แชร์

ตัดขาดตระกูลจาง

ผู้เขียน: l3oonm@
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-17 00:57:45

เมื่อเขามีครอบครัวเป็นของตนเองจึงไม่อยากให้ภรรยาถูกรังแกไปด้วย วันนี้เขาก็รู้จากลูกสะใภ้ว่าหลินเยว่นางต้องซักผ้าให้คนทั้งเรือน ทั้งยังเปิดให้ดูร่องรอยที่นางถูกนางฮั่วซื่อทุบตีอีกด้วย

“เอาเถิด เช่นนั้นก็นำที่นาและเงินในส่วนของอาซางมาให้อารุ่ยเสีย” เขาหันไปบอกจางซุนและนางฮั่วซื่อ

“เหอะ ข้าไม่ให้ ตั้งแต่มันเกิดมาครอบครัวข้าต้องสูญเสียไปไม่น้อย ตอนจะไปยังคิดจะมาเอาของ ของข้าไปอีกรึ” นางฮั่วซื่อเท้าสะเอวต่อว่าเลี่ยงรุ่ย

ผู้นำหมู่บ้านก็ดูเหมือนจะไม่พอใจอย่างยิ่งที่นางฮั่วซื่อดื้อรั้นเช่นนี้ เขากำลังจะอ้าปากต่อว่า แต่เสียงของเลี่ยงรุ่ยก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

“ท่านลุงจิ่ว ส่วนของบิดาข้า ข้าไม่ต้องการขอรับ แต่ข้าขอส่วนที่เป็นสินเดิมของท่านแม่คืนก็พอขอรับ” เขาเอ่ยอย่างนอบน้อมกับผู้นำหมู่บ้าน

“ไปนำมาคืนอารุ่ยเสีย” ผู้นำหมู่บ้านก็เห็นด้วยกับเลี่ยงรุ่ย

“ส่วนนี้ก็ไม่ได้” นางฮั่วซื่อหันหน้าไปทางอื่น

“เพ้ย ของอาซางก็ไม่ให้ ที่นากับบ้านของอากุ้ยเจ้าก็ไม่ให้อีกรึ เช่นนั้นก็ไปที่ว่าการ ให้ท่านนายอำเภอตัดสินเสีย”

จางซุนสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อได้ยินว่าจะไปที่ว่าการ เขาลากตัวมารดาออกไปคุยห่างจากผู้อื่นเล็กน้อย

“ท่านแม่ ท่านยอมให้อารุ่ยไปเถิดขอรับ หากไปถึงที่ว่าการ เรื่องของอาเฉิงต้องถูกพวกมันพูดขึ้นมาแน่นอน”

จางซุนรู้เรื่องมาจากนางหงซื่อตอนที่ไปตามเขากลับมาจากร้านข้าวในเมืองแล้ว เขาเป็นหลงจู๊อยู่ที่ร้านข้าวสาร คงไม่ดีหากเรื่องของบุตรชายหลุดออกไปจากเรือน ตัวเขาก็คงต้องถูกไล่ออกจากงานไปด้วย จึงได้รีบร้อนกลับมาที่หมู่บ้านทันที

นางฮั่วซื่อใบหน้าซีดขาว นางไม่อาจเอาอนาคตของหลานชายไปแลกกับเรื่องเช่นนี้ได้ จึงได้เดินขึ้นเรือนไปอย่างไม่พอใจ

“ท่านลุงจิ่ว ท่านเขียนหนังสือตัดขาดเถิดขอรับ”

ผู้นำหมู่บ้านเดินไปเขียนหนังสือตัดขาดที่แคร่ใต้ต้นไม้ทันที เมื่อเขียนเสร็จเขาส่งให้จางซุนและจางเลี่ยงรุ่ยคนละแผ่นเพื่อตรวจสอบ

หลินเยว่เห็นเลี่ยงรุ่ยรับกระดาษมาเม้มปากแน่น นางก็รู้ได้ทันทีว่าเขาคงอ่านตัวหนังสือที่เขียนไว้ไม่ออก จึงได้ดึงมาอ่านเอง

นางพอจะมีความรู้เรื่องตัวอักษรโบราณอยู่ไม่น้อย เมื่อต้องเดินทางไปนอกเมืองเพื่อซื้อวัตถุดิบ ชาวบ้านในหมู่บ้านบางแห่งเขียนอักษรโบราณแปะไว้ที่ผนังบ้านจึงทำให้นางสนใจ จนเริ่มที่จะหาหนังสือมาหัดอ่านและหัดเขียน

เพื่อที่ครั้งต่อไปเมื่อนางเดินทางไปติดต่อซื้อวัตถุดิบ จะได้พูดคุยกับพวกเขาได้บ้าง การที่ทำเช่นนี้ย่อมได้ใจชาวบ้านอยู่ไม่น้อย

ผู้นำหมู่บ้านจิ่วก็ไม่ได้แปลกใจที่หลินเยว่นางจะแย่งหนังสือตัดขาดไปอ่านเอง เพราะนางเป็นถึงคุณหนูตระกูลเกา เรื่องความรู้นางคงมีติดตัวมาไม่น้อย

จนถึงตอนนี้เขายังไม่เข้าใจเลยว่า นางฮั่วซื่อไปเจรจาเช่นไรถึงได้แต่งเกาหลินเยว่เข้าเรือนมาได้

และยังยกบุตรสาวคหบดีอย่างหลินเยว่ให้แต่งกับหลานชายที่นางรังเกียจ แทนที่จะเป็นจางเฉิงหลานรักของนาง

“รบกวนท่านผู้นำหมู่บ้าน เขียนเพิ่มให้ข้าอีกหน่อยเถิดเจ้าค่ะ”

“เจ้าจะให้ข้าเขียนอันใดเพิ่มรึ”

“เมื่อตัดขาดกันแล้ว ทั้งสองฝ่ายมิอาจหาผลประโยชน์อันใดต่อกันได้ หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเจริญรุ่งเรือง”

ผู้นำหมู่บ้านจิ่วมองหลินเยว่อย่างชื่นชม เด็กสาวผู้นี้ฉลาดไม่น้อย ไม่รู้ว่าเลี่ยงรุ่ยวาสนาดีเพียงใด ที่ได้แต่งนางเข้าเรือน

“ได้” เขารับคำของนางแล้วเดินไปร่างหนังสือต่อ

ทางด้านจางซุน และนางฮั่วซื่อ ย่อมต้องยินดีที่หลินเยว่นางเอ่ยออกมาเช่นนั้น หากนางไม่พูดขึ้น พวกเขาก็คงต้องเอ่ยบอกท่านผู้นำหมู่บ้านเช่นกัน

“หึ ต่อไปอาเฉิงได้เป็นขุนนาง พวกเจ้าก็อย่าลืมที่เอ่ยออกมาเมื่อครู่เล่า” นางหงซื่อเอ่ยเยาะเย้ยออกมา

“หลินเยว่จะจดจำไว้อย่างดี” นางก้มหัวลง พร้อมกับยิ้มหวานออกมา

“หึ” นางฮั่วซื่อสบถออกมา การกระทำของนางเช่นนี้ ใช่นอบน้อมเสียที่ไหน แต่เป็นการถากถางพวกเขาต่างหาก

ผู้นำหมู่บ้านส่งหนังสือตัดขาดให้พวกเขาคนละแผ่นและเก็บไว้ที่ตัวเองอีกหนึ่งแผ่น นางฮั่วซื่อจำต้องเดินเอาหนังสือสิทธิ์ที่นาและเรือนของนางฟู่กุ้ยมายื่นให้เลี่ยงรุ่ย

เขาเก็บทั้งหมดใส่ในอกเสื้อก่อนจะหันไปขอบคุณผู้นำหมู่บ้าน แล้วก้มลงคุกเข่าคำนับให้นางฮั่วซื่อเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะพาหลินเยว่นางไปเก็บของที่อยู่ในห้อง

ผู้นำหมู่บ้านมองตามแผ่นหลังของทั้งคู่ไปอย่างเห็นใจ คนดีเช่นเลี่ยงรุ่ยมิน่าต้องมาเกิดอยู่ในเรือนตระกูลจางเลย หากเขามีบุตรเช่นนี้ก็คงดีไม่น้อย เขาได้แต่ถอนหายใจ พร้อมเดินกลับไปที่เรือนของตนเอง

ข้าวของของเลี่ยงรุ่ยมีไม่มาก นอกจากเงินที่เขาแอบซ่อนไว้ก็มีเสื้อผ้าเพียงไม่กี่ชุด เขาให้หลินเยว่เก็บเงินไว้ในมิติ เพราะรู้ดีว่าเมื่อออกจากเรือนเขาต้องถูกค้นของในห่อผ้าอย่างแน่นอน

และไม่ต่างจากที่เขาคิด ทั้งห่อผ้าและหีบใส่ของของหลินเยว่ ล้วนแต่ถูกนางฮั่วซื่อและนางหงซื่อค้นอย่างเอาเป็นเอาตาย

“เหอะ สินเดิมของข้า ท่านก็กล้าค้นด้วยรึ” หลินเยว่นางต่อว่าออกมาอย่างเหลืออด

ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยที่มาชมเรื่องสนุกอยู่ที่หน้าเรือน ยังต้องส่ายหัวให้กับความใจแคบของคนตระกูลจาง ของที่ทั้งสองถืออยู่ในมือ เพียงมองดูก็รู้ว่าคงมีแต่เสื้อผ้า

“ผู้ใดจะรู้เล่า ว่าเจ้าจะขโมยของในเรือนข้าไปหรือไม่” นางฮั่วซื่อชี้หน้าหลินเยว่อย่างดูแคลน

“หึ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้เรื่องที่ท่านวางแผนจัดการข้ากับมารดาเลี้ยงของข้า ไหน ๆ ข้าก็จะไปแล้ว เงินที่ท่านได้มาก็ไม่น้อย คงใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายไปอีกนาน”

จางเฉิงที่แอบฟังอยู่ภายในห้อง ดวงตาของเขาเปล่งประกายทันที เมื่อได้ยินหลินเยว่นางพูดมาท่านย่าของเขาได้เงินมาจากนางเจินซื่อ

นางฮั่วซื่อใบหน้าซีดขาวทันที ที่หลินเยว่นำเรื่องของนางออกมาเปิดโปง ชาวบ้านได้แต่มองมาทางนางฮั่วซื่ออย่างแคลงใจ

เมื่อมีคำพูดของหลินเยว่เช่นนี้ เท่ากับความสงสัยเรื่องที่เหตุใด คุณหนูเช่นนางถึงแต่งเข้าตระกูลจางที่เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาได้ ก็นับว่าคลายความสงสัยแล้ว

“เจ้า เจ้า” นางได้แต่ชี้นิ้วมาทางหลินเยว่ แต่มิอาจพูดสิ่งใดออกมาได้

เรื่องนี้นางไม่สนใจแล้ว นางกลับดีใจเสียอีกที่ไม่ต้องแต่งให้บุรุษใจโลเลเช่น ตู้ฮุ่ยเหอ ถึงเขาจะเป็นถึงบุตรชายนายอำเภอ

ฟู่เลี่ยงรุ่ย (เขาเปลี่ยนมาใช้แซ่ของมารดาแล้ว) เห็นใจนางไม่น้อย เขาก็เพิ่งจะรู้เรื่องในตอนนี้ ตอนแรกที่ท่านย่าสั่งให้เขาแต่งงาน เขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าสตรีที่แต่งด้วยจะเป็นคุณหนูตระกูลเกา

ถึงภายนอกนางจะเป็นคุณหนูตระกูลเกา แต่วิญญาณของนางมิใช่แล้ว ตอนนี้เขาก็ไม่สนใจสิ่งใดเช่นกัน ขอเพียงแค่มีนางก็พอ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Watchree Dangnoogam
มาต่ออีกนะ รอๆค่ะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • พ่อบัณฑิตหน้าขาว ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง   ตัดขาดตระกูลจาง

    เมื่อเขามีครอบครัวเป็นของตนเองจึงไม่อยากให้ภรรยาถูกรังแกไปด้วย วันนี้เขาก็รู้จากลูกสะใภ้ว่าหลินเยว่นางต้องซักผ้าให้คนทั้งเรือน ทั้งยังเปิดให้ดูร่องรอยที่นางถูกนางฮั่วซื่อทุบตีอีกด้วย“เอาเถิด เช่นนั้นก็นำที่นาและเงินในส่วนของอาซางมาให้อารุ่ยเสีย” เขาหันไปบอกจางซุนและนางฮั่วซื่อ“เหอะ ข้าไม่ให้ ตั้งแต่มันเกิดมาครอบครัวข้าต้องสูญเสียไปไม่น้อย ตอนจะไปยังคิดจะมาเอาของ ของข้าไปอีกรึ” นางฮั่วซื่อเท้าสะเอวต่อว่าเลี่ยงรุ่ยผู้นำหมู่บ้านก็ดูเหมือนจะไม่พอใจอย่างยิ่งที่นางฮั่วซื่อดื้อรั้นเช่นนี้ เขากำลังจะอ้าปากต่อว่า แต่เสียงของเลี่ยงรุ่ยก็ดังขึ้นมาเสียก่อน“ท่านลุงจิ่ว ส่วนของบิดาข้า ข้าไม่ต้องการขอรับ แต่ข้าขอส่วนที่เป็นสินเดิมของท่านแม่คืนก็พอขอรับ” เขาเอ่ยอย่างนอบน้อมกับผู้นำหมู่บ้าน“ไปนำมาคืนอารุ่ยเสีย” ผู้นำหมู่บ้านก็เห็นด้วยกับเลี่ยงรุ่ย“ส่วนนี้ก็ไม่ได้” นางฮั่วซื่อหันหน้าไปทางอื่น“เพ้ย ของอาซางก็ไม่ให้ ที่นากับบ้านของอากุ้ยเจ้าก็ไม่ให้อีกรึ เช่นนั้นก็ไปที่ว่าการ ให้ท่านนายอำเภอตัดสินเสีย”จางซุนสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อได้ยินว่าจะไปที่ว่าการ เขาลากตัวมารดาออกไปคุยห่างจากผู้อื่นเล็กน้อย“ท

  • พ่อบัณฑิตหน้าขาว ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง   ข้าอยากให้ท่านได้ทำตามใจ

    หลินเยว่เบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อหู นางนอนอยู่ในห้องเฉยๆ ทำไมถึงได้ดึงนางเข้าไปเกี่ยวข้องได้เล่า“ท่านอาสะใภ้ ท่านพูดให้ดีเสียหน่อย ข้าจะให้ท่าบุตรชายของท่านเพื่ออันใด” หลินเยว่เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ“หึ ดูเสื้อผ้าของเจ้าสิ เช่นนี้ไม่ใช่ให้ท่าแล้วจะเรียกว่าอันใด”หลินเยว่นางจึงได้ก้มลงมองเสื้อผ้าของนาง นางอดที่จะกลอกตาอย่างเบื่อหน่ายไม่ได้ เพียงแค่เปิดนิดหน่อย นางไม่ได้แก้ผ้ากวักมือเรียกให้เขาเข้ามาในห้องของนางเสียเมื่อไหร่“เหอะ หากข้าแก้ผ้าเรียกเขาเข้ามาค่อยมากล่าวหาข้า ข้านอนอยู่ในห้องจะให้เสื้อผ้าเรียบร้อยเช่นเดิมก็คงจะแปลก” นางเถียงอย่างไม่ยินยอม“ท่านย่าข้าต้องการแยกเรือน” จางเลี่ยงรุ่ยเอ่ยขึ้นมา ก่อนที่ทั้งหมดจะเถียงกันไปมากกว่านี้“เจ้าว่าอันใดนะ” นางฮั่วซื่อเอ่ยถามอย่างไม่อยากเชื่อ“ข้าต้องการแยกเรือน ในเมื่ออาเฉิงคิดจะเข้าหาอาเยว่ ครั้งต่อไปเขาก็อาจจะทำอีกได้” ครั้งนี้เลี่ยงรุ่ยไม่ยอมอ่อนข้อให้อีกแล้ว“เพ้ย เจ้ากล้ารึ”“ต่อให้ข้าแยกออกไปต้องอดตาย ข้าก็ขอไปตายดาบหน้า แต่หากท่านย่าไม่ยอมให้ข้าแยกเรือน ข้าจะนำเรื่องที่อาเฉิงทำในวันนี้ไปแจ้งท่านอาจารย์ที่สำนักศึกษา”“เจ้า เจ้า

  • พ่อบัณฑิตหน้าขาว ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง   มิใช่เมียเจ้าให้ท่ารึ

    แต่หลินเยว่นางก็ยังร้องออกมา “อู๊ยยย” เมื่อตุ่มน้ำแตกออกนางก็แสบมือไม่น้อย“ใกล้เสร็จแล้ว” เขาเป่าลมใส่มือให้นางอย่างใส่ใจ“อย่าได้พูดเรื่องหย่าขึ้นมาอีกเข้าใจหรือไม่ แล้วก็นำของออกมาวางไว้ที่เดิมด้วย” เขาจับมือของนางไว้ พร้อมทั้งมองนางอย่างคาดคั้น“เลี่ยงรุ่ย ข้าอยู่ที่นี่ได้เพียงแค่สองวัน ข้าก็เริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไปข้าคงได้ตบตีกับพวกนางแน่ แล้วเจ้าจะทำเช่นไร” นางเอ่ยถามเขาออกมา เพราะรู้ดีว่าเรื่องความกตัญญูของคนในยุคนี้มาเป็นอันดับหนึ่งหากหลานสะใภ้ตบดีกับท่านย่าของสามี ชื่อเสียงของนางและของเขาก็คงจะถูกครหาไม่น้อย ไม่ใช่ว่าจางเลี่ยงรุ่ยจะไม่เข้าใจนาง เพียงแต่ว่าตอนนี้เขายังไม่อาจหาทางออกเรื่องการแยกเรือนออกไปได้“เจ้าใจเย็นอีกนิดได้หรือไม่ ข้ากำลังหาทางจัดการเรื่องนี้อยู่” เขามองนางอย่างขอความเห็นใจเขาก็ไม่อยากจะเสียนางไปเช่นกัน หลินเยว่นางเป็นคนเดียวที่เดือดร้อนแทนเขา เมื่อเขาถูกคนในเรือนรังแกตั้งแต่วันแรกที่พบนาง นางก็เอ่ยถามเขาเรื่องกินข้าวแล้วหรือยัง เหนื่อยมากหรือไม่ นางคงไม่รู้ว่าคำพูดเช่นนี้ไม่เคยมีผู้ใดพูดกับเขามาก่อน ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจอยู่ไม่น้อย“

  • พ่อบัณฑิตหน้าขาว ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง   การซักผ้าแบบใหม่

    เมื่อมาถึงริมแม่น้ำก็มีชาวบ้านอยู่ไม่น้อยที่นั่งซักผ้าอยู่ พอเห็นเลี่ยงรุ่ยแบกตะกร้าผ้ามาให้หลินเยว่ก็อดจะกระซิบพูดคุยกันไม่ได้ บางคนเห็นใจนางที่เป็นถึงคุณหนูแต่ต้องแต่งเข้ามาเป็นหลานสะใภ้ของนางฮั่วซื่อที่ปากร้ายใจแคบ บางคนก็ยินดีในคราวเคราะห์ของผู้อื่นหลินเยว่นางไม่สนใจว่าผู้ใดจะมองนางหรือนินทานางเช่นไร เมื่อเลี่ยงรุ่ยวางตะกร้าลง นางจึงให้เขาไปดูกับดักสัตว์ที่เขาวางไว้“เจ้าทำไหวแน่หรือ” เขามองนางอย่างเป็นห่วง เพราะรู้ดีว่านางคงไม่เคยซักผ้าเช่นนี้“เอาเถิด ท่านไปจัดการเรื่องของท่านเถิด” นางจะทำไหวได้อย่างไรแต่ในเมื่อต้องการให้นางซัก จะออกมาเป็นเช่นไรก็จะต่อว่านางไม่ได้เช่นกัน“ประเดี๋ยวข้าจะกลับมาแบกกลับเรือนเอง เจ้าซักเสร็จแล้วรอข้าอยู่ที่นี่เล่า”“อืม ไปเถิด”หลินเยว่นั่งลงที่ก้อนหินริมน้ำ นางนำเสื้อผ้าออกมากองทั้งหมด ก่อนจะเริ่มต้นซักที่ละตัว นางไม่ได้ดูว่าผู้อื่นซักผ้าเช่นไร นางมีวิธีของนางเมื่อสตรีที่อยู่ริมน้ำเห็นการซักผ้าของหลินเยว่ ต่างก็ต้องร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ ถึงกับมีสตรีใจกล้าเอ่ยถามนางด้วยว่ากำลังทำอะไร“ภรรยาอารุ่ยเจ้าซักผ้าไม่เป็นรึ เหตุใดถึงทำเช่นนั้น” หลินเยว่ห

  • พ่อบัณฑิตหน้าขาว ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง   งานเรือนให้เมียเจ้าทำ

    หลินเยว่มองหน้าจางเลี่ยงรุ่ยอย่างเหนื่อยใจ “เหตุใดท่านต้องยอมมากถึงเพียงนี้ด้วย”“ต่อให้ท่านย่าจะดุด่าข้าหรือทุบตีข้า อย่างน้อยนางก็ให้ที่หลับนอนและอาหารกับข้าทุกมื้อ” แม้จะกินไม่อิ่มท้องก็ตาม“เลี่ยงรุ่ย ท่านมีทางเลือกอื่นมากมาย เหตุใดต้องทนด้วยเล่า” หากนางโดนกระทำเพียงนี้ไม่รู้ว่าจะทนได้เท่าเขาหรือไม่“ข้าโดนเช่นนี้มาตั้งแต่เล็กแล้ว จะมาบอกว่าตอนนี้ทนไม่ได้ก็คงจะน่าขันไม่น้อย” แววตาของเขาเศร้าลง เมื่อนึกถึงเรื่องที่ตนต้องทนโดนโขกสับเยี่ยงทาสมานานนับสิบเก้าปี“ท่านเคยคิดจะแยกบ้านหรือไม่” นางยื่นหน้าเข้าไปถาม“เคย แต่จะแยกไปที่ใดเล่า ท่านย่าคงไม่ยอมแน่” เพราะเขาเป็นแรงงานของบ้านจะให้แยกตัวไปคงไม่มีใครยอม“เอาเถิด เรื่องนี้ค่อยว่ากัน หากเจ้าจะออกไปข้าก็ไม่ห้าม แต่เลี่ยงรุ่ย ข้าไม่เหมือนท่าน ข้าทนการถูกรังแกไม่ได้ หากต่อไปต้องโดนมากกว่านี้ ข้าคงต้องขอแยกทางกับท่าน” นางเอ่ยออกมาตรงๆ ถ้าจะให้ทั้งชีวิตนางมาทิ้งอยู่ในสภาพเช่นนี้นางก็ไม่เอาเช่นกันต่อให้ได้สามีที่ดีเช่นเขานางก็ไม่ต้องการ ต่อไปหากนางคิดจะสร้างตัว ไม่ใช่ว่าต้องยกเงินที่หามาได้ให้ท่านย่าของเขาเสียหมดเลยรึจางเลี่ยงรุ่ยเข้าใจควา

  • พ่อบัณฑิตหน้าขาว ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง   พาสำรวจบ้านในมิติ

    นางฮั่วซื่อจึงร้องเรียกให้นางหงซื่อที่วิ่งออกมาอยู่ที่หน้าเรือน เข้าไปจัดการในห้องครัวแทน“ไม่มีปากหรืออย่างไร ทำไม่เป็นเหตุใดถึงไม่พูด ห๊า” นางชี้นิ้วต่อว่าหลินเยว่เสียงดัง“ท่านไม่ได้ถามข้าว่าจุดไฟเป็นหรือไม่ ท่านถามเพียงแค่ว่าข้าทำอาหารได้หรือเปล่า” นางเถียงออกมาเสียงเบา“โอวโยว เจ้า เจ้าโง่เสียจริง เพียงจุดเตาก็ทำไม่ได้ ยังจะมาเถียงข้าอีก” นางฮั่วซื่อคว้าไม้ที่อยู่ใกล้มือได้ก็วิ่งเข้ามาตีหลินเยว่ทันทีนางจะวิ่งหนีก็ไม่ทันเสียแล้ว จึงได้ถูกไม้หวดไปที่ลำตัวถึงสองที แต่พอจะหันไปแย่งไม้กลับมา เลี่ยงรุ่ยที่เห็นควันไฟจากเรือนของตนก็รีบร้อนกลับมาที่เรือน เพราะกลัวว่าหลินเยว่นางจะก่อเรื่องมาถึงก็เห็นว่านางกำลังถูกท่านย่าทุบตีอยู่จึงได้เอาตัวเข้ามาขวางไว้ ทำให้ไม้ที่ฟาดลงมาอย่างแรงฟาดไปถูกหัวคิ้วของเขาจนเลือดไหลอาบออกมาอย่างน่าหวาดกลัว“เลี่ยงรุ่ย” หลินเยว่ร้องออกมาอย่างตกใจ นางรีบเข้าไปดูเขาทันทีนางฮั่วซื่อโยนไม้ในมือทิ้งอย่างรวดเร็ว นางไม่คิดว่าหลานชายจะเอาตัวเข้ามาขวาง แล้วไม่คิดว่าจะตีโดนหัวคิ้วของเขาจนเลือดออกมามากเพียงนี้“ท่านเป็นย่าของเขาจริงหรือไม่ เหตุใดต้องทุบตีจนได้เลือดด้วย”

  • พ่อบัณฑิตหน้าขาว ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง   เผาเรือนแล้ว

    คงมีเพียงจางเฉิงที่ยังชะเง้อคอมองเข้ามาด้านใน เพื่อให้ได้เห็นพี่สะใภ้อีกสักครั้ง แต่ก็ถูกจางเลี่ยงรุ่ยปิดประตูใส่หน้า จนเกือบจะกระแทกหน้าของเขาเข้า“ท่านหยิบชุดให้ข้าหน่อย” หลินเยว่บอกเขา“หึ เจ้าอยากจะเปิดเผยให้พวกเขาเห็นมิใช่หรือ แล้วเหตุใดถึงให้ข้าเห็นไม่ได้” จางเลี่ยงรุ่ยไม่พอใจอย่างมากที่นางแสร้งทำผ้าห่มหลุดจนเผยให้เห็นไหล่ของนาง“เพ้ย หากข้าไม่ทำเช่นนี้ แล้วพวกเขาจะเชื่อหรือไง ท่านหยิบให้ข้าเสียหน่อย”แต่แทนที่จางเลี่ยงรุ่ยจะหยิบชุดให้นาง เขาเดินไปดับเทียน แล้วขึ้นไปนอนบนเตียงข้างนางแทน“ท่าน” หลินเยว่ตกตะลึงไม่น้อยที่เขาขึ้นมานอนเลยไม่ยอมหยิบเสื้อผ้าให้นาง“หากอยากใส่ก็ลุกขึ้นไปหยิบเอง” เขาตะแคงหันหน้าหนีทันทีเพราะเตียงไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก เมื่อขึ้นมานอนสองคนจึงดูเบียดอยู่ไม่น้อย“ข้าหนาว” นางกระซิบบอกเขา เพื่อหวังว่าเขาจะไปหยิบชุดให้นาง“อากาศร้อนเช่นนี้เจ้ายังหนาวอีกรึ”“จาง เลี่ยง รุ่ย ท่านโกรธอะไรข้า ได้ ข้าไปหยิบเองก็ได้” นางทุบไปที่แขนของเขาหนึ่งที ก่อนจะใช้ผ้าห่มห่อตัวแล้วเดินไปหยิบชุดที่ปลายเตียงแต่เพราะภายในห้องไร้แสงเทียน ผ้าห่มที่คลุมตัวก็หนาจนนางขยับตัวอย่างยากล

  • พ่อบัณฑิตหน้าขาว ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง   เจ้าซ่อนอาหารไว้รึ

    หลินเยว่เพ่งจิตเข้าไปในมิติ ตามคำแนะนำของเทพชะตา เมื่อนางลืมตาขึ้นอีกครั้ง ภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนไปจากเดิม ไม่ได้เป็นห้องเล็กๆ เช่นที่นางอยู่ในตอนแรกแต่ด้านหน้าของนาง นอกจากทุ่งหญ้าที่กว้างแล้ว ยังมีทิวเขาที่งดงาม ลำธารที่ไหลผ่านตัดกับทุ่งหญ้า ดอกไม้นานาชนิดที่เบ่งบานส่งกลิ่นหอม แต่สิ่งที่ทำให้นางต้องกรีดร้องออกมาอย่างยินดีเห็นจะเป็นโกดังเก็บวัตถุดิบที่นางไว้ใช้ทำสินค้า และบ้านของนางที่เหมือนกับของเดิมไม่มีผิดเพี้ยน“สวรรค์ ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ เทพชะตา” นางคุกเข่าลง พร้อมทั้งตะโกนขึ้นไปบนฟ้าอย่างน้อยนางก็พอจะมองหาหนทางรอดที่จะใช้ชีวิตในภพนี้ได้แล้ว นับว่านางโชคดีไม่น้อยที่ขั้นตอนการผลิตทั้งหมดนางเรียนรู้ด้วยตนเองมาโดยตลอดต่อให้ต้องเริ่มทำขึ้นมาตามวิธีแบบโบราณนางก็ไม่กลัวแล้ว เพราะมีวัตถุดิบที่มากมายใช้ได้ไม่หมด นางไม่ต้องไปแสวงหาจากที่อื่นให้ยุ่งยากหลินเยว่วิ่งเข้าไปในบ้านของนางด้วยความดีใจ ข้าวของด้านในล้วนแต่มีเช่นเดียวกับที่ภพเดิม ไหนจะอาหารแห้งอาหารสดที่นางมักจะซื้อตุนไว้ตลอด และเมื่อออกไปดูวัตถุดิบนอกเมืองนางยังซื้อของชาวบ้านกลับมาเก็บไว้ไม่น้อยต่อให้ที่เรือนตระกูลจางไม่ให้นางก

  • พ่อบัณฑิตหน้าขาว ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง   ของชดเชย

    หากเป็นชาวบ้านที่มาร่วมงานคงไม่กล้าเข้ามาในห้องเจ้าสาวอย่างแน่นอน ถึงจะเข้ามาคนที่อยู่ด้านนอกก็ต้องรู้กันบ้างละ“เพ้ย ข้าไม่ใช่ผี ไม่ใช่คน แต่เป็นเทพชะตา” เขายืดอกขึ้นอย่างภูมิใจยิ่งทำให้หลินเยว่มึนงงมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก “แล้วท่านมาพบข้าด้วยเรื่องอะไร อย่าบอกนะว่า...” นางลากเสียงยาวจ้องจับผิดเขา ทั้ง ๆ ที่ตัวนางก็ไม่รู้หรอกว่าเขามาพบนางด้วยเรื่องอะไร“เอ่อ คือว่า...” เขามีพิรุธจริงอย่างที่นางคิดไว้เทพชะตาไม่กล้าที่จะบอกนางเรื่องที่เขาดึงตัววิญญาณมาผิดคน ความจริงแล้วหลินเยว่นางยังไม่ถึงฆาต คนที่ต้องตายเป็นสตรีอีกคนที่อยู่ในรถคันหลังต่อจากคันที่นางนั่งมาเพราะความผิดพลาดที่นำวิญญาณมาผิดคน เทพชะตาได้ตรวจดูแล้วพบว่า เกาหลินเยว่นางกำลังจะสิ้นใจ ชะตาของทั้งสองคนช่างประหลาดนัก ราวกับว่าเป็นคนคนเดียวกัน เขาจึงได้พาวิญญาณของนางมาสวมร่างแทนเสียเลยหากไม่ยอมมาเจรจากับนาง เขาต้องถูกลงโทษด้วยการยึดอายุบำเพ็ญเพียรถึงห้าร้อยปี จึงได้แต่ลงมาพบนางในครั้งนี้ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้“ท่านจะพาข้ากลับไปที่ภพเดิมใช่หรือไม่” ดวงตาของหลินเยว่เปล่งประกายขึ้นมาทันที“เอ่อ เรื่องนี้ เห็นทีจะไม่ได้ ร่างของเจ้าถู

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status