Episode 03 แคมป์ปิ้ง
หลังจากทิ้งท้ายด้วยประโยคสยดสยองเอาไว้ อาคิราก็สั่งให้ลูกน้องพาทั้งสามคนกลับโรงแรม และแน่นอนว่าการแอบหนีเที่ยวของเธอครั้งนี้ทำให้เกิดการคาดโทษขึ้น “โดนป๊ะป๋ายื่นคำขาดแล้วว่าจะไปไหนต้องบอกบอดี้การ์ดก่อน ไม่งั้นจะให้กลับไปเรียนต่อที่ไทย” คนตัวเล็กเล่าด้วยน้ำเสียงเศร้า เดิมทีเธอเป็นคนที่รักอิสระชอบออกไปลองทำอะไรใหม่ๆ แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าอาคิราไม่ได้ให้ในสิ่งที่เธอต้องการ เขาอนุญาตให้เธอทำตามใจตัวเองได้ทุกอย่างเพียงแต่มีข้อแม้ว่าต้องให้บอดี้การ์ดติดตามไปด้วยเสมอ นั้นก็เป็นเพราะความปลอดภัยของเธอเอง เธอรับรู้ และเข้าใจว่าทั้งหมดพ่อทำไปเพราะเป็นห่วงเธอก็เท่านั้นที่ต้องมาอยู่ไกลครอบครัวเพียงลำพังหนำซ้ำยังพ่วงสถานะลูกสาวมาเฟียที่ไม่รู้ว่ามีใครจ้องเล่นงานเธออยู่เมื่อไหร่ ‘ของมีค่าที่จะทำให้พวกศัตรูต่อรองกับป๋าได้มีเพียงแค่ 3 อย่างเท่านั้น นั่นคือ หนู น้อง และแม่ของหนู ทั้งสามคนเป็นสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตของป๋า เพราะฉะนั้นรู้เอาไว้ว่าป๋าจะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องของรักของป๋าแม่แต่ปลายเล็บ’ ประโยคบอกรักที่ไม่มีคำว่ารักของพ่อ ที่เธอยังจำขึ้นใจเสมอมาทำให้เธอไม่ได้มีปัญหากับการมีบอดี้การ์ดติดตามเพื่อความสบายใจของพ่อ เพียงแต่บางครั้งก็อยากจะแอบไปทำอะไรสุดโต่งกับเพื่อนๆ ของเธอบ้าง เลยแอบหนีเที่ยวไปบ้าง ทว่าสถานที่ที่พวกเธอไปกันครั้งนี้จะทำให้พ่อของเธอดูมีกังวลกว่าทุกครั้ง “อาครามจะไม่ยกพวกมาเหมือนครั้งก่อนอีกใช่ไหม” เม็ดฝุ่นเอ่ยถามขณะนั่งนอนอยู่บนเตียงนอนหนานุ่ม ส่วนเซเวียร์ก็นั่งอยู่บนโซฟาภายในห้องที่ไม่ไกลออกไปมากนัก “ไม่หรอก แต่ถ้าเมื่อกี้ฉันไม่ยอมรับสายอาจจะมาคืนนี้เลย” คาร์ลินแสร้งหัวเราะแห้งให้เพื่อนๆ ของเธอสบายใจ ทว่าทั้งสองคนกลับยิ้มตอบด้วยใบหน้าซีดเผือด “มีเพื่อนเป็นลูกสาวมาเฟียต้องทำใจสินะ” เม็ดฝุ่นพึมพำเบาๆ “พูดเหมือนยังไม่ชิน จำตอนที่พวกเรามีเรื่องกับอันธพาลแล้วฉันโดนตอยแทนพวกเธอ แล้วคาร์ลินไปฟ้องพ่อได้ไหม ตอนที่อาครามยกลูกน้องมาเองโคตรเท่เลย แต่สภาพพวกนั้นทำเอาฉันสยองอยู่นะ” เซเวียร์เล่าถึงประสบการณ์ที่ทำให้เขาได้เจอกับพ่อแท้ๆ ของเพื่อนสนิทเป็นครั้งแรก และเหตุการณ์นั้นเองที่ทำให้เขากับเม็ดฝุ่นรู้จักตัวตนที่แท้จริงของครอบครัวคาร์ลิน “ถ้าเราทะเลาะกันแกจะไม่ไปฟ้องพ่อใช่ไหม” เม็ดฝุ่นเอ่ยถามพร้อมกับส่งสายตาออดอ้อนมองเพื่อนรักตาปริบๆ “ไม่หรอก บอกแค่บอดี้การ์ดข้างนอกก็พอ” คาร์ลินแสร้งตอบหน้าตาย ทว่ากลับทำเอาเม็ดฝุ่นหน้างอในทันที “ร้ายกาจนะ เพื่อนกันแน่ใช่ไหมถึงกับให้คนมารุ่มกระทืบฉันเลยเหรอ” เม็ดฝุ่นตัดพ้อติดตลกตามประสาเพื่อนสนิทหยอกล้อกัน “บ้าบอ ฉันแค่จะให้วิ่งไปซื้อชานมมาง้อเพื่อนรักฉันต่างหาก” คาร์ลินกระโดดมากอดเม็ดฝุ่นเอาไว้ด้วยความเอ็นดู “งั้นฉันเอาคาปูชิโน่” “ไม่จ้ะ ถ้านายงอนต้องหายเองเป็นผู้ชายต้องเข็มแข็งนะเพื่อนรัก” คาร์ลินหันไปตอบกลับเซเวียร์ที่แทรกขึ้นมา ก่อนที่เธอกับเม็ดฝุ่นจะมองไปทางเขาด้วยแววตาเห็นใจ “เป็นผู้ชายในกลุ่มคนเดียวก็ลำบากหน่อยนะ” นอกจะไม่มีคำปลอบใจแล้วเม็ดฝุ่นยังตอกย้ำเซเวียร์เพิ่มไปอีกคน “พวกเธอมันยัยแม่มด รีบๆ นอนไปเลยพรุ่งนี้ไปตั้งแคมป์ในป่ากันอย่าตื่นสายล่ะ” เซเวียร์บอกทิ้งท้ายเอาไว้ ก่อนจะเดินกลับออกไปห้องของตัวเองที่อยู่ติดกันกับห้องของสาวๆ “กู๊ดไนน์~” สองสาวตะโกนส่งเซเวียร์อยู่บนที่นอน ก่อนที่พวกเธอจะพากันลุกไปจัดกระเป๋า เพราะทริปสุดท้ายของพวกเขาคือการไปตั้งแคมป์ในป่าสองวันหนึ่งคืนที่อุทยานแห่งชาติและอุทยาน เช้าวันต่อมา ทั้งสามคนเตรียมตัวไปแคมป์ปิ้งเรียบร้อย โดยมีบอดี้การ์ดคาร์ลินตามไปด้วยสองคนซึ่งเป็นจำนวนน้อยที่สุดที่เธอสามารถต่อรองกับพ่อของเธอได้ “เย้! ไปกัน!” คาร์ลินตะโกนด้วยความร่าเริง ก่อนจะโอบไหล่เพื่อนทั้งสองคนขึ้นรถไปโดยมีบอดี้การ์ดของเธอนั่งหน้า และเป็นคนทำหน้าที่ขับรถให้ ใช้เวลาขับรถอยู่นานหลายชั่วโมงก็พากันมาถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ ทั้งสามคนพากันเดินสำรวจบริเวณที่จะตั้งแคมป์ด้วยความตื่นเต้น บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยพื้นป่ากว้าง ถัดจากบริเวณตั้งแคมป์ไม่ไกลมีลำธารอยู่ “อยากเล่นน้ำมาเล่นน้ำกันไหม” เม็ดฝุ่นเอ่ยชวน เพราะตอนนี้ยังไม่ทันมืดพอมีเวลาให้พวกเธอได้มาเล่นน้ำกันอยู่ “เอาสิ กลับไปเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนกัน” คาร์ลินเห็นด้วยเพราะเธอเองก็อยากเล่นน้ำอยู่พอดี “งั้นก็ลุยเลยรออะไร” เซเวียร์วิ่งนำสาวๆ กลับไปยังจุดตั้งแคมป์ที่บอดี้การ์ดของเธอกำลังช่วยกันกางเต็นท์ให้เพื่ออำนวยความสะดวก “ขอบคุณคุณนะคะ” คาร์ลินกล่าวขอบคุณบอดี้การ์ดของเธอที่ช่วยกางเต็นท์ให้ ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าไปเล่นร้ำตรงลำธารพร้อมกับเพื่อนๆ ของเธอ “พวกเราไปเล่นน้ำตรงลำธารตรงนี้ไม่ต้องหวงนะคะ พวกพี่กางเต็นท์กันไปเลย” “ครับ” บอดี้การ์ดทั้งสองคนมองเห็นว่าลำธารไม่ได้อยู่ไกลจากตรงนี้มากนักจึงไม่ได้ตามไป และเพื่อให้ความเป็นส่วนตัวเธอกับเพื่อนๆ ได้เล่นสนุกกันอย่างเต็มที่ ————————————- พ่อหนูเป็นคนดีค่ะ ถึงพ่อหนูจะโง่จนหนูเกือบโตมาไม่มีพ่อก็ตาม🥹บทส่งท้ายสิ่งแรกที่คาร์ลินทำหลังจากกลับมาจากอิตาลีคือการตรงไปหาเฟลิกซ์ ซึ่งแน่นอนว่าเธอได้ขออนุญาตเจโรมก่อนมาแล้ว และเขาเองก็นั่งรอเธออยู่ที่ด้านนอก“ขอบคุณที่ยังอุตส่าห์มาหากันนะ” เฟลิกซ์ทักทายร่างบางที่เดินเข้ามาหาเขาภายในห้องทำงานที่กาสิโนพร้อมแหวนเพชรเม็ดโตบนนิ้วนางข้างซ้าย“ฉันก็ต้องมาหาอยู่แล้วสิ”“ตอบตกลงไปแล้วฉันจะมีค่าอะไรอีก”“ขี้น้อยใจจัง เดี๋ยวหาสวยๆ ให้เอาไหม”“ถ้าแค่เป็นผู้หญิงสวยๆ ก็พอ ฉันหาใครก็ได้ไม่จำเป็นต้องรอลินมานานขนาดนี้หรอก”“เพราะรู้ว่านายรอวันนี้ถึงได้ตั้งใจมาบอกไม่ให้รอไง คนดีๆ แบบนายสมควรได้เจอคนดีๆ นะ ฉันไม่เหมาะสมกับนายหรอก” คาร์ลินพยายามปลอบโยนเฟลิกซ์เพื่อรักษามิตรภาพระหว่างเธอกับเขาเอาไว้"ทำไมถึงเป็นมัน ทำไมไม่เป็นฉัน ลินรับปากฉันแล้วนี่ว่าจะหย่ากับมัน”“เพราะไม่อยากผิดคำพูดที่รับปากไว้ฉันเลยหย่ากับเขาแล้ว” คาร์ลินบอกพร้อมกับหยิบเอกสารการหย่าออกมาจากกระเป๋าให้เฟลิกซ์ดู
Episode 36 สัญญาตายและดูเหมือนว่าทั้งสองคนเองก็รู้ตัวเหมือนกันว่าคาร์ลินกำลังรอคำตอบจากพวกเขาทั้งสองคน ถึงได้เอ่ยปากพูดขัดจังหวะขึ้นมา“มองหน้าป๊ะป๋าเหมือนจะมีคำถามนะ”“เราสองคนพ่อลูกแค่มองตาก็รู้ใจแล้วไม่ใช่เหรอคะ งั้นก็ตอบมาเลยสิคะไม่เห็นต้องรอให้ถามเลย” คาร์ลินบอกกับอาคิรา“แค่อยากมาอยู่ในทุกช่วงชีวิตของลูกน่ะ”“แล้วป๊ะป๋าไม่มีความคิดเห็นเรื่องเจโรมกับหนูหน่อยเหรอคะ”“โตแล้วตัดสินใจเองสิ ถึงจะหวงมากแต่ก็ทำได้แค่คอยปกป้องอยู่ห่างๆ เพราะตอนนี้ลูกสาวพ่อโตแล้ว”“ทำไมไม่บอกเจ๊ไปด้วยว่าพ่อให้พี่สาวเขา กับเขาเซ็นสัญญายินยอมตายหากทำให้เจ๊เสียใจ” อาคินพูดแทรกขึ้นพร้อมกับชูสัญญาที่พึ่งเซ็นมาหมาดๆ ในมือ“ว่าไงนะ!”“อย่างโหด/โหดฉิบหายเลย” ไม่ใช่แค่คาร์ลินที่ส่งเสียงร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ แต่ทั้งเม็ดฝุ่น และเซเวียร์ซึ่งไม่คุ้นชินกับวงการมืดของเหล่ามาเฟียต่างก็พากันตกใจไปตามๆ กันอาคินเองก็ช่วยใ
Episode 35 เซอร์ไพรส์เป็นอีกหนึ่งในหลายครั้งที่เธอมักจะมองลึกไปในดวงตาของเขาเพื่อรอคำตอบที่มันสะท้อนออกมาเพื่อยืนยันคำตอบของเขาว่าจริงเท็จมากแค่ไหน“พูดไปเธอก็คงจะไม่เชื่อ”“ก็พูดมาก่อนสิ เพราะฉันอยากฟังไม่ว่าคำตอบมันจะจริง หรือเป็นแค่เรื่องโกหกก็ตาม”“ฉัน...”“คุณลูกค้ามีอะไรให้ช่วยไหมคะ” คาร์ลินกลอกตาขึ้นบนด้วยความหงุดหงิดที่ถูกพนักงานส่งเสียงขัดจังหวะเสียก่อนเธอรีบจัดการเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะเดินนำเจโรมออกไป เธอยืนสบตากับพนักงานที่รบกวนช่วงเวลาสำคัญเธอครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร เพียงเดินถือชุดที่ลองไปวางลงบนเคาน์เตอร์คิดเงิน เจโรมเดินตามออกมาจัดการเรื่องค่าใช้จ่าย พร้อมกับจัดแจงนำของไปส่งยังโรงแรมที่เขาจองเอาไว้“ไม่ฟังฉันตอบก่อนเหรอ”“ไม่มีอารมณ์จะฟังแล้ว”“งั้นอยากฟังเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน” เขาบอกพร้อมกับบีบแก้มนุ่มนิ่มด้วยความมันเขี้ยว &ldq
Episode 34 รื้อฟื้นความหลังสายตาหวานเยิ้มมองการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มผ่านกระจกสะท้อนตรงหน้าด้วยความรู้สึกเสียวซ่าน เมื่ออีกฝ่ายเลื่อนมือลงลูบไล้เนินสามเหลี่ยมอวบนูนไปมาจนเปียกชุ่มไปด้วยน้ำหวานที่ถูกกระตุ้นออกมา“ไหนว่าไม่ให้จับ” อีกฝ่ายเอ่ยแซวย้อนคำพูดของหญิงสาวที่เคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้“ก็ตอนนั้นยังไม่อยากนี่” คนตัวเล็กตอบตาใส ไม่ได้รู้สึกกระดากอายที่ถูกยอกย้อนเลยแม้แต่น้อย“หืม อยากอะไร” เจโรมแกล้งเอ่ยถามทั้งที่ตัวเขาเองก็รู้คำตอบอยู่แล้ว หนำซ้ำยังยิ่งกลั่นแกล้งเธอด้วยการดันเอาปลายนิ้วเรียวยาวเข้าไปทักทายปากช่องทางรักเปียกชื้นของคนตัวเล็กจนร่างบางบิดเกร็งไปมาใบหน้าหวานเหยเกไปตามสัญชาตญาณ ยิ่งเธอตอบช้ามากเท่าไหร่ปลายนิ้วร้ายก็ยิ่งดันเข้าไปลึกมากขึ้นเท่านั้น“ตกลงอยากอะไรไม่เห็นพูด” ยิ่งคนตัวเล็กพยายามกลั้นเสียงครางกระเส่าเอาไว้ อีกฝ่ายก็ยิ่งกระตุ้นแกล้งให้เธอเปล่งเสียงออกมา“อะ...อยากได้”“อยากได้อะไร”“อยากได้
Episode 33 ฮันนีมูนคาร์ลินมองปลายทางที่เครื่องลงจอดยังประเทศอิตาลีด้วยความประหลาดใจ ไม่คิดว่าเขาจะพาเธอมาไกลถึงขนาดนี้ ที่สำคัญเธอยังไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยต่างหาก“กระเป๋าฉันล่ะ” คนตัวเล็กเอ่ยถามหากระเป๋าสะพายคู่ใจที่มีของสำคัญของเธออยู่ในนั้นหลายอย่างทั้งเอกสาร โทรศัพท์ และบัตรเครดิตต่างๆ“เก็บเอาไว้ให้แล้ว เราจะไม่ใช้โทรศัพท์กันตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นี่”“แล้วทำไมฉันต้องอยู่ที่นี่ ตกลงลักพาตัวฉันมาทำไม” คนตัวเล็กกระแนะกระแหนอย่างไม่เกรงกลัวสถานการณ์ในตอนนี้เลย“แค่จะพาเมียมาฮันนีมูนนี่เรียกลักพาตัวเลยเหรอ ไม่ดูรุนแรงเกินไปหน่อยรึไง” เจโรมแสร้งตีหน้าเศร้าราวกับตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำถูกกล่าวหาให้ความเท็จ“ฮันนีมูน?”“ใช่ เราจะมาฮันนีมูนกันที่นี่ ที่นี่จะมี
Episode 32 ลักพาตัวหน้าตาที่โดดเด่นบวกกับการแต่งตัวที่เน้นเรือนร่างที่สมส่วนตามมาตรฐานทำให้แม้จะนั่งดื่มอยู่เฉยๆ แต่ก็มีผู้ชายมากมายให้ความสนใจอยากเข้ามาทำความรู้จักกับเธอ“สวัสดีครับมาคนเดียวเหรอ”คาร์ลินเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงที่โน้มใบหน้าหล่อเหลาลงมากระซิบข้างหูเธอท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังแข่ง เธอไม่ได้ตอบคำถามของเขาแต่ยกแก้วตัวเองขึ้นจิบแทนทำราวกับเขาเป็นเพียงอากาศธาตุสำหรับเธอ ยิ่งเห็นหน้าเขาเธอก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด เพราะสีผมบลอนด์ทองของเขามันทำให้เธอนึกถึงใครบางคนที่เธอกำลังบ่นถึงเมื่อครู่“ผมชื่อ...”“ฉันไม่ได้อยากรู้จัก” คาร์ลินถอนหายใจออกมาด้วยความรำคาญ ก่อนจะพูดดักอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์“ดูเหมือนคุณจะอารมณ์ไม่ค่อยดีนะ”“เพราะเห็นหน้าคุณไงเลยอารมณ์ไม่ค่อยดี” คำตอบที่ไร้ซึ่งมิตรภาพสำหรับคนแปลกหน้า ทำให้อีกฝ่ายเองก็รู้สึกไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นัก แต่โชคดีที่มีคนเข้ามาช่วยห้ามไม่ให้เรื่องบานปลายเอาไว้เสียก่อน“เขาไม่อยากคุยด้ว