LOGIN“ถ้าพูดถึงความเหมาะสม ผมคิดว่าหนูนิดเหมาะสมกว่าคุณแพรอีกครับ เพราะหนูนิดเป็นน้าแท้ๆ ของตากาย ส่วนคุณแพรเป็นแค่คนรู้จักเท่านั้น ความรักความผูกพันที่มีต่อตากายผมว่าหนูนิดมีให้เต็มร้อยกว่านะครับคุณแม่” ในเมื่อท่านดื้อดึง เขาก็จะเลือกสิ่งที่ดีกว่าให้กับหลานเหมือนกัน
“แต่หนูนิดยังเด็ก ความรักความเอาใจใส่จะไปเหมือนหนูแพรได้อย่างไรตาราช”
“เรื่องแบบนี้ไม่ได้วัดกันที่อายุหรอกนะครับคุณแม่”
“แม่ว่าหนูนิดเขาไม่เหมาะสมกับตารามหรอก หนูแพรสิเหมาะสมกว่า อายุอานามก็ใกล้เคียงกัน น่าจะคุยกันรู้เรื่องกว่า”
“สรุปว่าคุณแม่จะหาแม่ให้หลาน หรือจะหาเมียให้ลูกกันแน่ครับ ผมชักสับสนกับคุณแม่แล้วนะ”
“ตาราช” มารดาใช้น้ำเสียงปรามลูกชายแล้วค้อนใส่อย่างมีแง่งอน
“ก็ผมสงสัยนี่ครับ ตอนแรกบอกว่าไม่อยากให้หลานกำพร้าแม่ แต่คุยไปคุยมาแล้วทำไมลงเอยที่ความเหมาะสมกับพี่รามล่ะครับ”
“แม่ก็มองรวมๆ ทุกอย่างนั่นแหละราช หนูแพรเหมาะที่จะเป็นเมียที่ดีของราม และเป็นแม่ที่ดีของตากายด้วย”
“เอาอย่างนี้นะครับ เรื่องนี้คุณแม่อย่าเพิ่งพูดไปดีที่สุด รอดูอีกสักปีสองปีนะครับ ถ้าพี่รามไม่มีใครจริง ๆ เราค่อยเอาเรื่องนี้ขึ้นมาปรึกษากันใหม่ ระหว่างนี้เราก็สแกนคุณแพรกับหนูนิดไปว่าใครเหมาะสมที่สุด ดีไหมครับ” ราชหว่านล้อมมารดาด้วยเหตุและผล
“ตั้งสองปีเชียวเหรอ มันนานไปไหมราช” ยุพาเริ่มเห็นด้วยกับลูกชายแต่ก็ไม่ทั้งหมด
“ไม่นานหรอกครับคุณแม่ เราใช้วิธีนี้เพื่อให้เวลากับพี่รามด้วยไงครับ บางทีพี่รามอาจจะมีใครเข้ามาในชีวิต ที่ไม่ใช่ทั้งคุณแพรของคุณแม่ และหนูนิดของผมก็ได้นะครับ”
“ก็จริงของลูกนะ เอาเป็นว่าแม่เชื่อลูกก็แล้วกัน”
ราชคลี่ยิ้มกว้างแล้วขยับไปนั่งใกล้ๆ มารดา หอมแก้มท่านเต็มฟอดหนึ่งที “ต้องอย่างนี้สิครับคุณแม่สุดที่รักของผม” เขาคงปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปโดยไม่ทำอะไรเลยไม่ได้แล้ว งานนี้ขอเป็นกามเทพสื่อรัก เพื่อความมั่นคงของหลานชายตัวน้อยหน่อยก็แล้วกัน
“ลูกก็เป็นสุดที่รักของแม่เหมือนกันจ้ะ” ยุพาทาบฝ่ามือบนแก้มที่เต็มไปด้วยหนวดเคราของลูกชายคนเล็ก “หัดโกนหนวดโกนเคราออกซะบ้างนะลูก ปล่อยเอาไว้แบบนี้สาวๆ ที่ไหนเขาจะมอง”
“สาวสมัยนี้เขาชอบผู้ชายที่มีรูปลักษณ์เถื่อนๆ ครับคุณแม่” ราชหัวเราะถูกใจเมื่อถูกมารดาค้อนใส่ เขาคลายอ้อมกอดจากมารดา “พูดถึงสาวๆ แล้วก็คิดถึง ผมไปหาพวกเธอสักหน่อยดีกว่า ผมไปก่อนนะครับ” เขาโบกมือลามารดาแล้วเดินแกว่งกุญแจรถออกไปจากบ้าน
ยุพาคลี่ยิ้มกว้างมองตามร่างลูกชายคนเล็กที่อายุห่างกับพี่ชายถึงสิบสามปี แต่รูปร่างและหน้าตานั้นแทบจะถอดแบบเดียวกันออกมา เพียงแต่คนน้องผิวคล้ำและไว้หนวดเคราจนดูเถื่อนกว่า ไม่ได้ดูสะอาดและสุภาพเหมือนคนโตเท่านั้นเอง
บ้านพิทักษ์ทรัพย์
“กระเป๋าใครเหรอส้ม” หญิงสาวที่กำลังอุ้มหลานชายตัวน้อยอยู่ในห้องโถง เอ่ยถามสาวใช้ที่กำลังลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เข้ามาด้วยความสงสัย
“น้าปานบอกว่ากระเป๋าคุณแพรค่ะ”
คำตอบที่ได้รับทำให้เลือดลมแห่งความเดือดดาลของเธอสูบฉีดไปทั่วทั้งร่าง รีบส่งทารกที่กำลังจะเคลิ้มหลับให้กับพี่เลี้ยง
“เอาน้องกายขึ้นไปนอนทีนะฝน” เธอรอจนสายฝนเดินพ้นจากห้องไปแล้วจึงหันไปที่ส้มอีกครั้ง “พี่แก้วเพิ่งจะเผาไปยังไม่ทันถึงเดือนเลย ผู้หญิงคนนั้นก็จะเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้แล้วเหรอ”
“คุณนิดอย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะคะ” ศรีเดินเข้ามาพร้อมของว่างพอดี รีบแก้ตัวแทนเจ้านายและเลขาของเขา “คุณรามบอกให้ป้าจัดห้องให้คุณแพรอยู่ที่นี่ชั่วคราวเท่านั้นค่ะ เพราะบ้านของเธอกำลังซ่อมแซมใหม่ทั้งหลัง มันไม่ใช่อย่างที่คุณนิดเข้าใจหรอกค่ะ”
“ฮึ! ซ่อมได้ประจวบเหมาะจริง ๆ นะคะป้าศรี นิดสงสัยจริง ๆ ว่าพังจริงหรือพังแค่ลมปาก”
ศรีถอนหายใจอย่างหนักอก เรื่องนี้มันเคยเป็นปัญหามาแล้วระหว่างคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงของนาง และตอนนี้มันก็กลายมาเป็นปัญหาอีกครั้งกับหญิงสาวคนนี้ แต่ก็อย่างว่าแหละนะ นางเป็นคนนอก เคยเห็นเคยได้ยินมาบ่อยครั้ง นางก็ยังสงสัยในพฤติกรรมของพินแพรเลย นับประสาอะไรกับเธอเล่า
“เรื่องนี้ป้าไม่ทราบจริง ๆ ค่ะคุณนิด” แต่ขี้ข้าอย่างนางจะทำอะไรได้มากไปกว่าสงบปากสงบคำ
“ป้าไม่รู้ไม่เป็นไร นิดจะฉีกหน้ากากหล่อนเอง” แล้วเธอก็กวาดสายตาไปมองสาวใช้ที่ชื่อส้ม “นิดหวังว่าเรื่องนี้จะรู้แค่เราสามคนนะคะ”
“ป้า” ส้มรีบเดินไปจับแขนแม่บ้านใหญ่ “ทำไมคุณนิดโมโหร้ายจัง ไม่เห็นเหมือนคุณแก้วเลย” กระซิบถามเพราะกลัวหญิงสาวที่เดินหน้ามุ่ยจากไปได้ยิน
“อือ” ใครจะมองว่าเธอร้ายอย่างไรก็ช่าง แต่สำหรับนางแล้วต้องแบบนี่แหละถึงจะจัดการกับพินแพรได้ ผู้หญิงที่ดีเกินไปก็มีแต่เสียเปรียบเหมือนอย่างคุณแก้วนั่นแหละ ต้องแอบร้ายบ้างแบบคุณนิดนี่แหละถึงจะดี “รู้ว่าเธอโมโหร้ายก็อย่าปากโป้งเชียวเอ็ง ไม่งั้นข้านี่แหละจะไล่เอ็งออกจากบ้านหลังนี้”
“ใครจะกล้าล่ะป้า”
“ดีแล้ว เราเป็นแค่คนใช้อย่าไปแส่เรื่องของเจ้านายดีที่สุด แต่เราก็ต้องดูแลท่านให้ดี อย่าให้ขาดตกบกพร่อง เข้าใจไหม”
“จ้ะป้า”
คล้อยหลังจากคนรับใช้มาแล้ว สิริญ่าก็กลับขึ้นไปบนห้องและโทรศัพท์ถึงราชทันที เธอถึงกับออกอาการหงุดหงิดเมื่อเขาไม่ยอมรับสาย แต่ก็ฝากข้อความเอาไว้ว่าให้โทรกลับด่วน และเขาก็โทรกลับมาในเวลานั้นพอดี
“พี่ราชอยู่ที่ไหนคะ”
(พี่เพิ่งออกจากโรงหนังจ้ะ หนูนิดมีอะไรหรือเปล่า)
“พี่ราชอยู่กับแฟนเหรอคะ ขอโทษด้วยนะคะถ้านิดรบกวนเวลาส่วนตัว แต่นิดมีเรื่องจำเป็นจริง ๆ อยากให้พี่ราชช่วย” เธอรู้สึกผิดมาก แต่ความร้อนใจทำให้เธอตัดความรู้สึกนั้นทิ้งไป
“เรื่องนี้ต้องถามคุณพ่อจ้ะลูก เพราะแม่ไม่ใช่คนวิ่งตาม แม่ไม่ตอบดีกว่า” ช่วงนี้เธอมักจะมีอาการเหนื่อยง่าย ทำอะไรนิดอะไรหน่อยก็พานจะเป็นลม หน้าที่ดูแลลูกจึงตกไปเป็นของสามีแทน แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเกิดจากสาเหตุอะไร แต่ยังไม่ได้บอกให้เขารู้ เพราะเพิ่งจะตรวจดูก่อนที่ลูกชายจะมาถึงนี่เองคืนนี้แหละที่เธอจะบอกเขา เขาคงดีใจมากแน่ ๆ เพราะเคยเปรยอยู่บ่อย ๆ ว่าอยากมีลูกเพิ่มอีกสักสองสามคน และเธอก็ยินดีอย่างยิ่งที่จะมีรามตัวน้อย ๆ ให้สามีสุดที่รัก ไม่ว่าจะกี่คนก็ตามก็แปลกดีนะ ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันมาตั้งหกปี ถึงจะตั้งท้องลูกคนแรก ทั้งที่ไม่ได้กินยาคุมกำเนิด และไม่เคยคิดว่าจะมีคนที่สองตามมาอีก เพราะคิดว่าคงเป็นไปได้ยาก แต่ตอนนี้มันก็เกิดขึ้นแล้ว“พ่อรามครับ ตกลงไหมครับ”“ตกลงครับ แล้วเราจะเดินไปหรือขับรถไปดีล่ะ”“เดินไปก็ได้ครับ จะได้ออกกำลังกายด้วย คุณตาพากายเดินไปที่นั่นทุกวันเลยนะครับ” เขาพูดจบพอดีกับที่มารดาเปิดประตูเข้าบ้านเด็กชายจึงปล่อยมือจากมารดา แล้วรีบวิ่งไปหาน้องสาวด้วยความคิดถึง “น้องครีม&rd
รามค่อย ๆ ขยับตัวลงจากเตียง หลังจากนอนเป็นเพื่อนลูกชายไปได้สักสิบนาที หยิบผ้าห่มมาห่มให้เขาจนเรียบร้อยดีแล้ว จึงปิดไฟดวงใหญ่เหลือไว้เพียงไฟสลัวที่หัวเตียง แล้วกลับไปที่ห้องนอนของตัวเองเขาแปลกใจเมื่อไม่เห็นภรรยาอยู่ในห้องนอน เดินไปเปิดประตูห้องน้ำแต่ก็ยังไม่มีเธอ จึงเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวรอยยิ้มค่อย ๆ ปรากฏขึ้น เมื่อเห็นเจ้าของร่างเกือบเปลือยที่ยืนหันหลังให้ กำลังรูดแพนตี้ตัวจิ๋วลงไปตามเรียวขา จึงเดินไปหาแล้วแนบกายแกร่ง ประชิดสะโพกกลมกลึงยั่วอารมณ์เอาไว้ทันที“ทำแบบนี้กะจะยั่วกันใช่ไหม” เขาถามแล้วโน้มตัวลงไปพรมจูบบนแผ่นหลังนวลเนียน“ถ้ายั่วแล้วจะยอมเสียตัวไหมล่ะ” เธอถามกลับพร้อมกับหัวเราะเสียงใส แต่จริง ๆ ไม่ได้ตั้งใจจะยั่วเขาสักนิด ตอนที่กลับเข้าห้องมาแล้วไม่เห็นเขา ก็คิดว่าคงเผลอหลับอยู่ในห้องของลูกชาย จึงตั้งใจจะอาบน้ำให้เสร็จเรียบร้อยก่อนแล้วค่อยเดินไปดู แต่เขาก็โผล่เข้ามาแบบไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงเลย“ยอมสิ รู้ไหมตั้งแต่หนูนิดคลอดลูก พี่รู้สึกเหมือนตัวเองยังไม่ได้หนูนิดคนเก่ากลับมาเลย”คนเป็นเมียถึงกั
โรงพยาบาล“เพลา ๆ บ้างเถอะพ่อคุณ สองวันมานี้ยิ้มจนปากจะฉีกถึงใบหูอยู่แล้วนะ” ยุพาแซวลูกชายคนโตที่ยิ้มไม่หุบ เวลาที่ได้อุ้มลูกสาวแรกเกิด“พ่อรามเขาดีใจนี่ครับคุณย่า” เด็กชายภูมิพัฒน์แก้ตัวแทนบิดา“จริงเหรอลูก ย่าไม่รู้เลยนะเนี่ย แล้วกายดีใจไหมลูกที่มีน้อง”“ดีใจครับ น้องครีมของกายน่ารักมาก กายช่วยแม่นิดเลี้ยงน้องครีมด้วยครับ”“น่ารักจริงหลานย่า” ยุพาดึงหลานชายมาหอมแก้มอย่างรักใคร่ “พ่อแม่หนูเขาจะมาหรือเปล่าหนูนิด”“มาแต่คุณแม่ค่ะ ท่านจะมาถึงคืนนี้แหละค่ะ ส่วนคุณพ่อจะตามมาอาทิตย์หน้า เพราะติดเคสนัดผ่าตัด” คุณแม่มือใหม่ ที่เดินบริหารร่างกายเบา ๆ อยู่ข้างเตียง ตอบคำถามแม่สามี“พรุ่งนี้เราก็ไปทานข้าวกลางวันที่บ้านลูกเลยละกัน จะได้ไปทักทายคุณดวงดาวเธอด้วย” บันเทิงบอกกับภรรยา“ก็ดีค่ะ ไม่ได้เจอคุณดวงดาวนานแล้วด้วย คงได้คุยกันยาวแน่เลย”“คุยจนถึงตอนเย็น ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกครับคุณยุพา”“คุณพี่นี่ช่าง
หลังจากกลับมาจากงานเลี้ยง สิริญ่าก็เตรียมถอดชุดเพื่ออาบน้ำชำระล้างเหงื่อไคล แต่เพราะรูปร่างที่อุ้ยอ้ายทำให้เธอรู้สึกลำบากเหลือเกิน“พี่รามขา พี่รามมาหานิดที่ห้องแต่งตัวหน่อยค่ะ”“จ๋าๆ” คนถูกเรียกรีบขานรับ ขยับตัวลุกจากโซฟาแล้วตรงดิ่งไปที่ห้องแต่งตัว“ช่วยรูดซิปให้นิดหน่อยสิคะ”“พี่บอกว่าเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วให้ออกไปหาพี่ พี่จะช่วยถอดชุดให้ ทำไมถึงไม่ฟังกันบ้างเลย” ปากของสามีบ่นไปแต่มือก็ทำตามคำสั่งของภรรยาด้วย“ทำไมถึงขี้บ่นจังคะ”“ที่บ่นก็เพราะรักและเป็นห่วงทั้งนั้น กลัวจะเป็นลมหรือหกล้มอยู่คนเดียว” เขาเป็นห่วงเธอสารพัดห่วง ห่วงจนไม่กล้าแม้แต่จะล่วงเกินเธอตั้งแต่เข้าสู่เดือนที่เจ็ด เพราะกลัวจะเป็นอันตรายกับเธอและครรภ์“รักนิดมากขนาดนั้นเลยเหรอคะ” ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ หลังจากเขาช่วยถอดชุดให้เสร็จแล้วเขารู้สึกได้ทันทีว่าเธอเกิดอาการน้อยใจอีกแล้ว จึงสวมกอดจากทางด้านหลัง วางมือใหญ่ลงบนหน้าท้องนูนแล้วลูบไล้แผ่วเบา“ทำไมถึงถามแบบนี้ล
“จริง ๆ ครับคุณกร ผมก็อยากมีเมียเหมือนคนอื่นเขาบ้าง แต่ก็ยังหาที่ถูกใจไม่ได้สักที”“มาตรฐานสูงไปหรือเปล่าคุณราช”“ก็ไม่ได้สูงนะครับ ขอแบบพี่สะใภ้หรือแบบคุณแพร ผมก็พอใจแล้วครับ”“แบบนี้แหละที่เขาเรียกว่ามาตรฐานสูง” คำพูดของรามเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี“ทำไมแพรไม่ค่อยคุยเลยล่ะ” กรเพิ่งสังเกตเห็นความผิดปกติของภรรยา จึงเอ่ยถาม“แพรรู้สึกเวียนหัวค่ะคุณกร ผะอืดผะอมมาก ก็เลยอยู่นิ่ง ๆ ดีกว่า” พินแพรจงใจประชดใส่สิริญ่าและราม เธอไม่อยากจะพูดกับพวกเขาเลยแม้แต่นิด หน้าก็ไม่อยากจะมองด้วยซ้ำ“แพ้ท้องใหม่ ๆ ก็อย่างนี้แหละครับ อย่าถือสาภรรยาผมเลยนะครับ”“ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะคุณกร ขนาดนิดใกล้จะคลอดอยู่รอมร่อ บางทีนิดยังมีอาการเหม็นขี้หน้าคนเลยค่ะ อยากจะอาเจียนรดหน้าเลยค่ะ” เธอเริ่มก่อนนะพินแพร คนอื่นอาจจะไม่คิดแต่ฉันคิด เพราะฉันเห็นสายตาของเธอ“คนท้องนี่มักจะมีอาการแปลก ๆ กันนะครับ อย่างแพรเขาก็อยากทานไอ้นั่นไอ้นี่ แต่พอหามาให้ทา
รามยิ้มกว้างด้วยความขบขัน หันไปมองภรรยาสุดที่รัก ที่กำลังอุ้มท้องลูกสาวคนแรกของบ้านรามพิทักษ์ทรัพย์ เขาอยากจะกอดเธอ แต่ก็รู้ว่าไม่เหมาะเพราะอยู่ในเขตวัด จึงจับมือเธอแทน“ที่แม่นิดเขาตัวใหญ่กว่าพ่อ ก็เพราะแม่นิดเขาต้องอุ้มท้องน้องของกายเอาไว้นี่ลูก เมื่อก่อนกายเคยเห็นแม่นิดเขาตัวใหญ่แบบนี้ไหม”“ไม่เลยครับ เมื่อก่อนแม่นิดตัวเล็กกว่าคุณพ่อตั้งเยอะ เวลาแม่นิดไปรับกายที่โรงเรียนเพื่อน ๆ ของกายก็ชอบชมว่าแม่นิดสวย และใจดีมากด้วยครับ”“ทีนี้ลูกรู้แล้วใช่ไหม ว่าทำไมแม่นิดถึงตัวใหญ่กว่าพ่อ”“เพราะแม่นิดมีน้องอยู่ในท้องครับ”“เก่งมากลูก” รามลูบศีรษะทุยของลูกชาย หลังจากนั้นอีกสักพัก ก็บอกให้ลูกชายกล่าวลากับภาพถ่ายของมารดาผู้ให้กำเนิด และพากันเดินทางกลับบ้านตกเย็นวันเดียวกันนั้น ครอบครัวของรามพิทักษ์ทรัพย์ทั้งสามคน ก็เดินทางออกจากบ้านอีกครั้ง จุดหมายคือโรงแรมชื่อดังใจกลางเมืองกรุง เพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าภาพที่ส่งการ์ดเชิญมาให้ปนัดดาคลี่ยิ้มกว้าง เมื่อเห็นพ่อแม่ลูกตระกูลพิท







