วันต่อมา
“เอย...มายังไง แล้วรถแกละ” แตงกวา ภัทรธิดา เพื่อนที่เรียนด้วยกันถามหญิงสาวขึ้นทันที เพราะวันนี้เห็นหญิงสาวเดินเข้ามาตั้งแต่หน้าประตูมหาวิทยาลัย ไม่เห็นรถมอเตอร์ไซค์ที่หญิงสาวใช้เหมือนเช่นทุกวัน
“เอ่อ...รถพังน่ะ เลยมารถประจำทางเอา” หญิงสาวเอ่ยตอบเพื่อนออกไปตามตรง
“รถพัง...แล้วนี้แก...” หญิงสาวย้ำถามอย่างสงสัย แต่ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นสภาพรอยแผลที่เข่าของเพื่อน เมื่อลมพัดกระโปรงขึ้นเหนือเข่าพอดี เพราะปรียาภัทรนุ่งประโปรงคลุมเข่า
“อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ ช่วงนี้เลยงดรับงานไปก่อน” ปรียาภัทร เมื่อไม่เห็นมีอะไรปิดบังเพื่อน จึงตอบออกไปตามความจริง
“แล้วแกเป็นอะไรมากไหมเอย” ภัทรธิดาหันมาถามไถ่เพื่อนด้วยความเป็นห่วง เป็นใยทันที
“ถ้าฉันเป็นอะไร แกจะเห็นฉันยืนอยู่ตรงนี้ไหมละแตง” ปรียาภัทรตอบออกไปด้วยวาจาติดตลก
“ตอบกวนตลอดเลยน่ะแกก็...” ภัทรธิดาตวาดตามองเพื่อนทันที
“ล้อเล่น...อยากให้เพื่อนอารมณ์ดีบ้าง”
“ใครเขาจะอารมณ์ดีได้ตลอดเหมือนแกละ สุขทุกข์ก็ยิ้ม” ภัทรธิดาแซวออกมา เพราะตั้งแต่ที่รู้กันกับปรียาภัทรมา แทบไม่เคยได้เห็นมุมเศร้าของเพื่อนเลย มีแต่มุมน่ารักอัธยาศัยดีต่อเพื่อนทุกคน แถมยังเป็นคนที่อารมณ์ดีตลอด ทำให้เพื่อนๆทุกคนพลอยอารมณืดีไปด้วยเมื่อเจอปัญหามา
“มัวยืนทำอะไรกันคนสวย...ขึ้นเรียนได้แล้ว” อชิ วชิรวิชญ์ เพื่อนร่วมรุ่นเอ่ยบอกหญิงสาวทั้งสอง เมื่อเห็นว่าถึงเวลาแล้วแต่ทั้งคู่ยังคงยืนเสวนากันอยู่
ทั้งหมดจึงต้องหยุดการสนทนาไว้เพียงเท่านี้ แล้วเดินขึ้นลิฟท์เพื่อไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ เมื่อเห็นว่าถึงเวลาแล้ว
ตกเย็น
บริษัท(ครอบครัวเรืองพาณิชยากุล)
“คืนนี้ไปปลดปล่อยหน่อยไหมเพื่อน” อัศนัย หรือ นัย เพื่อนของพงศกรที่พึ่งจะกลับจากต่างประเทศหมาดๆ แวะมาหาเขาที่บริษัท และตรงมาหาทันที ถามขึ้นเป็นคำถามแรกเมื่อเจอหน้ากัน
“มึงพึ่งจะกลับมาเองนะไอ้นัย แถมบ้านตัวเองก็มีไม่ยอมกลับ มานั่งเฝ้ากูอยู่ได้ ยังกับว่ากูเป็นเมียมึงอย่างนั้นแหล่ะ” พงศกรต่อว่าเพื่อนออกมาทันที
“เบื่อว่ะ เจอหน้าก็เอาแต่พากันหาเมียให้กูตลอด” อัศนัยตอบออกไปอย่างเซ็งๆ แต่กลับยกขาขึ้นไกวฮ่างอย่างสบายใจ อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“หึ...มึงก็ชอบเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่หิ้วสาวฝรั่งมาฝากพวกท่านบ้างล่ะ เผื่อพวกท่านจะล้มเลิกความคิดนั้นทิ้งเสีย” พงศกรส่ายหน้าเบา ๆ แล้วแซวเพื่อนออกไป
“กูไม่อยากผูกมัดกับใครทั้งนั้นแหล่ะ มึงกูรู้นี้ว่าพวกผู้หญิงชอบจู้จี้จุกจิก วุ่นวายจะตายไป” อัศนัยตอบออกมาแบบไม่ได้คิดอะไร
“ตอนแรกกูก็คิดแบบนี้เหมือนกันกับที่มึงคิดนั้นแหละ...แต่พอกูได้เห็นชีวิตของน้องกูแล้ว ผู้หญิงก็ไม่ได้เป็นเหมือนกันทุกคนอย่างที่เราคิดเลยน่ะ” พงศกรเล่าออกมาตามตรงให้เพื่อนฟัง เมื่อได้เห็นกับตามาองของชีวิตคู่ที่แท้จริงของน้องชายมาแล้ว ทำให้เขาเริ่มเปลี่ยนความคิดเมื่อก่อนทิ้ง ที่มีอคติต่อความรักมาตลอดจนไม่อยากมีชีวิตคู่เลย จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาบ้างานมาจนถึงทุกวันนี้
“หรีดหริ่งลูกสาวอีกคนของพ่อมึงนั้นนะหรือ” อัศนัยถามออกไป เพราะพ่อจะทราบข่าวของน้องชายเพื่อนมาอยู่บ้างทางโซเชียลต่างๆ ที่น้องชายเพื่อนลง
“อื้ม...” พงศกรพยักหน้ารับเชิงเป็นคำตอบ
“ถ้าผู้หญิงทุกคนเป็นแบบนั้นก็ดีสิ คิดแล้วก็น่าเสียดายอยู่น่ะที่มึงไม่ให้กูจีบเธอ” อัศนัยพูดออกมาด้วยใบหน้าที่รู้สึกเสียดาย เพราะพีรดาถูกตาต้องใจเขามานาน เพียงแต่ตอนนั้นหญิงสาวอายุยังไม่ถึง 18 เลย พงศกรเลยห้ามเอาไว้
“น้องมันยังเด็กอยู่เลยน่ะตอนที่มึงมาบอกกู...กูอยู่ไทยจนอายุมา 30 ปีแล้ว ยังไม่เจอผู้หญิงแบบน้องสะใภ้กูเลย แม้แต่น้องสาวกูเองก็ยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของหรีดหริ่งเลย”
“มึงก็ดูกูกน้องตัวเองเกินไปไอ้เพชร” อัศนัยตอกกลับเพื่อนออกไป เมื่อนินทาน้องสาวๆ แท้ ๆ ให้เขาฟัง
ร่างสูงของพงศกรลุกขึ้นจากเก้าอี้ พร้อมกับเก็บของเรียบร้อย แล้วเดินมานั่งลงข้างๆ กับเพื่อนที่โซฟา แล้วเอ่ยบอกทันที
“กลับบ้านได้แล้วมึง คืนนี้กูมีธุระที่ต้องจัดการ” พงศกรเอ่ยปากไล่ให้เพื่อนกลับไปบ้านทันที เพราะตัวเองมีเรื่องที่ต้องสะสาง เพราะมีใครบางคนที่ทำให้เขาไม่สบอารมณ์
“ธุระอะไร” อัศนัยหันไปถามอย่างสงสัยทันที เพราะปกติเพื่อนไม่เคยที่จะปฏิเสธเขาเลย ชวนไปไหนก้ไม่เคยขัดตามใจตลอด
“เรื่องส่วนตัวครับคุณอัศนัย” พงศกรเอ่ยขึ้นมา พร้อมกับตบไหล่เพื่อนเบาๆ
“เออ กลับก็ได้ว่ะ แต่วันหลังถ้ากูชวนมึงห้ามปฏิเสธนะ” อัศนัยจึงต้องยอมตามที่เพื่อนบอก แล้วเอ่ยคาดโทษเพื่อนเอาไว้ทันที
“เออ...ก็วันนี้มึงไม่โทรมาแจ้งกูล่วงหน้านี้หว่า”
“ครับท่านประธาน...” อัศนัยน้อมรับ พร้อมกับโค้งคำนับเพื่อนอย่างหยอกล้อทันที
มหาวิทยาลัยเอกชน KK (นามสมมุติ)
“เอย...เดี๋ยวฉันไปส่งน่ะ” วชิรวิชญ์เอ่ยบอก เมื่อเดินออกมาจากตึกเรียนพร้อม ๆ กันกับหญิงสาว เมื่อทราบมาว่าวันนี้เธอรถประจำทาง
“ไม่เป็นไรหรอก เรากลับรถประจำทางได้ รบกวนอชิเสียเปล่า” หญิงสาวรีบปฏิเสธทันควัน
“รบกวนอะไรละเอย เราเพื่อนกันน่ะ มีอะไรก็ช่วยกันสิ” วชิรวิชญ์ยกเหตุผลความเป็นเพื่อนมาอ้าง ที่จริงแล้วชายหนุ่มซึ่งแอบชอบหญิงสาวตั้งแต่แรกเห็นแล้ว แต่หญิงสาวกลับมองความหวังดีของเขาอยู่เสมอ
“แต่เราเกรงใจ” ปรียาภัทรตอบออกมาตามตรง
ปี๊บ ปี๊บ
ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้เอ่ยอะไรขึ้นมาอีก รถยนต์คันหรูที่ขับเข้ามา บีบแตรใส่เสียงดังเสียก่อน พร้อมกับรถกระจกลงมา เอ่ยเสียงเข้มสั่งขึ้นทันที
“ขึ้นรถ!”
“...” หญิงสาวเมื่อรู้ว่าเสียงนั้นคือใคร ก้มหน้าลงอย่างรู้สึกหวั่น ๆ ทันที
“ไม่ได้ยินเหรอ พี่บอกให้ขึ้นรถ” เสียงเข้มของเจ้าของรถเอ่ยขึ้นมาเสียงดังอีกครั้ง พร้อมกับจ้องมองไปที่ทั้งคู่อย่างคาดโทษหญิงสาวเอาไว้
หญิงสาวจึงได้แต่ยอมเดินไปขึ้นรถหรูคันนั้นไปแบบไม่เอ่ยอะไรออกมาเลย แม้แต่วชิรวิชย์ที่ยังคงยืนงงอยู่ เมื่อรถคันหรูแล่นออกไปจากตรงนี้แล้ว
ปลดปล่อย NC“รีบถอดสิ...” เสียงเข้มเอ่ยสั่ง เมื่อเข้ามาถึงห้องในม่านรูด ซึ่งใกล้กันกับสถานบันเทิงแห่งนี้ ที่พึ่งจะนัดดีลสาวสุดเซ็กซี่ สวยแซ่บมาปลดปล่อยตามประสาชายโสด“ใจร้อนจังเลยนะคะ...” เสียงหวานของร่างอรชนสุดเซ็กซี่เอ่ยขึ้น พร้อมกับพยายามส่งสายตายั่วยวน แก่ร่างสูงหุ่นดุจนายแบบตรงหน้า“ผมไม่ชอบจูบกับใคร...” เสียงเข้มเอ่ย พร้อมกับเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เมื่อหญิงสาวพยายามจู่โจมหน้าใส่ หมายจะมอบจูบให้แก่เขา“ค่ะ...ฉันชื่อเอยนะคะ แล้วคุณชื่ออะไรล่ะค่ะ เอยจะได้เรียกถูก” หญิงสาวเอ่ยบอกชื่อ พร้อมกับถามร่างสูงกลับไป“...ผมไม่ได้ถาม แล้วคุณก็ไม่ต้องอยากรู้ด้วยว่าผมชื่ออะไร” เพราะชื่อของหญิงสาวที่เอ่ยบอก ทำให้ร่างสูงชะงักนิ่งทันที อะไรจะบังเอิญชื่อเหมือนขนาดนั้น“บอกไว้เผื่อจะได้ครางถูกยังไงล่ะค่ะ ตอนเรามีความสุขกัน...” เสียงนุ่มกระเส่าเย้าแหย่เอ่ยออกมา และปลดชุดสวยสุดเซ็กซี่ของเธอออก“หึ มั่นใจหรือว่าคุณจะทำให้ผมถึงใจขนาดนั่น...” ร่างสูงเค้นหัวเราะออกมา พร้อมกับนั่งลงบนที่นอนนุ่ม“ก็ลองดูสิค่ะ...แล้วคุณจะติดใจ” หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างมั่นใจ ในตัวเองว่าสามารถปรนเปรอชายหนุ่มถึงใจได้“รีบทำเถอะ...
.ไม่แน่ชัดบ้านเรืองพาณิชยากุล“สุขสันต์วันเกิดครับสุดหล่อ มาให้ลุงอุ้มหน่อย” ร่างสูงเดินเข้ามาภายในบ้าน เห็นหลานชายตัวน้อย วิ่งเข้ามาหา ก็รีบย่อตัวลงอุ้มขึ้นมาทันที“กว่าจะมาได้น่ะ...” นิษฐา มารดาผู้ให้กำเนิด เอ่ยแซวขึ้นมาทันที ที่เจอหน้าลูกชายคนโตของบ้าน เพราะช่วงนี้ชายหนุ่มไม่ค่อยกลับเข้าบ้าน“ก็ติดงานนี้ครับแม่...ตั้งแต่ที่พ่อมาช่วยเลี้ยงหลานแม่ งานผมก็กองเต็มจนต้องหอบกลับมาทำที่บ้านนี้แหล่ะครับ ดีหน่อยที่มีคอนโดฯใกล้ๆ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาขับรถนาน” พงศกรตอบกลับมารดาไป แล้วเอาเหตุของคนเป็นพ่อมาอ้าง“จ้า...พ่อคนขยันของแม่ ว่าแต่มีอะไรมาฝากหลานล่ะ” นิษฐาจึงยอมอ่อนให้แก่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอ“ของเล่นเช่นเคยละครับ ว่าแต่น้องๆไปไหนกันหมด” พงศกรตอบกลับไป พร้อมกับถามถึงน้องๆ เพราะไม่เห็นหน้ากันเลย“เตรียมอาหารกันที่ครัวน่ะ” นิษฐาตอบออกไป“ตาพีทนี้นะครับ จะเข้าครัว” พงศกรเลิกคิ้วขึ้นมา พูดเสียงดังทันที เพราะไม่อยากจะเชื่อ ว่าคนอย่าง พจีพัฒน์ น้องเล็กของบ้าน ที่ทำอะไรไม่เป็นเลย นอกจากหน้าตาดี และเรียนเก่ง จะยอมเข้าครัว“ก็เออนะสิ”“มาถึงนานแล้วเหรอค่ะพี่เพชร” เสียงหวานถามขึ้นมาเดินถือ
ถูกที่ แต่ผิดเวลารุ่งเช้าสองร่างหนุ่มสาวกอดกันกลมเกลียวหลับสนิทอย่างไม่รู้สึกตัว ร่างสูงที่เป็นฝ่ายลืมตาขึ้นมาก่อนเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาที่ดังรบกวนไม่ยอมหยุดมาเป็นระยะแล้วมือหนาข้างที่ว่างเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่ดังไม่ยอมหยุดขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่โทรฯมารบกวน จึงกดปิดเสียงเงียบทันที แล้วทิ้งตัวลงนอนเช่นเดิม สายตาคมจ้องมองไปที่ใบหน้าสวยที่ยังคงหลับบนแขนแกร่งของเขาเพราะห้องของเธอมีหมอนแค่ใบเดียว ใบหน้าสวยที่หลับสนิทนั้นช่างน่าหลงใหลเสียเหลือเกิน มือสากลูบไปแก้มป๋องนั้นอย่างเบามือที่สุด แล้วใบหน้าที่มีรอยยิ้มผุดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว“อื้อ...” เสียงครางอู้อี้ออกมาจากร่างบาง เมื่อถูกรบกวนการนอนของเธอ“ตื่นได้แล้ว...” เสียงทุ้มถามขึ้น เมื่อรับรู้ถึงแรงขยับของหญิงสาว ที่หนุนแขนเขาแทนหมอนแทบทั้งคืน“เช้าแล้วเหรอ” เสียงอู้อี้ถามขึ้น พร้อมกับขยับตัวออกจากแขน แล้วลุกขึ้นมานั่งบิดขี้เกียดไปมาอยู่สักพัก“อื้ม...” ร่างสูงของพงศกรพยักหน้ารับ แล้วลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับบีบนวดแขนตัวเอง ที่ตอนนี้รู้สึกชาไปทั้งหมด“พี่เพชร พี่ปวดแขนเหรอ” หญิงสาวถามขึ้น เมื่อเห็นเขาบีบทุบที่แขน เพราะเ
สร้างความเชื่อมั่นกลับมาทางด้านของพงศกรคนหน้ามึน ที่ตอนนี้เวลาจวบจนมาถึงดึกแล้ว แต่คนหน้ามึนยังคงอยู่ที่ห้องเช่าน้อยของหญิงสาวอยู่ ไม่ยอมกลับที่ของตัวเองไปสักที“พี่เพชร” หญิงสาวเอ่ยเรียกคนหน้ามึนขึ้น เมื่อเห็นว่านานมากแล้วร่างสูงก็ไม่ยอมที่จะลุกออกไปไหนเลย แถมยังนอนลงบนที่นอนของเธออย่างสบายใจเฉิ่ม ราวกับว่าเป็นที่ของตัวเอง“ครับ”“คือ...”“อะไรเหรอ” ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นถาม แต่กลัยังคงนอนอยู่ที่เดิม“ดึกมากแล้วค่ะ น้องว่า...” หญิงสาวเอ่ยบอก เมื่อเห็นว่าเป็นเวลาดึกมากแล้ว“พี่จะนอนที่นี่ครับ” ร่างสูงลุกขึ้น พร้อมกับเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร“ห๊า...” หญิงสาวเบิกตากว้างขึ้นมาทันที ที่ได้ยินคนหน้ามึนพูดออกมา“พี่เมื่อยมากเลย ขับรถกลับไม่ไหวแล้วล่ะ” พงศกรเอ่ยบอก พร้อมกับท่าทางนวดแขนของตัวเองให้หญิงสาวเห็น“แต่พี่เพชร...”“อยากไปอาบน้ำก็อาบไปสิ พี่ไม่แอบดูหรอก” ร่างสูงพูดขึ้นบอก เมื่อสีหน้าของหญิงสาวเป็นกังวล พยายามจะสื่อถึงอะไรบางอย่าง“พี่เพชรทำไมพี่หน้ามึนแบบนี้ล่ะค่ะ” หญิงสาวต่อว่าออกมาทันที เพราะไม่รู้ว่าจะทำเป็นไรกับคนตีมึนแบบนี้ดี“ยอมรับครับ” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยน้อมรับออกมา“
ห้องเช่าน้อยๆ ปากซอยมีร้านเซเว่น“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง...ขับรถกลับดีๆนะคะ” หญิงสาวเอ่ยขอบคุณทันที ที่รถขับมาถึงยังหน้าที่พักของเธอ แล้วก็เปิดประตูลงจากรถทันที“เดี๋ยวสิ!...” ร่างสูงรีบเปิดประตูรถออกมาเอ่ยเรียกไว้เสียก่อน“...” หญิงสาวไม่เอ่ยถามอะไรกลับไป เพราะพอจะรู้เหตุผลของเขาดี“พี่หิวน้ำ...” สองเสียงพูดขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกันทันที“เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจยาวเหยียดของหญิงสาวพ่นออกมาอย่างเบื่อหน่ายกับคนหน้ามึนที่เอาแต่ใจตัวเองหญิงสาวไม่รู้จะทำเช่นไรกับคนหน้ามึนแบบนี้ดี เธอกับเขาพึ่งจะรู้จักกันเพียงไม่กี่วันมานี้เอง แต่ชายหนุ่มกลับทำตัวเหมือนสนิทกับเธอ ราวกับว่ารู้จักกันมานานแสนนานใบหน้ายิ้มระรื่นอย่างมีความสุข ที่ได้เข้ามาภายในห้องเช่าน้อยๆของหญิงสาว ร่างสูงถอดรองเท้าออก แล้วเดินไปหยิบน้ำมานั่งลงเปิดฝาดื่มทันที อย่างกับว่าเป็นเจ้าของห้องเสียเองหญิงสาวเอาแต่ส่ายหน้าเบาๆ ให้กับคนที่เอาแต่ใจ แล้วเดินเอาของเธอไปเก็บพร้อมกับกำลังจะหยิบกล่องอุปกรณ์ทำแผลมาแต่ทว่า“ว้าย...พี่เพชร จะทำอะไร...” ร่างบางร้องออกมาทันที เพราะตกใจไม่น้อย เมื่อโดนร่างสูงรวบตัวมานั่งลงบนตัวแกร่ง แล้วยกตัวหญิงสาวน
คนเอาแต่ใจ“แฟนเหรอ” เสียงทุ้มถามหญิงสาวขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ เพราะหญิงสาวไม่ยอมพูดจาอะไรเลย ตั้งแต่ที่ขึ้นรถมาแล้ว“มะ ไม่ใช่ค่ะ เพื่อน” หญิงสาวรีบปฏิเสธทันควัน เมื่อร่างสูงถามออกมาแบบนี้“ดู ๆ แล้ว เขาน่าจะชอบน้องน่ะ” พงศกรยังคงถามหาความจริงจากหญิงสาว“ชะ ชอบอะไรกันค่ะ เราเป็นแค่เพื่อนกัน” หญิงสาวยังคงที่จะตอบออกมาแบบเดิมร่างสูงจึงได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ ให้กับความใสซื่อของเธอ *ช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลย* พร้อมกับอมยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อย *นี่เธอดูไม่ออกเหรอว่าเพื่อนสนใจเธอ*“แล้วโทรมาทำไมไม่ยอมรับสายพี่” พงศกรเปลี่ยนเรื่องถามทันที“คือ...” หญิงสาวอึกอักไม่กล้าตอบออกมาร่างสูงตีไฟเลี้ยว และรีบหักเลี้ยวเข้าจอดข้างทางทันที พร้อมกับปลดเข็มขัดออก จ้องมองหญิงสาวอย่างคาดโทษทันที“พี่เคยบอกแล้วน่ะ แต่น้องท้าทายพี่เอง” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น พร้อมกับสายตาที่ดูเจ้าเล่ห์ออกมา“น้อง...”“อะไร” ร่างสูงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ แล้วถามขึ้น“พะ พีเพชรจะทำอะไรค่ะ” หญิงสาวกลับตาลง พร้อมกับมือที่ยกขึ้นดันอกแกร่งของพงศกรออก“หึ แค่ล้อเล่นเอง กลัวเหรอ” ร่างสูงหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ เมื่อได้แกล้งหญิงสาว และยือมือหนาข