ผ่านไปสองวันกว่าที่เขาจะหาทางกลับไปที่ค่ายของกองทัพได้ เมื่อเขารู้กลยุทธ์ของศัตรูแล้ว ก็ไม่ยากที่จะจัดการ แผลที่แม่นางจินผู้นั้นเป็นคนทำให้ หายเร็วกว่าที่คิดจนเขาเองยังนึกเหลือเชื่อ น่าจะเป็นยาที่นางเอาให้เขากิน ทำให้เขาที่บาดเจ็บหนักฟื้นฟูกำลังได้รวดเร็วขึ้น
เขารวบรวมข้อมูลของกบฏ ทั้งเรื่องที่ตั้ง จำนวนไพร่พล และจุดอ่อนเอาไว้ได้เกือบหมด ด้วยความช่วยเหลือของขุนนางเนื้อดีของราชสำนักที่อพยพและได้รับความช่วยเหลือจากเขา
“อีกสองวัน บุกค่ายกบฏ ทำตามแผน พบให้ฆ่าได้ทันที”
เมื่อถึงวันโจมตี เขาแบ่งกองทัพออกเป็นสามฝ่าย ฝ่ายแรกใช้ทหารปนกับชาวบ้าน ล่อพวกกบฏส่วนหนึ่งออกมาด้านช่องแคบของภูเขา ก่อนที่จะโยนหินไฟลงไปจัดการทัพใหญ่จนสิ้นซาก
ส่วนเขากับกองทหารที่เหลือ ล้อมจับกบฏที่ค่าย และสามารถทลายค่ายของพวกมันได้ภายในคืนเดียว เผาจวนเพื่อล่อให้เยี่ยนเสี่ยวเฉิง หัวหน้ากบฏออกมาและทำการจับกุมตัว เพียงไม่นาน พวกกบฏก็ถูกจับกุมมายังจวนที่ว่าการเจ้าเมืองหย่งตู
ทหารกองทัพหลวงล้อมจวนเจ้าเมืองหย่งตูเอาไว้ทุกด้าน พร้อมกับจับพวกขุนนางกบฏและครอบครัวของกบฏที่เหลือเอาไว้ที่ลานในจวน เยี่ยนเสี่ยวเฉิง อดีตเจ้าเมืองหย่งตู หัวหน้ากบฏที่นั่งมองมู่หลงฟู่ที่นั่งอยู่บนหลังอาชาที่สง่างาม แต่เขากลับไม่มีสีหน้าสำนึกผิดสักนิดไม่เมื่อถูกล้อมจับ ด้วยกลยุทธ์ล่อเสือออกจากถ้ำ ทำทีว่าลอบโจมตี แต่สุดท้ายล้อมเผาจวนเจ้าเมืองและจับตัวเขา
“ท่านแม่ทัพ ในห้องเรือนหลังมีเชลยที่เป็นสตรีส่วนหนึ่งที่พวกมันขับมาขอรับ”
“ไปพาพวกนางมาด้วย”
“ขอรับท่านแม่ทัพ”
“เยี่ยนเสี่ยวเฉิง เจ้าก่อกบฏแบ่งแยกดินแดน ทำราษฎรเดือดร้อน บ้านแตกสาแหรกขาด ปล้น ฆ่า ข่มขืนหญิงสาว ฉ้อราษฎร์บังหลวง เจ้ามีอะไรจะแก้ตัวหรือไม่”
“สายตาเจ้า ต่างจากบิดาเจ้ายิ่งนัก เจ้ารู้หรือไม่ ก่อนตาย บิดาเจ้ายังส่งสายตาชิงชังมาที่ข้า แต่ข้าก็ไม่ละเว้นโทษตายให้เขา อาาาา ข้าจำสายตาก่อนตายนั้นได้ ฮ่าๆๆๆ”
มู่หลงฟู่กัดกรามแน่น ดาบเปื้อนเลือดในมือสั่นเมื่อเห็นใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของหัวหน้ากบฏที่ฆ่าบิดาของเขาก่อนที่เขาจะตวัดดาบไปที่เยี่ยนเสี่ยวเฉิง
“อ๊ากกกกก เจ้า เจ้า หูข้า อ๊ากกก ฆ่าข้าเสียสิ หากเจ้าไม่ฆ่า วันหน้า ข้าไม่ละเว้นเจ้าแน่”
“ท่านพ่อ เจ้า เดรัจฉานจะฆ่าก็ฆ่าเจ้าทำเช่นนี้หาใช่วิธีเยี่ยงทหารกล้าไม่”
ดาบที่เปื้อนเลือดถูกชี้ไปยังหน้าของผู้ที่กล้าตอบโต้ ก่อนที่เขาจะถูกตัดหูอีกข้างเหมือนบิดา
“อ๊ากกก ท่านพ่อ ช่วยด้วยย”
“เยี่ยนตู ลูกพ่อ เจ้า วันนี้ข้าขอสู้ตายกับเจ้า”
เมื่อเขาลุกขึ้นยืนและวิ่ง มู่หลงฟู่ก็พุ่งตัวเข้ามา ตวัดดาบในมือเขาอีกสองครั้ง ตัดแขนทั้งสองข้างของเยี่ยนเสี่ยวเฉิง
"ท่านพ่อ ไม่นะ"
ร่างที่ดิ้นรนอยู่ที่พื้นแดงฉาน ก่อนที่กบฏชั่วจะดิ้นจนเฮือกสุดท้ายและสิ้นใจ เป็นภาพที่ดูโหดเหี้ยมและทารุณสำหรับผู้พบเห็นยิ่งนัก โดยเฉพาะต่อหน้าลูกชายชั่วของกบฏ ที่ฉุดคร่าหญิงสาวมาข่มขืนแล้วทรมานพวกนางอย่างไร้ความปรานีจนพวกนางตาย…
สายตาของเพชฌฆาตแห่งสงคราม ดุดัน โหดเหี้ยมมองมาที่กบฏที่นั่งตัวสั่นอยู่กับเยี่ยนเสี่ยวเฉิง พวกเขาล้วนหวาดกลัวแม่ทัพมู่ผู้นี้ เมื่อเขาลงทำศึกใด มิเคยปราชัยเลยสักครั้ง ครานี้ พวกเขาก็ได้เห็นกับตาแล้ว
“ถอดกางเกงมันออก”
เขาสั่งทหาร ก่อนที่จะเดินเข้าไปหาเยี่ยนตูที่ยืนสั่นอยู่ด้วยความกลัว
“เจ้ากลัวเหรอ เจ้าคิดว่าบุตรสาวของชาวบ้านที่เจ้าฉุดคร่ามา พวกนางกลัวหรือไม่”
“อย่า อย่านะ ไว้ชีวิตข้าด้วย ข้าเพียงแค่นึกสนุกชั่วครู่เท่านั้น อย่า ไม่…..”
ดาบที่ตวัดไปที่กลางลำตัวของเยี่ยนตู บัดนี้เขาหมดสิ้นความเป็นชายไปแล้ว ทำเอาคนที่เหลือก้มหน้าสั่นไปทั้งตัว ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตา
จังหวะเดียวกับที่เหล่าทหารไปช่วยสตรีที่เยี่ยนตูจับมาขังไว้ พวกนางทันได้เห็นฉากนองเลือดที่โหดร้ายนี่ แต่พวกนางกลับไม่รู้สึกว่าโหดร้ายแต่อย่างใด มีแต่เสียงสาปแช่งเยี่ยนตู
หลังจากที่พวกนางถูกจับมาขัง บางคนก็ถูกข่มขืน บางคนก็ถูกจับมาทรมาน และมีบางคนที่ตายไปก่อนหน้านี้ไปแล้ว มู่หลงฟู่มองตามเหล่าบรรดาสตรีที่เดินมา และเขาก็ต้องสะดุดตากับคนผู้หนึ่ง
กระเป๋ายา ปากกระจับได้รูปใบหน้าที่บัดนี้ถึงจะดูมอมแมมไปบ้าง แต่เขามองไม่ผิดแน่ แม้แต่ในความมืด เขาก็จดจำนางได้ คนที่ช่วยชีวิตเขาในป่าเมื่อคราก่อน หรือว่าหลังจากที่ช่วยเขาแล้ว นางก็ถูกจับงั้นหรือ เมื่อคิดว่าปากนั่นถูกเจ้าคนชั่วนี่ย่ำยี เขาถึงกับทนไม่ได้ ดาบตวัดไปอีกสองครั้ง ตัดแขนและขาอีกข้างของเยี่ยนตู เขาดิ้นรนอยู่กับพื้น ก่อนจะสิ้นใจตามบิดาไป…….
“จับพวกกบฏไปที่สำนักว่าการให้หมด ส่วนสตรีเหล่านี้ หาอาหารและที่พักให้พวกนาง ข้าจะสอบสวนพวกนางด้วยตนเอง”
ทหารนำตัวกบฏที่เหลือทยอยเดินออกไป ก่อนที่เหล่าสตรีที่ถูกจับออกมา จะทยอยเดินผ่านเขา จินซู่เย่เมื่อเห็นสองร่างที่นอนจมกองเลือดอยู่ ก็เริ่มตัวสั่นเทา หากเขามาไม่ทัน นางคงต้อง...
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งเข้าจมูกพร้อมกับความเหนื่อยล้าก่อนหน้านี้ ทำให้ร่างบางทนไม่ไหวอีกต่อไป ก่อนที่จะทรุดตัวลง มู่หลงฟู่เห็นนางจะล้มลง เขาพุ่งตัวจากหลังม้าไปที่นางทันที ก่อนที่จะรับนางไว้อย่างปลอดภัย ภายใต้ความตกใจของเหล่าสตรีและทหารที่เหลือ…
“นางเป็นลม ข้าจะพานางไปเอง”
เขาอุ้มนางที่หน้าซีดราวกระดาษไปขึ้นม้า และพาออกไปจากจวนเจ้าเมือง มุ่งหน้าไปที่จวนแม่ทัพอีกฝั่งหนึ่งทันที เขาให้ท่านหมอประจำจวนมาดูอาการนาง ก่อนจะเดินออกมาคุยกับกงจื่อ ที่เป็นผู้ที่พานางออกมา
“ข้าน้อยเข้าไปเจอเยี่ยนตูกำลังจะขืนใจนางขอรับ แต่นางไม่ยอม นางกำลังจะใช้มีดพกมาจี้คอตัวเองขู่เขา แต่เรื่องก่อนหน้านั้น ข้ามิทราบได้ขอรับ”
“ท่านแม่ทัพ ข้าทำแผลให้นางแล้ว บาดแผลมีแค่ภายนอกไม่มีปัญหาขอรับ ข้าจะให้คนต้มยาให้ นางฟื้นแล้วจะได้ดื่มเพื่อรักษาอาการฟกช้ำ”
“ฟกช้ำ นี่นางถูกทำอะไรบ้างท่านหมอ”
“เท่าที่ดูจากบาดแผล เจ้าชั่วนั่นน่าจะใช้กำลังเพื่อจะข่มเหงนางแต่นางไม่ยอม เขาเลยชกไปที่ท้อง หลัง และบีบคอนาง ก่อนที่นางจะจับมีดมาเพื่อจะฆ่าตัวตายขอรับ”
เยี่ยนตู ข้าฆ่าเจ้าไปนี่สบายเกินไปสินะ พวกนางเป็นเพียงสตรี แต่เจ้ากลับใช้กำลังข่มเหงรังแกเช่นนี้ ช่างชั่วช้าจริง ๆ
“ข้าเข้าไปเยี่ยมนางได้หรือไม่ แล้วสตรีคนอื่นๆ เล่าท่านหมอ”
“โชคดีที่ท่านช่วยออกมา แต่ก็มีบางส่วน ที่ถูกข่มเหง จนพวกนางรับไม่ไหว สิ้นใจภายในห้อง แม่หนูนี่คงเห็นภาพที่สะเทือนใจมา จนทำให้นาง….”
“ข้าเข้าใจแล้ว รบกวนท่านหมอช่วยดูอาการคนที่เหลือด้วย”
“ขอรับท่านแม่ทัพ”
เขาเดินเข้าไปยังห้องที่มีเพียงแสงจากตะเกียงข้างเตียงนาง ก่อนจะเดินไปดูใบหน้าที่บอบช้ำ ผ้าพันแผลที่คอนางที่ถูกพันเอาไว้อย่างดี ใบหน้าที่มอมแมมบัดนี้ได้ถูกเช็ดจนสะอาด คงจะเป็นแม่บ้านที่ทำการเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดให้นาง ปากที่อวบอิ่มรูปกระจับนั้น บัดนี้แห้งผากไร้สีเลือดเพราะความอ่อนเพลีย แต่ก็ยังคงความงดงามเฉกเช่นเดิม ใบหน้านั้น ทำเอาเขาหลงยืนมองอย่างใจลอย
เช้าวันต่อมา จินซู่เย่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา นางรู้สึกหนักคล้ายร่างจะแหลกสลาย นางค่อยๆ หันไปก็พบกับบุรุษหนุ่มในชุดลำลองสีขาวที่ยืนหันหลังให้นางอยู่ นางขยี้ตาเล็กน้อยก่อนที่จะถามเขาด้วยเสียงที่แหบพร่า
“ท่านคือผู้ใดกัน”
สองวันถัดมาอาการแพ้ท้องแทนฮูหยินของท่านโหวยังคงมีเรื่อย ๆ และเริ่มเบาบางลงในวันที่สาม ก่อนที่เขาจะบอกให้ฮูหยินเตรียมตัวออกจากจวน“ท่านจะพาข้าไปที่ใดเจ้าคะ”“ไม่ไกลหรอก ไม่ต้องห่วง ไม่จำเป็นข้าก็ไม่อยากให้เจ้านั่งรถม้าสักเท่าใดนักหรอก”รถม้าเคลื่อนตัวออกจากจวนและมุ่งหน้าตรงไปทางวังหลวง และเลี้ยวไปยังจวนของพี่ใหญ่สกุลจิน“ทางนี้ ไปบ้านพี่ใหญ่นี่เจ้าคะ หรือว่าท่านจะพาข้ามาเยี่ยมหลานงั้นหรือเจ้าคะ ท่านพี่ ท่านอยากลองเลี้ยงลูกดูหรือเจ้าคะ”“นานแล้วที่เจ้าไม่ได้เจอพี่ใหญ่นี่นา ตั้งแต่วันงานแต่ง เจ้าก็แทบจะไม่ได้ออกไปไหนเลยเพราะเรากลับหย่งตูเสียก่อน พอกลับมาก็ต้องดูแลข้าที่เป็นแบบนี้อีก”“มันเป็นหน้าที่ข้าอยู่แล้วนี่เจ้าคะ ท่านไม่ต้องคิดมากหรอกเจ้าค่ะ”รถม้าเคลื่อนตัวจนถึงหน้าจวนสกุลจิน ก่อนที่กงเซียวจะเดินลงมาเปิดประตูให้พวกเขาเดินลงไป มู่หลงฟู่เดินลงไป ก่อนจะไปรอรับซู่เย่ที่ด้านล่างเพื่อรับนางลงมาและทั้งหมดก็เดินเข้าไปในจวน“ซู่เย่ เจ้ามาแล้ว ฮูหยินน น้องสามมาแล้ว เอาน้ำชามาเร็ว มาๆ นั่งก่อน ให้ข้าตรวจครรภ์เจ้าหน่อย”“พี่ใหญ่ นี่ท่านพี่ส่งข่าวมาบอกท่านเร็วขนาดนี้เลยหรือเจ้าคะ”“แน่นอนสิ เ
“ฮูหยิน ข้างหน้านี้แหละ”“ท่านพี่ ถึงแล้วหรือเจ้าคะ”พวกเขาเดินขึ้นเขาเพื่อมาไหว้หลุมศพของสกุลจิน ซู่เย่พึ่งจะเคยมากราบท่านพ่อ หลังจากเกิดเรื่องที่สกุลจินเมื่อหลายเดือนก่อนเมื่อมาถึง นางคุกเข่าลงก่อนจะกราบคำนับป้ายหลุมศพสีขาวที่พี่ใหญ่ของนางกับสามีนางจัดการทำให้คหบดีที่ยิ่งใหญ่ของหย่งตูเพื่อนาง“ท่านพ่อ พี่รอง ข้ามาหาพวกท่านแล้วเจ้าค่ะ ข้ามาเพื่อบอกว่าคนชั่วที่ทำร้ายพวกเรา ได้ถูกลงโทษไปแล้ว พวกเขาได้รับผลกรรมจากการกระทำชั่วของพวกเขาไปแล้ว หลังจากนี้ พวกท่านอย่าได้มีห่วงอันใดอีกเลยเจ้าค่ะ”นางกราบหลุมศพ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาและพบว่ามีดอกไม้ที่มาวางเอาไว้ เหมือนกับว่าจะถูกวางก่อนหน้าที่นางจะมาเพียงไม่นาน ทำให้ซู่เย่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยว่าผู้ใดกันที่มากราบไหว้หลุมศพพวกเขา เมื่อนางมองไปรอบๆก็พบว่าบริเวณโดยรอบมีการดูแลรักษาอย่างดี หญ้าและสิ่งสกปรกล้วนไม่มี“ท่านพี่เจ้าคะ”“ว่าอย่างไรหรือฮูหยิน เจ้ารู้สึกเหนื่อยงั้นหรือ นั่งพักสักครู่ เดี๋ยวข้าจะให้ชิงชิงเอาน้ำมาให้”“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ท่านดูสิเจ้าคะ รอบๆหลุมศพนี้ เหมือนกับว่ามีผู้มาคอยดูแลตลอด ทั้งๆที่…”มู่หลงฟู่มองตามที่ฮูหยินของเขาพูด เขาก็พ
หลังจากศึกเมืองฉางอันเสร็จสิ้น และทรราชผังเจินถูกประหารชีวิตไปร่วมสองเดือน กำหนดการณ์งานสมรสของท่านโหวมู่หลงฟู่และจินซู่เย่จึงได้ออกมาแต่เนื่องจากมู่หลงฟู่ได้สูญเสียบิดาไปยังไม่ครบสามปี ยังคงอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ พวกเขาจึงมิอาจจัดงานมงคลที่เอิกเกริกได้ดังปกติทั่วไปงานสมรสของทั้งคู่จึงจัดเพียงยกน้ำชาให้มู่ฮูหยิน กราบศาลบรรพชนสกุลมู่ งานเลี้ยงเล็กๆภายในครอบครัว ส่งตัวเข้าหออย่างเรียบง่าย ซึ่งก็เป็นที่ถูกใจจินซู่เย่และมู่หลงฟู่เพราะทั้งคู่ก็มิได้ชอบงานที่ยิ่งใหญ่วุ่นวายมากนัก“แม่ขอให้พวกเจ้ารักกัน ดูแลกันไปจนแก่เฒ่า หนักนิด เบาหน่อยก็ให้อภัยซึ่งกันและกัน มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง”""ขอบคุณท่านแม่""“คำนับฟ้าดิน”“คำนับบุพการี”“คำนับกันและกัน”“ส่งตัวเข้าหอ”ห้องส่งตัวมู่หลงฟู่ หลังจากเสร็จสิ้นการส่งแขกที่มีเฉพาะคนในครอบครัวและเพื่อนสนิทไม่กี่คน ก็เดินเข้ามายังห้องส่งตัว แม่สื่อที่รอบอกขั้นตอนและปิดประตูให้คู่บ่าวสาวอยู่ด้วยกันเขาเดินไปหยิบไม้มงคลเพื่อเปิดหน้าเจ้าสาวของเขาก่อนจะตกตะลึงกับเจ้าสาวที่งดงามราวบุปผาที่บานสะพรั่ง เขาไม่เคยเห็นซู่เย่ที่แต่งหน้าจัดมากขนาดนี้ แต่นางก็ยังงดงามม
เมื่อเขาควบม้ามาถึงหน้าจวนสกุลจิน เขาก็พบกับพ่อบ้าน ที่รีบวิ่งออกมาต้อนรับพวกเขา“พ่อบ้าน ข้าอยากจะขอพบท่านหญิงจินซู่เย่”“เรียนท่านโหว ท่านหญิงมิได้อยู่ที่จวนขอรับ”“แล้วนางไปที่ใดกัน”“คือว่านาง จะเดินทางกลับไปหย่งตูเลยออกไปตั้งแต่เช้ามืดแล้วขอรับ”“เจ้าว่าอย่างไรนะ ไปแล้ว!!”“เอ่อ…ขอรับ ไปซื้อของเมื่อเช้ามืดขอรับ”เขาไม่ทันรอฟังให้จบ ก่อนจะควบม้าทะยานออกไป ก่อนที่จะหยุดที่ประตูเมือง“ซู่เย่ เหตุใดจึงทิ้งข้า ทำไมเจ้าถึงใจร้ายกับข้านัก”แม่ทัพหนุ่มกลับเข้ามาในจวนด้วยความหดหู่ ก่อนจะนั่งจิบสุราโดยไม่สนใจสิ่งรอบตัว มู่ฮูหยินเดินมาหาเขา ที่บัดนี้ได้กลิ่นสุราคละคลุ้งไปทั่ว“เหตุใดมาดื่มสุราอยู่ที่นี่ เจ้าไปหาซู่เย่มามิใช่หรือ ทำไม ทะเลาะกับนางมา หรือว่านางไล่เจ้ากลับมาอีกล่ะ”“แบบนั้นจะยังดีเสียกว่าขอรับ นี่นางเล่นหนีไปเลย”“หนีไป เจ้าหมายความว่าอย่างไร”“นางหนีไปแล้ว นางทิ้งข้าไปแล้วขอรับท่านแม่”มู่ฮูหยินฟังเขาไม่ค่อยรู้เรื่อง นางมองหน้าแม่นมหยุน นางเข้าใจในทันที ก่อนจะเดินออกไป“เจ้าใจเย็นๆ ก่อน บอกแม่มาสิ เจ้ารู้ได้เช่นไรว่านางหนีไปแล้ว นางจะหนีไปไหนได้”“ข้าไปหานางเมื่อเช้านี้ขอรับ
วันรุ่งขึ้น นางนั่งรถม้าไปพร้อมกับมู่หลงฟู่ เมื่อคืนนี้กว่านางจะได้นอนก็เกือบรุ่งสาง นางรู้ว่าสามีนางนั้นเป็นทหารกล้าที่แข็งแรง แต่ไม่คิดว่าจะทำเอานางหมดแรงได้ขนาดนี้ นี่ขนาดนั่งรถม้ามาส่ง เขาก็จูบนางไม่หยุดตั้งแต่ออกจากจวนมา จนเกือบจะถึงจวนสกุลจิน“ท่านปล่อยข้าก่อนสิ ข้ามิได้ดูทางเลย ท่านพี่ หยุดก่อน”“ไม่เอา เจ้าจะอยู่กับหมอจินกี่วันกี่คืน แล้วข้าจะนอนคนเดียวกี่คืน ซู่เย่ เรามาแค่เยี่ยมพวกเขา แล้วกลับเลยได้หรือไม่”“ท่านพี่ เราคุยกันแล้วนี่เจ้าคะ เหตุใดยังเป็นเช่นนี้อีก”“ก็ข้าไม่อยากอยู่ห่างเจ้า ซู่เย่ ไม่อยู่ที่นี่ไม่ได้หรือ กลับจวนเรากันเถิดนะ”“หากท่านยังพูดไม่หยุด ข้าจะอยู่จวนสกุลจินตลอดไป จนกว่าจะถึงพิธีแต่งงาน”มู่หลงฟู่ยอมปล่อยนาง ก่อนที่จะหันมานั่งเฉยๆ ด้วยท่าทางไม่พอใจ ซู่เย่รู้สึกได้อิสระทันที กว่าเขาจะยอมปล่อยนางได้ พร้อมกับหันไปมองคนตัวโตที่นั่งไม่พอใจอยู่“โกรธหรือเจ้าคะ”“…..”“ท่านพี่”“ท่านแม่ทัพขอรับ ถึงจวนสกุลจินแล้วขอรับ”“ข้าไปนะเจ้าคะ ท่านพี่”นางหันไป แต่เขายังไม่มองกลับมา ก่อนที่นางจะเดินลงจากรถม้าเอง และก็เป็นเขาที่สั่งให้รถม้าออกตัวไปทันทีโดยที่ไม่ได้ลงมาส่
จวนสกุลมู่“น้องสาม ในที่สุดข้าก็ได้พบเจ้าเสียที”“พี่ใหญ่ ท่านหมายความว่า ท่านทราบมาโดยตลอด ว่าข้าอยู่ที่นี่”“ใช่ แม่ทัพมู่บอกข้าตั้งแต่หย่งตู วันที่ฝังโลงเปล่านั่นแล้ว ทำให้ข้ามีแรงจะกลับเมืองหลวง อย่างน้อยก็เพราะรู้ว่ามีเจ้าอยู่ มิเช่นนั้น ข้าเองก็คงไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้ว”“พี่ใหญ่ ท่านมีครอบครัว มีลูกแล้ว เหตุใดท่าน…”“ก็เหมือนเจ้าหรือมิใช่ เจ้าเองก็เกือบจะฆ่าตัวตาย หากท่านแม่ทัพไม่ได้ช่วยเจ้าขึ้นมา”“นั่นแสดงว่าพวกท่าน รู้ว่าข้าอยู่ที่นี่ แล้วพวกท่านช่วยฮูหยินได้อย่างไรเจ้าคะ”ย้อนกลับไป….“ฮูหยินเจ้าคะ ยาเจ้าค่ะ”“อืม นี่ยาอะไร”“ท่านหมอเย่สั่งเอาไว้ให้ท่านดื่มเจ้าค่ะ”“ออ งั้นหรือ อ่อ เจ้าน่ะให้คนไปแจ้งท่านโหวด้วยก็แล้วกันว่าหมอเย่ออกไปที่ตลาด”ฮูหยินสั่งสาวใช้ที่ยกยามาให้ออกไปแจ้งคน ก่อนจะทำท่ายกยาดื่มให้สาวใช้คนนั้นเห็น“ฮูหยินเจ้าคะ นี่มัน…”“ไม่ผิดแน่ นางไม่อยากรอแล้ว นางอยากกำจัดข้า แต่เสียดายที่ใช้คนโง่”“ท่านพึ่งจะกินยาที่ท่านหมอเย่ต้มให้ แต่นางกลับมาช้า และไม่ทันได้มองถ้วยยาเดิม”“แม่นมหยุน ให้คนไปแจ้งอาฟู่ว่ามีคนพาซูเย่ออกไปแล้ว ให้รีบกลับจวน และเจ้าเก็บตัวอย่างนี้