แชร์

ข้าอยากให้ท่านได้ทำตามใจ

ผู้เขียน: l3oonm@
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-17 00:57:29

หลินเยว่เบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อหู นางนอนอยู่ในห้องเฉยๆ ทำไมถึงได้ดึงนางเข้าไปเกี่ยวข้องได้เล่า

“ท่านอาสะใภ้ ท่านพูดให้ดีเสียหน่อย ข้าจะให้ท่าบุตรชายของท่านเพื่ออันใด” หลินเยว่เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

“หึ ดูเสื้อผ้าของเจ้าสิ เช่นนี้ไม่ใช่ให้ท่าแล้วจะเรียกว่าอันใด”

หลินเยว่นางจึงได้ก้มลงมองเสื้อผ้าของนาง นางอดที่จะกลอกตาอย่างเบื่อหน่ายไม่ได้ เพียงแค่เปิดนิดหน่อย นางไม่ได้แก้ผ้ากวักมือเรียกให้เขาเข้ามาในห้องของนางเสียเมื่อไหร่

“เหอะ หากข้าแก้ผ้าเรียกเขาเข้ามาค่อยมากล่าวหาข้า ข้านอนอยู่ในห้องจะให้เสื้อผ้าเรียบร้อยเช่นเดิมก็คงจะแปลก” นางเถียงอย่างไม่ยินยอม

“ท่านย่าข้าต้องการแยกเรือน” จางเลี่ยงรุ่ยเอ่ยขึ้นมา ก่อนที่ทั้งหมดจะเถียงกันไปมากกว่านี้

“เจ้าว่าอันใดนะ” นางฮั่วซื่อเอ่ยถามอย่างไม่อยากเชื่อ

“ข้าต้องการแยกเรือน ในเมื่ออาเฉิงคิดจะเข้าหาอาเยว่ ครั้งต่อไปเขาก็อาจจะทำอีกได้” ครั้งนี้เลี่ยงรุ่ยไม่ยอมอ่อนข้อให้อีกแล้ว

“เพ้ย เจ้ากล้ารึ”

“ต่อให้ข้าแยกออกไปต้องอดตาย ข้าก็ขอไปตายดาบหน้า แต่หากท่านย่าไม่ยอมให้ข้าแยกเรือน ข้าจะนำเรื่องที่อาเฉิงทำในวันนี้ไปแจ้งท่านอาจารย์ที่สำนักศึกษา”

“เจ้า เจ้า สวรรค์ เหตุใดถึงส่งตัวซวยเช่นนี้มาเกิดในเรือนของข้า” นางทิ้งตัวนั่งลงไปกับพื้นกรีดร้องเช่นที่ทำทุกครั้ง

นางไม่มีทางยอมให้เลี่ยงรุ่ยนำเรื่องเช่นนี้ไปพูดที่สำนักศึกษาอย่างแน่นอน หลานชายของนางต้องสอบเป็นขุนนาง จะมีชื่อเสียงด่างพร้อยไม่ได้

แต่เลี่ยงรุ่ยเพียงมองนางอย่างเย็นชา ไม่แม้แต่จะขอร้องให้นางลุกขึ้นเช่นเดิม

“ดีดี หากเจ้าเก่งกล้านักก็ออกไปจากเรือนของข้าเสีย ข้าไม่ให้เจ้าแยกเรือน แต่จะตัดเจ้าออกจากตระกูลไปเสียเลย” นางหงซื่อยิ้มเยาะมองจางเลี่ยงรุ่ย

“ท่านแม่ให้ข้าไปตามท่านพี่กลับมาเลยดีหรือไม่” นางหงซื่อรีบเสนอตัวทันที

หากจางเลี่ยงรุ่ยถูกตัดออกจากตระกูลไป ที่นาและเงินในเรือนก็ไม่ต้องแบ่งให้เขา แต่หากเพียงแค่แยกบ้านอย่างน้อยก็ต้องแบ่งที่นาและเงินให้เขาไปด้วย

ถึงแม้จะไม่อยากให้ แต่ก็จำต้องให้ เพราะผู้นำหมู่บ้านที่เป็นสหายของบิดาเลี่ยงรุ่ยคงไม่ยินยอมอย่างแน่นอน

“ไป เจ้ารีบไปเดี๋ยวนี้ อาซุยจะได้กลับมาทันก่อนฟ้ามืด แล้วตามผู้นำหมู่บ้านมาด้วยเล่า” นางฮั่วซื่อลอบมองเลี่ยงรุ่ย เพื่อดูว่าเขาจะเอ่ยขอร้องนางหรือไม่

แต่เมื่อไม่เห็นเขาเอ่ยขอร้อง ด้วยกลัวจะเสียหน้า จึงได้ช่วยนางหงซื่อลากอาเฉิงกลับไปที่เรือนหลัก

เมื่อทั้งหมดจากไปแล้ว หลินเยว่ก็มองเลี่ยงรุ่ยอย่างเป็นกังวล นางไม่คิดว่าเขาจะยอมถูกตัดขาดกับตระกูล นางคิดว่าเพียงแค่แยกเรือนเท่านั้น

“อารุ่ย” นางบีบมือของเขาแน่น

“เข้าไปในห้องเถิด กว่าท่านอาของข้าจะเดินทางกลับจากในเมืองก็เป็นเวลาเย็นแล้ว” เขาจูงมือหลินเยว่เข้าไปในห้อง

ทั้งสองจึงเข้าไปในมิติ เพื่อพูดคุยเรื่องที่เกิดขึ้นอีกครั้ง

“อาเฉิงทำเช่นที่เจ้าว่าจริงหรือ” นางเอ่ยถามอย่างไม่อยากเชื่อ เพราะนางไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา จะบอกว่านางนอนหลับลึกก็คงไม่ใช่

“ก่อนที่ข้าจะออกไปตัดหญ้าให้หมูข้าก็เห็นอาเฉิงทำท่าลับๆ ล่อๆ อยู่ที่ใกล้ๆ เรือนแล้ว ข้าจึงทำทีเป็นออกไปนอกเรือน แล้วหลบดูว่าเขาต้องการจะทำสิ่งใด”

หลินเยว่อดที่จะขนลุกไม่ได้ หากเขาเข้ามาในห้องนางโดยที่ไม่มีจางเลี่ยงรุ่ยอยู่ด้วย นางคงได้แต่หนีเข้ามิติ แต่หากว่าหนีเข้าไปไม่ทัน ไม่รู้ว่านางจะสู้แรงของเขาได้หรือไม่

“เจ้าไม่ต้องกลัว ต่อให้ข้าถูกตัดขาดกับตระกูล ข้าก็ต้องพาเจ้าไปอยู่ที่อื่น” เขาบีบมือของนางแน่น

“แล้ว ไปตอนนี้ เจ้ามีเงินรึ” หลินเยว่นางอดที่จะเอ่ยถามออกมาไม่ได้

ที่นางมีเงินเพียงยี่สิบตำลึงเงินเท่านั้น หากจะซื้อเรือนก็คงจะไม่พอ หากต้องไปเช่าอยู่ก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เงินมากหรือไม่

“ข้ามีเงินที่แอบซ่อนไว้อยู่จำนวนหนึ่ง และยังมีเรือนของมารดาข้าอยู่ที่ฝั่งตะวันตก เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะพาเจ้าไปพักที่เรือนนั้นเสียก่อน” เขานำสัตว์ไปขายในเมือง เงินส่วนมากจำต้องส่งให้ท่านย่าทั้งหมด

แต่เลี่ยงรุ่ยก็มิใช่คนโง่ เขามิได้นำสัตว์ป่าที่ล่าได้กลับมาที่เรือนทั้งหมด ยังคงซ่อนไว้ด้านนอก เมื่อทำเช่นนี้นางฮั่วซื่อจึงไม่สงสัยเขาในเรื่องเงิน

มารดาของเลี่ยงรุ่ยก็เป็นคนในหมู่บ้านเช่นกัน ท่านตาท่านยายของเขาล้วนแต่เสียชีวิตไปนานแล้ว เหลือที่นาและเรือนหลังนั้นไว้ให้มารดาของเขา ถึงแม้ตอนนี้ทั้งหมดจะอยู่ในความดูแลของนางฮั่วซื่อ แต่ในเมื่อจะถูกตัดขาดออกจากตระกูลเขาก็สมควรจะได้ของของเขาคืนมา

“ช่างเถิด ข้ายังมีหนทางที่จะหาเงินอีกมาก ท่านไม่ต้องห่วง ข้าจะเลี้ยงดูท่านเองดีหรือไม่” นางเอียงคอมองเขาอย่างหยอกล้อ

เลี่ยงรุ่ยฟังคำพูดและท่าทางที่ซุกซนของนาง เขาก็อดจะยกยิ้มออกมาไม่ได้ พร้อมทั้งดีดหน้าผากของนางอย่างมันเขี้ยว

“โอ๊ยย ท่านดีดหน้าผากข้าทำไม”

“เรื่องเลี้ยงดูเจ้า ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า เจ้าเป็นสตรีควรอยู่ดูแลเรือนก็พอ” เขาอยากจะบอกนางว่าสมควรเลี้ยงดูเพียงลูกก็พอ

“แต่ข้าอยากให้ท่านได้ร่ำเรียน ตอนนี้ท่านเพียงสิบเก้าหนาว ยังมีเวลาอีกมาก ข้าอยากให้ท่านได้ทำตามความต้องการของตนเอง” นางอยากให้เขาได้ทำตามความต้องการของตนเองสักครั้ง เพราะตั้งแต่เกิดมาเขาคงไม่ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการเลย

เลี่ยงรุ่ยมองหลินเยว่อย่างขอบคุณ เขาดึงนางเข้ามาสวมกอดไว้แน่น นางเป็นคนแรกเลยกระมังที่พูดให้เขาทำตามความต้องการ

หลินเยว่ตกตะลึงไม่น้อยที่อยู่ๆ เลี่ยงรุ่ยก็ดึงนางเข้าไปสวมกอดเช่นนี้ นางที่ทำตัวไม่ถูกจึงได้เอ่ยออกมาว่า “ข้าหิวแล้ว” เขาถึงได้ยอมปล่อยตัวนาง

หลินเยว่รีบวิ่งเข้าไปในครัว เพื่อทำอาหาร แต่ความจริงแล้วนางเขินอายไม่น้อย จึงไม่กล้าที่จะสู้หน้าเขาในตอนนี้

เมื่อทั้งสองออกมาจากมิติ นางหงซื่อที่ไปตามจางซุยในเมืองก็เดินทางกลับมาถึงเรือนพอดี ทั้งคู่ยังพาผู้นำหมู่บ้านมาที่เรือนของพวกเขาด้วย

เสียงร้องเรียกของผู้นำหมู่บ้านดังเรียกเลี่ยงรุ่ยอยู่ที่หน้าห้องของเขา เขาจึงได้พาหลินเยว่นางออกไปด้านหน้าเรือนหลัก

“จริงรึ ที่เจ้าจะออกจากตระกูล” ผู้นำหมู่บ้านจิ่วเอ่ยถามเลี่ยงรุ่ยอย่างเป็นห่วง

“ขอรับ ท่านลุงจิ่ว”

ผู้นำหมู่บ้านไม่ได้เอ่ยถามว่าเป็นเพราะเหตุใด เขาถึงต้องการออกจากตระกูล ตัวเขาก็พอจะรู้มาไม่น้อยว่าเลี่ยงรุ่ยถูกคนตระกูลรังแกมากเพียงใด

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พ่อบัณฑิตหน้าขาว ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง   ตอนจบ

    ผ่านเหตุการณ์วุ่นวายทั้งหมดมาได้สิบวัน หลินเยว่ก็เดินทางกลับจวนของตนเอง เซี่ยเหลี่ยงและไป๋ซื่อที่ติดเหลนชายตัวน้อยเข้าเสียแล้วก็มิอาจจะทนห่างเหลนได้ จึงได้พักอยู่ที่จวนตระกูลฟู่ตลอดไปอวี่หรันการค้าของนางนับวันก็เริ่มจะดีขึ้น หลังจากที่ผู้คนทั่วเมืองหลวงรู้ว่าซูเซียวและหลินเยว่ตัดผ้าที่ร้านของนางก็เริ่มเข้ามาสั่งจองวัดตัวกันมากมายความจริงมิใช่ว่าชื่อเสียงของหลินเยว่และซูเซียวโด่งดังอันใดมากนัก แต่เป็นเพราะแบบร่างของนางมากกว่า ที่มีลวดลายแปลกใหม่และแบบเสื้อผ้าที่ไม่เหมือนของผู้อื่นหลินเยว่ยังแนะนำให้นางทำตราประทับร้านซ่อนลายไว้ที่ตัวผ้าของนางด้วย เมื่อทำเช่นนี้หากมีสินค้าที่ลอกเลียนแบบก็รู้ได้ทันทีนับว่าวิธีนี้ของนางสร้างชื่อเสียงให้ร้านของอวี่หรันอยู่ไม่น้อยเซี่ยหมิ่นที่เดินทางมาถึงเมืองหลวงแล้ว และได้เข้าพักที่จวนหลังใหม่ เขาก็หันมาทำการค้าให้หลินเยว่อย่างเต็มตัว เรื่องเรียนของเขาตอนที่อยู่เมืองหานตงก็มิได้ทิ้งขว้าง นับว่าตอนนี้เขามีตำแหน่งซิ่วไฉไว้อวดอ้างก็เพียงพอแล้วสินค้าของหลินเยว่ที่ทั้งส่งให้เหมยฮวาและที่ในร้านเหม่ยเซียง ต่างสร้างชื่อให้กับนางอย่างมากมาย จนพ่อค้าต่างแคว้นเ

  • พ่อบัณฑิตหน้าขาว ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง   เรื่องแปลกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

    คนทั้งห้องโถงตระกูลเซี่ยล้วนแต่ตกตะลึงกับสิ่งที่อวี่หรันนางพูดออกมา“จะ เจ้า พูดสิ่งใดออกมา เรื่องที่นางพูดไม่เป็นความจริงนะขอรับ” เซี่ยเหว่ยตวาดอวี่หรันเสียงดัง พร้อมกับหันไปบอกผู้อาวุโสคนอื่นอย่างร้อนรน“อาเหว่ย เจ้าทำจริงรึ” เซี่ยเหลี่ยงเอ่ยถามน้องชายเสียงสั่น แม้จะสงสัยในตัวของเซี่ยเหว่ยอยู่ไม่น้อย แต่พอมารับฟังเรื่องราวจริงๆ เช่นนี้ เขาก็ไม่อาจจะทำใจได้เช่นกัน“มะ ไม่ ไม่จริง พี่ใหญ่ นางพูดปด ทะ ท่านอย่าได้เชื่อนาง”นางจงซื่อที่ได้สติกลับมาก็กรีดร้องออกมาอย่างไม่ยินยอม“ใครให้เจ้าพูดเรื่องในปีนั้นออกมา ผู้ใดเป็นคนบอกเจ้า”นางจงซื่อพุ่งเข้าไปทุบตีอวี่หรัน แต่ก็ถูกจินห่าวบังตัวของนางไว้ นางจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ คนอื่นก็เข้ามาดึงนางจงซื่อออกไปสงบสติอารมณ์ท่าทางเช่นนี้ของนางจงซื่อราวกับตอกย้ำว่าเรื่องที่อวี่หรันนางพูดออกมาเป็นความจริงทั้งหมด“พอ!!! พอกันที วันนี้ข้าจะตัดพวกเจ้าออกจากตระกูลเซี่ยเสีย หากผู้ใดที่ไม่เห็นด้วยกับข้าก็จงรอรับผลได้เลย” เซี่ยเหลี่ยงหมดความอดทนทันที ดวงตาที่แดงก่ำของเขาไล่มองไปที่ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงเสียงร้องคร่ำครวญราวกับจะขาดใจของไป๋ซื่อยิ่งทำให้เซี่ยเหลี่ย

  • พ่อบัณฑิตหน้าขาว ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง   ความจริงปรากฏ

    ตั้งแต่ที่เลี่ยงรุ่ยฝึกวรยุทธ์ นางก็ไม่อาจทนมองเขายามที่ถอดเสื้อได้เลย หน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อขึ้นมัดอย่างชัดเจน แผงอกก็ดูเหมือนจะกว้างขึ้นหลายชุ่น“อาเยว่...” เลี่ยงรุ่ยเสียงของเขาแหบพร่าไปด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน เพียงแค่นางสะกิดเขาก็ติดเสียแล้วหลินเยว่ดันตัวเลี่ยงรุ่ยให้ลุกขึ้น นางปลดเชือกที่มัดอยู่ที่กางเกงเขาออกอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะชักรูดลำทวนของเขาอย่างชำนาญเรียวลิ้นน้อยๆ ของนางเตะลงเพียงแค่ส่วนหัว ร่างกายของเลี่ยงรุ่ยก็สั่นสะท้านเสียแล้ว “อาเยว่ เจ้ากำลังจะทำให้ข้าคลั่งตาย” เขาลูบหัวของนางยามที่ปากน้อยๆ ของนางดูดกลืนลำทวนของเขาเข้าไปจนสุด เลี่ยงสุดก็เผลอกระแทกเข้าออกอย่างลืมตัว จนหลินเยว่นางเกือบจะอาเจียนออกมา แต่จำต้องฝืนเอาไว้ เพราะเป็นนางที่ยั่วยวนเขาก่อนเพียงแค่การมัดจำของนางก็เร่าร้อนจนเขาแทบอยากจะส่งลำทวนเข้าไปในร่างของนางแล้ว ไม่รู้ว่าหากเป็นรางวัลที่นางจะมอบให้ จะเร่าร้อนกว่านี้มากเพียงใดรุ่งเช้าหลินเยว่นางเดินออกไปส่งเลี่ยงรุ่ยที่หน้าจวน นางยังกระซิบบอกเขาว่าให้ทำเต็มที่ เมื่อกลับมานางมีรางวัลจะมอบให้ เลี่ยงรุ่ยก็มิอยากจะเข้าไปอยู่ในสนามสอบเสียแล้วอวี่หรันตั้งแต่

  • พ่อบัณฑิตหน้าขาว ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง   วันหนึ่งเจ้าจะเข้าใจ

    คนงานที่ร้านและบ่าวในจวนต่างได้รับเงินรางวัลกันมากถึงคนละห้าสิบตำลึงเงิน หากคิดว่าไม่มากให้เทียบเงินเดือนที่พวกเขาจะได้หากทำงานที่อื่น พวกเขาจะได้ต่อเดือนอยู่ที่สองถึงห้าตำลึงเงินเท่านั้นต่อให้พวกทาสสามารถเก็บเงินไถ่ตัวเองได้ แต่ก็ไม่มีผู้ใดคิดจะทำเช่นนั้น สู้อยู่กับหลินเยว่นางอย่างสุขสบายทั้งยังมีเงินเหลือใช้จ่ายและส่งให้ทางบ้านยังดีเสียกว่าอาจจะเป็นเพราะน้ำในลำธารที่หลินเยว่นางให้แม่ครัวใช้ทำอาหารและต้มน้ำชาให้พวกเขาดื่มทุกวันก็เป็นได้ เพราะคนงานของนางทุกคนล้วนแต่ซื่อสัตย์กับนางทั้งสิ้นมีพ่อค้าบางคนที่ต้องการจะขอซื้อสูตรลับของหลินเยว่ ทุกคนต่างไม่มีใครหลุดปากพูดเรื่องในจวนหรือเรื่องการทำสินค้าออกมาสักคนเดียว แม้จะนำเงินมาวางกองตรงหน้าให้ถึงหนึ่งพันตำลึง ก็ไม่มีผู้ใดคิดจะหักหลังหลินเยว่ตอนนี้อายุครรภ์ของหลินเยว่และซูเซียวเข้าเดือนที่ห้าแล้ว จวนตระกูลเซี่ยสายรองก็จัดงานมงคลของอวี่หรันพอดีทั้งสองต่างพากันไปร่วมงานที่จวนตระกูลเซี่ยสายรอง หลินเยว่และซูเซียวต้องไปเติมสินเดิมให้อวี่หรันหลินเยว่นางให้เป็นเงินหนึ่งพันตำลึงเงิน ไม่ว่าสิ่งใดเงินย่อมสำคัญที่สุด ซูเซียวนางให้เครื่องประดับห

  • พ่อบัณฑิตหน้าขาว ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง   ร้านเหม่ยเซียง

    สองวันต่อมาเว่ยอ๋องต้องเดินทางมาที่จวนตระกูลฟู่ เพื่อขอน้ำลำธารในมิติไปให้ซูเซียวนางดื่ม ที่หลินเยว่นางส่งไปให้ก่อนหน้านี้ที่ตำหนัก หมดไปหลายวันแล้วหากซูเซียวนางไม่ได้ดื่มน้ำจากลำธารในมิติของหลินเยว่ นางก็ล้วนแต่ไม่อาจกินอันใดได้เลยทั้งวัน“หากท่านไม่มา ข้าก็จะเดินทางไปหาเซียวเซียวเช่นกัน” หลินเยว่นางไม่ได้เป็นอันใดมาก จึงคิดที่จะไปดูซูเซียวที่ดูท่าอาการจะหนักมากกว่านางเสียอีกเลี่ยงรุ่ยจึงต้องพาหลินเยว่นางไปที่ตำหนักอ๋องด้วยตนเอง เซี่ยเหลี่ยงและไป๋ซื่อก็ติดตามไปด้วย เพราะอยากจะไปเยี่ยมดูอาการของหลานสาวเว่ยอ๋องสั่งให้คนเตรียมโอ่งน้ำไว้เป็นจำนวนมาก เมื่อหลินเยว่นางไปถึง เว่ยอ๋องสั่งให้คนถอยห่างออกไปตั้งแต่แรกแล้ว นางจึงนำน้ำในลำธารออกมาได้อย่างสะดวก“เป็นเช่นไรบ้าง” หลังจากที่ไปจัดการเรื่องน้ำให้ซูเซียวเสร็จแล้วนางก็เข้ามาหาซูเซียวที่อยู่ในห้องโถง เรือนของนางเอง“หากมีน้ำในลำธารของเจ้าใช้ปรุงอาหาร ต้มน้ำดื่มก็นับว่าข้ากินอาหารได้ง่ายขึ้น แต่หากไม่มีข้าก็อาเจียนเสียทั้งวัน” แค่นึกถึงเรื่องอาเจียนซูเซียวนางก็เข็ดขยาดเรื่องการตั้งครรภ์เสียแล้ว“ดีแล้ว หมดเมื่อได้เจ้าก็ให้คนไปบอกข้าสักคำ

  • พ่อบัณฑิตหน้าขาว ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง   เหมือนนัดกันตั้งครรภ์

    เมื่อได้ฟังคำของซูเซียวหลินเยว่นางก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพียงไม่นานสาวใช้ก็ยกยาบำรุงที่ต้มไว้ให้หลินเยว่เข้ามาด้านใน“หื้อ/หื้อ” ทั้งสองปิดจมูกร้องออกมาพร้อมกันหลินเยว่หันไปมองที่ซูเซียวอย่างสงสัย หากนางจะได้กลิ่นแล้วเหม็นก็ดูจะไม่แปลก แต่ซูเซียวที่นั่งห่างถ้วยยา นางจะได้กลิ่นจนเหม็นถึงเพียงนั้นเชียวรึ“ข้าว่า เจ้าให้หมอตรวจเสียหน่อยเถิด” หลินเยว่เอ่ยออกมา นางบอกสาวใช้ให้รีบไปตามท่านหมอกลับมาอีกรอบ“เจ้าคิดว่าข้าก็ตั้งครรภ์เช่นนั้นรึ” ซูเซียวชี้ที่หน้าของนางอย่างไม่อยากเชื่อ “อ๊ะ” แต่เมื่อนึกถึงรอบเดือนที่ขาดไป นางก็คิดว่าไม่แน่ก็อาจจะเป็นไปได้ท่านหมอที่เพิ่งกลับไปได้ไม่นาน ก็ต้องรีบร้อนวิ่งกลับมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงจวนตระกูลฟู่ เขาก็ต้องนั่งพักอยู่ครู่ เพราะเหนื่อยหอบอยู่ไม่น้อยท่านหมอเดินเข้าไปหาหลินเยว่ เพื่อจะสอบถามว่านางเป็นอันใด ถึงได้ตามเขากลับมาอีกรอบ ก็ถูกนางห้ามไว้เสียก่อน“มิใช่ข้าเจ้าค่ะ แต่เป็นพระชายา” นางชี้ไปที่ซูเซียวเนื่องจากกฎระเบียบของราชวงศ์ที่มีมาก ท่านหมอจำต้องเรียกสาวใช้ของซูเซียวเข้ามากางผ้าม่านปิดกั้นไว้ก่อนที่จะตรวจท่านหมอที่จับชีพจรมาแล้

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status