"เลี้ยงที่บ้านเธอไม่ได้แต่เลี้ยงที่คอนโดฉันได้นี่นา"
"หมายความว่าไงเราไม่เข้าใจ"
"ก็หมายความว่าเราสองคนจะช่วยกันเลี้ยงเจ้าปุกปุยที่คอนโดของฉันไง หลังเลิกเรียนเธอก็ไปช่วยฉันเลี้ยงโอเคมั้ย เธอเป็นแม่ส่วนฉันเป็นพ่อ"
"........."
"เงียบอีกละ" ยอมรับว่าที่เงียบเพราะฉันตั้งตัวไม่ทัน
"เอ่อ เราว่านี่ก็ใกล้จะบ่ายโมงแล้วเรากลับกันเถอะนะเดี๋ยวจะสอบไม่ทัน" ฉันหาทางออกเพราะฉันเริ่มไม่ปลอดภัยเวลาอยู่ใกล้เขา ใจฉันมันเต้นโครมครามในทุกครั้งที่เขามองมาสายตาแววตาของเขามันสื่อความหมายได้ดีว่าเขากำลังทำให้ฉันหวั่นไหว จากที่หวั่นไหวอยู่แล้วมันกลับยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
"ตกลงเธอจะอยากเลี้ยงเจ้านี่มั้ย"
"เราบอกแล้วว่าเราเลี้ยงไม่ได้ ถึงพาไปอยู่คอนโดคินเราก็ไปช่วยเลี้ยงไม่ได้อยู่ดี"
"ทำไม"
"เลิกเรียนเราต้องรีบกลับบ้านน่ะ"
"เป็นเด็กดีจังเลยนะ"
"ก็เรามีหน้าที่ต้องทำนี่นา"
"กลับบ้านผิดเวลาไม่กี่ชั่วโมงพ่อแม่เธอคงไม่ว่าหรอกมั้ง"
"ไม่ได้หรอก เราไม่อยากถูกลงโทษถ้ากลับบ้านผิดเวลา" ฉันบอกไปตามความจริงเพราะเคยมีครั้งหนึ่งฉันต้องรอส่งรายงานอาจารย์แต่ทีนี้อาจารย์ท่านประชุมอยู่ทำให้ฉันต้องรอ กลายเป็นว่าเย็นวันนั้นฉันกลับบ้านผิดเวลาไปเกือบสองชั่วโมงทำให้ฉันถูกลงโทษโดยการหักเงินไปโรงเรียนถึงแม้ว่าฉันจะอธิบายยังไงท่านก็ไม่รับฟังจนบางครั้งหรือหลายๆครั้งฉันอดน้อยใจท่านไม่ได้ ผิดกับพลอยใสที่เวลาเลิกเรียนอยากไปเที่ยวกับเพื่อนพ่อกับแม่ก็อนุญาตตลอดไม่เคยดุไม่เคยว่า ถ้าฉันไม่เห็นใบเกิดของตัวเองฉันคงคิดว่าตัวเองถูกเก็บมาเลี้ยงมากกว่าเป็นลูกแท้ๆของพ่อกับแม่
"อะไรแค่กลับบ้านผิดเวลาเนี้๊ยนะต้องถูกลงโทษ"
"อื้ม"
"เห้อออ เสียใจด้วยนะเจ้าปุกปุย แม่แกเค้าไม่รักแก" คินพูดกับฉันก่อนจะก้มหน้ามาคุยกับเจ้าปุกปุยที่ตอนนี้นอนอยู่บนตักของฉัน พอคินพูดจบมันก็เงยหน้ามามองหน้าฉันแล้วก็ร้องเมี๊ยวๆอย่างอ้อนๆจนฉันรู้สึกใจอ่อนสงสารอยู่ที่นี่มันไม่มีความสุขหรือเปล่าถึงเวลาก็ถูกจับเข้ากรงอยู่แต่ในคาเฟ่ออกไปไหนก็ไม่ได้ถึงแม้ที่นี่จะมีอาหารมีของเล่นให้มันเล่นมีคนดูแลแต่มันก็อาจจะอยากมีอิสระ ความรู้สึกมันจะเหมือนฉันหรือเปล่านะที่มีพร้อมทุกอย่างมีทั้งบ้านทั้งครอบครัวแต่ไม่เคยได้รับอิสระเลย ฉันตัดใจอุ้มมันลงจากตัดก่อนจะเดินออกมาเพราะนี่ก็ใกล้เวลาเข้าห้องสอบแล้ว
"แพรกลับก่อนนะถ้ามีโอกาสแพรจะเล่นด้วยใหม่นะปุกปุย"
"เมี๊ยววว เมี๊ยววว" แต่ดูเหมือนมันจะไม่ยอมมันเดินมาหาฉันแล้วเอาหน้าของมันมาซบลงที่ขาของฉัน
"ฉันว่าเธอคงต้องรับมันไปเลี้ยงแล้วล่ะดูมันจะชอบเธอมากจริงๆ"
"แต่..."
"เอางี้ถ้าเธอไม่มีเวลาไปดูมันที่คอนโดของฉันฉันจะพามันมาที่โรงเรียนด้วยทุกวันเธอจะได้มีเวลาอยู่กับมันดีไหม"
"จะบ้าเหรอคิน โรงเรียนห้ามเอาสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยงนะ"
"เธออย่าลืมดิว่าโรงเรียนเป็นธุรกิจของครอบครัวฉันถ้าฉันจะเอามาเลี้ยงซะอย่างใครหน้าไหนจะกล้าขัดใจ"
สุดท้ายคินก็พาเจ้าปุกปุยกลับมาด้วยโดยมีพี่พนักงานช่วยจัดแจงหากรงที่มีขนาดพอดีพอที่มันจะไม่อึดอัดเวลาอยู่ในกรงมาใส่ให้
"ฝากบอกพี่สาวฉันด้วยนะว่าฉันเอาเจ้าปุกปุยไป" ก่อนจะขึ้นรถคินหันไปพูดกับพี่พนักงานที่เดินมาส่งที่รถ
"ได้ค่ะคุณคิน^^"
บนรถ...
"มันจะไม่อึดอัดใช่ไหมคิน" ฉันหันไปมองเจ้าปุกปุยที่อยู่เบาะหลังด้วยความเป็นห่วงเพราะพอมันขึ้นมาบนรถมันก็หลับทันที
"ไม่หรอก ว่าแต่เธอจะไม่ช่วยฉันเลี้ยงจริงดิ"
"เราบอกเหตุผลไม่แล้วนะ"
"เออ เออ" เขาทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจใส่ฉันทั้งที่ฉันคิดว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดอะไรเลย
หลังจากมาถึงโรงเรียนเขาก็หิ้วกรงเจ้าปุกปุยลงมาจากรถแล้วพาขึ้นตึกเพื่อเข้าห้องสอบด้วยโดยที่มีอีกข้างของเขาก็จูงมือฉันไปตลอดทางและก็มีสายตาใครต่อใครมองมาที่ฉันกับคินพวกเขาคงแปลกใจที่จู่ๆฉันกับคินเดินมาด้วยกัน แต่ฉันก็ทำเป็นไม่สนใจพอมาถึงห้องสอบเขาก็เอามันเข้าไปด้วยโดยที่อาจารย์ผู้คุมสอบไม่ได้ว่าอะไรท่านแค่มองเฉยๆก่อนจะแจกข้อสอบ คือถ้าเป็นนักเรียนคนอื่นคงโดนทำโทษไปแล้วที่เอาแมวเข้าห้องสอบแต่คินได้รับการยกเว้นเพราะโรงเรียนนี้เป็นของครอบครัวเขาอาจารย์ก็เลยไม่กล้าว่าอะไรซึ่งมันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำผิดกฎของโรงเรียน ฉันเรียนห้องเดียวกับคินมาตั้งแต่มอหนึ่งเขาสร้างวีรกรรมเอาไว้เยอะแยะมากมายแต่ก็ไม่เคยถูกทำทัณฑ์บนเลยสักครั้งไม่ว่าจะเป็นเรื่องโดดเรียน ไม่มาเรียน หรือแม้แต่เข้าห้องสอบไม่ทัน ต่อยตีกับเพื่อน รวมไปถึงเรื่องที่เขานั่งกอดจูบกับผู้หญิงในห้องเรียนอยู่บ่อยครั้งแต่ฉันไม่เคยเห็นเขาถูกลงโทษเลย
พอสอบเสร็จฉันก็เดินออกมาจากห้องสอบเพื่อเก็บดินสอปากกายาลบใส่กระเป๋านักเรียนที่วางไว้ด้านนอกเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านแม้ว่าวันนี้จะเลิกเรียนเร็วกว่าปกติไปหลายชั่วโมงเพราะมีสอบแต่ฉันก็ต้องรีบกลับคือมันเป็นความเคยชินที่ว่าสอบเสร็จเรียนเสร็จก็ต้องกลับบ้านเลยทันทีแม้ใจจริงฉันอยากไปเดินเล่นในห้างอยากไปกินไอศครีมอร่อยๆอยากไปซื้อของที่อยากได้ก่อนกลับแต่ฉันก็ไม่กล้าเพราะกลัวพ่อกับแม่หรือพลอยใสมาเจอ ฉันไม่อยากสร้างปัญหาให้ตัวเองไปมากกว่านี้
"แพร!!" ในขณะที่ฉันกำลังเดินลงจากตึกคินก็ตะโกนเรียกฉันตามหลังทำให้ฉันต้องหยุดเดินแล้วหันไปมอง
"จะกลับแล้วเหรอ"
"อื้มสอบเสร็จแล้วนี่"
"นี่เพิ่งบ่ายสองครึ่งเองนะปกติโรงเรียนเลิกตั้งบ่ายสี่มีเวลาอีกตั้งชั่วโมงกว่าๆฉันว่าจะชวนเธอไปซื้อของให้เจ้าปุกปุยน่ะไปด้วยกันนะ"
"แต่ว่า..."
"ไม่ต้องมีแต่" สุดท้ายฉันก็ต้องตามคินขึ้นรถเพราะเขาเล่นเอาเจ้าปุกปุยมาให้ฉันอุ้ม และตอนนี้เรามาที่ร้านเพ็ทช็อปเขาให้ฉันช่วยเลือกของใช้จำเป็นให้เจ้าปุกปุยรวมถึงอาหารมันด้วยหลังจากได้ของครบแล้วเขาก็ขับรถพาฉันมาที่คอนโดของเขา
"เข้ามาสิไม่เมื่อยหรือไงอุ้มมันน่ะ" เขาหันมาพูดกับฉันหลังจากเปิดประตูห้องคือตอนนี้ฉันยืนอยู่หน้าห้องของคินฉันไม่กลัาที่จะเดินเข้าไปข้างในเพราะตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยอยู่สองต่อสองกับผู้ชายเลยครั้งนี้เป็นครั้งแรก
"เอ่อ เราว่าเรากลับก่อนดีกว่า" ฉันพูดพร้อมกับวางเจ้าปุกปุยไว้ที่พื้นในห้อง
"ทำไมกลัวฉันจะอะไรเธองั้นเหรอ"
"คือ..." ยอมรับว่ากลัวจริงๆเพราะขนาดอยู่ที่โรงเรียนเขายังกล้ากอดกล้าหอมฉันเลยแล้วนี่ในห้องฉันก็ต้องกลัวเป็นธรรมดา
"ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรเธอ...ถ้าเธอไม่เต็มใจหรือยินยอมเพราะฉันไม่ชอบฝืนใจใคร"
หลอกล่อเก่งอีกตามเคยพ่อคนดี
4ปีต่อมา...."คินไปได้แล้วสายแล้วนะเดี๋ยวเข้าประชุมไม่ทัน" ฉันบอกคินที่ตอนนี้เอาแต่ชะเง้อมองเข้าไปในโรงเรียนอนุบาลคือเขาเป็นอยู่แบบนี้มาครึ่งชั่วโมงแล้ว"แป๊บนึงคินกลัวน้องเพลงมองหาเราสองคนแล้วไม่เจอเกิดแกร้องไห้ขึ้นมาเราจะได้รับกลับบ้าน" ฉันต้องถอนหายใจกับความห่วงลูกสาวแบบเกินเบอร์ของคุณพ่อ ส่วนน้องอลันตอนนี้แกอายุได้8ขวบแล้วแกเรียนอยู่อีกโรงเรียนหนึ่งซึ่งรายนั้นพ่อก็ห่วงไม่แพ้กันแต่น้องอลันไม่ให้ไปส่งเพราะรู้ว่าพ่อเป็นยังไงก็เลยให้คนขับรถที่บ้านไปรับไปส่งแทน"ลูกไม่ร้องหรอกดูสิเล่นกับเพื่อนจนลืมเราสองคนแล้ว""คินห่วงลูกอ่ะคินกลัวลูกโดนเพื่อนแกล้งน้องเพลงยังเล็กอยู่เลยอายุแค่สามขวบเองนะ" น้ำเสียงเหมือนคนจะร้องไห้ของคนเป็นพ่อทำเอาฉันต้องถอนหายใจอีกรอบ"ถึงน้องเพลงจะอายุแค่สามขวบแต่แกก็เก่งนะดูสิเรามาส่งไม่มีร้องไห้เลย" ฉันพยายามปลอบเพื่อให้คินเลิกห่วงลูกแบบเกินกว่าเหตุแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล"วันนี้เราพาแกกลับก่อนดีมั้ยรอให้คินทำใจได้เมื่อไหร่ค่อยพาแกมาโรงเรียน นะแพรนะ" คินหันมาพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนอย่างน่าสงสารแต่ถามว่าฉันสงสารมั้ย ไม่เลยค่ะ"ไม่ต้องเลยให้ลูกอยู่โรงเรียนส่วนคินก
ผ้าแพร...หลังจากที่เราสองคนพูดคุยปรับความเข้าใจกันแล้วฉันก็ชวนคินมาหาคุณหมอเพื่อตรวจดูอาการของฉันเพราะฉันคิดว่าฉันอาจจะกำลังท้องลูกคนที่สอง ตอนแรกฉันก็ไม่ทันได้คิดจนกระทั่งก่อนออกจากบ้านฉันเปิดตู้เสื้อผ้าก็เจอกับห่อผ้าอนามัยที่ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสองเดือนที่ผ่านมาฉันไม่ได้หยิบมันออกมาใช้เลย"ยินดีด้วยนะคะคุณผ้าแพรทั้งครรภ์ได้6สัปดาห์แล้วค่ะ^^""เมียผมท้องแล้วจริงๆเหรอครับคุณหมอ คุณหมอไม่ได้หลอกให้ผมดีใจใช่มั้ยครับ" น้ำเสียงคินดูตื่นเต้นสุดๆเมื่อได้ยินคุณหมอบอกว่าฉันท้อง"จริงๆสิคะหมอจะโกหกทำไม^^""เอ่อ แล้วผมต้องทำยังไงต่อครับ คือตอนท้องลูกคนแรก..ผมทำตัวไม่ดีผม...ผมแทบไม่มีโอกาสได้ดูแลเมียกับลูกเลยผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อจากนี้" จากน้ำเสียงตื่นเต้นเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเศร้าลงในทันทีมันไม่ใช่แค่น้ำเสียงใบหน้าของเขาก็เศร้าลงเช่นกันจนฉันอดสงสารเขาไม่ได้เขาคงรู้สึกแย่เพราะตอนนั้นที่ฉันบอกเขาว่าฉันท้องเขาไม่ยอมรับซ้ำยังไล่ให้ฉันไปเอาลูกออกอีกเพราะคิดว่าไม่ใช่ลูกตัวเองถึงตอนหลังเขาจะรู้ความจริงและมาดูแลฉันตอนที่ฉันท้องได้หลายเดือนแล้วแต่ตอนนั้นฉันก็ตั้งแง่กับเขาพอลูกคลอดฉันก็ยังพาลูกหนีเข
ผ้าแพร...ฉันนั่งแท็กซี่มาที่โรงพยาบาลแทนการให้คนขับรถที่บ้านมาส่งเพราะฉันกลัวคินจะรู้ว่าฉันมาหาพลอยใส เขาเคยกำชับและสั่งฉันว่าห้ามยุ่งเกี่ยวกับพ่อแม่หรือพลอยใสอีกเพราะพวกเขาไม่เคยเห็นว่าฉันเป็นคนครอบครัว พวกเขาเห็นเงินสำคัญกว่าฉันยอมตัดขาดจากฉันเพื่อแลกกับเงินใช้หนี้ คินบอกว่าตอนนี้ชีวิตของฉันเป็นอิสระแล้วเขาบอกอีกว่าอย่าคิดว่าตัวเองเลวหรืออกตัญญูเพราะพวกเขาเลือกเงินมากกว่าฉันซึ่งเป็นลูกซึ่งฉันก็รับปากคินไปแต่หลังจากได้รับโทรศัพท์จากพลอยใสว่าตอนนี้ป่วยอยู่โรงพยาบาลฉันก็อดเป็นห่วงไม่ได้และนี่คือครั้งแรกที่พลอยใสโทรหาฉันตั้งแต่เราเป็นพี่น้องกันมาซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าเธอรู้เบอร์โทรของฉันได้ยังไงแต่เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะเพราะตอนนี้ฉันเป็นห่วงพลอยใสมาก ตอนที่เธอโทรมาเธอร้องห่มร้องไห้บอกอยากตายอยากฆ่าตัวตายทำให้ฉันรีบออกมาจากบ้าน พอมาถึงโรงพยาบาลฉันก็สอบถามกับเจ้าหน้าที่ว่าพลอยใสพักอยู่ห้องไหนพอรู้ห้องฉันก็รีบขึ้นมาทันทีปรากฏว่าพลอยใสอยู่ห้องพักรวมฉันรีบเดินมาหาทันที"ยัยพลอย""แพร ฮือออ แพร พี่มาเยี่ยมฉันจริงๆด้วย ฮือออ" พลอยใสลุกขึ้นนั่งแล้วกอดเอวฉันไว้แน่น"พลอยเป็นอะไรทำไมถึงมานอนโรงพย
ผ้าแพร...."ขอบคุณนะครับ ขอบคุณที่กลับมาหาคิน คินรักแพรนะ รักที่สุด" จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ เขาระดมจูบฉันไปทั่วใบหน้าเมือ่ฉันตอบตกลงแต่งงานกับเขา จากนั้นเราสองคนจูบกันอย่างดูดดื่ม มือของเขาเริ่มอยู่ไม่สุขลูบไล้ไปทั่วร่างกายของฉัน เขาบีบเคล้นหน้าอกเบาสลับหนัก"หิวนมเมียจังครับ" เสียงกระเส่าเอ่ยขึ้นข้างหูทำให้ฉันรู้ว่าตอนนี้เขาต้องการอะไร"อื้ออ คินอย่านะ" "แพรจ๋า คินอยากกก..." แต่ไม่ทันทีเราสองคนจะทันได้ทำอะไรกันก็มีเสียงเคาะประตูดังอยู่หน้าประตูไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครก๊อก ก๊อก ก๊อก"ปะป๊าค๊าบบบบ อลันอยากเล่นน้ำแล้วค๊าบบบบ ปะป๊าาาาา ปะป๊าค๊าบบ เปิดประตูให้หน่อบค๊าบบบบ""เห้ออออ" พอได้ยินเสียงลูกคินก็ถึงกับถอนหายใจอย่างสิ้นหวังทำเอาฉันถึงกับขำออกมาอย่างช่วยไม่ได้อคิน...หลังจากวันนั้นผมก็พาผ้าแพรกับน้องอลันมาอยู่ที่บ้าน ผมรู้สึกได้ถึงความสุขที่เฝ้ารอมานาน การที่ได้มีผ้าแพรกับลูกอยู่ในชีวิตประจำวันของผมมันเป็นอะไรที่ผมเฝ้ารอมานานและวันนี้มันก็เกิดขึ้นแล้ว มันทำให้ผมมีแรงที่จะทำอะไรต่อมิอะไรทำเพื่อให้พวกเค้าทั้งสองคนมีความสุขผ้าแพรไม่ต้องลำบากเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้วผมให้เธอเป็นแม่บ้านอย่างเดียวไ
ผ้าแพร...กว่าคินจะยอมพาฉันกลับบ้านก็ปาไปเกือบสามทุ่มพอมาถึงฉันก็ถามหาน้องอลันทันทีเพราะไม่เห็นแกคุณป้าบอกว่าแกเล่นจนเหนื่อยหลับไปตั้งแต่ทุ่มนึงแล้ว ฉันกับคินก็เลยขึ้นไปดูลูกที่ตอนนี้แกนอนอยู่ห้องนอนของคินพอเดินเข้ามาก็เจอแกนอนกอดหมอนข้างหลับอย่างมีความสุขอยู่บนเตียง"คินขอบคุณแพรอีกครั้งนะ" คินกอดฉันจากทางด้านหลังเอาคางเกยไหล่ของฉันก่อนจะพูด"ขอบคุณเรื่องอะไรอีก""ก็ขอบคุณที่เลี้ยงลูกของเราอย่างดีและไม่ได้สอนลูกให้ลูกเกลียดคิน""แพรจะทำแบบนั้นทำไมแพรรู้ว่าคินรักลูกมาก""แต่คินก็ไม่ได้ช่วยแพรเลี้ยงลูก""คินไม่ผิดแพรเองต่างหากที่ผิดและต้องขอโทษคินถ้าแพรไม่พาแกหนีไปคินก็คงได้ทำหน้าที่พ่อได้สมบูรณ์มากกว่านี้""ที่แพรหนีไปก็เพราะตอนนั้นคินไม่ทำให้แพรเชื่อใจมันก็เลยไม่แปลกที่แพรจะหนี แพรรู้มั้ยว่าจดหมายที่แพรเขียนฉบับนั้นคินเอามันอ่่านมันบ่อยมากเลยนะเพราะมันตอกย้ำให้คินรู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาคินทำเรื่องเลวร้ายกับแพรมากแค่ไหน""เรื่องมันก็ผ่านมาแล้วอย่าพูดถึงมันอีกเลยนะ""คินจะลืมได้ยังไงคินทำร้ายแพรโดยที่แพรไมไ่ด้ผิดอะไรเลย ถ้าคินไม่เข้าใจผิดเรื่องแพรกับไอ้พีท...คินขอโทษจริงนะที่ตอนนั้นคิ
อคิน....จุ๊บ จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ ผมจูบผ้าแพรด้วยความรู้สึกโหยหา นานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ได้กอดไม่ได้จูบไม่ได้สัมผัสกับร่างกายนี้ จูบครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งที่ผ่านๆมา ผมไม่เคยลืมว่าที่ผ่านมาที่เรามีความสัมพันกันเป็นเพราะผมหลอกเธอเป็นเพราะความแค้นความอยากเอาชนะอยากให้เธอเจ็บปวด แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่มันเกิดจากความรักจริงๆความรักที่ผมมีให้เธอเต็มหัวใจผมอยากชดเชยความผิดพลาดของตัวเองผมอยากทำให้เธอรู้ว่าตั้งแต่นี้ต่อไปผมจะมอบความรักที่ดีให้กับเธอ"แพร...คินรักแพรนะ" ผมกระซิบข้างหูเบาๆก่อนจะจูบลงไปที่ซอกคอของเธออย่างแผ่วเบามือไม้ของผมเริ่่มอยู่ไม่สุขผมลูบไล้ไปทั่วร่างกายของผ้าแพร ถ้าผมไม่อยากหยุดแค่จูบเธอจะว่าอะไรผมหรือเปล่านะเพราะตอนนี้เจ้าน้องชายของผมมันเริ่มตื่นตัว อาจจะเป็นเพราะผมห่างหายไปจากเรื่องอย่างว่ามานานมันก็เลยตื่นเร็ว ก็ตั้งแต่ที่ผมรู้ใจตัวเองว่าผมรักผ้าแพรแล้วก็ตามไปอยู่กับเธอที่น่านผมยอมอยู่อย่างลำบากเพราะอยากใกล้ชิดดูแลผ้าแพรกับลูกจนผมอดแปลกใจตัวเองว่าผมอยู่ได้ยังไงเพราะตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยอยู่อย่างลำบากมาก่อนไม่เคยนอนห้องที่ไม่มีแอร์ ไม่เคยนอนฟูก ไม่เคยทำกับข้าวไม่เคยซักผ้า ไม่เค