로그인“สวัสดีจ๊ะ...” เขมิกาทักทายกลับอย่างเป็นกันเอง
“คุณเขมค่ะ...คุณกอหญ้าค่ะ เธอมาถึงสักพักแล้วค่ะ”
“สวัสดีค่ะ....คุณกอหญ้า?....” เขมิกาทักทาย แต่ที่เธอไม่เข้าใจคือ...
“สวัสดีค่ะ....เรียกว่ากอหญ้า ตามนามปากกาก็ได้ค่ะ...” เขมิกาพยักหน้าเข้าใจทันที เพราะเธอไม่เคยเห็นตัวจริงเจ้าของบทประพันธ์ ‘พ่ายกลซาตาน’ อายุน้อยกว่าที่คิดไว้อีก
“ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ให้คุณกอหญ้าต้องรอ...” เขมิกา ตอบกลับอย่างสุภาพ
“ไม่เป็นไรค่ะ...หญ้ามาก่อนเวลานัดเองค่ะ...” เขมิกายิ้มและเธอคิดว่า รู้สึกถูกชะตากับนักเขียนคนนี้ซะแล้ว
“…งั้นเราไปคุยกันต่อที่ห้องประชุมกันค่ะ...เรียกผู้เกี่ยวข้องเข้าห้องประชุมได้เลย” ประโยคแรกเขมิกาพูดกับกอหญ้า ประโยคหลังเธอหันไปบอกกับพนักงานของตน
กอหญ้าเดินไปพร้อมกับเขมิกาตามคำเชิญ ลืมเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ที่เรียกมาก่อนหน้านี้ เธอยังไม่ได้หยิบขึ้นมาดูก็เกิด ‘อุบัติเหตุ’ เสียก่อน
‘ ทางด้านคริสต์...ในเวลาเดียวกัน...ณ ห้องทำงานประธานกรรมการใหญ่’
“ตาคริสต์...เกิดอะไรขึ้นเนี่ย!” คุณหญิงศศิธร ทักบุตรชายเพียงคนเดียวที่เดินเข้ามาในห้องทำงานด้วยสภาพเลอะเทอะเปียกปอน
“สวัสดีครับคุณแม่...” คริสต์เดินเข้ามาพร้อมหอมแก้มคุณหญิงศศิธร ตามปกติ “...ผมเจอยายเด็กซุ่มซ่าม เดินมาชนครับ”
“ไปๆ เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้านในก่อน...นี้ก็ได้เวลาประชุมแล้ว” คริสต์พยักหน้าและขอตัวเข้าไปในห้องด้านใน ที่ห้องทำงานแห่งนี้ จะมีห้องเล็กอีกหนึ่งห้องที่ไว้สำหรับพักผ่อนของคริสต์ ยามที่ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ ใช่! เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ว่าคริสต์เป็นเจ้าของนโยบายที่ออกมาตลอดเวลาสองปีที่ผ่านมาในการบริหารสถานีจนขึ้นเป็นอันดับหนึ่งที่ได้รับความนิยมและเรตติ้งสูงมาก นอกจากคุณหญิงศศิธรกับผู้ช่วยคนสำคัญ คือเขมิกา ที่คริสต์รักและนับถือเหมือนพี่สาวสายเลือดเดียวกันเลย
Grrrr Grrrr คุณหญิงศศิธร หยิบโทรศัพท์ของตนเองเมื่อมีเสียงเรียกเข้า
“ว่าไงจ๊ะเขม....ดีๆเดี๋ยวน้าลงไป” คุณหญิงศศิธรยิ้ม เมื่อเขมิกาที่เธอรักเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง โทรมาแจ้งว่า เจ้าของบทประพันธ์มาถึงแล้ว
“คริสต์...เดี๋ยวแม่ลงไปห้องประชุมก่อนนะ...เสร็จแล้วรีบตามมานะ”
“ครับ...” คริสต์ขานรับเสียงของคุณหญิงศศิธรที่ยืนบอกเขาอยู่หน้าประตู และมองตัวเองในเงาสะท้อนของกระจก ที่เขาถอดเสื้อตัวที่ใส่มาเมื่อเช้าออก และเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวที่ยังเลอะคราบกาแฟ
“ยายเด็กบ้า!...” คริสต์พึมพำออกมา เมื่อภาพหญิงสาวที่เป็นสาเหตุให้เขาต้องมาเสียเวลาอยู่ตอนนี้
‘ณ ห้องประชุม’
กอหญ้านั่งฟังผู้กำกับของเรื่องนี้ อธิบายให้ฟังและกดเปิดภาพนักแสดง บนจอขนาดใหญ่ให้เธอได้ดู ว่าการตีความและเอกลักษณ์ของนักแสดงแต่ละคนที่ได้รับเลือกมารับบทบาทนั้นตรงหรือใกล้เคียงกับที่เธอเขียนไว้มั้ย และเมื่อถึง นักแสดงนำฝ่ายหญิง ผู้กำกับขึ้นภาพสองคนให้เธอดูเพราะเนื่องจากเรื่องนี้นักแสดงนำหญิงเป็นลูกครึ่งไทย-อิตาเลี่ยน จึงสอบถามความเห็นของเธอว่าควรเป็นใครดี...แต่เธอยังไม่ได้ให้คำตอบ....
“ผลั๊ก...” เสียงประตูห้องประชุมถูกผลักเข้ามา พร้อมกับผู้ที่เข้ามาใหม่
“ขอโทษทุกคนที่เข้ามาขัดจังหวะ” คุณหญิงศศิธรกล่าวออกไปอย่างใจดีและสุภาพให้กับทุกคน ที่พร้อมกันลุกขึ้นพร้อมยกมือไหว้ทำความเคารพผู้เข้ามาใหม่
“คุณกอหญ้าค่ะ...” กอหญ้าที่ยืนขึ้นเช่นกัน หันไปทางเขมิกาที่เรียกเธอ เพราะในห้องแห่งนี้ เป็นเธอเพียงคนเดียวที่ยังไม่รู้จักอย่างเป็นทางการผู้ที่เข้ามาใหม่... “ท่านนี้คือคุณหญิงศศิธรค่ะ...ประธานบริหารสถานีค่ะ”
“สวัสดีค่ะ...” กอหญ้ากล่าวทักทายพร้อมยกมือไหว้ทำความเคารพผู้อาวุโสกว่า...
“สวัสดีค่ะ...ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ...คุณกอหญ้าดูอายุน้อยกว่าที่พวกเราคาดไว้...เก่งจังเลยค่ะ” คุณหญิงศศิธรกล่าวออกไปอย่างใจดี เมื่อรับไหว้หญิงสาวตรงหน้าที่ไหว้อย่างสวยงาม
“ขอบคุณค่ะ...” กอหญ้าที่ไม่รู้ว่าจะต้องตอบกลับแบบไหนดี ก็เลือกคำกลางๆที่เธอนึกออกตอบกลับคุณหญิงศศิธรที่ดูแล้วท่านเป็นผู้ใหญ่ใจดี
“คุยกันถึงไหนแล้ว”คุณหญิงศศิธรหันไปถามผู้กำกับที่ทางช่องมอบหมายงานนี้ให้
“ถึงตัวนักแสดงนำฝ่ายหญิงแล้วครับ...” คุณหญิงศศิธรพยักหน้า และบอกให้ทุกคนทำงานต่อได้เลย...
“…ฉันขอนั่งประชุมด้วย” เมื่อทุกคนที่อยู่ในห้องประชุมกลับลงนั่ง และเริ่มที่ค้างไว้ต่อทันที....
“คุณกอหญ้าคิดว่า...ควรเป็นใครดีครับ” ผู้กำกับหันมาถามต่อทันที เมื่อทุกคนพร้อม กอหญ้าหันไปที่หน้าจอแสดงภาพนักแสดงนำฝ่ายหญิงอีกครั้ง เธอนิ่งและจดจ้องมองตัวเลือกตรงหน้า ทั้งสองคนต่างก็เป็นลูกครึ่ง
“ค่อยยังชั่ว...คิดว่าตายทั้งๆที่ยังหายใจอยู่” คริสต์พูดพร้อมกับยิ้มออกมา “บ้าเหรอเปล่าคุณนะ!...ตบเข้ามาได้...ฉันก็เจ็บเป็นนะ” “ใครจะไปรู้ล่ะ!...แหย่เล่นแค่นี้ถึงกับช็อคไปเลย...”“แหย่เล่น?...คนบ้านี้คุณหลอกฉันเหรอ?...” คริสต์รีบลงจากเตียง เมื่อหญิงสาวกำลังจะดึงหมอนมาฟาดเขา คริสต์ยืนยิ้มให้กับหญิงสาวตรงหน้าที่ลุกขึ้นมานั่ง แต่ไม่ลืมที่จะดึงผ้าห่มกระชับกายมากขึ้น แต่ใครเล่าจะเข้าใจ ‘รอยยิ้ม’ แบบนั้นของคริสต์คงไม่มี นอกจากเจ้าตัว.... คริสต์เดินเข้าห้องน้ำไป... กอหญ้ามองตามจนคริสต์หายเข้าไปในห้องน้ำ สายตาก็เริ่มทำงานในภารกิจแรกทันที คือมองหาเสื้อผ้าของตนเอง ‘ว่างเปล่า’ “บ้าจริง!....ป่านนี้ยายกิ๊กคงเป็นห่วงแย่แล้ว” กอหญ้าพึมพำกับตัวเอง เมื่อเธอหาเสื้อผ้าของตัวเองไม่เจอ เธอขยับตัวอย่างระมัดระวังและรวบผ้าห่มที่คลุมกายกระชับมากขึ้นและจัดให้ขาของเธอสามารถเดินได้ กอหญ้าเห็นเครื่องมือสื่อสารของคริสต์วางไว้ เธอรีบคว้าขึ้นมาและกดเพื่อเปิดหน้าจอ...ล็อค!...มันล็อค...แน่นอนมันต้องล็อค!...เอาว๊ะ!!! “คุณ!...ก็อกๆๆๆ....ได้ยินฉันม
ทางด้านกิ๊ก ที่เอาแต่นั่งจ้องโทรศัพท์ของเพื่อนสาว หวังว่าจะมีการติดต่อกลับมา แต่นี้ก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว ที่เธอเดินกระสับกระส่ายไปมาในห้อง คอนโดของเพื่อนสาวหลังจากที่เธอต้องเป็นฝ่ายไปขยับรถของเพื่อนออกจากผับที่เกิดเรื่องเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจก็กรูกันเข้ามา แต่จากที่เธอเฝ้ามองกลุ่มวัยรุ่นที่ถูกทางเจ้าหน้าคุมตัวไม่มีแม้แต่เงาเพื่อนสาว “หญ้า!....แกไปอยู่ไหน?....แกต้องไม่เป็นอะไร...แล้วฉันจะเอาหน้าไปเจอ... ‘เขาคนนั้น’...ได้ยังไง?...ช่วยติดต่อกลับมาสักทีเถอะ”‘รุ่งอรุณ...เช้าวันใหม่’ กอหญ้าที่ขยับตัวหลังจากได้พักผ่อนอย่างเต็มที่...คิ้วบางเริ่มขมวดเข้าหากันทีละน้อยเมื่อดวงตาบ่งบอกถึงเชื้อชาติเริ่มพบสิ่งแวดล้อมที่ไม่คุ้นตา ดวงตาเบิกกว้างขึ้น เมื่อสติเริ่มเข้าครอบครองสมอง เมื่อสมองเริ่มทำงาน มือบางเลิกผ้าห่มเล็กน้อย ดวงตาคมที่เบิกกว้างอยู่แล้วกว้างขึ้นอีก เมื่อกอหญ้าเริ่มรับรู้ว่าตัวเองเกือบเปลือยเปล่า เธอสวมเพียงบิกินี่ปกปิดสิ่งล้ำค่าของความเป็นหญิงของเธอเพียงชิ้นเดียว เนื่องจากกอหญ้าไม่ใช่คนขี้ตกใจอะไร แต่สำหรับเรื่องนี้มันเกินกว่าที่เธอจะไม่ตกใจไม่ได้....สา
“คริสต์!!!...” กัณฑ์ที่ผลักประตูเข้ามาพร้อมกับการ์ด “...แกต้องออกจากที่นี่...เดี๋ยวเจ้าหน้าที่กำลังเข้ามา...อ้าว!...เฮ้ย!!!...ใครว๊ะ?” กัณฑ์ที่จะเข้ามาพาเพื่อนออกจากที่นี่ ก็เจอกับหญิงสาวที่สวมเกาะอกสีดำกับกางเกงยีนต์สีเข้มเข้ารูป นอนไม่ได้สติอยู่บนโซฟาตัวยาว “ไม่รู้ว๊ะ!...น่าจะโดนลูกหลงจากเหตุการณ์ข้างนอก” “แกต้องรีบออกจากที่นี่นะ!...แล้วเอาไงกับผู้หญิงคนนี้” คริสต์หันไปมองใบหน้าหวานที่สลบไม่ได้สติ เธอคงตกใจมากจนหมดสติ “คงต้องเอาไปด้วย...ฟื้นแล้วค่อยว่ากัน” คริสต์ที่ตัดสินใจแล้วก็ขยับช้อนตัวอุ้มร่างบางเข้าสู่อ้อมแขน กัณฑ์พยักหน้าให้ลูกน้องเมื่อเพื่อนพร้อมแล้ว คริสต์อุ้มกอหญ้าที่ไม่ได้สติเดินไปยังทางออกหลังร้าน ที่รถของกัณฑ์จอดอยู่ กัณฑ์ขอกุญแจรถของคริสต์ที่จอดอยู่ด้านหน้าและส่งกุญแจคอนโดของตัวเองให้กับคริสต์ “คืนนี้แกไปพักที่คอนโดฉันก่อน ส่วนรถของแกเดี๋ยวฉันให้เด็กขยับไปจอดที่อื่น...ขอโทษด้วยว๊ะ!...” คริสต์ที่เข้ามานั่งเบาะหลังโดยมีกอหญ้าอยู่ในอ้อมแขน บอกกัณฑ์ว่าไม่เป็นไร “...พาคุณคริสต์ไปส่งที่คอนโดฉัน...” ป
Grrrr Grrrr กอหญ้าสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเสียงเครื่องมือสื่อสารของนักศึกษาที่เธอช่วยไว้ดังขึ้นมา “…ขอเสียมารยาทนะคะ...” กอหญ้ากล่าวออกมาพร้อมกับหยิบเครื่องมือสื่อสารของเพื่อนนักศึกษาออกมา “คุณพ่อ...” กอหญ้ากรอกเสียงตามคำที่โชว์ตามหน้าจอ และเมื่อปลายสายขานรับ เธอแจ้งเรื่องราวให้ทราบโดยทันที... และผลสรุปออกมาก็คือ เพื่อนนักศึกษาคนนั้น มีอาการแพ้อาหารทะเล และจากการซักถามเธอคงไปทานบางอย่างที่ไม่รู้ว่ามีหอยแมลงภู่เป็นส่วนผสมอยู่ด้วย จึงทำให้อาการกำเริบอย่างที่เห็น และตั้งแต่วันนั้น กอหญ้า กับ กิ๊ก ก็เป็นเพื่อนที่สนิทและเป็นที่ปรึกษาของกันและกันมาโดยตลอด การสังสรรค์ เฮฮาของเหล่านักศึกษาที่ไม่ใช่มีเพียงกลุ่มของพวกเธอ เพราะคลับแห่งนี้ในคืนนี้เต็มไปด้วยกลุ่มวัยรุ่นมากมาย กอหญ้า และ กิ๊ก ก็สนุกไปกับเพื่อนๆที่ทั้งร้องและเต้นกันตามประสา “กิ๊ก...หญ้าไปห้องน้ำก่อนนะ” กอหญ้าหันไปกระซิบกับเพื่อนสาว “ฉันไปเป็นเพื่อน” “ไม่เป็นไร...ห้องน้ำไกล้แค่นี้เอง...ฝากกระเป๋าด้วย” กอหญ้าเดินออกไปจากกลุ่ม เพื่อไปยังห้องน้ำ “...ว้า
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า....ฉันอยากเห็นนักเขียนคนนี้จริงๆ...ตั้งแต่รู้จักแกมา ฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนที่ ‘กล้า หือ กล้า หา’ กับแกเลย” “ยายเด็กบ้านั้น...ปากจัดขนาดนั้น...ใครจะคิดว่าจะเป็นนักเขียน” “เด็กมากเลยเหรอว๊ะ...” กัณฑ์ถามกลับอย่างสงสัย “ไม่รู้ว๊ะ...ผ่านมาสองสัปดาห์แล้ว ฉันยังหาเด็กนั้นไม่เจอเลย...คุณแม่กับพี่เขม ถามความคืบหน้าแทบทุกวัน...” “แล้วที่สำนักพิมพ์ละว๊ะ?” “นี่ก็แปลกมาก!...ไม่มีใครสามารถให้คำตอบฉันได้เลยว๊ะ...เขาบอกแต่ว่าเธอไม่เข้า มีอะไรให้ฝากข้อความไว้ จนถึงตอนนี้ฉันยังไม่ได้รับข้อความตอบกลับเลย...ไม่รู้อะไรกันนักหนา” คริสต์พูดจบ พร้อมกับนำน้ำสีอำพันกรอกเข้าปากลงคออย่างคนที่กำลังเซ็งสุดๆ “เท่าที่ฟังแกมา...ฉันเห็นด้วยว๊ะ แปลกจริง ดูมันมีลับลมคมนัยมาก...แล้วแกจะทำยังไงต่อ?...ถ้าเรื่องนี้หลุดจากช่องของแกไป คุณป้ากับพี่เขมคง ส่งค้อนใส่แกวันละหลายๆอันแน่...” “…ทุกวันนี้ ฉันก็ได้รับจนแทบจะแบกไว้ไม่ไหวแล้ว...” คริสต์คำรามออกมา กัณฑ์ได้แต่ยิ้ม และนึกภาพออกทันที เพราะถ้าคุณหญิงศศิธร
“โอเค!...ผมผิดเองครับ!...เพราะผมเสียงดังใส่เธอและเรียกลุงชัดให้มาลากเธอออกไปจากที่นี่...” สิ้นเสียงคำตอบของคริสต์ ดวงตาของคุณหญิงศศิธรและเขมิกาเปิดกว้างอย่างคาดไม่ถึง “เขม!...น้าอยากจะเป็นลม!!!” เสียงของคุณหญิงศศิธรดังขึ้นมา “คุณแม่ พี่เขม มันจำเป็นมากเหรอครับที่ต้องเป็นเรื่องนี้ เราเปลี่ยนไปหาบทประพันธ์เรื่องอื่นมาสร้างเป็นละครก็ได้นะครับ...บอกตามตรงนะครับ ผมไม่อยากร่วมงานกับคนที่ไร้ความเป็นมืออาชีพแบบนั้น” “คริสต์!!!....แม่ไม่เคยสอนให้คริสต์เป็นคนแบบนี้นะ...การเปลี่ยนเรื่องมันใช่! ว่าเป็นวิธีการแก้ปัญหา แต่เป็นการแก้ปัญหาแบบหนีปัญหา แม่ไม่เคยสอนให้คริสต์ทำแบบนี้ ไม่รู้ล่ะ!!! งานนี้คริสต์ต้องเป็นคนแก้ปัญหานี้ให้ได้เพราะเราเป็นคนก่อและสร้างมันขึ้นมา และอีกอย่างไม่ใช่เฉพาะช่องของเรานะที่ต้องการเรื่องนี้มาสร้างเป็นละคร แต่ที่เราได้และขยับได้มาไกลกว่าช่องอื่น เพราะแม่รู้จักเป็นการส่วนตัวกับคุณประจักษ์เจ้าของสำนักพิมพ์ข้อเขียน แม่จะเสียผู้ใหญ่ไม่ได้ และคุณประจักษ์บอกเพียงว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ เจ้าของผลงานทั้งนั้น...”







