บ่อน้ำพุร้อนภายในอารามนอกเมือง
ก่อนหน้านั้น เจิ้งเสี่ยวหยวนได้พบกับปันเส้าเฟิง อีกฝ่ายนับว่าเป็นกระดูกชิ้นใหญ่ ที่ทำให้เขาไม่ก้าวหน้าในราชสำนักมาเป็นเวลาเกือบสามปี นับแต่ศึกษาทั้งเรื่องแผนที่ ฝึกตนในค่ายสกุลเจิ้ง รวมถึงเข้าสอบที่ศาลเมืองหลวง แรกเริ่มตั้งใจเป็นหน่วยองครักษ์เสื้อแพร ทว่าเป็นปันเส้าเฟิงที่บอกแก่ฮองเต้ว่า เจิ้งเสี่ยวหยวนไม่เหมาะกับฝ่ายใน!
กระนั้น ด้วยชายหนุ่มแซ่เจิ้งมีเจิ้งคังซึ่งมีศักดิ์เป็นลุง ทั้งเป็นสหายของปันเส้าเฟิง ดังนั้นเขาจึงไม่อาจทำสิ่งใดขัดใจปันเส้าเฟิงได้ ต่อเมื่อรัชทายาทเห็นความสามารถเจิ้งเสี่ยวหยวน จึงเรียกตัวมารับใช้ด้านการวางแผน พร้อมดูแลศาลหลักเมืองหรูฉาง
แต่อย่างที่กล่าวเมื่อครู่ ปันเส้าเฟิง คือผู้ที่ฮ่องเต้ไว้วางใจได้ยามนี้ เสียงของเขาแม้แต่มังกรแห่งแคว้นต้าโจวยังต้องหยุดฟัง ดังนั้นใครที่ใกล้ชิดเชื้อพระวงศ์ย่อมไม่พ้นหูพ้นตาของปันเส้าเฟิงผู้นี้ การพบหน้าปันเส้าเฟิงจึงคล้ายกับมีหลายสิ่งที่ทำให้เจิ้งเสี่ยวหยวน ร้อน ๆ หนาว ๆ ประหนึ่งว่า ปันเส้าเฟิงรู้ความลับในอดีตของเจิ้งเสี่ยวหยวน และสิ่งนั้นก็คือชาติกำเนิดที่แท้จริง ด้วยนามเดิมของอีกฝ่ายคือ หลัวตี้...เป็นคนสกุลหลัว หาใช่ เจิ้ง อย่างที่ผู้อื่นเข้าใจ!
เมื่อมีความเครียดสะสม เจิ้งเสี่ยวหยวนจึงมาแช่ตัวที่บ่อน้ำพุร้อน เขาอยากปลดปล่อยภาระที่หนักอึ้ง ที่เกิดขึ้นในทุก ๆ วันยิ่งทำให้เขาเหมือนถูกจองจำ ในขณะที่ปล่อยใจไปกับธรรมชาตินั้น เขาก็อดคิดถึงสตรีที่เดินทางมาจากเมืองเจ้อตงไม่ได้
ภาพในช่วงที่เขาลี้ภัยสงคราม เจิ้งเสี่ยวหยวนอายุได้ราว ๆ สิบสองสิบสามปี คนแรกที่หยิบยื่นอาหารให้เขากับมารดาคือไป๋ลู่เถียน ซึ่งนอกจากน้ำใจงามแล้ว เขายังรับรู้ได้ว่านางพึงใจต่อเขา ทว่าสำหรับเขาแล้วไป๋ลู่เถียนอย่างไรก็เป็นเพียงน้องสาว และเขาไม่ได้คิดรังเกียจสตรีผู้นั้น แม้ยามนี้ดูเหมือนใบหน้านางจะมีสิ่งที่ผิดปกติสักหน่อย แต่นั่นยิ่งทำให้เขาเห็นใจนางมากขึ้น
‘ข้าไม่คิดเป็นอื่นต่อเจ้า และสัญญาหมั้นหมาย...หากกล่าวกันตามตรง ล้วนเป็นท่านปู่ของเจ้าที่เอ่อ...ทึกทักฝ่ายเดียว’
‘ช่างน่าขายหน้าเหลือเกิน ใช่สิ ปู่ของข้าคงสติเลอะเลือน ส่วนท่านก็ความจำเสื่อมในตอนที่เกิดเหตุร้ายกับมารดา อย่างที่เคยได้ยิน เวลาเปลี่ยนคนเปลี่ยน ข้าจึงไร้ความหมายในสายตาของท่าน!’
ไป๋ลู่เถียนกล่าว สีหน้าและน้ำเสียงนางราวกับมีดอาบยาพิษ ส่งผลให้เจิ้งเสี่ยวหยวนแทบกระอักเลือดกองโต
เจิ้งเสี่ยวหยวนเป็นชายที่มุ่งมั่นเรื่องรับใช้บ้านเมือง อีกทั้งหลายปีให้หลัง สตรีนางเดียวที่เขาใกล้ชิดทั้งยังผูกพันด้วยคือเฉินมี่ ดังนั้นในสายตาเขาจึงไม่ได้เหลือบมองใครอีก แม้นางคือไป๋ลู่เถียน ซึ่งเดินทางไกลนับพันลี้มายังเมืองหลวง เพื่อทวงสัญญาหมั้นหมาย
ขณะที่กำลังคิดภาพอดีตในหัว
ยอดหน้าอกของเจิ้งเสี่ยวหยวนก็ได้รับการกระตุ้น เริ่มจากช้า ๆ เป็นการออกแรงอย่างมันเขี้ยว ก่อนหน้านี้เขารู้ว่า เฉินมี่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของบ่อน้ำพุสำหรับสตรี ส่วนบริเวณนี้เป็นพื้นที่สงบ เพราะเขากันผู้อื่นไม่ให้เข้ามายุ่มย่าม แต่ที่เฉินมี่มาอยู่ใกล้ ๆ เขาได้คงเพราะนางเป็นสตรีที่ซุกซน และค่อนข้างวางอำนาจเผด็จการ ดังนั้นใครหน้าไหนก็อย่าคิดขวางลูกสาวเจ้ากรมโยธา ทั้งยังเป็นญาติห่าง ๆ ของพระชายารัชทายาทด้วย!
“อ่า...คุณหนูเฉิน...เหมาะสมแล้วหรือที่กระทำเยี่ยงนี้กับข้า”
เฉินมี่ยิ้มยั่วเจิ้งเสี่ยวหยวน นางอดใจไม่ไหวแล้ว เมื่อครั้งที่ทั้งคู่ไปยังหอเซียนเมารักก็ได้ทำเรื่องต้องห้ามจนซ่านสยิวใจ ครานั้นนางเสียจูบแรกให้เขา มันล้ำลึกดูดดื่ม และเหนืออื่นใด ชายหนุ่มได้ใช้ปากกับพื้นที่งดงามอวบอูมของเฉินมี่ ส่วนตัวนางก็บ้าบิ่นยิ่งนัก เพราะทั้งชักรูดและมีประสบการณ์สุดสยิวกับแท่งหยกของเขา ตบท้ายด้วยการทำรักด้วยปากให้กับผู้ชายซึ่งเป็นว่าที่สามีของนาง
“มี่มี่...หึงหวงท่าน และหลายคืนที่ผ่านมา เราไม่ได้พบหน้ากัน ยิ่งทำให้โหยหา อยากกอด อยากสัมผัส อยากได้ยินคำหวานหูที่ท่านชอบพูดให้มี่มี่ฟัง”
“เจ้าช่างมักมาก และชอบเรียกร้องให้ผู้อื่นบอกรัก”
เมื่อเขาเอ่ยเช่นนั้น เฉินมี่ก็หัวเราะคิก ก่อนเป็นฝ่ายเอื้อมมือไปจับมือเขาแล้วส่งมันไปยังพื้นที่คับแน่นของตน
คราแรกเจิ้งเสี่ยวหยวนไม่ได้คิดทำในสิ่งสร้างความรัญจวนใจต่อนาง ทว่าเป็นฝ่ายเฉินมี่ซึ่งยั่วยวนและส่งสายตาอ้อนวอน นิ้วยาว ๆ เลยเปิดกลีบสวาทแล้วแทรกเข้าไปในพื้นที่ร้อนฉ่าของนาง
“เมื่อคืนข้าอ่านและดูหนังสือภาพใต้หีบเจ้าสาว พบว่ามีหลายสิ่งที่บุรุษต้องช่วยให้สตรีของเขาสัมผัสถึงความสุขในห้องหอ”
“คุณหนูเฉิน...เจ้ากำลังท้าทายบุรุษ”
เฉินมี่ยิ้มยั่วและปล่อยให้มือใหญ่สัมผัสกลีบงาม ๆ ของนางที่ไร้อาภรณ์ ส่วนริมฝีปากสวย ๆ ก็จู่โจมยอดหน้าอกเขา ดูด ขบเม้มก่อนที่นางจะกัดเบา ๆ เรียกร้องให้เจิ้งเสี่ยวหยวนกระทำให้นางกลายเป็นสตรีที่เดินทางไปสู่ประตูสวรรค์ให้เร็วที่สุด
ภายในเรือนหลังเล็กที่อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นจากความเร่าร้อนทางสายตาและท่าทางของหนุ่มสาว ไป๋ลู่เถียนก็เริ่มแผนของตน ซึ่งเสี่ยงอยู่สักหน่อย แต่ชาติภพใหม่นี้ มีสิ่งใดที่นางต้องกลัว อีกอย่างอี้ฟานคือสามีนาง เรื่องนี้ย่อมไม่เปลี่ยนแปลง!
“คุณชายฟาน ชะ... ช่วย ข้าได้หรือไม่ หยิบถุงหอมให้สักหน่อยเถิด” เสียงของไป๋ลู่เถียนคล้ายการเรียกสติของอี้ฟาน และชั่วขณะนั้นเองเขาก็เหมือนถูกปีศาจจิ้งจอกล่อลวง ยามนี้เสียงฝนดังเป็นระยะ ๆ มิต่างจากเสียงหัวใจเขาที่ดังถี่กระชั้น หากมันเกิดขึ้นนานกว่านี้ เขาอาจทนต่อการยั่วเย้าเบื้องหน้าไม่ไหว
“แม่นางเถียน ไฉนเจ้าถึงไม่สำรวม” คำกล่าวและน้ำเสียงดังอยู่สักหน่อย ฟังก็รู้ว่าตำหนิหญิงสาวและกำลังเตือนตนเอง
ไป๋ลู่เถียนถลึงตาใส่อีกฝ่าย แล้วกล่าวว่า
“ร่างกายข้าอ่อนเพลีย อีกทั้งหายใจไม่ใคร่สะดวก ปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่รัดแน่น มันผิดด้วยหรือ”
อี้ฟานนิ่วหน้า ในขณะเดียวกันเขาก็เตรียมส่งถุงผ้าให้ไป๋ลู่เถียน หากเป็นนางที่เอ่ยขึ้นเสียก่อน
“คุณชายช่วยหยิบ ถุงหอมให้ข้าที”
นางออดอ้อนออเซาะ หากอี้ฟานคล้ายจะได้สติกลับคืน เขานึกถึงสิ่งที่เหอชิงกล่าว ผู้เป็นบิดาของชายหนุ่มกำลังตามหาหญิงงามเมือง ที่ปรนนิบัติเขาในห้องพัก ณ หอเซียนเมารัก
ฉัน...ไม่ใช่สิ รู้สึกเขินที่ต้องใช้คำพรรคนั้น ด้วยข้ามาอยู่ที่โลกจีนโบราณซึ่งเข้าใจว่าเป็นนิยายเรื่องหนึ่งมาพักใหญ่แล้ว และเป็นช่วงเวลาที่ทำให้พบว่า ความสุขคือการลงมือทำด้วยตนเองอย่างกล้าหาญ แต่เดิมนั้น ชีวิตตัวละครนามว่า ไป๋ลู่เถียน คือนางร้ายและสมควรจากไปตั้งนานแล้ว ทว่าจนตอนนี้นางมีลูกชายสามคน เป็นฝาแฝด และให้กำเนิดเด็กหญิงแสนน่ารัก ลู่เฟิง อันเป็นชื่อที่ข้ากับบิดาของนางช่วยกันตั้ง โดยผสมชื่อทั้งคู่เข้าด้วยกัน ลู่เฟิง เป็น วิหคน้อยที่งดงามสมวัย ทั้งยังเป็นที่รักของพี่ชาย ยามนี้เหล่าพี่ชายทั้งสาม ต่างแย่งกันปกป้องน้องสาว ส่วนซือหม่าปั่นผู้เป็นสามีข้า เกือบสิบเจ็ดปีที่ผ่านมา เขายังหล่อเหลาและหนุ่มแน่นในแบบฉบับที่ข้าหลงรักได้ทุกวัน เพียงแต่ผมเปลี่ยนสีเท่านั้น จากดำขลับปีกอีกา ถูกแซมด้วยสีขาวซึ่งมีเสน่ห์อีกแบบทว่าอย่างเดียวที่ข้ากังวลใจ คือสีหน้าเขามักเครียดทุกครั้งยามเหล่าองค์หญิงน้อยเชิญ ลู่เฟิงไปเล่นสนุกในวังหลวง เนื่องจากมันเป็นแผนของเหล่าพระสนมนั่นเอง ด้วยอยากให้ลูกสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจเขาเข้าวัง เพื่อเหล่าองค์ชายทั้งในสกุลและต่างสกุลได้ยลโฉม
เยว่ซิงตามมาดูเหตุการณ์ต่างๆ พอเห็นว่าซือซินอี๋ลอยไปตามสายน้ำในจุดที่พ้นภัย นางค่อยโล่งใจ ซึ่งก่อนหน้านั้น นางกับฝ่ายแคว้นตาโจวร่วมมือกันยิงธนูเพื่อเร่งเร้าให้ทั้งคู่ หาทางใกล้ชิดกัน แม้อันตรายหากได้ผลดีเยี่ยม “นางกำนัลเยว่... ครั้งนี้นับว่าเจ้าสร้างผลงานชั้นเลิศ แม่ทัพของพวกเราขาดสตรีอุ่นเตียงมานานเหลือเกิน อีกทั้งเขาได้กินเนื้อหงส์เช่นนี้ วาสนานั้นนับว่าดีเกินใคร” รองแม่ทัพและสหายเจิ้งคังเอ่ย “ทั้งหมดนี้เพราะ ชิงอ๋องต้องการหาบุรุษที่เหมาะสมกับองค์หญิงเก้า และฝ่ายแคว้นต้าโจวเสนอบุรุษที่เพียบพร้อมที่สุด ทั้งยังยึดมั่นในความรัก เรื่องนี้นับว่าเป็นความเหมาะสม” “พวกเราย่อมมีนายหญิงคนใหม่ที่สูงศักดิ์เร็ววัน ขอบน้ำใจนางกำนัลเยว่” รองแม่ทัพเอ่ยจบ เขาก็ไปเตรียมรอการกับมาของเจิ้งคัง ซึ่งคาดว่าอย่างน้อยชายหญิงคู่นี้ ย่อมใช้เวลาอยู่ด้วยกัน คงราวๆ สามคืนสามวันเป็นอย่างต่ำ ซือซินอี๋กินตื่นเช้าอีกวัน แน่นอนนางกับเจิ้งคังร่วมรักกันยาวนาน เป็นเวลามากกว่าสามคืนสามวัน เจิ้งคังต้องการเช่นนั้น เขาจะได้คุยโม้ปันเส้าเฟิงได้ว่า
จากนั้น เจิ้งคังเลือกที่จะควบม้าออกจากกลุ่มของเขา และแจ้งทุกคนว่า หากใครพบซือซินอี๋ก่อนจงล้อมนางไว้ อย่าได้แตะต้องหรือล่วงเกินเด็ดขาด โดยเรื่องนี้ต้องเก็บไว้เป็นความลับห้ามมิให้ผู้ใดแพร่งพราย เขากลัวจะมีเรื่องเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงนางนั่นเอง แม่ทัพหนุ่มควบม้าสลับการสืบหาล่องลอยองค์หญิงอยู่เกือบสองวัน ในที่สุดเขาก็พบหนุ่มน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม ที่กำลังนอนบนหินริมแม่น้ำกว้าง ปล่อยใจชื่นชมบรรยากาศด้วยความสุข แต่หนุ่มน้อยคนดังกล่าว ผิวออกจะนวลเนียน ใบหน้ากระจ่างใส อีกทั้งริมฝีปากแดงสดยั่วยวนน่าจูบอย่างที่สุด ยิ่งกว่านั้นยังมีหน้าอกอวบๆ ดึงดูดสายตา และหากเขาใจกล้าพอที่จะจับเป้ากางเกงอีกฝ่ายคงไม่พบงวงช้างอันใด หากจะเป็นกลีบฉ่ำๆ อย่างแน่นอน แม่ทัพหนุ่มหัวเราะหึๆ สตรีผู้หนึ่งชอบความสนุกเป็นที่ตั้ง รักความสำราญใจและอิสระ โดยไม่รู้ว่าผลที่ตามมาผู้อื่นต้องลำบากสิ่งใดบ้าง หากไม่สั่งสอนสักหน่อย คงไม่ใช่เจิ้งคังผู้นี้ ร่างสูงใหญ่ก้าวลงจากม้า สืบเท้าไปหานางช้าๆ “ข้าอยากดื่มสุราเป็นเพื่อนท่านได้หรือไม่” ทั้งที่อยากกำร
ซือซินอี๋ องค์หญิงเก้าแคว้นชิง นางกำนัลเยว่ซิง ขันทีเจียง (เจียงกง) เจิ้นเหริน แฝดคนโต เจิ้นห่าว แฝดคนกลาง เจิ้นหนาน แฝดคนสุดท้อง ลู่เฟิง ลูกสาวคนสวยของไป๋ลู่เถียนและปันเส้าเฟิง **************************“ลิ้นสากร้อนของท่านช่างเกเร...”“แล้วลิ้นเรียวเล็กสีชมพูขององค์หญิงเล่าเอาชนะบุรุษแห่งแคว้นต้าโจวได้หรือไม่”ได้ยินอย่างนั้น ซือซินอี๋ก็ไม่รอช้าถูกท้าทายเช่นนี้อย่างไรนางก็ต้องกุมชัยชนะอยู่เหนือแม่ทัพเจิ้ง!*************************ตอนพิเศษเร้ารักองค์หญิงต่างแคว้นซือซินอี๋ คือโฉมงามแคว้นชิง ทว่านางหัวรั้นอวดดี ทั้งยังนิยมแต่งตัวเป็นบุรุษ วันดีคืนนี้ก็ทำตัวเสเพลแอบดูสตรีอาบน้ำ หากสิ่งนั้นยังน้อยไป เพราะการถ้ำมองคู่รักเข้าหอคืนแรกคือสิ่งที่ทำให้นางตื่นเต้นและซ่านสยิวใจที่สุด ดูด้วยสองตาไม่พอ ยังสั่งวาดภาพ และจดบันทึกเรื่องราวเอาไว้ด้วย ยิ่งได้เห็นเหล่าหญิงงามที่นุ่มนิ่ม เอวบางขยับท่าทางโลดโผน แล้วรุกไล่ข่มเหงบุรุษ หรือส่งเสียงครางระงมราวกั
***แนะนำก่อนอ่านเรื่อง ในตอนพิเศษนี้ คือเหตุการณ์หลังจากปันเส้าเฟิงและไป๋ลู่เถียนอยู่ในจวนปันอย่างสามีภรรยา และมีสามแฝดเป็นพยานรักไป๋ลู่เถียนรับรู้ได้ว่าปันเส้าเฟิงกำลังพยายามทำบางอย่างด้วยต้องการเอาใจนาง แต่ให้ตายเถิด มันจั๊กจี้เป็นบ้า ซึ่งดูอย่างไรก็ไม่ใช่การเล่นปูไต่ หากเขากำลังใช้นิ้วยาวๆ สำรวจน่อง ไล่ไปยังต้นขาเรียวและอีกนิดเดียวคงแทรกเข้าสู่พื้นที่หวานจัดของนางอ๊ะ ความหวามใจนี้ เกินที่นางจะระงับความซ่านสยิวของเนื้อสาวที่ฉ่ำแฉะได้อีกต่อ และนางหมายใจอยากให้ทั้งนิ้วยาวๆ ของเขา และขาที่สามอุ่นจัดซึ่งอยู่ในร่มผ้าเผด็จศึกนางเสียที กระนั้นนางก็เอ่ยปากตรงข้ามความรู้สึกของตน“ตาเฒ่า ท่านหยุดลามกกับเมียเด็กสักวันได้หรือไม่” ช่วงหลังมานี้ ไป๋ลู่เถียนติดใช้คำร่วมสมัยของยุคปัจจุบัน และปันเส้าเฟิงย่อมไม่ถือสา เขาสนุกกับถ้อยคำของนาง อีกทั้งยังมีหลายเรื่องที่น่าสนใจ พลอยทำให้ปันเส้าเฟิงได้ย้อนวัยกลับไปเป็นหนุ่มน้อยอีกครั้ง และเหนืออื่นใดเขารักเมียเด็ก หลงเมีย และรู้ว่าอีกไม่นานนางคงตั้งครรภ์ แล้วให้กำเนิดเด็กๆ ที่น่ารักมาเป็นเพื่อนเล่นเหล่าพี่ชายซึ่งอยู่ในวัยซุกซนทั้งสามคน “มิได้ เป้าเป่
เมื่อเมื่อก้าวเข้ามาในเรือนก็เห็นจู่ซินเพิ่งอาบน้ำเรียบร้อย นางอาจไม่ใช่สตรีงดงามล่มเมือง ทว่ากิริยาน่ารักน่าชม เหนืออื่นใดนางอวบอัด มีเนื้อหนังให้น่าสัมผัสไปหมด เมื่อดวงตาเรียวรีมองเห็นผู้เป็นสามียืนอยู่กลางห้องโถง พร้อมวัตถุดิบในมือ จู่ซินจึงยิ้มดีใจ สำหรับนางอี้ฟานเป็นบุรุษที่น่าสงสาร เขาพยายามเป็นคนดีเสมอ ทว่าดูเหมือนจะไม่ได้มีโอกาสนักสำหรับชายคนนี้ กระทั่งมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน อี้ฟานค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนนิสัย แม้ไม่ได้ดีขึ้นทันตาเห็น แต่ก็เป็นชายที่นางอยากใช้ชีวิตด้วย ที่สำคัญอี้ฟานไม่เคยทำร้ายนาง ไม่มีการตบตี ด่าทอ อาจพูดน้อย รักสันโดษ และไม่ค่อยร่าเริงก็เท่านั้น “ทำอาหารกินกันดีหรือไม่ เผื่อเจ้าจะหิว” อี้ฟานกล่าวทำลายบรรยากาศที่ร้อนรุ่มในห้องโถงของเรือน “ท่านพี่...” จู่ซินไม่ได้อยากทำตัวเป็นสตรีตามตรอกหอนางโลม หรือพวกอนุที่ชอบยั่วเย้าสามี เพื่อให้เขารักและหลง แต่ยามนี้นางอดใจไม่ไหว ด้วยชายหนุ่มไม่ได้สวมเสื้อ เปลือยกายท่อนบน เป้ากางเกงเขาก็ตุงจัด หากนางคาดการณ์ไม่ผิด สิ่งที่อยู่ข้างในคงอยากโผล่ออกมาสูดอากาศเต็มที่แล้ว “อาซิน...ไปอาบ