เกือบๆ สามทุ่มแท็กซี่คันหนึ่งก็วิ่งเข้ามาในรั้วบ้านพิทักษ์ทรัพย์ คนที่นั่งรออยู่ที่เก้าอี้รับแขกในห้องโถงรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปดู
ใจที่หนักอึ้งไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ผ่อนคลายลงทันทีที่เห็นหญิงสาวก้าวลงจากรถ แต่ความโมโหกลับเข้ามาแทนที่ เมื่อเธอเดินผ่านหน้าไปอย่างกับเขาเป็นแค่วิญญาณที่ไร้ตัวตน
“หนูนิด” เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่แสดงความไม่พอใจออกไปทางน้ำเสียง เธอหยุดเดินและหันกลับมามองหน้าด้วยสายตาเป็นคำถาม “ทำไมไม่รับโทรศัพท์”
“พี่รามโทรหานิดด้วยเหรอคะ นิดไม่รู้นี่ว่าเป็นเบอร์พี่ราม ถ้ารู้นิดก็จะรับอยู่หรอกค่ะ” ตอบแบบขอไปที
“แล้วนี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ไปไหนมาทำไมถึงเพิ่งกลับ”
“อยากรู้ว่ากี่โมงก็ดูนาฬิกาสิคะ นิดขอตัวก่อนนะคะ วันนี้นิดเหนื่อยมาก” เชอะ! เธอไม่ตอบง่ายๆ หรอก ทีใครก็ทีมัน อยากทำให้เธอโมโหก็ต้องเจอแบบนี้แหละ
“ถ้าคิดจะอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ ก็ควรให้ความเคารพกันบ้างนะหนูนิด” รามถึงกับฟิวส์ขาดเมื่อเจอน้องเมียที่เด็กกว่าถึงสิบหกปีตีรวนใส่ เขาชี้ที่ศีรษะตัวเอง “เห็นหัวพี่เขยคนนี้บ้างนะ”
“แล้วพี่รามเคยเห็นนิดเป็นน้องเมียบ้างไหมคะ เคยให้เกียรตินิดในฐานะน้องของพี่แก้ว น้าของลูกบ้างไหม”
“ถ้าพี่ไม่ให้เกียรตินิด วันนี้พี่ก็คงไม่ทำตามที่นิดบอกหรอก”
“เรื่องนั้นนิดไม่ได้ขอเพื่อตัวนิดเองซะหน่อย นิดขอเพื่อหลานของนิด ขอเพื่อพี่สาวของนิดที่เพิ่งฆ่าตัวตาย เพราะตรอมใจเรื่องผัวต่างหาก!” น้ำตาแห่งความเสียใจเริ่มไหลซึมดวงตา มองหน้าชายหนุ่มอย่างตัดพ้อและโกรธแค้น
“หนูนิด” รามตกใจกับน้ำตาที่นองหน้าของเธอ หนักยิ่งกว่านั้นก็คือแววตาที่บ่งบอกว่ากำลังเข้าใจผิดไปใหญ่โต “มันไม่ใช่อย่างที่หนูนิดคิดนะ พี่กับแพรไม่เคย”
“นิดยังไม่พร้อมที่จะฟัง” สิริญ่าพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่จะได้ยินคำแก้ตัวของเขาจนจบ แล้วคิดจะเดินหนี แต่ระหว่างที่หมุนตัวนั้นก็บังเอิญเห็นใครคนหนึ่งหลบเข้าที่ข้างตู้พอดี “สอดรู้สอดเห็นนักนะ!” แล้วหันกลับไปมองชายหนุ่มทางเบื้องหลังอย่างหาเรื่อง ก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายไปยังมุมสลัวนั้น
รามหันไปมองด้วยความสงสัย แล้วก็ต้องรีบเดินตามเธอไปเมื่อเห็นพินแพรเดินออกมาจากที่ซ่อน
“แพรขอโทษค่ะ” พินแพรรีบกล่าวออกไปก่อนเมื่อรู้ว่าหลบไม่พ้นแล้ว “แพรไม่ได้ตั้งใจแอบฟังนะคะ แพรแค่เดินผ่านมาพอดี แล้วแพรก็กลัวพี่รามกับคุณนิดจะเห็น..”
“คุณแพรก็เลยรีบแอบฟังด้วยความตกใจใช่ไหมคะ” อย่าคิดว่าคนอย่างเธอจะเชื่อไอ้ท่าทางใสซื่อของหล่อน เพราะเธอจับได้แล้วคาหนังคาเขาว่าหล่อนโกหกเรื่องบ้าน
“แพรขอโทษนะคะ แต่แพรไม่ได้คิดจะแอบฟังอย่างที่คุณนิดคิดเลยนะคะ”
“ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ เพราะถ้าเป็นฉันฉันก็ทำแบบนี้เหมือนกัน เชิญคุยกันตามสบายนะคะ ฉันขอตัวก่อนเพราะเหนื่อยเหลือเกิน”
รามมองหญิงสาวรูปร่างโปร่งระหงที่เยื้องย่างจากไป แม้จะรู้สึกขัดใจอยู่บ้างที่ไม่ได้คำตอบจากเธอ แต่กลับได้การยียวนชวนหาเรื่องมาแทน
“คุณนิดเธอบอกหรือเปล่าคะว่าไปไหนมา”
เขาหันกลับมาสนใจหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้วยกันพร้อมกันส่ายหน้าแทนคำตอบ
“บางทีอาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวก็ได้นะคะ เช่นไปหาเพื่อนหรืออาจจะไปหาแฟน”
“หนูนิดไม่น่าจะมีเพื่อนคนไทยนะ ยิ่งแฟนแล้วยิ่งเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะที่พี่รู้มาหนูนิดเขามาตรฐานสูงมาก” เขาจำได้เพราะภรรยาเคยเล่าให้ฟัง
“ช่างเลือกก็ไม่ได้หมายความว่าจะเลือกไม่ได้นี่คะ แล้วที่แพรพูดก็ไม่ได้หมายความถึงคนไทยอย่างเดียวนะคะ อย่าลืมนะคะว่าคุณนิดมาอยู่กับเราจะเป็นเดือนแล้ว แฟนของเธออาจจะคิดถึงก็เลยบินมาหาก็ได้”
“พี่คิดว่าไม่ใช่หรอก พี่เชื่อว่าหนูนิดจะไม่โกหกพี่ถ้าเธอออกไปหาแฟนจริง ๆ” รามตอบไปตามความรู้สึก เพราะแววตาของหญิงสาวไม่ใช่แววตาของคนที่มีความสุขกลับมา ดูเธอโกรธๆ ใส่เขาด้วยซ้ำ “ช่างเถอะ พี่ไม่อยากรู้แล้ว แพรไปพักผ่อนเถอะ พี่ก็จะพักผ่อนเหมือนกัน”
พินแพรอยากจะเอื้อมแขนไปโอบกอดร่างใหญ่สมบูรณ์แบบ ที่อยู่ภายใต้ชุดนอนเสื้อยืดกางเกงแพรเอาไว้ แล้วซบนอนด้วยทั้งคืนนัก แต่ถ้าทำแบบนั้นเธอคงถูกเขารังเกียจ หรือกลายเป็นคนไร้ค่าในสายตาคู่นั้นทันที
“ค่ะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะพี่ราม” ที่ทำได้ก็คือโบกมือลาแล้วเดินกลับไปที่ห้องนอน
สิริญ่าค่อยๆ ขยับออกจากที่ซ่อนตรงมุมบันไดแล้วก้าวยาวๆ ทีละสองขั้นขึ้นชั้นบนก่อนที่พี่เขยของเธอจะออกมาเจอ
หัวใจที่หนักอึ้งไปด้วยความกรุ่นโกรธชายหนุ่ม ลดน้อยลงไปอย่างน่าอัศจรรย์ เพียงเพราะคำพูดที่เขาแก้ตัวให้เธอเพียงไม่กี่คำ
และเริ่มคิดได้แล้วว่าจะใช้วิธีไหนยั่วให้พินแพร ให้แสดงธาตุแท้ออกมาให้เห็นได้เร็วที่สุด ถึงแม้มันจะไม่เหมาะไม่ควรสักเท่าไหร่ แต่มันจะเป็นอะไรไปล่ะ ในเมื่อพี่สาวของเธอก็จากโลกใบนี้ไปแล้ว เธอซึ่งได้ชื่อว่าเป็นน้องเมียจะทำการยั่วพี่เขยก็คงไม่ผิดอะไรมากมายนักหรอก
เพื่อทำให้พินแพรออกไปจากบ้านหลังนี้ เพื่อหลานชายสุดที่รัก และเพื่อแก้แค้นให้พี่สาว ต่อให้มันผิดศีลธรรมผิดต่อความรู้สึกเธอก็จะทำเธอ ต้องทำให้ได้
เช้าวันใหม่
“แล้วคุณนิดล่ะ” รามถามถึงน้องเมียเมื่อเห็นสาวใช้เริ่มนำอาหารมาเสิร์ฟ
“พี่ส้มบอกว่าคุณนิดจะไม่ทานอาหารเช้าเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ค่ะ”
“เรียกส้มมาหาฉันที”
“ค่ะ” สาวใช้รีบเดินออกไปตามเพื่อนร่วมงาน
ไม่นานส้มก็เดินเข้ามาในห้องอาหาร “คุณรามมีอะไรให้ส้มทำเหรอคะ”
“คุณนิดบอกเราเมื่อไหร่ว่าจะไม่กินอาหารเช้า”
“เมื่อเช้าตอนที่ส้มขึ้นไปเอาเสื้อผ้ามาซักค่ะ”
“แล้วได้ถามคุณนิดหรือเปล่าว่าทำไม”
“ถามค่ะ เพราะส้มนึกว่าคุณนิดไม่สบาย แต่คุณนิดบอกว่าสบายดี เธอแค่..” สายตาอึดอัดเผลอมองไปทางพินแพร “ไม่อยากทานเท่านั้นค่ะ”
“ไปทำงานต่อเถอะ” รามออกปากไล่สาวใช้ออกไปทำงานตามหน้าที่
“พี่รามไม่ทานเหรอคะ” พินแพรถามชายหนุ่มที่วางหนังสือพิมพ์ แล้วลุกจากที่นั่งทั้งที่ยังไม่ได้แตะอาหารในชามแม้แต่คำเดียว
“แพรกินไปก่อนนะ พี่จะขึ้นไปดูหนูนิดสักหน่อย บางทีเขาอาจจะไม่สบายแต่ไม่ยอมบอกใคร”
ทำไมเขาต้องคอยห่วงใยผู้หญิงคนนั้นด้วย เธอนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ทั้งคนทำไมเขาไม่แคร์กันบ้าง
“คุณนิดเธออาจจะลดน้ำหนักก็ได้ค่ะ อย่าไปจู้จี้กับเธอนักเลย บางทีความเป็นห่วงของพี่รามอาจจะทำให้เธอรำคาญก็ได้นะคะ”
“ลดน้ำหนักด้วยการอดอาหารแบบนี้มันไม่ถูกต้องหรอกนะแพร คนเราต้องกินข้าวให้ครบสามมื้อและห้าหมู่ ถ้าจะลดน้ำหนักก็ควรออกกำลังกาย และกินให้ถูกสุขลักษณะจะดีกว่านะ” เขาบอกกับเธอแล้วเดินจากไป
“พี่กลับมาก่อน ปล่อยให้ราชเขารับผิดชอบส่วนที่เหลือต่อ”“อ้าว! นิดนึกว่ากลับมาพร้อมกันซะอีก” ตอนที่เขาโทรหาเธอเมื่อช่วงกลางวัน เธอก็ถามถึงราช แต่เขาก็ไม่บอกว่าไม่ได้กลับมาด้วยกัน“ไม่ได้กลับมาหรอกจ้ะ ลูกค้าชวนให้อยู่ฉลองวันเกิดเขาด้วยกันเย็นนี้ พี่ก็เลยให้ราชเขาอยู่ต่อน่ะ”“แล้วทำไมพี่รามถึงไม่อยู่ด้วยล่ะคะ”เขาเหลือบไปมองเธอ ก่อนจะหันไปมองถนนอีกครั้ง “อยากให้พี่อยู่นักเหรอ”“พี่รามก็สมควรจะอยู่ไม่ใช่เหรอคะ”“ก็ใช่ แต่ที่นั่นไม่มีหนูนิด พี่ก็เลยไม่อยากอยู่”คำตอบของเขา ทำให้กลีบปากบางถึงกับคลี่กว้างอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนจะรีบเม้มเข้าหากันอย่างฝืนความรู้สึก.. ถ้าเป็นผู้หญิงที่อ่อนไหวง่ายก็คงถามไปแล้วว่า ไม่มีตัวเองอยู่หรือเพราะไม่มีเลขาคนสวยอยู่กันแน่ แต่บังเอิญว่ามันไม่ใช่นิสัยของตน“แต่นิดชอบนะคะที่ไม่มีพี่รามอยู่ใกล้ ๆ เพราะมันทำให้นิดนอนหลับสบายทั้งคืนเลยค่ะ”เธอหลับสบายจริงเหรอ ขนาดเขายังนอนไม่ค่อยจะหลับเพราะไร้ไออุ่นจากเธอ
“ก็ได้ค่ะ นิดเลิกเรียนตอนห้าโมงนะคะ”(โอเค เดี๋ยวตอนเย็นเจอกันนะครับ)“ค่ะ บาย”(หนูนิด..)“ขา”(...พี่ ..พี่คิดถึงหนูนิดนะครับ)หัวใจของหญิงสาวถึงกับเต้นรัวด้วยความรู้สึกตื่นเต้น เมื่อได้ยินคำพูดที่ฟังดูคล้ายขัดเขินจากปลายสาย เขาคงเขินมากสินะถึงได้ตัดสายทิ้งทันทีที่พูดจบแบบนั้นวิคเห็นอาการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ของสิริญ่า ก็ยิ่งสงสัยหนักกว่าเดิม สรุปแล้วคนที่โทรมาสายแรกกับสายที่สอง ใครคืนคนพิเศษของเธอกันแน่ หัวใจของเธอยังว่างพอจะให้เขาเข้าไปจับจองได้บ้างไหม เขาอยากรู้จริง ๆ “ยิ้มแก้มปริเลยนะ ใครโทรมาล่ะ”คนที่ยิ้มเพลิน ๆ หุบยิ้มลงไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองคนที่ด้านข้าง เพราะมัวแต่ปลื้มปริ่ม จึงลืมไปเลยว่ายังนั่งอยู่ในรถกับเขา“ไปนั่งรอคนอื่นในห้องดีกว่า” เธอบอกกับเขาแล้วเปิดประตูลงจากรถ เก็บความสุขเอาไว้ในใจ แล้วชวนเพื่อนคุยเรื่องอื่นขณะเดินไปที่ห้องเรียนเมื่อเข้าห้องเรียนได้สักพัก อาจารย์คนใหม่ก็เดินเข้ามาทักทายก่อนจะเริ่มทำการสอน และบอกเหตุผลกั
หญิงสาวรีบทำตัวให้สำรวมเมื่อบิดาของวิคเดินเข้ามาหา ยกมือไหว้โดยไม่รอให้เพื่อนแนะนำ“สวัสดีค่ะคุณอา”“เพื่อนผมเองครับป๋า ชื่อนิด” วิคแนะนำหลังจากที่ท่านรับไหว้เธอแล้วบิดาของวิคพยักหน้ารับ แล้วขยับเข้าไปใกล้หญิงสาวอีกนิด เพ่งมองเธออย่างพินิจพิเคราะห์“ป๋าครับ” วิคเรียกบิดา เมื่อเห็นว่าการกระทำของท่านนั้นดูไม่ค่อยเหมาะสม และสร้างความอึดอัดใจให้กับหญิงสาว“รู้ตัวหรือเปล่าว่าหนูเป็นคนที่สวยสง่ามาก เคยประกวดนางงามบ้างหรือยัง” บุรุษวัยเลขสี่ปลาย ๆ ถอยห่างออกไป แล้วตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมาการกระทำของบิดาเพื่อนทำให้เธอตกใจไปเล็กน้อย แต่ก็กลับมาเป็นปกติเมื่อรู้เหตุผล “ไม่เคยหรอกค่ะคุณอา” ตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม“สนใจอยากประกวดไหมล่ะ ป๋ามีเพื่อนอยู่ในวงการนี้ด้วยนะ”“ไม่เอาดีกว่าค่ะ นิดอยากอยู่อย่างสงบมากกว่า” เธอคลี่ยิ้มพร้อมตอบคำถาม“เฮ้อ เสียดายจัง ป๋าก็อยากจะเป็นป๋าดันกับเขาสักครั้งในชีวิต แต่ก็ถูกปฏิเสธซะแล้ว” บิดาของวิคทำหน้า
“เราคิดถึงพี่รามมากขนาดนี้เชียวเหรอ” ถามตัวเองและคิดตริตรองหาคำตอบ ทบทวนถึงวันเก่า ๆ ที่ผ่านมา.. แรก ๆ ความรู้สึกของเธอไม่ได้เป็นแบบนี้แน่ ๆ แล้วทำไมตอนนี้มันถึงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงได้ล่ะ... หรือว่าเธอรักเขา.. เธอรักเขาจริง ๆ หรือนี่ บ้าไปแล้วหนูนิด! เธอเผลอใจไปรักเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมถึงรวดเร็วอย่างนี้แล้วที่เธอเมินคำพูดของพินแพร เพราะอยากเอาคืนหล่อน หรือเพราะไม่อยากเสียเขาให้หล่อนกันแน่...คิดวนไปวนมาจนเคลิ้มหลับไป ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงเตือนข้อความเข้าของโทรศัพท์“นิด” เสียงใสทุ้มหูของชายหนุ่มผู้หนึ่ง ตะโกนเรียกหญิงสาวที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดอาคารเรียน พร้อมกับวิ่งตามไปสมทบ “กู๊ดมอร์นิ่งจ้ะนิด”“กู๊ดมอร์นิ่งวิค กลับมาจากจีนตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วอาม่าเป็นยังไงบ้าง” สิริญ่าทักทายเพื่อนร่วมคณะ ที่เป็นหนุ่มลูกผสมไทย จีน อเมริกัน ซึ่งเป็นเพื่อนใหม่ที่สนิทที่สุดเลยก็ว่าได้“กลับมาเมื่อคืนนี้เอง พออาม่าออกจากโรงพยาบาลวิคกับพ่อก็กลับมาก่อน แต่หม่ามี๊กับน้องสาววิคยังอยู่ต่ออีกสอ
พินแพรเดินตามเข้าไป มองร่างระหงโปร่งเพรียวที่อยู่ในชุดนอนแนบเนื้อ แล้วถึงกับเกิดอาการริษยา ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าหรือด้านหลัง หล่อนก็ดูดีไร้ที่ติจริง ๆ เพราะแบบนี้สินะ รามถึงได้รักและหลงหล่อนนัก ไม่ว่าจะจากหรือเจอ ก็ต้องรั้งเธอมากอดจูบอย่างไม่อายสายตาคนอื่นแต่จะว่าไปแล้ว เรื่องนี้โทษผู้ชายฝ่ายเดียวก็คงไม่ได้ เพราะอีผู้หญิงก็ใช่ย่อย ไม่ว่าจะจากหรือเจอ หล่อนก็ต้องกางแขนยื่นหน้าให้ท่าเขาตลอดสิริญ่าเดินไปที่มุมพักผ่อน ซึ่งเป็นมุมที่เขาและเธอใช้เวลาอ่านหนังสือ เล่นอินเทอร์เน็ต ดูทีวี เล่นกับลูก หรือแม้แต่เรื่องอย่างว่า.. เขาก็เคยทำกับเธอมาแล้ว ร่างกายของเธอรู้สึกวาบหวิวขึ้นมา เมื่อนึกถึงบทรักอันร้อนแรงของเขาเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ณ ที่ตรงนี้“เชิญนั่งค่ะ” เธอสลัดความรู้สึกวาบหวามนั้นทิ้งไปแล้วนั่งลง มองหน้าอีกฝ่าย รอฟังโดยไม่ถามเหตุผลที่หล่อนมาขอพบ เพราะรู้อยู่เต็มอกว่ามีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น คือเรื่องของราม“ฉันมาทวงสัญญาค่ะคุณนิด” พินแพรเริ่มต้นด้วยคำพูดอ่อนโยนตามสไตล์ของเธอ “เรื่องพี่รามค่ะ”“หลังจากวันนั้นฉ
(อย่าโทษเขาเลยค่ะ ฉันยอมทำทุกอย่างก็เพราะรักเขามาก ฉันเชื่อว่าพี่รามจะไม่ว่าอะไร ถ้าฉันเก็บลูกของเราไว้ ทั้งหมดเป็นการตัดสินใจของฉันคนเดียวเท่านั้น.. คุณนิดคะ ฉันอยากจะขอให้คุณคิดเรื่องนี้อีกสักครั้งได้ไหม)“คิดเรื่องอะไรเหรอคะ”(เรื่องพี่รามกับคุณ.. ฉันอยากให้คุณหลีกทางให้เรา ถึงแม้เขาจะรักฉันน้อยกว่าที่ฉันรักเขา ถึงแม้พี่รามจะบอกฉันว่า ระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้ก็ตาม เขาให้ฉันอยู่แบบนี้ต่อไป เขาจะไม่ทอดทิ้งฉัน แต่ฉันต้องอยู่อย่างเจียมตัว และเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับตลอดไป ถ้าเรื่องของฉันกับเขารู้ถึงหูคุณ เขาจะไม่รับผิดชอบฉันและไล่ฉันออกจากงาน ฉันจึงอยากจะขอให้เรื่องที่เราคุยกันวันนี้เป็นความลับระหว่างเราได้ไหมคะ)หึ! ลูกไม้ตื้น ๆ ของคุณ เหมือนในละครไทยน้ำเน่าที่แม่ฉันดูไม่มีผิด นึกว่าเด็กนอกอย่างฉันจะไม่รู้ทันคุณหรือไง“ได้สิคะ เพราะถ้าฉันพูดไป ฉันก็คงจับผิดพี่รามไม่ได้เหมือนกัน”(ไม่ต้องไปจับผิดหรอกค่ะ ที่ฉันพูดมาทั้งหมดคือเรื่องจริง แม้กระทั่งเรื่องท้องของฉันคุณก็รู้แล้วนี่คะ คืนพี่รามให้ฉันเถอะนะคะคุณนิด คุณยังสา