"คินมาหอมแก้มเราทำไม" ฉันรีบเอามือเช็ดแก้มตัวเองคือมันทั้งเขินทั้งโกรธทั้งไม่พอใจ
"ก็อยากหอมอ่ะ ใจจริงอยากทำมากกว่านี้นะ^^"
"O_O"
"ทำไมต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้นด้วยอ่ะ 5555"
"ก็ ก็เมื่อกี๊คินบอกอยากทำ เอ่อ..." ฉันไม่กล้าพูดต่อเลย ไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้ว่าที่เขาพูดเมื่อครู่มันหมายความว่ายังไงถึงฉันจะไม่เคยมีแฟนแต่ฉันก็พอจะรู้เพราะเพื่อนในห้องของฉันที่เป็นแฟนกันบางครั้งเขาก็กอดก็จูบกันในห้อง รวมถึง..เขาด้วยที่ฉันก็เคยเห็นว่าเขานั่งกอดนั่งจูบผู้หญิงของเขาอยู่หลังห้อง บ่อยครั้งที่ฉันหันไปเจอแล้วเขาเห็นว่าฉันมองอยู่เขาก็รีบผลักผุ้หญิงคนนั้นออกทันทีซึ่งฉันคิดว่าเขาคงอาย
"ทำไมอยากทำเหรอ หื้มมม" ไม่พูดเปล่าเขาขยับเข้ามาใกล้แล้วดึงตัวฉันไปนั่งตักเขาแล้วเขาก็กอดฉันแน่นไม่ยอมปล่อย
หมับ!!!
"ว๊าย คินปล่อยเราเดี๋ยวนี้นะ" ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจก่อนจะดึงดันตัวเองให้หลุดจากอ้อมกอดของเขาแต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย
ฟอด ฟอด ฟอด
"อ่าา ชื่นใจจังแก้มเธอโคตรหอมเลยใช้น้ำหอมอะไรอ่ะ" เขาถามพร้อมใบหน้ายิ้มแย้มโดยไม่สนใจว่าตอนนี้ฉันกำลังโกรธและไม่พอใจเขาอยู่
"ปล่อยเราเดี๋ยวนี้เลยนะคินไม่งั้นเราจะโกรธจริงๆนะ" ฉันตะคอกใส่เขาแต่ก็ไม่ได้ดังมากเพราะกลัวจะมีใครได้ยิน
"โกรธเถอะเดี๋ยวฉันจะง้อเธอเอง^^"
"เราไม่เล่นนะ ขอร้องปล่อยเราได้แล้วเราจะไปเข้าห้องสอบ" ฉันหาข้ออ้างเพื่อให้เขาปล่อย
"สอบบ่ายโมงครึ่งนี่เพิ่งจะเที่ยงกว่า เรามีเวลาอีกตั้งเยอะ ป่ะ ไปที่นึงกับฉันก่อน" พูดจบประโยคเขาก็พาฉันเดินไปที่ลานจอดรถซ้ำยังจับมือฉันไม่ยอมปล่อยนั่นทำให้ทุกสายตาหันมองมาที่ฉันกับเขาจนฉันต้องรีบก้มหน้าเพราะรู้ว่าสายตาแบบนี้ที่มองมาโดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงที่ฉันจำได้ว่าพวกเธอเคยไปไหนมาไหนกับคินบ่อยๆ
"คินจะพาเราไปไหน"
"ไปข้างนอกไปหาที่คุยกันสองต่อสอง"
"ไม่ไปเดี๋ยวต้องเราเข้าห้องสอบแล้ว"
"แป๊บเดียวฉันรับรองว่าจะพาเธอมาเข้าห้องสอบทันแน่นอนเพราะฉันก็สอบเหมือนกันกับเธอนั่นแล่ะ" แล้วฉันก็ถูกเขาจับขึ้นรถจนได้จะว่าฉันใจง่ายยอมออกมากับเขาก็ไม่ผิด เขาขับรถพาฉันมาที่คาเฟ่น่ารักน่ารักแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนร้านคาเฟ่ร้านนี้เป็นร้านที่ฉันนั่งรถเมล์ผ่านประจำทุกวันแล้วฉันก็ชอบมองเข้ามาในร้านเพราะร้านตกแต่งได้น่ารักมากๆแถมยังเป็นค่าเฟ่แมวด้วย
แกร๊ง แกร๊ง เสียงกระดิ่งเล็กดังขึ้นเมื่อเราสองคนเปิดประตูเข้ามาในร้าน
เมี๊ยววว เมี๊ยววว พอเราเดินเข้ามาแมวตัวเล็กตัวน้อยก็เดินเข้ามาหาฉันนั่งลงแล้วก็เอามือลูบตัวมันเบาๆ
"น่ารักจังเลย อุ้มได้มั้ยคะ" ฉันเงยหน้าถามพี่พนักงาน
"ได้ค่ะ^^"
"ขอบคุณค่ะ^^" จากนั้นฉันก็อุ้มเจ้าขนฟูสีขาวมานั่งที่เก้าอี้
"เธอชื่ออะไรเหรอเราชื่อผ้าแพรนะ" ฉันพูดกับเจ้าขนฟู
"เมี๊ยววว เมี๊ยวววว"
"เธอชื่อปุกปุยเหรอชื่อน่ารักจังเลย" ฉันดูป้ายชื่อที่ห้องคอก็เลยรู้ว่าเจ้าแมวตัวนี้ชื่อปุกปุย มันปุกปุยสมชื่อเลย ฉันเล่นกับมันอย่างมีความสุขจนลืมไปเลยว่าฉันมาที่กับใคร
"เล่นกับแมวจนลืมฉันไปเลยสินะ" น้ำเสียงคล้ายกับน้อยใจของคินทำให้ฉันต้องรีบหันไปขอโทษเขาเพราะฉันลืมเขาจริงๆ
"ขอโทษนะ"
"ดูเธอมีความสุขมากๆเลยนะเวลาอยู่กับเจ้าแมวนี่อ่ะ"
"อื้มมม มันน่ารักมากเลย"
"อยากได้มั้ยล่ะ"
"หื้มม??"
"ฉันเห็นเธออุ้มแต่เจ้าปุกปุยก็คิดว่าเธอคงจะชอบมันมากแล้วมันก็น่าจะชอบเธอมากๆดูดิไม่กระโดดหนีไปไหนเลยอ่ะ"
"ก็ชอบมันน่ารักจะตายคินไม่ชอบเหรอ"
"ชอบดิ ถ้าไม่ชอบจะเปิดคาเฟ่แมวทำไม"
"คาเฟ่ร้านนี้ของคินเหรอ"
"ของพี่สาวน่ะร่วมหุ้นกัน ฉันชอบเล่นกับแมวแต่ไม่มีเวลาดูแลฉันก็เลยสานฝันตัวเองโดยการชวนพี่สาวเปิดคาเฟ่แมวพอวันไหนฉันอยากเล่นกับเจ้าพวกนี้ฉันก็จะมาเล่นพอเบื่อก็กลับ"
"แบบนี้ก็ได้เหรอ"
"ได้ดิ ว่าแต่เธออยากได้ไปเลี้ยงมั้ยล่ะ"
"เราเลี้ยงไม่ได้หรอกที่บ้านไม่ให้เลี้ยง" ฉันจำได้ตอนที่ฉันยังเด็กเคยมีแมวตัวนึงหลงเข้ามาในบ้านมันผอมมากจนน่าสงสารพอฉันเห็นฉันก็รีบไปอุ้มมันแล้วหานมให้มันกินฉันแอบเลี้ยงมันให้มันอยู่หลังบ้านโดยมีป้าแม่บ้านช่วยดูให้เพราะฉันไม่กล้าพามันเข้ามาในบ้านจนกระทั่งวันนึงมันเดินตามฉันเข้าไปในบ้านโดยที่ฉันไม่รู้แล้วพลอยใสเห็นเข้าพลอยใสก็แย่งฉันไปเลี้ยงเพราะเห็นว่ามันน่ารักแต่พลอยใสเลี้ยงได้ไม่กี่วันเธอก็จับมันโยนลงมาจากชั้นสามของบ้านบอกว่าเบื่อแล้วไม่อยากเลี้ยง ทำให้มันเจ็บขาจนเดินไม่ได้ แต่พอฉันจะเลี้ยงต่อพ่อกับแม่ก็ห้ามแล้วให้ฉันเอามันไปปล่อยและห้ามเอาเข้าบ้านอีก ฉันนอนร้องไห้อยู่หลายวันเพราะสงสารมันไม่รู้จะเอามันไปปล่อยที่ไหนเพราะมันเจ็บขาอยู่จนกระทั่งพี่พีชมาเจอเขาก็รับอาสาพามันไปเลี้ยงให้ ตั้งแต่นั้นมาฉันก็ไม่เคยเอาแมวมาเลี้ยงอีกเลยเพราะกลัวมันจะถูกทำร้ายอีก
"แปลว่าอยากเลี้ยง"
"ก็ อื้มมม"
"งั้นฉันยกให้"
"ไม่เอาเราบอกแล้วไงว่าที่บ้านเราไม่ให้เลี้ยง"
"เลี้ยงที่บ้านเธอไม่ได้แต่เลี้ยงที่คอนโดฉันได้นี่นา"
"หมายความว่าไงเราไม่เข้าใจ"
"ก็หมายความว่าเราสองคนจะช่วยกันเลี้ยงเจ้าปุกปุยที่คอนโดของฉันไง หลังเลิกเรียนเธอก็ไปช่วยฉันเลี้ยงโอเคมั้ย เธอเป็นแม่ส่วนฉันเป็นพ่อ"
"........."
หลอกล่อเก่งนะอิคิน
4ปีต่อมา...."คินไปได้แล้วสายแล้วนะเดี๋ยวเข้าประชุมไม่ทัน" ฉันบอกคินที่ตอนนี้เอาแต่ชะเง้อมองเข้าไปในโรงเรียนอนุบาลคือเขาเป็นอยู่แบบนี้มาครึ่งชั่วโมงแล้ว"แป๊บนึงคินกลัวน้องเพลงมองหาเราสองคนแล้วไม่เจอเกิดแกร้องไห้ขึ้นมาเราจะได้รับกลับบ้าน" ฉันต้องถอนหายใจกับความห่วงลูกสาวแบบเกินเบอร์ของคุณพ่อ ส่วนน้องอลันตอนนี้แกอายุได้8ขวบแล้วแกเรียนอยู่อีกโรงเรียนหนึ่งซึ่งรายนั้นพ่อก็ห่วงไม่แพ้กันแต่น้องอลันไม่ให้ไปส่งเพราะรู้ว่าพ่อเป็นยังไงก็เลยให้คนขับรถที่บ้านไปรับไปส่งแทน"ลูกไม่ร้องหรอกดูสิเล่นกับเพื่อนจนลืมเราสองคนแล้ว""คินห่วงลูกอ่ะคินกลัวลูกโดนเพื่อนแกล้งน้องเพลงยังเล็กอยู่เลยอายุแค่สามขวบเองนะ" น้ำเสียงเหมือนคนจะร้องไห้ของคนเป็นพ่อทำเอาฉันต้องถอนหายใจอีกรอบ"ถึงน้องเพลงจะอายุแค่สามขวบแต่แกก็เก่งนะดูสิเรามาส่งไม่มีร้องไห้เลย" ฉันพยายามปลอบเพื่อให้คินเลิกห่วงลูกแบบเกินกว่าเหตุแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล"วันนี้เราพาแกกลับก่อนดีมั้ยรอให้คินทำใจได้เมื่อไหร่ค่อยพาแกมาโรงเรียน นะแพรนะ" คินหันมาพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนอย่างน่าสงสารแต่ถามว่าฉันสงสารมั้ย ไม่เลยค่ะ"ไม่ต้องเลยให้ลูกอยู่โรงเรียนส่วนคินก
ผ้าแพร...หลังจากที่เราสองคนพูดคุยปรับความเข้าใจกันแล้วฉันก็ชวนคินมาหาคุณหมอเพื่อตรวจดูอาการของฉันเพราะฉันคิดว่าฉันอาจจะกำลังท้องลูกคนที่สอง ตอนแรกฉันก็ไม่ทันได้คิดจนกระทั่งก่อนออกจากบ้านฉันเปิดตู้เสื้อผ้าก็เจอกับห่อผ้าอนามัยที่ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสองเดือนที่ผ่านมาฉันไม่ได้หยิบมันออกมาใช้เลย"ยินดีด้วยนะคะคุณผ้าแพรทั้งครรภ์ได้6สัปดาห์แล้วค่ะ^^""เมียผมท้องแล้วจริงๆเหรอครับคุณหมอ คุณหมอไม่ได้หลอกให้ผมดีใจใช่มั้ยครับ" น้ำเสียงคินดูตื่นเต้นสุดๆเมื่อได้ยินคุณหมอบอกว่าฉันท้อง"จริงๆสิคะหมอจะโกหกทำไม^^""เอ่อ แล้วผมต้องทำยังไงต่อครับ คือตอนท้องลูกคนแรก..ผมทำตัวไม่ดีผม...ผมแทบไม่มีโอกาสได้ดูแลเมียกับลูกเลยผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อจากนี้" จากน้ำเสียงตื่นเต้นเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเศร้าลงในทันทีมันไม่ใช่แค่น้ำเสียงใบหน้าของเขาก็เศร้าลงเช่นกันจนฉันอดสงสารเขาไม่ได้เขาคงรู้สึกแย่เพราะตอนนั้นที่ฉันบอกเขาว่าฉันท้องเขาไม่ยอมรับซ้ำยังไล่ให้ฉันไปเอาลูกออกอีกเพราะคิดว่าไม่ใช่ลูกตัวเองถึงตอนหลังเขาจะรู้ความจริงและมาดูแลฉันตอนที่ฉันท้องได้หลายเดือนแล้วแต่ตอนนั้นฉันก็ตั้งแง่กับเขาพอลูกคลอดฉันก็ยังพาลูกหนีเข
ผ้าแพร...ฉันนั่งแท็กซี่มาที่โรงพยาบาลแทนการให้คนขับรถที่บ้านมาส่งเพราะฉันกลัวคินจะรู้ว่าฉันมาหาพลอยใส เขาเคยกำชับและสั่งฉันว่าห้ามยุ่งเกี่ยวกับพ่อแม่หรือพลอยใสอีกเพราะพวกเขาไม่เคยเห็นว่าฉันเป็นคนครอบครัว พวกเขาเห็นเงินสำคัญกว่าฉันยอมตัดขาดจากฉันเพื่อแลกกับเงินใช้หนี้ คินบอกว่าตอนนี้ชีวิตของฉันเป็นอิสระแล้วเขาบอกอีกว่าอย่าคิดว่าตัวเองเลวหรืออกตัญญูเพราะพวกเขาเลือกเงินมากกว่าฉันซึ่งเป็นลูกซึ่งฉันก็รับปากคินไปแต่หลังจากได้รับโทรศัพท์จากพลอยใสว่าตอนนี้ป่วยอยู่โรงพยาบาลฉันก็อดเป็นห่วงไม่ได้และนี่คือครั้งแรกที่พลอยใสโทรหาฉันตั้งแต่เราเป็นพี่น้องกันมาซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าเธอรู้เบอร์โทรของฉันได้ยังไงแต่เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะเพราะตอนนี้ฉันเป็นห่วงพลอยใสมาก ตอนที่เธอโทรมาเธอร้องห่มร้องไห้บอกอยากตายอยากฆ่าตัวตายทำให้ฉันรีบออกมาจากบ้าน พอมาถึงโรงพยาบาลฉันก็สอบถามกับเจ้าหน้าที่ว่าพลอยใสพักอยู่ห้องไหนพอรู้ห้องฉันก็รีบขึ้นมาทันทีปรากฏว่าพลอยใสอยู่ห้องพักรวมฉันรีบเดินมาหาทันที"ยัยพลอย""แพร ฮือออ แพร พี่มาเยี่ยมฉันจริงๆด้วย ฮือออ" พลอยใสลุกขึ้นนั่งแล้วกอดเอวฉันไว้แน่น"พลอยเป็นอะไรทำไมถึงมานอนโรงพย
ผ้าแพร...."ขอบคุณนะครับ ขอบคุณที่กลับมาหาคิน คินรักแพรนะ รักที่สุด" จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ เขาระดมจูบฉันไปทั่วใบหน้าเมือ่ฉันตอบตกลงแต่งงานกับเขา จากนั้นเราสองคนจูบกันอย่างดูดดื่ม มือของเขาเริ่มอยู่ไม่สุขลูบไล้ไปทั่วร่างกายของฉัน เขาบีบเคล้นหน้าอกเบาสลับหนัก"หิวนมเมียจังครับ" เสียงกระเส่าเอ่ยขึ้นข้างหูทำให้ฉันรู้ว่าตอนนี้เขาต้องการอะไร"อื้ออ คินอย่านะ" "แพรจ๋า คินอยากกก..." แต่ไม่ทันทีเราสองคนจะทันได้ทำอะไรกันก็มีเสียงเคาะประตูดังอยู่หน้าประตูไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครก๊อก ก๊อก ก๊อก"ปะป๊าค๊าบบบบ อลันอยากเล่นน้ำแล้วค๊าบบบบ ปะป๊าาาาา ปะป๊าค๊าบบ เปิดประตูให้หน่อบค๊าบบบบ""เห้ออออ" พอได้ยินเสียงลูกคินก็ถึงกับถอนหายใจอย่างสิ้นหวังทำเอาฉันถึงกับขำออกมาอย่างช่วยไม่ได้อคิน...หลังจากวันนั้นผมก็พาผ้าแพรกับน้องอลันมาอยู่ที่บ้าน ผมรู้สึกได้ถึงความสุขที่เฝ้ารอมานาน การที่ได้มีผ้าแพรกับลูกอยู่ในชีวิตประจำวันของผมมันเป็นอะไรที่ผมเฝ้ารอมานานและวันนี้มันก็เกิดขึ้นแล้ว มันทำให้ผมมีแรงที่จะทำอะไรต่อมิอะไรทำเพื่อให้พวกเค้าทั้งสองคนมีความสุขผ้าแพรไม่ต้องลำบากเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้วผมให้เธอเป็นแม่บ้านอย่างเดียวไ
ผ้าแพร...กว่าคินจะยอมพาฉันกลับบ้านก็ปาไปเกือบสามทุ่มพอมาถึงฉันก็ถามหาน้องอลันทันทีเพราะไม่เห็นแกคุณป้าบอกว่าแกเล่นจนเหนื่อยหลับไปตั้งแต่ทุ่มนึงแล้ว ฉันกับคินก็เลยขึ้นไปดูลูกที่ตอนนี้แกนอนอยู่ห้องนอนของคินพอเดินเข้ามาก็เจอแกนอนกอดหมอนข้างหลับอย่างมีความสุขอยู่บนเตียง"คินขอบคุณแพรอีกครั้งนะ" คินกอดฉันจากทางด้านหลังเอาคางเกยไหล่ของฉันก่อนจะพูด"ขอบคุณเรื่องอะไรอีก""ก็ขอบคุณที่เลี้ยงลูกของเราอย่างดีและไม่ได้สอนลูกให้ลูกเกลียดคิน""แพรจะทำแบบนั้นทำไมแพรรู้ว่าคินรักลูกมาก""แต่คินก็ไม่ได้ช่วยแพรเลี้ยงลูก""คินไม่ผิดแพรเองต่างหากที่ผิดและต้องขอโทษคินถ้าแพรไม่พาแกหนีไปคินก็คงได้ทำหน้าที่พ่อได้สมบูรณ์มากกว่านี้""ที่แพรหนีไปก็เพราะตอนนั้นคินไม่ทำให้แพรเชื่อใจมันก็เลยไม่แปลกที่แพรจะหนี แพรรู้มั้ยว่าจดหมายที่แพรเขียนฉบับนั้นคินเอามันอ่่านมันบ่อยมากเลยนะเพราะมันตอกย้ำให้คินรู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาคินทำเรื่องเลวร้ายกับแพรมากแค่ไหน""เรื่องมันก็ผ่านมาแล้วอย่าพูดถึงมันอีกเลยนะ""คินจะลืมได้ยังไงคินทำร้ายแพรโดยที่แพรไมไ่ด้ผิดอะไรเลย ถ้าคินไม่เข้าใจผิดเรื่องแพรกับไอ้พีท...คินขอโทษจริงนะที่ตอนนั้นคิ
อคิน....จุ๊บ จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ ผมจูบผ้าแพรด้วยความรู้สึกโหยหา นานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ได้กอดไม่ได้จูบไม่ได้สัมผัสกับร่างกายนี้ จูบครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งที่ผ่านๆมา ผมไม่เคยลืมว่าที่ผ่านมาที่เรามีความสัมพันกันเป็นเพราะผมหลอกเธอเป็นเพราะความแค้นความอยากเอาชนะอยากให้เธอเจ็บปวด แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่มันเกิดจากความรักจริงๆความรักที่ผมมีให้เธอเต็มหัวใจผมอยากชดเชยความผิดพลาดของตัวเองผมอยากทำให้เธอรู้ว่าตั้งแต่นี้ต่อไปผมจะมอบความรักที่ดีให้กับเธอ"แพร...คินรักแพรนะ" ผมกระซิบข้างหูเบาๆก่อนจะจูบลงไปที่ซอกคอของเธออย่างแผ่วเบามือไม้ของผมเริ่่มอยู่ไม่สุขผมลูบไล้ไปทั่วร่างกายของผ้าแพร ถ้าผมไม่อยากหยุดแค่จูบเธอจะว่าอะไรผมหรือเปล่านะเพราะตอนนี้เจ้าน้องชายของผมมันเริ่มตื่นตัว อาจจะเป็นเพราะผมห่างหายไปจากเรื่องอย่างว่ามานานมันก็เลยตื่นเร็ว ก็ตั้งแต่ที่ผมรู้ใจตัวเองว่าผมรักผ้าแพรแล้วก็ตามไปอยู่กับเธอที่น่านผมยอมอยู่อย่างลำบากเพราะอยากใกล้ชิดดูแลผ้าแพรกับลูกจนผมอดแปลกใจตัวเองว่าผมอยู่ได้ยังไงเพราะตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยอยู่อย่างลำบากมาก่อนไม่เคยนอนห้องที่ไม่มีแอร์ ไม่เคยนอนฟูก ไม่เคยทำกับข้าวไม่เคยซักผ้า ไม่เค