로그인“...ตามคาแร็คเตอร์ตัวละครนักแสดงนำฝ่ายหญิงจะเป็นลูกครึ่ง...แต่เธอก็มีความโดดเด่นชัดเจนในเชื้อสายความเป็นเอเชีย...” สิ้นเสียงเหตุผลของกอหญ้าทำให้ทุกคนในห้องประชุมรู้ทันทีว่าใครได้รับเลือก เพราะนักแสดงที่ถูกเลือกมาทั้งสองคน ใช่! เธอเป็นลูกครึ่ง แต่มีอยู่เพียงคนเดียวที่ความเป็นเอเชียของเธอค่อนข้างชัดเจนกว่าอีกคน และแน่นอนเหตุผลของกอหญ้านั้นบ่งบอกว่านักแสดงฝ่ายหญิงต้องสามารถพูดภาษาไทยได้อย่างชัดเจน
คุณหญิงศศิธรอดไม่ได้ที่ต้องหันไปมองกอหญ้า ที่ถึงแม้เธอจะสวมแว่นตาหนา แต่คนที่ผ่านโลกมานานอย่างเธอมองออกว่าหญิงสาวตรงหน้าเป็นคนฉลาดและมีความมั่นใจในตัวเองมาก เพราะน้ำเสียงและการพูดของนักเขียนคนนี้ช่างฉะฉานชัดเจน และแน่นอนในสายตาของเธอแล้ว กอหญ้าเป็นหญิงสาวที่สวยมากคนหนึ่ง และจากคนที่ผ่านอะไรมาเยอะอย่างเธอแล้ว เธอมองออกว่า นักเขียนคนนี้พยายามแต่งตัวเพื่อปิดบังตัวจริงของตัวเองไว้....
“เอาละค่ะ...เราได้นักแสดงนำฝ่ายหญิงแล้ว...คราวนี้ก็มาถึงนักแสดงนำฝ่ายชาย...เราไม่ต้องใช้ภาพขึ้นจอ...เพราะวันนี้เขาก็มาประชุมกับเราในวันนี้ด้วย” เขมิกาเป็นฝ่ายเอ่ยและหันไปยิ้มกับคุณหญิงศศิธรที่ยิ้มตอบเธอเช่นกัน เพราะละครเรื่องนี้เกิดขึ้นมาก็เพราะมีเหตุผล ที่สาเหตุหลักมาจากการประชุมของคณะบริหารของสถานีเมื่อสองสัปดาห์ก่อน...
‘ สองสัปดาห์ก่อน...ณ วันประชุมคณะผู้บริหารช่องสถานี ’
คุณหญิงศศิธร ประธานในที่ประชุมพร้อมมือขวาคนสำคัญอย่างเขมิกา ได้แต่มองตากัน อย่างเข้าใจกันและกัน
“…ท่านประธาน หวังว่าคงเข้าใจนะครับที่พวกเราขอคัดค้านต่อคำเสนอของท่าน พวกเราที่นี่รักและภักดีกับท่านและสถานีแห่งนี้ เพราะท่านดูแลพวกเราเหมือนท่านดูแลครอบครัว แต่พวกเราก็ยังไม่ลืมว่า ภาพพจน์มีความสำคัญมากเพียงใด...พวกเราต่างทราบดีว่าคุณคริสต์ได้รับความนิยมในด้าน ‘ลบ’ มากมายเหลือเกิน ช่องของเราอาจขาดความน่าเชื่อถือและถูกลดระดับ และจะมีผลในทางลบที่ตามมาอีกมากมาย...” คุณหญิงศศิธร ได้แต่ถอนหายใจกับเหตุผลของเหล่าคณะบริหารที่มีเสียงเห็นพ้องต้องกัน แต่เธอก็ไม่สามารถบอกทุกคนได้ว่าตลอดสองปีที่ผ่านมา นโยบายและการเจรจาติดต่อกับฝ่ายต่างประเทศล้วนแล้วมาจากลูกชายคนนี้ของเธอทั้งนั้น ที่สามารถชักจูงทั้งนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาและรายการระดับโลกมาลงที่ช่องของที่นี่ได้ แต่จะให้บอกใคร ใครเขาจะเชื่อก็ในเมื่อฝ่ายบุตรชายของเธอเองก็ไม่ยอมออกตัวสักที....
“คริสต์ แม่อยากให้ลูกเข้าประชุมเอง และเป็นผู้นำเสนอโปรเจตของลูกต่อผู้คณะบริหารเองนะจ๊ะ...”
“คุณแม่ดีที่สุดครับ เพราะโปรเจตพวกนี้ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกคน...และคุณแม่เป็นที่รักและเคารพของทุกคน เราต่างเข้าใจดีนะครับว่าให้ นโยบายดีแค่ไหน โปรเจตน่าสนใจเพียงใด แต่ถ้าขาดกำลังใจ ความร่วมมือและลงมือทำทุกอย่างไม่มีทางเกิดขึ้นได้ เหตุผลแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว เพราะมีเพียงคุณแม่เท่านั้นที่จะสามารถให้โปรเจตเหล่านี้เกิดขึ้น ผมขอเป็นคนที่ยืนอยู่ข้างหลังคุณแม่นะครับ...” คุณหญิงศศิธรได้แต่ ถอนใจ ถอนใจ
“…แต่ถ้าคริสต์ไม่เริ่มต้นที่จะแสดงผลงานกับคณะผู้บริหารให้พวกเขาได้เห็น พวกเขาก็ไม่มีทางได้รู้เลยว่า ลูกแม่คนนี้เก่ง กล้า สามารถเพียงใด และอีกอย่างแม่ก็แก่ลงทุกวัน...”
“โถ่!!!...ใครบอกว่าคุณแม่ของผมแก่ แค่อายุมากขึ้นแต่คุณแม่ของผมยังสวยและอบอุ่นที่สุด....” คริสต์พูดพร้อมโอบกอดคุณหญิงศศิธร อย่างรักใคร่ เขมิกาได้แต่ยิ้มกับภาพตรงหน้า และการเจรจาวันนี้เธอรู้ทันทีว่า คริสต์ จะเป็นฝ่ายได้ในสิ่งที่ต้องการ เพราะคุณหญิงศศิธรให้แข็งยังไง เก่งยังไง เธอจะแพ้ลูกอ้อนของบุตรชายเพียงคนเดียวของเธอทุกครั้ง และเป็นแบบนี้มาโดยตลอด
“…เขม ช่วยน้าคิดหน่อย ว่าเราจะหาวิธีอะไรให้คริสต์เป็นที่ยอมรับของสังคม...” คุณหญิงศศิธร พูดทันทีเมื่อกลับเข้ามาในห้องทำงาน เมื่อการประชุมที่ ‘ผล’ ไม่ออกมาอย่างที่ต้องการ
“เป็นที่ยอมรับอย่างเดียวไม่พอค่ะ...ต้องเป็นที่รักและคลั่งไคล้ด้วยค่ะ เราต้องให้สังคมรู้จักตัวจริงของคุณคริสต์ ไม่ใช่ภาพและคำไม่จริงของเหล่านางใน และนางนอกที่ต่างเอาคุณคริสต์ไปพูดเสียๆหายๆ...” ภาพทางสังคมของคริสต์ เป็นจริงอย่างที่คณะบริหารบอก แต่คนที่รู้ว่าจริงๆแล้วคริสต์เป็นคนแบบไหนนั้น เป็นคนส่วนน้อยที่ได้ใกล้ชิดกับเขาเท่านั้น แน่นอนต้องใกล้ชิดแบบมิตรแท้ ไม่ใช่หวังผลประโยชน์จากชายหนุ่มคนนี้ เพราะคนหล่านั้นต่างก็ได้รับการตอบแทนอย่าง ล้นเหลือจากคริสต์โดยทันทีแบบที่ให้ทุกคนที่คิดไม่ซื่อกับคริสต์ได้รับกันหลากหลายรูปแบบ จนคริสต์กลายเป็นบุคคล ‘ไม่เป็นที่ต้องการแม้แต่นรก’ ในความเห็นของเขมิกาเห็นด้วยอย่างยิ่งกับฉายา เพราะคนอย่างคริสต์ไม่มีทางไปนรกแน่นอน
“ค่อยยังชั่ว...คิดว่าตายทั้งๆที่ยังหายใจอยู่” คริสต์พูดพร้อมกับยิ้มออกมา “บ้าเหรอเปล่าคุณนะ!...ตบเข้ามาได้...ฉันก็เจ็บเป็นนะ” “ใครจะไปรู้ล่ะ!...แหย่เล่นแค่นี้ถึงกับช็อคไปเลย...”“แหย่เล่น?...คนบ้านี้คุณหลอกฉันเหรอ?...” คริสต์รีบลงจากเตียง เมื่อหญิงสาวกำลังจะดึงหมอนมาฟาดเขา คริสต์ยืนยิ้มให้กับหญิงสาวตรงหน้าที่ลุกขึ้นมานั่ง แต่ไม่ลืมที่จะดึงผ้าห่มกระชับกายมากขึ้น แต่ใครเล่าจะเข้าใจ ‘รอยยิ้ม’ แบบนั้นของคริสต์คงไม่มี นอกจากเจ้าตัว.... คริสต์เดินเข้าห้องน้ำไป... กอหญ้ามองตามจนคริสต์หายเข้าไปในห้องน้ำ สายตาก็เริ่มทำงานในภารกิจแรกทันที คือมองหาเสื้อผ้าของตนเอง ‘ว่างเปล่า’ “บ้าจริง!....ป่านนี้ยายกิ๊กคงเป็นห่วงแย่แล้ว” กอหญ้าพึมพำกับตัวเอง เมื่อเธอหาเสื้อผ้าของตัวเองไม่เจอ เธอขยับตัวอย่างระมัดระวังและรวบผ้าห่มที่คลุมกายกระชับมากขึ้นและจัดให้ขาของเธอสามารถเดินได้ กอหญ้าเห็นเครื่องมือสื่อสารของคริสต์วางไว้ เธอรีบคว้าขึ้นมาและกดเพื่อเปิดหน้าจอ...ล็อค!...มันล็อค...แน่นอนมันต้องล็อค!...เอาว๊ะ!!! “คุณ!...ก็อกๆๆๆ....ได้ยินฉันม
ทางด้านกิ๊ก ที่เอาแต่นั่งจ้องโทรศัพท์ของเพื่อนสาว หวังว่าจะมีการติดต่อกลับมา แต่นี้ก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว ที่เธอเดินกระสับกระส่ายไปมาในห้อง คอนโดของเพื่อนสาวหลังจากที่เธอต้องเป็นฝ่ายไปขยับรถของเพื่อนออกจากผับที่เกิดเรื่องเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจก็กรูกันเข้ามา แต่จากที่เธอเฝ้ามองกลุ่มวัยรุ่นที่ถูกทางเจ้าหน้าคุมตัวไม่มีแม้แต่เงาเพื่อนสาว “หญ้า!....แกไปอยู่ไหน?....แกต้องไม่เป็นอะไร...แล้วฉันจะเอาหน้าไปเจอ... ‘เขาคนนั้น’...ได้ยังไง?...ช่วยติดต่อกลับมาสักทีเถอะ”‘รุ่งอรุณ...เช้าวันใหม่’ กอหญ้าที่ขยับตัวหลังจากได้พักผ่อนอย่างเต็มที่...คิ้วบางเริ่มขมวดเข้าหากันทีละน้อยเมื่อดวงตาบ่งบอกถึงเชื้อชาติเริ่มพบสิ่งแวดล้อมที่ไม่คุ้นตา ดวงตาเบิกกว้างขึ้น เมื่อสติเริ่มเข้าครอบครองสมอง เมื่อสมองเริ่มทำงาน มือบางเลิกผ้าห่มเล็กน้อย ดวงตาคมที่เบิกกว้างอยู่แล้วกว้างขึ้นอีก เมื่อกอหญ้าเริ่มรับรู้ว่าตัวเองเกือบเปลือยเปล่า เธอสวมเพียงบิกินี่ปกปิดสิ่งล้ำค่าของความเป็นหญิงของเธอเพียงชิ้นเดียว เนื่องจากกอหญ้าไม่ใช่คนขี้ตกใจอะไร แต่สำหรับเรื่องนี้มันเกินกว่าที่เธอจะไม่ตกใจไม่ได้....สา
“คริสต์!!!...” กัณฑ์ที่ผลักประตูเข้ามาพร้อมกับการ์ด “...แกต้องออกจากที่นี่...เดี๋ยวเจ้าหน้าที่กำลังเข้ามา...อ้าว!...เฮ้ย!!!...ใครว๊ะ?” กัณฑ์ที่จะเข้ามาพาเพื่อนออกจากที่นี่ ก็เจอกับหญิงสาวที่สวมเกาะอกสีดำกับกางเกงยีนต์สีเข้มเข้ารูป นอนไม่ได้สติอยู่บนโซฟาตัวยาว “ไม่รู้ว๊ะ!...น่าจะโดนลูกหลงจากเหตุการณ์ข้างนอก” “แกต้องรีบออกจากที่นี่นะ!...แล้วเอาไงกับผู้หญิงคนนี้” คริสต์หันไปมองใบหน้าหวานที่สลบไม่ได้สติ เธอคงตกใจมากจนหมดสติ “คงต้องเอาไปด้วย...ฟื้นแล้วค่อยว่ากัน” คริสต์ที่ตัดสินใจแล้วก็ขยับช้อนตัวอุ้มร่างบางเข้าสู่อ้อมแขน กัณฑ์พยักหน้าให้ลูกน้องเมื่อเพื่อนพร้อมแล้ว คริสต์อุ้มกอหญ้าที่ไม่ได้สติเดินไปยังทางออกหลังร้าน ที่รถของกัณฑ์จอดอยู่ กัณฑ์ขอกุญแจรถของคริสต์ที่จอดอยู่ด้านหน้าและส่งกุญแจคอนโดของตัวเองให้กับคริสต์ “คืนนี้แกไปพักที่คอนโดฉันก่อน ส่วนรถของแกเดี๋ยวฉันให้เด็กขยับไปจอดที่อื่น...ขอโทษด้วยว๊ะ!...” คริสต์ที่เข้ามานั่งเบาะหลังโดยมีกอหญ้าอยู่ในอ้อมแขน บอกกัณฑ์ว่าไม่เป็นไร “...พาคุณคริสต์ไปส่งที่คอนโดฉัน...” ป
Grrrr Grrrr กอหญ้าสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเสียงเครื่องมือสื่อสารของนักศึกษาที่เธอช่วยไว้ดังขึ้นมา “…ขอเสียมารยาทนะคะ...” กอหญ้ากล่าวออกมาพร้อมกับหยิบเครื่องมือสื่อสารของเพื่อนนักศึกษาออกมา “คุณพ่อ...” กอหญ้ากรอกเสียงตามคำที่โชว์ตามหน้าจอ และเมื่อปลายสายขานรับ เธอแจ้งเรื่องราวให้ทราบโดยทันที... และผลสรุปออกมาก็คือ เพื่อนนักศึกษาคนนั้น มีอาการแพ้อาหารทะเล และจากการซักถามเธอคงไปทานบางอย่างที่ไม่รู้ว่ามีหอยแมลงภู่เป็นส่วนผสมอยู่ด้วย จึงทำให้อาการกำเริบอย่างที่เห็น และตั้งแต่วันนั้น กอหญ้า กับ กิ๊ก ก็เป็นเพื่อนที่สนิทและเป็นที่ปรึกษาของกันและกันมาโดยตลอด การสังสรรค์ เฮฮาของเหล่านักศึกษาที่ไม่ใช่มีเพียงกลุ่มของพวกเธอ เพราะคลับแห่งนี้ในคืนนี้เต็มไปด้วยกลุ่มวัยรุ่นมากมาย กอหญ้า และ กิ๊ก ก็สนุกไปกับเพื่อนๆที่ทั้งร้องและเต้นกันตามประสา “กิ๊ก...หญ้าไปห้องน้ำก่อนนะ” กอหญ้าหันไปกระซิบกับเพื่อนสาว “ฉันไปเป็นเพื่อน” “ไม่เป็นไร...ห้องน้ำไกล้แค่นี้เอง...ฝากกระเป๋าด้วย” กอหญ้าเดินออกไปจากกลุ่ม เพื่อไปยังห้องน้ำ “...ว้า
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า....ฉันอยากเห็นนักเขียนคนนี้จริงๆ...ตั้งแต่รู้จักแกมา ฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนที่ ‘กล้า หือ กล้า หา’ กับแกเลย” “ยายเด็กบ้านั้น...ปากจัดขนาดนั้น...ใครจะคิดว่าจะเป็นนักเขียน” “เด็กมากเลยเหรอว๊ะ...” กัณฑ์ถามกลับอย่างสงสัย “ไม่รู้ว๊ะ...ผ่านมาสองสัปดาห์แล้ว ฉันยังหาเด็กนั้นไม่เจอเลย...คุณแม่กับพี่เขม ถามความคืบหน้าแทบทุกวัน...” “แล้วที่สำนักพิมพ์ละว๊ะ?” “นี่ก็แปลกมาก!...ไม่มีใครสามารถให้คำตอบฉันได้เลยว๊ะ...เขาบอกแต่ว่าเธอไม่เข้า มีอะไรให้ฝากข้อความไว้ จนถึงตอนนี้ฉันยังไม่ได้รับข้อความตอบกลับเลย...ไม่รู้อะไรกันนักหนา” คริสต์พูดจบ พร้อมกับนำน้ำสีอำพันกรอกเข้าปากลงคออย่างคนที่กำลังเซ็งสุดๆ “เท่าที่ฟังแกมา...ฉันเห็นด้วยว๊ะ แปลกจริง ดูมันมีลับลมคมนัยมาก...แล้วแกจะทำยังไงต่อ?...ถ้าเรื่องนี้หลุดจากช่องของแกไป คุณป้ากับพี่เขมคง ส่งค้อนใส่แกวันละหลายๆอันแน่...” “…ทุกวันนี้ ฉันก็ได้รับจนแทบจะแบกไว้ไม่ไหวแล้ว...” คริสต์คำรามออกมา กัณฑ์ได้แต่ยิ้ม และนึกภาพออกทันที เพราะถ้าคุณหญิงศศิธร
“โอเค!...ผมผิดเองครับ!...เพราะผมเสียงดังใส่เธอและเรียกลุงชัดให้มาลากเธอออกไปจากที่นี่...” สิ้นเสียงคำตอบของคริสต์ ดวงตาของคุณหญิงศศิธรและเขมิกาเปิดกว้างอย่างคาดไม่ถึง “เขม!...น้าอยากจะเป็นลม!!!” เสียงของคุณหญิงศศิธรดังขึ้นมา “คุณแม่ พี่เขม มันจำเป็นมากเหรอครับที่ต้องเป็นเรื่องนี้ เราเปลี่ยนไปหาบทประพันธ์เรื่องอื่นมาสร้างเป็นละครก็ได้นะครับ...บอกตามตรงนะครับ ผมไม่อยากร่วมงานกับคนที่ไร้ความเป็นมืออาชีพแบบนั้น” “คริสต์!!!....แม่ไม่เคยสอนให้คริสต์เป็นคนแบบนี้นะ...การเปลี่ยนเรื่องมันใช่! ว่าเป็นวิธีการแก้ปัญหา แต่เป็นการแก้ปัญหาแบบหนีปัญหา แม่ไม่เคยสอนให้คริสต์ทำแบบนี้ ไม่รู้ล่ะ!!! งานนี้คริสต์ต้องเป็นคนแก้ปัญหานี้ให้ได้เพราะเราเป็นคนก่อและสร้างมันขึ้นมา และอีกอย่างไม่ใช่เฉพาะช่องของเรานะที่ต้องการเรื่องนี้มาสร้างเป็นละคร แต่ที่เราได้และขยับได้มาไกลกว่าช่องอื่น เพราะแม่รู้จักเป็นการส่วนตัวกับคุณประจักษ์เจ้าของสำนักพิมพ์ข้อเขียน แม่จะเสียผู้ใหญ่ไม่ได้ และคุณประจักษ์บอกเพียงว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ เจ้าของผลงานทั้งนั้น...”







