่อย่างเจียมตัว และเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับตลอดไป ถ้าเรื่องของฉันกับเขารู้ถึงหูคุณ เขาจะไม่รับผิดชอบฉันและไล่ฉันออกจากงาน ฉันจึงอยากจะขอให้เรื่องที่เราคุยกันวันนี้เป็นความลับระหว่างเราได้ไหมคะ)หึ! ลูกไม้ตื้น ๆ ของคุณ เหมือนในละครไทยน้ำเน่าที่แม่ฉันดูไม่มีผิด นึกว่าเด็กนอกอย่างฉันจะไม่รู้ทันคุณหรือไง“ได้สิคะ เพราะถ้าฉันพูดไป ฉันก็คงจับผิดพี่รามไม่ได้เหมือนกัน”(ไม่ต้องไปจับผิดหรอกค่ะ ที่ฉันพูดมาทั้งหมดคือเรื่องจริง แม้กระทั่งเรื่องท้องของฉันคุณก็รู้แล้วนี่คะ คืนพี่รามให้ฉันเถอะนะคะคุณนิด คุณยังสา