LOGIN...ความผิดพลาดแค่คืนเดียว เขาไม่รู้ว่าตัวเองมีเลือดเนื้อเชื้อไข และกลายเป็นพ่อคนในวันที่เจอเธออีกครั้ง และเธอก็คลอดในวันนั้นพอดี....
View Moreภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(ภาคอีสาน)
โรงพยาบาลเอกชนในจังหวัด
“ธิดา!!!” เสียงเรียกชื่อพร้อมกับมือหนาของเขาที่กุมมือบางอันสั่นเทาของหญิงสาวท้องโตเอาไว้แน่นอย่างให้กำลังใจ ในขณะที่เธอกำลังถูกส่งตัวเข้าไปข้างในคลอด
วรากร พายุภัทร หรือ กร หนุ่มนักออกแบบกราฟิกฯ และรับถ่ายภาพอิสระตามงานหรือพิธีต่าง ๆ ด้วยวัยเพียง 24 ปี ทุนเดิมเป็นหนุ่มต่างจังหวัดจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(อีสาน) ที่เข้ามาศึกษาต่อและทำงานอาศัยอยู่ในเมืองหลวงเป็นหลัก เพราะเป็นเด็กกำพร้าที่เติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็ก...
“มะ ไม่ไหวแล้ว ฮือ...”
สุทธิดา นพวงศ์ หรือ ธิดา หญิงสาวนักศึกษาปีสอง อายุ 21 ปี เติบโตมากับบิดาในบ้านของนักธุรกิจด้วยการเลี้ยงดูจากบิดาเพียงแค่คนเดียว หญิงสาวยอมทิ้งอนาคตของตัวเพราะเธอมีอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังจะลืมตาดูโลกในเร็ววัน ต่อมาเจ้านายของบิดาธุรกิจล้มละลายเธอจึงตัดสินใจย้ายตามผู้เป็นพ่อไปอยู่ที่ต่างจังหวัดกับเจ้านายของบิดาด้วย
“อดทนนะธิดา เพื่อลูก...” เสียงทุ้มเอ่ยบอกกับคนที่นอนบนเตียง
สุทธิดาถูกส่งเข้าไปในห้องคลอด ชายหนุ่มสามคนที่เดินทางมาด้วยได้แต่นั่งรออยู่ที่หน้าห้องคลอด เพราะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้านในได้
“คนไหนเป็นสามีของคนไข้ค่ะ” พยาบาลถามขึ้น พร้อมกับมองหน้าชายหนุ่มทั้งสาม
วรากรและชายหนุ่มอีกคน รีบปรี่เข้าไปหาพยาบาลหน้าห้องที่ถามขึ้นมาทันที ก่อนที่ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งจะขานขึ้นมาก่อน
“ผมเองครับ”
“...” พยาบาลสาวไม่ได้พูดอะไร แต่กลับมองหน้าชายหนุ่มทั้งสองอย่างพิจารณา ก่อนจะพยักหน้าให้กับคนที่บอกว่าตัวเองเป็นสามี
“นี่คุณ...” ชายหนุ่มอีกคนที่ตามมาด้วยกำลังจะเอ่ยขัด แต่กลับถูกคนที่มาด้วยปรามเอาไว้เสียก่อน ไม่ให้แสดงปฏิกิริยาอะไรออกมาในตอนนี้
วรากรหันมองหน้าชายหนุ่มก่อนที่จะตามพยาบาลเข้าไปที่ห้องคลอดโดยไม่ได้พูดอะไร ท่าทีร้อนรนของชายหนุ่มคนนี้ก็พอจะเดาออกแล้ว ว่าชายหนุ่มคนนี้คิดเช่นไรกับสุทธิดา แม่ของลูกเขา
สุทธิดาได้ให้กำเนิดลูกสาวเขา ที่พึ่งจะรู้ว่าเขามีเลือดเนื้อเชื่อไขของตัวเอง และเป็นวันที่เพื่อนสนิทของเขาเข้าประตูวิวาห์อีกด้วย หากวันนี้เขาไม่มางานแต่งของเพื่อน เขาก็คงจะไม่รู้ว่าเขามีลูก
“เป็นยังไงบ้างว่ะ” เสียงของคนที่พึ่งเดินทางตามที่หลังถามเพื่อนขึ้นด้วยความห่วงใย
ศุภวัฒน์ หรือ เวย์ ประธานหนุ่มนักธุรกิจรุุ่นใหม่ไฟแรง ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทที่เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน และเดินทางมาร่วมงานแต่งกับเพื่อนสนิท พร้อมกันกับเขาด้วย
“ปลอดภัยดีทั้งแม่และลูก กูได้ลูกสาวว่ะไอ้เวย์” วรากรหันมาตอบเพื่อนด้วยความดีใจ เมื่อรู้ว่าตัวเองได้เป็นพ่อคนแล้ว แถมยังได้ลูกสาวอีกใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มแห่งความปราบปลื้มดีใจจนไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้
“ดีใจด้วยน่ะ แล้วจะเอายังไงต่อ” ศุภวัฒน์แตะลงที่ไหล่อย่างยินดีไปกับเพื่อน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสายตาปลื้มปีติมีความสุขของวรากร เพราะทราบดีว่าเพื่อนไม่มีครอบครัวหรือญาติพี่น้องเลย
“...” วรากรพยักหน้ารับอย่างยินดี แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรตอบ เพราะเขาเองก็ไม่เตรียมตัวตั้งรับไว้ก่อนเลยจะได้เป็นพ่อคน
สายตาและปฏิกิริยาที่เขาแสดงออกในตอนนี้ ศุภวัฒน์คงจะมองออกว่าเขามีความรู้สึกเช่นไร แต่เขาก็ยังมีความกังวลว่าจะเอาเช่นไรต่อจากนี้ เพราะสถานะของเขากับแม่ของลูกที่ยังไม่รู้เลยว่าเธอจะให้เขาได้ใช้สถานะพ่อหรือเปล่า
“ขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้ไหม” เสียงราบเรียบของชายหนุ่มที่นั่งรออยู่หน้าห้อง เดินเข้าไปหาแล้วเอ่ยขึ้นทันที ที่วรากรออกมาจากห้องคลอด
โกสินทร์ หรือ โก หนุ่มเจ้าถิ่นวัย 24 ปี เป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมกับผู้ที่มีศักดิ์เป็นพี่เขยของสุทธิดา สามีของลูกสาวเจ้านายบิดาเธอนั่นเอง
วรากรหันไปมองหน้ากับชายหนุ่ม ก่อนที่จะเดินตามออกไป เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าชายหนุ่มคนนี้มีเรื่องอะไรจะพูดคุยกับเขาและอีกอย่างก็ไม่รู้จักกันด้วย
“มีอะไรจะคุยกับผมหรือครับ” วรากรถามขึ้นมาทันที ที่อยู่กันสองคน
“ผมชื่อโกนะ เป็นเพื่อนกับไอ้วิชญ์มาตั้งแต่เด็ก”
“ผมก็เป็นเพื่อนกับไอ้วิชญ์เหมือนกัน ชื่อกร ว่าแต่คุณมีอะไรจะคุยกับผมหรือครับ”
“คุณคงจะเป็นผู้ชายเฮงซวยคนนั้นของธิดาสินะ แล้วไปอยู่ไหนมาหรือครับ ทำไมปล่อยให้เธอลำบากแบบนี้มาตั้งนาน” โกสินทร์เข้าประเด็นทันที พร้อมกับจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างเย้ยหยันไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นักที่เขาปรากฏตัว
“คือ...”
“กลับไปเถอะครับ กลับไปในที่ของคุณ อย่ามาให้ธิดากับลูกลำบากใจอีกเลย” โกสินทร์พูดขึ้นมาเชิงเป็นไปขับไล่เขาไปแบบส่ง ๆ
“ผมคงยังกลับไปไหนตอนนี้ไม่ได้หรอกครับ เพราะลูกผมยังอยู่ที่นี่” วรากรกัดกรามกรอดยืนกรานตอบคนต้องหน้าไปทันที เรื่องอะไรจะยอมกลับไปในเมื่อลูก(เมีย)ยังอยู่ที่นี่ หากเขากลับไปตอนนี้ เขาคงเป็นผู้ชายที่เฮงซวยสุด ๆ
“มั่นใจจังเลยนะครับ ว่าเป็นลูกของคุณ” โกสินทร์พูดขึ้นมาอีก พร้อมด้วยสายตาที่มองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างเย้ยหยัน
“ผมมั่นใจในตัวของธิดา ว่าแต่คุณพูดออกมาแบบนี้หมายความว่ายังไงเป็นอะไรกับธิดาอย่างนั้นหรือ...” เขาพูดออกมาด้วยความมั่นใจ เชื่อว่าสุทธิดาไม่มั่วนอนกับผู้ชายคนอื่นหลังจากที่เขาและเธอมีความสัมพันธ์กันแน่ เพราะเขาเป็นคนแรกของเธอ คนห่วงเนื้อห่วงตัวแบบเธอแค่เข้าใกล้ผู้ชายยังสั่นแบบนั้น คงไม่มีทางไปนอนกับใครแน่
“คุณลองคิดดูเองสิ”
“ฮึ...ผมเชื่อ ว่าลูกของธิดาเป็นลูกสาวของผมแน่นอน” วรากรแค่นขำในคำพูดของโกสินทร์ ก่อนที่จะตอบออกไปอย่างมั่นใจ ผู้ชายคนนี้คงอยากจะมาทำหน้าที่พ่อแทนเขาเพื่อทำคะแนนกับสุทธิดาสินะ
“คุณถามธิดาก่อนไหม ว่าเขาอยากให้คุณเป็นพ่อของลูกเขาหรือเปล่า”
“คุณเป็นใครหรือครับ ถึงเข้ามายุ่งเรื่องส่วนตัวของธิดา ถ้าให้ผมเดาก็คง...” วรากรจ้องมองหน้าคนตรงหน้า พร้อมกับพูดขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว และคน ๆ นี้เป็นใครถึงเข้ายุ่งวุ่นวายเรื่องส่วนตัวของแม่ลูกสาวเขาขนาดนี้ด้วย
“...” โกสินทร์ยืนนิ่งเงียบไม่ตอบอะไร เพราะเขาเองก็ไม่มีสถานะอะไรกับสุทธิดาเช่นกัน
“แต่ดูแล้ว คุณก็เป็นคนนอกเหมือนกัน”
“ไอ้กร! หมอเรียกหามึง” ศุภวัฒน์พูดแทรกบทสนทนาของสองหนุ่มขึ้นมา
“ขอตัวนะครับ ต้องไปทำหน้าที่...พ่อ” วรากรหันมาพูดกับคนตรงหน้าด้วยเน้นคำว่า ‘พ่อ’ ให้อีกคนได้ยินอย่างชัด ๆ ราวกับว่าเขาอยู่เหนือกว่า ก่อนที่จะเดินออกไปจากตรงนี้
กัลยาณมิตรที่ดีบ้านสวนปานวิชญ์“กลับเฮือนมึงไปได้แล้วบักโก ให้เวลาสองแม่ลูกเขาได้พักผ่อนแหน่” (กลับบ้านมึงไปได้แล้วไอ้โก ให้สองแม่ลูกเขาได้พักผ่อนหน่อย) ชนาวิชญ์เอ่ยขึ้นมาทันที เมื่อยังเห็นเพื่อนของเขาอยู่ที่บ้านของสุทธิดาตั้งแต่เช้ายังไม่ยอมกลับไป“กูสิกลับอยู่ดอก มึงกะอย่าฟ้าวไล่กูหลาย” (กูจะกลับอยู่หรอก มึงก็อย่าพึ่งไล่กูสิ) โกสินทร์ทำเป็นไขสือและเอ่ยตอบด้วยวาจาที่ดูเหน็บแนมคนพูด“มึงจำคำที่กูเว้าได้บ่” (มึงจำคำที่กูพูดได้ไหม)“ฮืม...”โกสินทร์จำได้ดีว่าชนาวิชญ์เคยพูดอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่เพราะตัวเขาเองยังปรับปรุงตัวเองไม่ได้ และเป็นความเคยชินที่เขานั้นมักจะมุกขลุกอยู่ที่นี่เป็นประจำ เรื่องทำงานเขาได้งานทำแล้ว แค่รอวันที่ถูกเรียกตัวเท่านั้น“จำได้กะเฮ็ดให้มันได้นำแหน่” (จำได้ก็ทำให้มันได้ด้วย) ชนาวิชญ์ตอกย้ำอีกที“กลับก่อนนะธิดา” โกสินทร์จึงหันมาบอกกลับเจ้าของบ้านหลังนี้ ที่เขาใช้เวลามานั่งเล่นอยู่เกือบทั้งวันแล้ว“...” สุทธิดาได้แต่พยักหน้ารับ แล้วก็หันมาสนใจลูกสาวตัวน้อยขของเธอต่อโกสินทร์มองหน้าคุณแม่ลูกอ่อนด้วยสายตาที่อาลัยอาวรณ์ก่อนจะยอมลุกขึ้น แล้วเดินออกไปจากบ้านหลังนี้“วัน
แค่หวังดีต่อกัน“อย่ามาพูดปากเปล่าโดยที่ไม่มีอะไรมายืนยัน แกกุเรื่องขึ้นมาเพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ต้องหมั้นกับหนูหรือเปล่าใครจะไปรู้” อภิเดชสวนขึ้นมาบ้างวรากรจึงลวงโทรศัพท์มือถือของเขาในกระเป๋ากางเกงออกมา แล้วเปิดข้อมูลอะไรในหลาย ๆ อย่างที่เขาถ่ายเก็บไว้ ส่งให้พวกท่านดู“พ่อกับแม่ดูเอาเองดีแล้วกันครับ ว่าผมกุเรื่องขึ้นมาหรือเปล่า”“นี่มัน...”อรอนงค์ เมื่อได้เห็นกับตาตัวเอง ในสิ่งที่ลูกชายบอกมานั้น กลับต้องเบิกตาโพลง เพราะไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง“ครับ ถ้ายังไม่ชัดเจนพอ พ่อก็เลื่อนไปอีกจะมีใบสูติบัตรที่ผมแอบถ่ายเก็บไว้อยู่ด้วย เพื่อยืนยันว่าเป็นลูกของผม” วรากรพยักหน้ารับ แล้วเอ่ยบอกอีกครั้ง“กรธิดา พายุภัทร บิดาผู้ให้กำเนิด วรากร พายุภัทร มารดาผู้ให้กำเนิด สุทธิดา นพวงศ์” เป็นอภิเดชเองที่เป็นคนอ่านข้อมูลในนั้นออกมาเสียงดัง“วันเกิดนี้มัน...” อรอนงค์ตาลุกวาวขึ้นมาอีกครั้ง เพราะตกใจในสิ่งที่ได้เห็น“ครับ ลูกสาวผมเกิดในวันที่ไอ้วิชญ์แต่งงาน แม่เขาเลยให้ชื่อ น้องวิวาห์” วรากรจึงเล่าบอกกับพวกท่านทั้งสองอีกครั้งใจแกร่งของผู้เป็นเต้นกระส่ำแทบจะทะลุออกมาจากอก เมื่อรับรู้ว่าตัวเองมีหลานสาว คน
เพราะผมเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ“แม่ค่ะ ดูกรเขาไม่ค่อยพอใจที่พวกเรามาคุยเรื่องนี้กันเลยนะ” พลอยไพลินเอ่ยกับผู้เป็นแม่ ขณะที่กำลังนั่งรถออกมาจากบ้านหลังนั้นได้ไม่ไกลนัก“ไม่พอใจแล้วยังไงละลูก ตากรน่ะไม่กล้าขัดใจป้าอรกับลุงเดชหรอก” เพ็ญพรรณีเชิดหน้าพูดขึ้นอย่างมั่นหน้า และมั่นใจว่าเรื่องนี้ต้องสำเร็จไปตามที่เธอคาดหวังเอาไว้แน่นอน“ทำไมละคะ” พลอยไพลินได้แต่เลิกคิ้วถามผู้เป็นแม่ออกไป เพราะอะไรกันถึงทำให้มารดาเธอมั่นใจขนาดนี้“เพราะว่า จริง ๆ แล้ว ตากรไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของป้าอรกับลุงเดชยังไงละลูก” เพ็ญพรรณีจึงยอมบอกความจริงกับลูกสาวออกไป“หมายความว่า?”“ตากรเป็นเด็กกำพร้า ที่ลุงเดชกับป้าอรเขาไปขอรับมาเลี้ยง”“...” พลอยไพลินนิ่งอึ้งเมื่อรับรู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้“พวกเขาทั้งสองคนมีบุญคุณกับตากรมากขนาดนั้น ใครจะกล้าขัดละลูกว่าจริงไหม ยังไงตากรกับลูกต้องได้หมั้นกันแน่นอน” เพ็ญพรรณีพูดกับลูกสาวอย่างมั่นใจ“แต่...”ถึงพลอยไพลินจะเชื่อว่าวรากรไม่กล้าขัดคำสั่งของผู้มีพระคุณ แต่เธอก็ยังมีความกังวลหนักใจอยู่ดี เพราะดูแล้ววรากรไม่ใช่คนที่จะควบคุมได้ง่ายเลย“เชื่อแม่เถอะ เรื่องนี้ให้แม่กับอรจัดการเอง
ไม่ใช่แฟนครับ“สรุปว่าเรื่องหมั้นหมายมันยังไงกันแน่ครับ พ่อแม่” วรากรเอ่ยถามผู้เป็นพ่อและแม่ขึ้นมาอีกครั้งทันที ที่แขกผู้มาเยือนกลับออกไปแล้ว“แม่กับอรเราเคยให้คำมั่นสัญญากันไว้ตั้งแต่ที่พวกเรายังไม่มีครอบครัวแล้ว ว่าหากพวกเรามีลูกเราทั้งสองจะผูกดองกัน แล้วจะให้ลูกของพวกเราได้หมั้นหมายและแต่งงานกัน” อรอนงค์จึงบอกความจริงเรื่องในอดีตของเธอกับเพื่อนให้วรากรได้ฟัง ส่วนสามีนั้นอรอนงค์ก็พึ่งเล่าบอกไปเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง“เพราะเหตุนี้หรือเปล่าครับ ที่พ่อกับแม่ไปขอผมมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เพียงเพราะสิ่งนี้หรือเปล่าครับ” วรากรถามขึ้นมาทันทีที่ผู้เป็นแม่เล่าให้ฟัง เพราะเขาเองก็อยากรู้เช่นกันว่าที่พวกท่านเอาเขามาเลี้ยง เพียงเพื่อให้ตอบแทนบุญคุณของพวกท่านเท่านั้น ไม่มีความรักความผูกพันใด ๆ เลย ใบหน้ารู้สึกผิดหวังเผยออกมาอย่างเห็นได้ชัด“เรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวกับเรื่องหมั้นหมายเลยนะกร” อภิเดชจึงแทรกขึ้นมาบ้าง เกรงว่าลูกชายจะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้“จะไม่เกี่ยวได้ยังไงครับพ่อ นี้มันเรื่องใหญ่ในชีวิตผมเลยนะครับพ่อ”“จริงอยู่ที่พ่อกับแม่เราไม่มีทายาทไว้สืบสกุล แต่ที่พ่อกับแม่รับกรมาเลี้ยงนั้น เพร
ถึงเวลาที่ต้องทำเพื่อแม่แล้ว“เป็นจังใด๋ล่ะ กูเอิ้นนำกะบ่ทัน” (เป็นยังไงล่ะ กูเรียกไว้ก็ไม่ทัน) ชนาวิชญ์เอ่ยขึ้นมาทันที ที่เห็นโกสินทร์เดินกลับมาด้วยสีหน้าที่ดูจะผิดหวัง“บักหมอนั่น คือได้มาอยู่นี่” (ไอ้หมอนั่น ทำไมได้มาอยู่ที่นี่) โกสินทร์ถามขึ้นมาทันที“กะมันคือหมู่กู และเป็นพ่อของลูกธิดานำ” (ก็มันเป็นเพื่อนกู และเป็นพ่อของลูกธิดาด้วย)“กูกะเป็นหมู่มึง แต่กูคือบ่มีสิทธิ์ได้...” (กูก็เป็นเพื่อนมึง แต่ทำไมกูถึงไม่มีสิทธิ์ได้...) โกสินทร์ถามกลับอย่างไม่เข้าใจ เพราะตนเองก้เป็นเพื่อนกับชนาวิชญ์เช่นกัน แต่ทำไมเขาถึงไม่มีสิทธิ์พิเศษเหมือนกับวรากร“บักโก! มึงคิดว่ากูลำเอียงเห็นมันดีกว่ามึงแม่นบ่” (ไอ้โก! มึงคิดว่ากูลำเอียงเห็นมันดีกว่ามึงใช่ไหม)“...” โกสินทร์ได้แต่อ้ำอึ้งไม่ตอบ“กูสิบอกให้นะบักโก บักกรมันกะเป็นหมู่กูคือกัน แล้วมึงกะเป็นหมู่ของกู ทั้งมึงและมัน กูกะฮักและหวังดีนำทั้งสอง แต่ที่มันได้มาอยู่นี่ เพราะว่ามันบ่แมนคนแถวนี้ ส่วนมึงเฮือนอยู่แค่ปากทางมึงสิมาเฮือนกูยามใด๋กะได้” (กูจะบอกมึงให้นะไอ้โก ไอ้กรมันก็เป็นเพื่อนกูเหมือนกัน แล้วมึงก็เป็นเพื่อนของกู ทั้งมึงและมัน กูก็รักและหวังดี
ออกคำสั่งก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูไม้สักดังขึ้นอยู่ที่หน้าบ้านดังอยู่หลายครั้ง วรากรมองไปยังประตูห้องน้ำที่ปิดสนิทพร้อมกับความเงียบ เขาจึงเป็นฝ่ายเดินไปเปิดประตูเสียเอง“มาทำไม?” เสียงราบเรียบเอ่ยขึ้น เมื่อเปิดประตูบ้านออกมา แล้วเจอกับเจ้าของใบหน้าที่เขาไม่ค่อยชอบหน้าเสียเลย และในตอนนี้ก็ยืนอยู่ที่หน้าบ้านของสุทธิดาแล้วทันทีที่ประตูเปิดออก คนที่ยืนอยู่หน้าประตูบานนั้นกลับเบิกตากว้างขึ้นมาทันที เพราะคนที่เปิดประตูออกมานั้นไม่ใช่หญิงสาวที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้“คุณ! มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” น้ำเสียงตะกุกตะกักถามออกไปอย่างตกใจที่เจอเขาอยู่ที่นี่แถมยังอยู่ในบ้านของสุทธิดาอีกด้วยใจหนึ่งก็นึกอิจฉาที่เขาได้รับอภิสิทธิ์ให้เข้าไปด้านในได้ เพราะตั้งแต่ที่เธอแยกออกมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ เขาก็มาหาเธอแทบทุกวันแต่ก็ไม่เคยได้เข้าไปสำรวจด้านในเลย อย่างมากก็ได้นั่งอยู่แค่ระเบียงหน้าบ้านเท่านั้นแต่กับวรากรเขาที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของลูกสาวสุทธิดานั้น กลับอยู่เหนือเขาเสียทุกอย่างแถมยังได้รับอนุญาตเข้าออกได้อย่างง่ายดายอีกมันน่าน้อยใจนัก แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรได้“ทำไมผมจะมาไม่ได้ ก็ลูกผมอยู่ที่
Comments