“ป้าคะ ลุง อยู่บ้านกันหรือเปล่า”
วงเดือนโผล่หน้าออกมาจากชานเรือน เมื่อเห็นว่าใครกำลังยืนเรียกอยู่ที่หน้าบ้าน เธอก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างดีใจ “แก้ว กลับมาแล้วเหรอ ขึ้นมาบ้านก่อนเร็วแดดกำลังร้อน”
หลังจากตื่นนอนวันนี้ พิริยาได้ตัดสินใจเดินทางกลับบ้าน อย่างน้อย บ้านน้อยหลังนี้ก็เป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมของเธอ ถึงแม้จะยังไม่รู้สึกคุ้นชินนักแต่เธอก็อยากจะลองปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตตอนนี้ให้ได้ เผื่อจะมีลู่ทางที่ดีเพิ่มขึ้นในอนาคต
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาและจริงใจของวงเดือน เธอรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาที่อก บางทีชีวิตที่กำลังดำเนินต่อไปของเธออาจไม่ได้แย่เกินไปนักก็ได้ พิริยาส่งยิ้มพร้อมกับหิ้วของพะรุงพะรังเดินขึ้นบ้านไป
“หิ้วอะไรมาเยอะแยะ”
“ของฝากค่ะป้า ลุงกับไทยไม่อยู่บ้านเหรอคะ”
“ลุงเขาไปทำงานในไร่ ส่วนเจ้าไทยไม่รู้ไปซนที่ไหน หายหัวไปตั้งแต่กินมื้อเช้าเสร็จ ดีว่าอาทิตย์หน้าเปิดเทอมแล้ว”
“นี่ค่ะของฝาก ถุงเล็กนี่เป็นขนมของไทย ส่วนที่เหลือของลุงกับป้านะคะ” พลางยื่นถุงพลาสติกหลายถุงส่งให้วงเดือน
วงเดือนนิ่วหน้ามองอย่างไม่สบายใจ “ซื้อมาทำไมแก้ว แล้วแก้วเอาเงินมาจากไหน”
“แก้วขายเสื้อผ้าที่หน้าโรงหนังในตัวเมืองค่ะ ขายดีมาก ป้าไม่ต้องห่วงตอนนี้แก้วพอมีเงินแล้ว”
“ไหน มานั่งคุยกันดี ๆ ขายเสื้อผ้าอะไร แล้วแก้วไปเอาเสื้อผ้ามาจากไหน”
เพราะเตรียมการมาอย่างดี พิริยาจึงบอกเล่าได้อย่างคล่องปาก “เพื่อนแก้วที่เรียน ม.4 ด้วยกันเค้ามีญาติเปิดร้านขายส่งเสื้อผ้าในตัวเมือง แก้วเลยขอให้เพื่อนช่วยติดต่อให้”
“เขาก็ใจดีค่ะ ให้เสื้อผ้ามาขายส่วนหนึ่งแบบยังไม่คิดเงิน รอขายได้ค่อยไปจ่ายทีหลัง เผอิญขายดีมากค่ะป้า ที่แก้วหายไปหลายวันเพราะอยู่ขายเสื้อผ้านี่แหละ กำไรดีมากค่ะ วันหนึ่งได้ตั้งห้าร้อยบาท”
วงเดือนยิ้มออกมาอย่างมีความสุขไปกับหญิงสาวด้วย “ดีจริงเลยแก้ว แล้วแบบนี้ต้องไปอยู่ในเมืองตลอดเลยรึเปล่า เรื่องกินอยู่จะทำยังไง” แล้วก็อดถามต่อด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
“ตอนนี้แก้วเพิ่งได้ที่ขายประจำ ขายได้เฉพาะเสาร์ อาทิตย์ เท่านั้น แก้วตั้งใจจะนอนพักในตัวเมืองอาทิตย์ละสองสามวัน ส่วนวันอื่น ๆ ก็กลับมาอยู่บ้าน เรื่องที่พัก แก้วเช่าหอพักใกล้ ๆ โรงหนังไว้แล้ว เป็นหอพักหญิงรับรองปลอดภัยหายห่วงค่ะป้าเดือน”
“ป้าดีใจกับแก้วด้วยนะลูก เป็นการเริ่มต้นที่ดีทีเดียว ป้าเชื่อว่าอนาคตของหนูต้องไปได้ดีกว่านี้แน่ ๆ...ว่าแต่แก้วตั้งใจจะขายเสื้อผ้าอย่างนี้ตลอดไปเลยรึเปล่า”
พิริยาส่ายหน้าเบา ๆ “แก้วตั้งใจจะขายแค่ชั่วคราวค่ะป้า ขายเพื่อให้มีเงินในมือสักก้อน ระหว่างนั้นก็จะลองมอง ๆ ดูว่าอาชีพไหนอีกที่เหมาะกับแก้ว ตอนนี้ยอมรับเลยค่ะว่ามองตัวเองไม่ออกเหมือนกันว่าชอบอะไร”
“แล้วเรื่องเรียนล่ะลูก”
“เหมือนที่แก้วเคยบอกลุงกับป้าไว้ แก้วตั้งใจจะกลับไปเรียน กศน.ในปีหน้าค่ะ ระหว่างนี้ ถ้าเจองานที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุด แก้วก็จะทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ยังไงแก้วก็จะไม่ทิ้งการเรียนแน่นอน”
“ดีแล้วแก้ว เรียนให้สูงไว้ไม่เสียหลาย อนาคตหากงานของเราเจอทางตัน เราก็ยังมีความรู้เพื่อหาเลี้ยงชีพต่อไปได้” วงเดือนเบาใจขึ้นเยอะเมื่อได้ยินคำยืนยันที่หนักแน่น
“วันนี้แก้วมากินมื้อเย็นที่บ้านป้านะ เดี๋ยวป้าทำของชอบให้หลาย ๆ อย่างเลย”
“ขอบคุณมากค่ะป้า เย็น ๆ แก้วจะมาช่วยทำ แต่ตอนนี้ขอไปปัดกวาดบ้านก่อน ไม่อยู่หลายวันฝุ่นคงหนาเป็นนิ้วแล้ว”
-----
หลังจากทำความสะอาดบ้านเรียบร้อยแล้ว พิริยาก็ได้นั่งทอดอารมณ์อยู่ตรงชานบ้าน เธอกำลังคิดถึงอนาคตของตัวเองหลังจากนี้
แน่นอนว่าการขายเสื้อผ้านั้นเป็นเพียงอาชีพชั่วคราวเท่านั้น เสื้อผ้าที่อยู่ในพื้นที่คงต้องหมดลงไปไม่วันใดก็วันหนึ่ง เธอจำต้องหาอาชีพที่มั่นคงอื่นเพื่อเลี้ยงชีพของตัวเองให้ได้
แต่ถ้าจะให้รอจนเรียนจบแล้วค่อยหางานทำในระบบตามปกติ เธอก็ไม่มีใจรักในงานด้านนี้แม้แต่น้อย สำหรับเธอแล้ว ถ้าให้เลือกระหว่างการทำงานในระบบกับการทำธุรกิจ ใจเธอเอนเอียงมาทางการทำธุรกิจมากกว่า และธุรกิจที่พิริยาให้ความสนใจมากที่สุดย่อมหนีไม่พ้นเรื่องปากท้อง
ชาติก่อนเธอเป็นคนชอบกิน และชาตินี้หากจะคิดทำธุรกิจสักอย่าง เธอก็อยากทำธุรกิจที่ถนัดมากที่สุด ถ้าจะเรียกว่าถนัดก็เหมือนจะไม่ถูกต้องนัก เธอกินเป็นอย่างเดียวแต่ทำไม่เป็นแม้แต่น้อย
แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ตอนนี้มีแท็บเล็ต ไอเทมเด็ดอยู่กับตัว มีคนทำคลิปวิดีโอเผยแพร่สูตรอาหารอยู่มากมาย เพียงแค่ตั้งใจศึกษา หญิงสาวมั่นใจว่าย่อมไม่เหลือบ่ากว่าแรง
แต่ปัญหาสำคัญมากที่สุดคือ เธอยังคิดไม่ออกว่าจะขายอาหารประเภทไหน ตอนนี้จึงได้แต่รอ รอให้ถึงปลายสัปดาห์นี้ตอนเข้าเมืองไปขายเสื้อผ้า พิริยาตั้งใจจะเดินวนดูรอบตัวเมืองสักรอบเพื่อสังเกตการณ์ว่ารสนิยมการกินของผู้คนในจังหวัดนี้ไปในทิศทางไหน แต่เธอไม่ได้คิดจะขายของเหมือนคนอื่นหรอกนะ
คนมาก่อนย่อมได้กินพุงปลา
พิริยาจำคติของป๊าที่พูดให้ได้ยินบ่อย ๆ ได้ ถึงแม้เธอจะแอบแย้งในใจทุกครั้งว่าพุงปลาเนื้อมันแหยะ เธอไม่ชอบกิน แต่ตอนนี้คงต้องหัดชอบกินพุงปลาเหมือนป๊าบ้างแล้ว หญิงสาวตั้งใจจะทำของที่แปลก แหวกแนว หากินยาก และติดตลาดง่าย เพื่อชิงความเป็นผู้นำในตลาดก่อน
“ป๊า ม้า พ่อ แม่ เป็นกำลังใจให้หนูด้วยนะคะ” พิริยาหันพูดกับรูปที่ตั้งอยู่ในห้องโถงของบ้านด้วยใบหน้ายิ้มกระจ่าง ตอนนี้เธอมั่นใจแล้วว่าพ่อและแม่เจ้าของร่างเดิม คือป๊ากับม้าของเธอในชาติก่อน ถึงแม้จะเสียใจอยู่มากที่ไม่มีโอกาสได้พบเจอพวกท่าน แต่เธอยังลูกสาวของพวกท่านไม่ใช่เหรอ เธอต้องมีเลือดนักสู้เหมือนพวกท่าน เธอต้องสร้างธุรกิจของตัวเองขึ้นมาให้ได้
เอาล่ะ ไหน ๆ ชีวิตมันก็ถูกออกแบบมาในรูปนี้แล้วคงไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก การก้าวเดินต่อไปข้างหน้าต่างหากที่สำคัญมากที่สุด
ชื่อพิริยาคงต้องเก็บไว้เป็นเพียงรอยจารอยู่ข้างใน
ณ ตอนนี้เธอพร้อมจะเป็นปิ่นแก้ว หญิงสาววัยสิบหกปีที่อยู่ในยุคปี พ.ศ.2525 อย่างเต็มตัวแล้ว
หญิงสาวเดินเข้าร้านเพื่อเลือกซื้อขนมอบ ขนมเค้กไม่มีแบ่งขายเป็นชิ้น เธอจึงเลือกปอนด์เล็กสุด และหยิบคุกกี้กระปุกเล็ก เค้กโรล ขนมปังปอนด์มาอีกอย่างละหนึ่งเพื่อทดสอบรสชาติ“แอะ! แค็ก..” คาวไข่ขั้นสุดเมื่อกลับมาถึงหอพัก เธอได้รีบแกะขนมออกมาชิม ทันทีที่ตักขนมเค้กเข้าปาก ผลที่ได้คือเนื้อเค้กที่หวานจัดและคาวไข่เป็นอย่างมาก ไม่เท่านั้น เนื้อครีมที่ปาดหน้าเค้กค่อนข้างหนัก ทั้งหวานและเลี่ยน เมื่อกัดชิมคำแรกถึงกับคายทิ้งแทบไม่ทัน แล้วทำไมถึงยังขายดีได้ขนาดนี้เค้กโรลก็ให้ความรู้สึกไม่ต่างกัน สำหรับคุกกี้นั้นให้ความรู้สึกหวานเพียงอย่างเดียว ไม่มีความหอมหรือมันของเนยแม้แต่น้อย ส่วนขนมปังปอนด์นั้นสามารถพูดได้เลยว่าขนมปังให้ปลาในยุคที่เธอจากมายังนุ่มมากกว่า แล้วทำไมถึงยังขายดีขนาดนี้ได้อีกแต่ข้อด้อยพวกนี้แหละคือตัวช่วย หากทำขนมออกมาแบบไม่เหลือข้อด้อยพวกนี้ ธุรกิจจะต้องรุ่งโรจน์อย่างไม่ต้องสงสัย ปิ่นแก้วอยู่ในอารมณ์ที่คึกคักถึงขีดสุดเธอรีบหายเข้าไปในพื้นที่และเปิดคลิปวิดีโอเกี่ยวกับขนมยอดฮิตต่าง ๆ ดู ก่อนจะคัดเมนูที่ทำได้ไม
“แก้วรู้ค่ะว่าป้าเป็นห่วงแก้วและหวังดีกับแก้วที่สุด แก้วขอบคุณป้ามาก ๆ นะคะ”“ถ้าจะให้พูดตามจริง ตอนนี้แก้วมีเงินพอที่จะส่งทั้งตัวเองและชัยเรียนได้อย่างสบาย แต่ใจแก้วยังไม่อยากเรียนเอง เพราะถ้าเรียนต่อ ม.4 แล้วพอจบ ม.6 ก็ต้องอยากเรียนต่อมหาวิทยาลัยอีก ค่าใช้จ่ายเรียนมหาวิทยาลัยค่อนข้างสูงป้าเองก็รู้นี่คะ แล้วแก้วจะเอาเงินที่ไหนไปเรียนต่อ”“สู้ตอนนี้ หยุดเรียนก่อนสักครึ่งปี สร้างฐานะให้มั่นคง เก็บเกี่ยวเงินให้ได้เยอะ ๆ แล้วค่อยไปเรียน กศน. แก้วว่าน่าจะสบายกว่า”วงเดือนถอนหายใจแรง “แต่เรียน กศน. แล้วเหมือนจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยยากเต็มทีนะแก้ว ป้าเสียดายอนาคต”“ไม่หรอกค่ะป้า ลองเราตั้งใจจริง ไม่ว่าเรียนจบจากไหนก็สามารถสอบเข้าได้ แต่ที่เห็นกันจนชินตาว่าเรียน กศน.แล้วความรู้ไม่พอจะไปต่อมหาวิทยาลัย นั่นเพราะคนเรียน กศน.มีภาระผูกพันค่อนข้างมาก บางคนก็มีครอบครัวอยู่แล้ว ทำให้คิดไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยกันน้อย แต่แก้วไม่มีภาระตรงนี้นี่คะ ภาระอย่างเดียวของแก้วคือต้องหาเงินเลี้ยงตัวเองให้ได้เยอะ ๆ ถ้า
วงเดือนใช้มือตบพื้นเรือนเสียงดังด้วยความไม่พอใจ “ยุพินนี่มันเกินไปจริง ๆ รังแกได้แม้กระทั่งเด็ก”“ป้า อย่าโมโหไปเลย เรื่องมันสบช่องให้เขาได้เปรียบก็ต้องปล่อยไป” ปิ่นแก้วพูดปลอบ“ชัย พี่แก้วเค้าไปลงชื่อค้ำประกันเราไว้แบบนี้แล้ว ต่อไปเราต้องระมัดระวังตัว อย่าไปทำเรื่องทำนองนี้จนทำให้พี่เค้าเดือดร้อนอีกนะ ถ้าหิวหรือขาดอะไร ให้มาหาป้ากับลุงก่อน ป้ากับลุงจะช่วยเอง”“ผมขอบคุณพี่แก้วอีกครั้งนะครับที่ช่วย ต่อไปผมไม่กล้าแล้วจริง ๆ” ชิงชัยพูดพร้อมกับมีน้ำตารื้นอยู่เต็ม มันเป็นความรู้สึกทั้งเสียใจบวกกับความอับอายที่โดนประณามในเรื่องนี้“แม่กับพี่แก้วไม่ต้องห่วง ชัยเป็นคนดีจริง ๆ ไม่เคยมีนิสัยชอบขโมย” แดนไทยช่วยรับประกันให้เพื่อนรัก “ต่อไปหลังเลิกเรียนผมจะไปช่วยชัยหาผักป่าไปขายอีกแรง จะได้เอาเงินไปใช้หนี้ที่ติดอยู่ไว ๆ”“นี่แม่ชัยยังสร้างหนี้เพิ่มอีกเหรอ” วงเดือนเอ่ยด้วยน้ำเสียงตกใจ “อาทิตย์หน้าจะเปิดเทอมแล้วด้วย จะมีเวลาไปหาของป่าขายได้ที่ไหน เลิกเรียนก็ใกล้ค่ำแล้ว คงไม่พอหาหรอก”“ชัยไม่เรียนต่อแล้วนะแม่ ไม่มีค่าเทอม”“แล้วแม่ชัยรู้ไหมว่าลูกตัวเองจะไม่เรียนต่อแล้ว” วงเดือนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่พ
“ที่น้าพูดมันก็ถูก แต่ควรดูเจตนาเด็กก่อนที่จะกล่าวหา ชัยไม่ได้ตั้งใจขโมยแต่แรกนี่ เขาได้ยินว่าน้าไม่กินแล้ว และกำลังจะเทให้หมา ชัยเขาหิว เขาเลยตัดสินใจไปแบบนั้น”“หล่อนไม่ต้องมาทำหัวหมอ ฉันไม่สนใจ ถึงแม้ฉันจะไม่ต้องการกินแกงนี่แล้ว แต่มันก็ยังเป็นของฉัน ฉันจะให้ใครมันก็เป็นเรื่องของฉัน ในเมื่อฉันตั้งใจจะยกให้หมาแล้ว ไอ้เด็กหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์แย่งไปได้ ฉันจะเอาเรื่องไอ้เด็กเหลือขอนี่ให้ถึงที่สุด”เมื่อยุพินพูดจบ ผู้คนที่ยืนรายล้อมต่างส่งเสียงออกมาหลายแนว บ้างก็เห็นด้วยกับยุพิน บ้างก็เห็นด้วยกับปิ่นแก้ว บ้างก็มองดูเหตุการณ์ด้วยความสะใจและสนุกกับคราวเคราะห์ของชัยในครั้งนี้ บ้างก็มีสีหน้าแสดงความเห็นใจเด็กชาย แต่ยุพินไม่สนใจ เธอยังคงตั้งมั่นในความคิดของตน“ตกลงมีเรื่องอะไรกัน” คำแปง ผู้ใหญ่บ้านที่โดนเรียกตัวมาอย่างเร่งด่วน สอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อได้ฟังทั้งยุพินและปิ่นแก้วชี้แจงเรื่องราวในมุมมองของตน คำแปงก็ทำสีหน้าหนักใจอยู่ไม่น้อย เรื่องเหมือนจะดูเล็กน้อย แต่ถ้าคิดเป็นเรื่องใหญ่ ก็ดูใหญ่พอตัว โดยเฉพาะในหมู่บ้านที่ไม่เคยเกิดเหตุทำนองนี้มาก่อน“ยุพิน ปล่อยเด็กไปสักครั้งเถอะ อย
หลังจากทำความสะอาดบ้านเรียบร้อยแล้วและเห็นว่ายังเหลืออีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงมื้อเย็น เธอจึงตั้งใจจะเดินสำรวจหมู่บ้านนาแสนแห่งนี้ไปเพลิน ๆ ก่อนหมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านกลางหุบเขา มีภูเขาล้อมรอบ อากาศจึงเย็นตลอดปี และมีผู้คนอยู่อาศัยประมาณสามร้อยกว่าชีวิต ส่วนมากมีฐานะยากจน ประกอบอาชีพทำนาทำไร่เป็นหลัก บ้านที่ปลูกส่วนมากเป็นบ้านไม้สีหม่นหลังคามุงจาก มีบ้านฐานะดีที่หลังคามุงกระเบื้องและสังกะสีอยู่ไม่ถึงสิบหลัง ปิ่นแก้วเดินไปตามทางเดินซึ่งเป็นเส้นทางหลักภายในหมู่บ้านถึงจะขึ้นชื่อว่าเส้นทางหลัก แต่จริง ๆ ก็คือทางดินแดงเล็ก ๆ กว้างขนาดสองคนเดินสวนกัน พื้นผิวขรุขระและเป็นหลุมเป็นบ่อเสียเยอะ บางจุดเละเป็นโคลนเนื่องจากฝนที่ตกมาตั้งแต่เช้า ซึ่งผู้คนในหมู่บ้านไม่ได้รู้สึกแปลกหรือลำบากแต่อย่างใดเพราะคุ้นชินกับถนนแบบนี้มาหลายสิบปีแล้วจะมีก็เพียงปิ่นแก้วนี่แหละที่รู้สึกลำบาก เธอผู้เคยใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงมาทั้งชีวิต จึงไม่เคยรู้จักและไม่เคยสัมผัสฝุ่นสีแดงที่เกิดจากถนนดินแดงเลยสักครั้ง วันแรกที่ได้ย้อนเวลากลับมาเธอถึงกับสูดเอาฝุ่นแดงเข้าไปจนสำลักและแสบค
“ป้าคะ ลุง อยู่บ้านกันหรือเปล่า”วงเดือนโผล่หน้าออกมาจากชานเรือน เมื่อเห็นว่าใครกำลังยืนเรียกอยู่ที่หน้าบ้าน เธอก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างดีใจ “แก้ว กลับมาแล้วเหรอ ขึ้นมาบ้านก่อนเร็วแดดกำลังร้อน”หลังจากตื่นนอนวันนี้ พิริยาได้ตัดสินใจเดินทางกลับบ้าน อย่างน้อย บ้านน้อยหลังนี้ก็เป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมของเธอ ถึงแม้จะยังไม่รู้สึกคุ้นชินนักแต่เธอก็อยากจะลองปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตตอนนี้ให้ได้ เผื่อจะมีลู่ทางที่ดีเพิ่มขึ้นในอนาคตเมื่อเห็นรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาและจริงใจของวงเดือน เธอรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาที่อก บางทีชีวิตที่กำลังดำเนินต่อไปของเธออาจไม่ได้แย่เกินไปนักก็ได้ พิริยาส่งยิ้มพร้อมกับหิ้วของพะรุงพะรังเดินขึ้นบ้านไป“หิ้วอะไรมาเยอะแยะ”“ของฝากค่ะป้า ลุงกับไทยไม่อยู่บ้านเหรอคะ”“ลุงเขาไปทำงานในไร่ ส่วนเจ้าไทยไม่รู้ไปซนที่ไหน หายหัวไปตั้งแต่กินมื้อเช้าเสร็จ ดีว่าอาทิตย์หน้าเปิดเทอมแล้ว”“นี่ค่ะของฝาก ถุงเล็กนี่เป็นขนมของไทย ส่วนที่เหลือของลุงกับป้านะคะ&