(ไม่รบกวนเลยจ้ะ มีเรื่องอะไรก็บอกพี่มาได้เลย.. เรื่องพี่รามหรือเปล่า) ปลายสายทิ้งระยะสักครู่ก่อนจะเอ่ยถามเหมือนรู้ใจ
“ไม่ใช่เรื่องพี่รามแต่ก็ใกล้เคียงค่ะ” เธอตอบกลับอย่างไม่ลังเล “นิดอยากรู้เรื่องคุณแพร นิดถามพี่ราชได้ไหมคะ”
(ได้สิ ถ้าพี่รู้พี่จะบอก)
“พี่ราชรู้ไหมคะว่าคุณแพรจะมาอยู่ที่บ้านหลังนี้”
(หือ เพิ่งรู้จากหนูนิดนี่แหละ แล้วทำไมเธอถึงไปอยู่ที่นั่นล่ะ)
“ป้าศรีบอกว่าบ้านเธอกำลังรีโนเวต เธอก็เลยมาขออาศัยอยู่ด้วยชั่วคราว” เล่าให้ราชฟังเพราะรู้สึกว่าเขาเป็นที่พึ่งของเธอได้ “แต่นิดไม่เชื่อหรอกค่ะ นิดก็เลยโทรมาหาพี่ราชไงคะ”
(เรื่องนี้พี่ไม่รู้เลยจ้ะหนูนิด เอาไว้พี่จะลองๆ แกล้งถามคุณแพรให้นะ)
“ไม่ต้องหรอกค่ะพี่ราช แค่บอกนิดว่าบ้านของเธออยู่ที่ไหนก็พอ ที่เหลือนิดจัดการเองค่ะ”
(แน่ใจเหรอหนูนิด)
“แน่ใจค่ะ พี่ราชแค่เป็นตัวหนุนให้นิดก็พอ ที่เหลือนิดจะจัดการเองทั้งหมด นิดจะกระชากหน้ากากผู้หญิงคนนี้ให้ได้คอยดู”
(ทำไมหนูนิดถึงมั่นใจนักว่าคุณแพรไม่ดี หนูนิดอาจจะเข้าใจเธอผิดก็ได้นะ)
“ไม่รู้สิคะ นิดอาจจะเข้าใจผิดอย่างที่พี่ราชว่าก็ได้ แต่ตอนนี้นิดขอทำตามความรู้สึกตัวเองก่อนนะคะ เมื่อนิดมั่นใจว่าเธอดีจริงนิดจะยอมขอโทษเธอเอง” ถ้าเขาได้อ่านจดหมายของพี่สาวเหมือนที่เธอได้อ่าน เขาจะต้องไม่คิดแบบนี้แน่
(พี่เชื่อว่าหนูนิดจะทำอย่างที่พูดจริง ๆ ก็ค่อย ๆ ดูไปนะ ถ้ามีเรื่องอยากให้พี่ช่วยก็บอก ส่วนเรื่องที่อยู่ของคุณแพรเดี๋ยวพี่จะส่งไปให้นะ)
“ค่ะพี่ราช นิดขอบคุณมากนะคะ” เธอกล่าวก่อนวางสายจากเขา
เกือบหนึ่งทุ่มรามกลับมาถึงบ้าน และสิ่งแรกที่เขาถามถึงก็คือลูกชายตัวน้อย เมื่อได้คำตอบว่าขึ้นห้องนอนแล้ว จึงถามถึงน้าสาวของลูกชายเป็นคนต่อไป แต่คำตอบที่ได้รับทำให้เขาต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเลยทีเดียว
“ไปกับราชเหรอ”
“ค่ะ คุณราชมารับคุณนิดตอนเกือบๆ หกโมงนี้เองค่ะ คุณนิดฝากบอกคุณรามว่าไม่ต้องรอทานข้าว เธอจะทานมาจากข้างนอกเลยค่ะ”
“เธอบอกหรือเปล่าว่าจะไปไหน”
“ไม่ได้บอกค่ะ”
รามพยักหน้ารับแล้วหยิบโทรศัพท์โทรหาน้องชายแทน เพราะคิดว่าต้องได้คำตอบที่ชัดเจนกว่า
(ผมแค่ไปรับหนูนิดออกมาจากบ้านเท่านั้นครับพี่ราม เพราะผมผ่านไปทางนั้นพอดี ส่วนตอนนี้เธออยู่ที่ไหนผมไม่รู้จริง ๆ)
คำตอบที่ได้ยินจากน้องชายทำให้เขากังวลหนักยิ่งกว่าเดิม “นายไม่ได้ถามเธอเหรอว่าจะไปไหน”
(ถามครับแต่เธอไม่ตอบ บอกแต่ว่าธุระส่วนตัวนิดหน่อย)
“ธุระส่วนตัวบ้าอะไร นี่มันมืดแล้วนะ แล้วหนูนิดก็ไม่คุ้นเคยกับกรุงเทพด้วย ทำไมนายไม่อาสาไปกับเธอล่ะ” รามกล่าวโทษน้องชายอย่างหงุดหงิด
(ผมก็อาสาแล้วแต่เธอไม่ยอมนี่ครับ)
“นายมีเบอร์โทรศัพท์ของหนูนิดไหม ขอพี่หน่อยสิ”
(โอเค เดี๋ยวผมส่งไปให้ทางไลน์นะ)
รามถูกน้องชายตัดสาย ไม่นานเกินรอก็มีข้อความไลน์เตือนเข้ามา เขาเปิดดูแล้วรีบกดโทรออกทันที
“ทำไมไม่รับสายนะ รู้ไหมว่าคนเขาเป็นห่วง”
“เป็นห่วงใครเหรอคะ” พินแพรที่เพิ่งเดินเข้ามาเอ่ยถามชายหนุ่มที่ขับรถนำมาก่อน
“หนูนิดน่ะสิ”
คำตอบที่ได้ยินทำให้คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน แววตาแสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจ เพราะเขาไม่ได้สนใจมองมาทางเธอ ความริษยาวิ่งพล่านเข้ามาครอบคลุมหัวใจ ที่ไม่เคยได้รับความรักจากเขา แม้กระทั่งตอนนี้เธอก็ยังเป็นแค่คนรู้จักในสายตาเขา
“วางสายเถอะค่ะ..” เธอเผลอหลุดปากออกไป แต่เมื่อถูกสายตาของเขามองมาอย่างแปลกใจก็รีบคลี่ยิ้มกลบเกลื่อน “เชื่อแพรเถอะค่ะ คุณนิดยังเด็ก บางทีเธออาจจะอยากมีเวลาส่วนตัวบ้างก็ได้ พี่รามอย่าไปจี้เธอแบบนี้สิคะ”
“แต่พี่เป็นห่วงเธอ เธอไม่ชินกับเส้นทางในเมืองไทย เธอน่าจะให้คนขับรถพาไป ไม่ใช่ไปเองคนเดียวแบบนี้”
“เธอโตแล้วนะคะ” พินแพรคลี่ยิ้มอ่อนโยน ปลอบประโลมชายหนุ่มด้วยหัวใจที่เจ็บปวด เพราะเธอไม่เคยได้รับความเอาใจใส่จากเขาเช่นนี้บ้างเลย
“เมื่อกี้แพรเพิ่งบอกพี่ว่าเธอยังเด็กอยู่เลย ทำไมตอนนี้กลับคำแล้วล่ะ”
“เอาเถอะค่ะ อย่าเพิ่งเครียดไปเลย พี่รามกลับมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำให้สดชื่นก่อนดีกว่า เดี๋ยวแพรจะโทรหาคุณนิดให้เองค่ะ”
“ไม่ต้องหรอกแพร” รามปฏิเสธหญิงสาวทันที เพราะรู้ว่าน้องเมียของเขาไม่ค่อยจะชอบหญิงสาวคนนี้สักเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นเมื่อตอนบ่ายวันนี้เธอคงไม่โทรไปต่อว่าเขา เรื่องที่จะให้เธอมาอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ชั่วคราว “เดี๋ยวพี่โทรเองดีกว่า พี่ไปอาบน้ำก่อนนะ แพรก็ไปอาบน้ำสิ จะได้มากินข้าวด้วยกัน”
“ค่ะ” พินแพรรับคำอย่างว่าง่าย “แล้วห้องแพรอยู่ไหนคะ”
“เดี๋ยวให้ส้มพาไปนะ” รามบอกกับสาวใช้ที่ยกน้ำเข้ามาแล้วขอตัวเดินขึ้นชั้นบน
“ห้องคุณแพรทางนี้ค่ะ” ส้มกล่าวกับหญิงสาวแล้วพาไปยังห้องรับรองแขกที่อยู่ชั้นล่าง
“ใครเป็นคนจัดห้องให้ฉันเหรอส้ม” พินแพรถามเด็กสาวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่นุ่มนวลและไม่กระด้างแต่ก็ฟังดูถือตัว
“ป้าศรีค่ะ”
“ป้าศรีเลือกห้องให้ฉันด้วยหรือเปล่า”
“ส้มไม่ทราบค่ะคุณแพร”
“เรียกป้าศรีมาหาฉันหน่อยสิ ฉันจะถามป้าเขาเอง”
“ค่ะ”
ส้มจากไปและไม่นานป้าศรีก็มาถึง
“คุณแพรเรียกป้าเหรอคะ”
“ป้าเป็นคนเลือกห้องพักให้ฉันเหรอจ๊ะ ป้าก็รู้นี่ว่าพี่รามเคยให้ฉันพักอยู่ที่ห้องไหน”
“แต่คุณรามเป็นคนสั่งให้ป้าจัดห้องนี้ให้คุณนะคะ” ป้าศรีตอบตามสัตย์จริง เพียงแต่บอกไม่หมดว่าห้องถูกเปลี่ยนกะทันหัน หลังจากที่กระเป๋าของเธอมาถึงแล้ว และคนที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นได้ก็คงไม่พ้นคุณนิด ดังนั้นเธอจึงถูกย้ายให้มาอยู่ที่ห้องรับรองแขกห้องนี้ แทนห้องรับรองญาติที่อยู่ชั้นบน
“แน่ใจเหรอป้า”
“โธ่คุณแพร ป้าจะโกหกทำไมคะ ถ้าไม่เชื่อไปถามคุณรามเองก็ได้นะคะ”
เจ็บปวดเหลือเกินกับคำตอบที่ได้ยิน ทำไมเขาต้องทำกับเธอแบบนี้ด้วย ถึงเมียจะตายไปแล้วเขาก็ยังไม่เห็นเธอเป็นอย่างอื่นอีกเหรอ เธอยังมีค่าแค่เลขากับคนรู้จักของเขาแค่นั้นใช่ไหม
“ไม่เป็นไร ห้องนี้ก็กว้างขวางน่าอยู่ดี ที่ฉันถามเพราะฉันสงสัยเท่านั้น ป้าไปทำงานของป้าต่อเถอะ” เธอพยายามกลืนก้อนเนื้อที่จุกอยู่ตรงคอหอยลงท้อง แล้วกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มที่แสร้งทำขึ้นมา
“พี่กลับมาก่อน ปล่อยให้ราชเขารับผิดชอบส่วนที่เหลือต่อ”“อ้าว! นิดนึกว่ากลับมาพร้อมกันซะอีก” ตอนที่เขาโทรหาเธอเมื่อช่วงกลางวัน เธอก็ถามถึงราช แต่เขาก็ไม่บอกว่าไม่ได้กลับมาด้วยกัน“ไม่ได้กลับมาหรอกจ้ะ ลูกค้าชวนให้อยู่ฉลองวันเกิดเขาด้วยกันเย็นนี้ พี่ก็เลยให้ราชเขาอยู่ต่อน่ะ”“แล้วทำไมพี่รามถึงไม่อยู่ด้วยล่ะคะ”เขาเหลือบไปมองเธอ ก่อนจะหันไปมองถนนอีกครั้ง “อยากให้พี่อยู่นักเหรอ”“พี่รามก็สมควรจะอยู่ไม่ใช่เหรอคะ”“ก็ใช่ แต่ที่นั่นไม่มีหนูนิด พี่ก็เลยไม่อยากอยู่”คำตอบของเขา ทำให้กลีบปากบางถึงกับคลี่กว้างอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนจะรีบเม้มเข้าหากันอย่างฝืนความรู้สึก.. ถ้าเป็นผู้หญิงที่อ่อนไหวง่ายก็คงถามไปแล้วว่า ไม่มีตัวเองอยู่หรือเพราะไม่มีเลขาคนสวยอยู่กันแน่ แต่บังเอิญว่ามันไม่ใช่นิสัยของตน“แต่นิดชอบนะคะที่ไม่มีพี่รามอยู่ใกล้ ๆ เพราะมันทำให้นิดนอนหลับสบายทั้งคืนเลยค่ะ”เธอหลับสบายจริงเหรอ ขนาดเขายังนอนไม่ค่อยจะหลับเพราะไร้ไออุ่นจากเธอ
“ก็ได้ค่ะ นิดเลิกเรียนตอนห้าโมงนะคะ”(โอเค เดี๋ยวตอนเย็นเจอกันนะครับ)“ค่ะ บาย”(หนูนิด..)“ขา”(...พี่ ..พี่คิดถึงหนูนิดนะครับ)หัวใจของหญิงสาวถึงกับเต้นรัวด้วยความรู้สึกตื่นเต้น เมื่อได้ยินคำพูดที่ฟังดูคล้ายขัดเขินจากปลายสาย เขาคงเขินมากสินะถึงได้ตัดสายทิ้งทันทีที่พูดจบแบบนั้นวิคเห็นอาการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ของสิริญ่า ก็ยิ่งสงสัยหนักกว่าเดิม สรุปแล้วคนที่โทรมาสายแรกกับสายที่สอง ใครคืนคนพิเศษของเธอกันแน่ หัวใจของเธอยังว่างพอจะให้เขาเข้าไปจับจองได้บ้างไหม เขาอยากรู้จริง ๆ “ยิ้มแก้มปริเลยนะ ใครโทรมาล่ะ”คนที่ยิ้มเพลิน ๆ หุบยิ้มลงไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองคนที่ด้านข้าง เพราะมัวแต่ปลื้มปริ่ม จึงลืมไปเลยว่ายังนั่งอยู่ในรถกับเขา“ไปนั่งรอคนอื่นในห้องดีกว่า” เธอบอกกับเขาแล้วเปิดประตูลงจากรถ เก็บความสุขเอาไว้ในใจ แล้วชวนเพื่อนคุยเรื่องอื่นขณะเดินไปที่ห้องเรียนเมื่อเข้าห้องเรียนได้สักพัก อาจารย์คนใหม่ก็เดินเข้ามาทักทายก่อนจะเริ่มทำการสอน และบอกเหตุผลกั
หญิงสาวรีบทำตัวให้สำรวมเมื่อบิดาของวิคเดินเข้ามาหา ยกมือไหว้โดยไม่รอให้เพื่อนแนะนำ“สวัสดีค่ะคุณอา”“เพื่อนผมเองครับป๋า ชื่อนิด” วิคแนะนำหลังจากที่ท่านรับไหว้เธอแล้วบิดาของวิคพยักหน้ารับ แล้วขยับเข้าไปใกล้หญิงสาวอีกนิด เพ่งมองเธออย่างพินิจพิเคราะห์“ป๋าครับ” วิคเรียกบิดา เมื่อเห็นว่าการกระทำของท่านนั้นดูไม่ค่อยเหมาะสม และสร้างความอึดอัดใจให้กับหญิงสาว“รู้ตัวหรือเปล่าว่าหนูเป็นคนที่สวยสง่ามาก เคยประกวดนางงามบ้างหรือยัง” บุรุษวัยเลขสี่ปลาย ๆ ถอยห่างออกไป แล้วตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมาการกระทำของบิดาเพื่อนทำให้เธอตกใจไปเล็กน้อย แต่ก็กลับมาเป็นปกติเมื่อรู้เหตุผล “ไม่เคยหรอกค่ะคุณอา” ตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม“สนใจอยากประกวดไหมล่ะ ป๋ามีเพื่อนอยู่ในวงการนี้ด้วยนะ”“ไม่เอาดีกว่าค่ะ นิดอยากอยู่อย่างสงบมากกว่า” เธอคลี่ยิ้มพร้อมตอบคำถาม“เฮ้อ เสียดายจัง ป๋าก็อยากจะเป็นป๋าดันกับเขาสักครั้งในชีวิต แต่ก็ถูกปฏิเสธซะแล้ว” บิดาของวิคทำหน้า
“เราคิดถึงพี่รามมากขนาดนี้เชียวเหรอ” ถามตัวเองและคิดตริตรองหาคำตอบ ทบทวนถึงวันเก่า ๆ ที่ผ่านมา.. แรก ๆ ความรู้สึกของเธอไม่ได้เป็นแบบนี้แน่ ๆ แล้วทำไมตอนนี้มันถึงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงได้ล่ะ... หรือว่าเธอรักเขา.. เธอรักเขาจริง ๆ หรือนี่ บ้าไปแล้วหนูนิด! เธอเผลอใจไปรักเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมถึงรวดเร็วอย่างนี้แล้วที่เธอเมินคำพูดของพินแพร เพราะอยากเอาคืนหล่อน หรือเพราะไม่อยากเสียเขาให้หล่อนกันแน่...คิดวนไปวนมาจนเคลิ้มหลับไป ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงเตือนข้อความเข้าของโทรศัพท์“นิด” เสียงใสทุ้มหูของชายหนุ่มผู้หนึ่ง ตะโกนเรียกหญิงสาวที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดอาคารเรียน พร้อมกับวิ่งตามไปสมทบ “กู๊ดมอร์นิ่งจ้ะนิด”“กู๊ดมอร์นิ่งวิค กลับมาจากจีนตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วอาม่าเป็นยังไงบ้าง” สิริญ่าทักทายเพื่อนร่วมคณะ ที่เป็นหนุ่มลูกผสมไทย จีน อเมริกัน ซึ่งเป็นเพื่อนใหม่ที่สนิทที่สุดเลยก็ว่าได้“กลับมาเมื่อคืนนี้เอง พออาม่าออกจากโรงพยาบาลวิคกับพ่อก็กลับมาก่อน แต่หม่ามี๊กับน้องสาววิคยังอยู่ต่ออีกสอ
พินแพรเดินตามเข้าไป มองร่างระหงโปร่งเพรียวที่อยู่ในชุดนอนแนบเนื้อ แล้วถึงกับเกิดอาการริษยา ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าหรือด้านหลัง หล่อนก็ดูดีไร้ที่ติจริง ๆ เพราะแบบนี้สินะ รามถึงได้รักและหลงหล่อนนัก ไม่ว่าจะจากหรือเจอ ก็ต้องรั้งเธอมากอดจูบอย่างไม่อายสายตาคนอื่นแต่จะว่าไปแล้ว เรื่องนี้โทษผู้ชายฝ่ายเดียวก็คงไม่ได้ เพราะอีผู้หญิงก็ใช่ย่อย ไม่ว่าจะจากหรือเจอ หล่อนก็ต้องกางแขนยื่นหน้าให้ท่าเขาตลอดสิริญ่าเดินไปที่มุมพักผ่อน ซึ่งเป็นมุมที่เขาและเธอใช้เวลาอ่านหนังสือ เล่นอินเทอร์เน็ต ดูทีวี เล่นกับลูก หรือแม้แต่เรื่องอย่างว่า.. เขาก็เคยทำกับเธอมาแล้ว ร่างกายของเธอรู้สึกวาบหวิวขึ้นมา เมื่อนึกถึงบทรักอันร้อนแรงของเขาเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ณ ที่ตรงนี้“เชิญนั่งค่ะ” เธอสลัดความรู้สึกวาบหวามนั้นทิ้งไปแล้วนั่งลง มองหน้าอีกฝ่าย รอฟังโดยไม่ถามเหตุผลที่หล่อนมาขอพบ เพราะรู้อยู่เต็มอกว่ามีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น คือเรื่องของราม“ฉันมาทวงสัญญาค่ะคุณนิด” พินแพรเริ่มต้นด้วยคำพูดอ่อนโยนตามสไตล์ของเธอ “เรื่องพี่รามค่ะ”“หลังจากวันนั้นฉ
(อย่าโทษเขาเลยค่ะ ฉันยอมทำทุกอย่างก็เพราะรักเขามาก ฉันเชื่อว่าพี่รามจะไม่ว่าอะไร ถ้าฉันเก็บลูกของเราไว้ ทั้งหมดเป็นการตัดสินใจของฉันคนเดียวเท่านั้น.. คุณนิดคะ ฉันอยากจะขอให้คุณคิดเรื่องนี้อีกสักครั้งได้ไหม)“คิดเรื่องอะไรเหรอคะ”(เรื่องพี่รามกับคุณ.. ฉันอยากให้คุณหลีกทางให้เรา ถึงแม้เขาจะรักฉันน้อยกว่าที่ฉันรักเขา ถึงแม้พี่รามจะบอกฉันว่า ระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้ก็ตาม เขาให้ฉันอยู่แบบนี้ต่อไป เขาจะไม่ทอดทิ้งฉัน แต่ฉันต้องอยู่อย่างเจียมตัว และเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับตลอดไป ถ้าเรื่องของฉันกับเขารู้ถึงหูคุณ เขาจะไม่รับผิดชอบฉันและไล่ฉันออกจากงาน ฉันจึงอยากจะขอให้เรื่องที่เราคุยกันวันนี้เป็นความลับระหว่างเราได้ไหมคะ)หึ! ลูกไม้ตื้น ๆ ของคุณ เหมือนในละครไทยน้ำเน่าที่แม่ฉันดูไม่มีผิด นึกว่าเด็กนอกอย่างฉันจะไม่รู้ทันคุณหรือไง“ได้สิคะ เพราะถ้าฉันพูดไป ฉันก็คงจับผิดพี่รามไม่ได้เหมือนกัน”(ไม่ต้องไปจับผิดหรอกค่ะ ที่ฉันพูดมาทั้งหมดคือเรื่องจริง แม้กระทั่งเรื่องท้องของฉันคุณก็รู้แล้วนี่คะ คืนพี่รามให้ฉันเถอะนะคะคุณนิด คุณยังสา