ไอรดาโทรไปถามนุกูลผู้เป็นลุงถึงอาการป่วยของคุณยายก็ได้รับคำตอบว่าเป็นจริงอย่างที่อติรุจน์พูด แต่พอเธอบอกจะกลับไปเยี่ยมลุงของเธอก็ถามถึงการไปฮันนีมูน ทำให้หญิงสาวน้ำท่วมปากไม่กล้าพูดเรื่องที่ตัวเธอกำลังจะหย่า
“หนูอัยย์ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ ตอนนี้คุณยายท่านกำลังใจดียิ่งเห็นว่าหนูอัยย์แต่งงานและมีความสุขดี ท่านก็ยิ่งมีความสุขไปกับหนูอัยย์ด้วย”
“แล้วเรื่องผ้าตัดล่ะคะคุณลุง อัยย์จะลองถามเพื่อนๆ ดูว่ามีหมอที่ไหนเก่งๆ บ้าง”
“เรื่องนี้ก็ไม่ต้องเป็นห่างหรอกจ้ะ หมอที่รักษาคุณยายน่ะท่านเก่งมาก จบจากเมืองนอกเลยนะ”
“กำหนดผ่าตัดวันไหนคะ”
“วันที่ 15 เดือนหน้าจ้ะ”
“อีกตั้งสองอาทิตย์เลยนะคะลุงนุ”
“คุณหมอเขานัดผ่าตัดตามอาการคนไข้น่ะลูก”
ไอรดาเข้าใจเงื่อนไขข้อนี้ดีแต่เธอก็ยังเป็นห่วงคุณยายมาก ถ้ามีอะไรที่พอจะช่วยลดระยะเวลาการรอคอยได้เธอก็อยากจะทำ
“ลุงนุบอกชื่อหมอมาได้ไหมเผื่อว่าอัยย์จะรู้จัก”
“ถ้าหนูใช้ความเป็นหมอ ใช้ความสนิทสนมไปขอลัดคิว ลุงว่ามันไม่ยุติธรมกับคนไข้คนอื่นเลย หนูอัยย์คงไม่ทำแบบนั้นใช่ไหม”
“อัยย์รู้ว่ามันผิดแต่อัยย์ก็อยากให้คุณยายได้ผ่าตัดไวๆ”
“ลุงว่าหนูลืมเรื่องนี้ไปก่อนแล้วไปฮันนีมูนให้สนุก กลับมาก็มีแหลนให้คุณยายอุ้มดีกว่าไหม”
“อัยย์ไม่อยากไปเลยอัยย์เป็นห่วงคุณยาย”
“ลุงกับป้าและพี่ณัฐก็อยู่ หรือหนูอัยย์คิดว่าพวกเราดูแลคุณยายไม่ได้พอ หนูอัยย์ไม่ไว้ใจพวกเราขนาดนั้นเลยเหรอ”
“คุณลุงขาอัยย์ไม่เคยคิดอย่างงั้นเลย”
“ถ้าไม่คิดก็ทำทุกอย่างไปตามแผนเดิม กลับจากฮันนีมูนค่อยกลับมาหาคุณยาย ถ้าท่านรู้ว่าอัยย์ไม่ยอมไปเที่ยวเพราะเป็นห่วงท่าน ลุงว่าท่านคงจะเสียใจ”
“โอย ทำไมกดดันกันอย่างนี้คะงั้นอัยย์จะกลับไปที่บ้านสวนหลังจากกลับมานะคะ”
“ได้สิ ลุงขอให้หนูเที่ยวกันอย่างมีความสุขนะลูก”
“ขอบคุณนะคะลุงนุ อัยย์ฝากลุงนุดูแลคุณยายด้วยนะคะ”
“ได้สิ ลุงกับป้าและพี่ณัฐจะดูแลคุณยายอย่างดี”
หลังจากวางสายแล้วไอรดาก็เดินกลับมายังห้องรับแขกอีกครั้ง
“พี่ว่าเรามาหาทางออกร่วมกันดีกว่าไหม” อติรุจน์พยายามจะคุยกับไอรดาอย่างสันติที่สุด
“มันจะมีทางออกอะไรอีกเหรอคะพี่ติ” ไอรดามองไม่เห็นทางออกสำหรับเรื่องนี้เลยสักนิด
“เราจะยังไม่หย่ากันจนกว่าสุขภาพของคุณยายจะดีขึ้น พี่จะพาอัยย์ไปเยี่ยมท่านที่บ้านทุกอาทิตย์”
“พี่ติจะได้อะไรจากเรื่องนี้คะ”
“ถ้าอัยย์กับพี่ยังอยู่ด้วยกันทางบ้านพี่ก็จะไม่มาวุ่นวายกับชีวิตพี่ไง”
“แต่อัยย์ว่าเราควรหย่ากันนะคะ หย่าแบบเงียบๆ ก็ได้ อัยย์ไม่อยากให้ทะเบียนสมรสต้องสร้างปัญหาทีหลัง”
“แต่เรื่องนี้ต้องปิดเป็นความลับ รอเวลาที่เหมาะสมแล้วเราก็บอกกับพวกท่านว่าเราอยู่ด้วยกันไม่ได้ พ่อกับแม่พี่ก็คงไม่อยากจะจับให้พี่แต่งงานกับใครอีก”
“แน่นะคะ”
“แน่สิ แต่ระหว่างนี้อัยย์ห้ามคบคนอื่น”
“อัยย์ว่าพี่เห็นแก่ตัวมากนะคะ ห้ามอัยย์คบคนอื่น แต่ตัวเองมีความสุข”
“ก็ได้ๆ พี่ไม่ห้ามก็ได้ อัยย์จะคบใครก็ได้ ขอแค่อย่าเพิ่งเปิดตัวรอจนกว่าทุกอย่างจะโอเค”
“ฟังยังไงอัยย์ก็เสียเปรียบนะคะ เพราะหลังจากหย่ากันแล้วคนที่เสียหายก็คืออัยย์ ไหนจะต้องทำตัวเหมือนคนมีสามีตั้งนาน”
“แต่พี่ไม่ได้ทำอะไรให้อัยย์เสียหาย”
“ใครเขาจะเชื่อล่ะคะ ในเมื่อเราแต่งงานกันแล้ว”
“พี่ให้ค่าเสียหายอัยย์ห้าล้าน” อติรุจน์ยื่นข้อเสนอเพราะถ้าไอรดาไม่ยอมแล้วไปบอกพ่อกับแม่ของเขาเรื่องคงจะบานปลายมากกว่านี้อย่างแน่นอน
“พี่ติคะ เงินห้าล้านอัยย์ขอจากคุณยายก็ได้ค่ะ”
“อัยย์จะเอาเท่าไหร่”
“เงินสิบล้านกับคอนโดของพี่ที่อยู่ใกล้โรงพยาบาล อ้อ แล้วอัยย์ขอเงินเดือนเดือนละหนึ่งแสนด้วยนะคะ” ในเมื่อจะต้องทนอยู่กับสถานะสามีภรรยาไอดราก็เริ่มยื่นข้อเสนอ
“มันเยอะหรือเปล่า สินสอดทองหมั้นก็ได้ไปแล้วนะ” ชายหนุ่มพยายามต่อรองถึงแม้เงินจำนวนนี้จะไม่ทำให้เขาเดือดร้อนแต่ก็คิดว่าไอรดาขอมากเกินไป
“อัยย์ว่ามันไม่เยอะหรอกค่ะ ถ้าเทียบกับความสุขที่พี่กับคุณพนาจะมีร่วมกัน”
เพราะการแต่งงานเกิดขึ้นแล้ว คงไม่มีใครคิดหรอกว่าเธอกับเขาจะไม่เคยนอนด้วยกัน เพราะฉะนั้นเธอจะต้องให้เขารับผิดชอบ ถึงแม้ตัวเองจะไม่เดือดร้อนเรื่องเงินใครจะยอมให้เขาไปมีความสุขโดยที่ไม่ต้องเสียอะไรล่ะ เรื่องสินสอดทองหมั้นเธอคิดว่าถ้าเรื่องทุกอย่างจบลงเธอจะคืนให้กับครอบครัวของเขา เพราะฉะนั้นเงินเดือนกับเงินที่เธอขอมันก็คนละส่วนกัน
“งั้นก็ตกลงตามนั้น”
“ตกลงค่ะ แต่ทุกอย่างต้องจบภายในสามเดือน”
“ถ้าอัยย์ขอขนาดนั้นพี่ขอหนึ่งปีได้ไหม จะได้อ้างไปด้วยเลยว่าที่ต้องอย่าเพราะอัยย์เป็นหมันเลยมีลูกให้พี่ไม่ได้”
“ทำไมคนที่เป็นหมันต้องเป็นอัยย์ด้วยล่ะคะ”
“ก็มันฟังดูดีกว่า”
“ดูดีกว่าตรงไหน ถ้าเกินอัยย์เลิกกับพี่แล้วไปท้องกับคนอื่น พ่อกับแม่ของพี่ก็รู้สิว่าพี่โกหก พี่นั่นแหละต้องเป็นหมัน ถ้าไม่ตกลงก็เลิกทั้งหมดที่พูดมาเมื่อกี้” ยิ่งได้คุยกับอติรุจน์ไอรดาก็รู้สึกว่าที่ผ่านมาเธอแทบไม่รู้จักตัวตนของเขาเลย เขากลายเป็นคนเห็นแก่ตัวคิดถึงแต่ประโยชน์ของตัวเองมากกว่าที่เธอจะนึกออก
“ก็ได้ แล้วเรื่องฮันนีมูนจะเอายังไง”
“ใครจะไปก็ไปอัยย์ไม่ไป”
“แล้วเรื่องรูปถ่าย”
“ก็บอกไปสิ กล้องโดยขโมยหรือเอารูปที่เคยไปเที่ยวทำPhotoshop เอาก็ได้ อ้อ ขากลับอย่าลืมของฝากด้วยเดี๋ยวอัยย์จะส่งรายการไปให้ว่าต้องซื้ออะไรฝากใครบ้าง”
“แล้วช่วงนี้อัยย์จะไปอยู่ที่ไหน”
“คอนโดใหม่ไงคะ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า เวลาอัยย์ออกไปไหนจะแต่งตัวให้ต่างจากเดิมรับรองว่าไม่เจอคนรู้จักแน่ๆ”
“ถ้าแผนแตก เรื่องทุกอย่างเป็นอันยกเลิกนะ”
“อัยย์ไม่ทำแผนแตกหรอกค่ะ เพราะอัยย์มีเพื่อนไม่เยอะเหมือน พี่เองก็ระวังหน่อยแล้วกัน ไปต่างประเทศก็ใช่ว่าจะไม่เจอคนรู้จัก”
“ครับ”
พอตกลงกันได้ทั้งสองคนก็ไปยังสำนักงานเขตเพื่อทำการหย่าให้เรียบร้อยก่อนจะพากันกลับมาที่บ้านของอติรุจน์อีกครั้ง
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วอัยย์ขอเก็บของไปคอนโดเลยนะคะ”
“ให้พี่ไปส่งไหม”
“ไม่เป็นไรอัยย์นั่งแท็กซี่เองได้”
“แล้วระหว่างนี้จะออกไปไหนก็ระวังตัวด้วย นั่งแท็กซี่ไปก่อนเดี๋ยวคนอื่นจะรู้”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่าอัยย์ไปยืมรถหมอริตาก็ได้”
“ไม่ได้นะ เดี๋ยวริตารู้”
“พี่จะให้อัยย์เก็บเป็นความลับคนเดียวเหรอคะ อัยย์ได้อกแตกตายกันพอดี”
“แล้วริตาไว้ใจได้เหรอ”
“แน่นอนสิคะ พี่ไว้ใจคุณพนาได้มากแค่ไหน อัยย์ก็ได้มากเท่าๆ กับพี่นั่นแหละค่ะ”
หลังจากไอรดาขึ้นรถไปแล้วอติรุจน์ก็โทรศัพท์ให้พนามาที่บ้านของเขาทันที
“ผมขอโทษนะครับคุณติ ถ้าเมื่อคืนผมยอมกลับแต่โดยดีคุณก็คงไม่ต้องเสียเงินมากขนาดนี้”
“ไม่เป็นไรหรอกเงินแค่นี้ไม่ได้มากมาอะไร ภายในหนึ่งปีนี้พ่อกับแม่จะไม่มาวุ่นวายกับผมอีก”
“แล้วถ้าครบหนึ่งปีละครับ”
“ผมก็จะบอกท่านว่าที่ผ่านมาผมผิดหวังกับความรักมาแล้วก็เลยไม่อยากจะแต่งงานอีก และคิดว่าจะอยู่เป็นโสด อย่างน้อยก็คงทำให้เขาเลิกคิดจับคู่ผมอีกนาน”
“แล้วเรื่องฮันนีมูนล่ะครับ คุณอัยย์เธอจะไปกับเราไหม”
“ไม่ครับ เราจะไปกันแค่สองคน คุณจัดกระเป๋าเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
“ครับ เดี๋ยวเราออกไปหาของอร่อยๆ กินแล้วค่อยไปสนามบินกันดีไหมครับ”
“ได้สิ ผมตามใจพนาอยู่แล้ว”
ไอรดาคุกเข่าลงตรงหน้าคนรัก ใบหน้าสวยเงยขึ้นสบตาคมปลาบหญิงสาวส่งยิ้มยั่วยวนก่อนจะยื่นมือมาสัมผัสกับความเป็นชายที่แข็งตระหง่านอยู่ตรงหน้า“อื้อ อัยย์”เพียงมือเล็กสัมผัสกายความเป็นชายปิญชาน์ก็ครางสะท้าน ไอรดาส่งลิ้นร้อนสัมผัสส่วนปลายอย่างแผ่วเบา ไล้วนส่วนหัวหยักแล้วลากปลายลิ้นเปียกชื้นลงมายังส่วนโคนหยอกเย้ากับก้อนกลมที่กดเกร็งเธอรู้ว่าจุดไหนของร่างกายที่เป็นศูนย์รวมเส้นประสาทและจะทำให้เขาเสียวซ่าน ยิ่งได้ยินเสียงแหบพร่าครางฮึมฮัมอยู่ในลำคอก็ยิ่งได้ใจ เรียวปากเล็กขบเม้มเรื่อยๆ จากโคนถึงปลาย ก่อนจะตวัดปลายลิ้นรอบรอยหยัก มือใหญ่ลูบศีรษะและกดเบาๆ ให้เรียวปากเล็กกลืนกินกายแกร่งอย่างที่เขาเคยจินตนาการถึง“เยี่ยมที่สุด สุดยอดที่รัก...” ปิญชาน์เอ่ยชมด้วยเสียงแหบพร่า ใบหน้าแหงนขึ้นสูดปากด้วยความเสียวกระสันเมื่อภรรยาสาวปรนเปรอให้เขาอย่างถึงใจ ปลานลิ้นเลียวนส่วนปลายก่อนจะดูดเข้าปากเล็กจนแก้มตอบ ปิญชาน์สั่นสะท้านไปทั่วร่างจนทนแทบไม่ไหว ชายหนุ่มดึงคนรักให้ลุกขึ้นแล้วประกบจูบที่กลีบปากนุ่มอย่างเร่าร้อน ความเสียวที่เธอมอบให้มันอัดแน่นจนแทบจะระเบิดเขาพลิกให้ไอรดาหันหน้าเข้าหาผนังห้องน้ำ จับ
หลังจากจดทะเบียนสมรสแล้วไอรดาก็เก็บของใช้มาอยู่กับปิญชาน์ที่คอนโด ระหว่างนี้เรือนหอก็เริ่มสร้างตามแบบที่ทั้งสองคนช่วยกันเลือก ถ้าทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็คงจะเสร็จก่อนวันแต่งงานประมาณหนึ่งเดือน หมอปิญชาน์อัปเดตภาพทะเบียนสมรสลงในโซเซียลทำให้ทุกคนรับรู้ว่าเขากับหมอไอรดาไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมงานหรือคนที่กำลังดูใจกันอยู่ แต่สถานะของทั้งสองคือสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เป็นการตัดโอกาสคนที่จะข้ามายุ่งเกี่ยวกับคนทั้งสองได้เป็นอย่างดี ทั้งชีวิตส่วนตัวและเรื่องการของทั้งสองอยู่ในจังหวะที่ลงตัวมาก ทุกวันทั้งสองจะไปทำงานพร้อม พอตอนเย็นไอรดาก็จะมาส่งหมอปิญชาน์ที่คลินิก ส่วนตัวเองก็จะนั่งอ่านหนังสือรอหรือบางครั้งก็กลับมาที่คอนโดก่อนแล้วจึงขับรถไปรับเขาอีกครั้งในเวลาที่คลิกนิกปิดแล้ว ปกติแล้ววันเสาร์ช่วงบ่ายวันเสาร์แบบนี้จะเป็นเวลาพักของทั้งสองคุณหมอ บางครั้งทั้งสองคนก็พากันออกไปซื้อของ ไปเดินเล่นหรือไม่ก็ไปดูหนังด้วยกันสักเรื่องแต่วันนี้ปิญชาน์ต้องไปให้คำปรึกษาเรื่องการมีบุตรยากกับเพื่อนของพี่สาว ไอรดาจึงอยู่ที่คอนโดเพียงคนเดียว หลังจากทานอาหารค่ำแบบง่า
ไอรดากับปิญชาน์มาถึงบ้านสวนก่อนเที่ยงเล็กน้อยเพราะทั้งสองคนต้องไปราวน์คนไข้ก่อนจะออกเดินทาง “สวัสดีครับคุณยาย ผมไม่มาหาคุณยายนานเลย คุณยายสบายดีไหมครับ” หมอปิญชาน์เข้าไปสวัสดีคุณยายอย่างประจบ “สบายดีจ้ะ ยายว่าตอนนี้ยายแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมด้วยนะ ยายเดินออกกำลังกายรอบบ้านทุกวันเลย” คุณยายนวลแขรีบอวดคุณหมอคนโปรด “ดีเลยครับ ผมเสียอีกที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย” “งานหนักล่ะสิ ดูหมอผอมไปนะ ทั้งหมอชาน์และหนูอัยย์เลย ยายว่าสองคนทำงานหนักเกินไปหรือเปล่า หาเวลาพักผ่อนบ้างเดี๋ยวร่างกายจะไม่ไหวเอานะ” คุณยายบอกกับทั้งสองคนด้วยความเป็นห่วง “งานอัยย์ไม่หนักเท่าไร่หรอกค่ะ หมอชาน์หนักกว่าอัยย์เยอะเลยค่ะ ทั้งงานที่โรงพยาบาลและที่คลินิก” “ขยันจริงๆ แล้ววันหยุดแทนที่จะพัก ก็พากันมาซะไกลเลย” “ก็อัยย์คิดถึงคุณยายนี่คะ” “ยายก็คิดถึงหนู นี่ลุงกับป้าก็บ่นคิดถึงหนูเหมือนกัน เห็นว่าหยุดยาวคราวหน้าจะให้เจ้าณัฐไปรับมานอนที่บ้านสักคืน” “คุณยายขาอัยย์ขอไปหาคุณลุงกับคุณป้าก่อนนะคะ หมอชาน์คุยกับคุณยายนะคะ เดี๋ยวอัยย์มาค่ะ
เริ่มมีข่าวลือเกี่ยวกับความสนิทสนมของหมอปิญชาน์กับหมอไอรดาว่าทั้งสองคนจะสนิทกันมากว่าแค่เพื่อร่วมงานธรรมดา เพราะนอกจากทั้งสองมักจะนั่งดื่มกาแฟด้วยกันแล้วบางครั้งถ้าโทรตามหมอปิญชาน์มาทำคลอดหรือมาผ่าตัดในเวลากลางคืน หมอปิญชาน์ก็มักจะมาพร้อมกับหมอไอรดาแม้ว่าเวรของทั้งสองจะตรงกันแต่มันก็ผิดสังเกตอยู่ดี เรื่องนี้ไอรดาเองก็ได้ยินเข้าหูมาอยู่บ้างสำหรับเธอแล้วมันได้มีผลกระทบอะไรเลยเพราะความเสียหายไม่ได้เกิดขึ้นกับเธอ เนื่องจากเสียงที่ได้ยินส่วนใหญ่จะออกไปแนวประมาณว่าทำไมหมอปิญชาน์ถึงเลือกคบกับหมอไอรดาที่เพิ่งหย่ากับสามีแทนที่คนหล่อๆ โปรไฟล์ดีอย่างเขาน่าจะมองหาหมอที่ทั้งสาวทั้งสวยอย่างหมอน้ำฟ้าลูกสาวคนเล็กของอาจารย์หมอประทีปซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของโรงพยาบาล หลายคนมองออกว่าคุณหมอน้ำฟ้านั้นมีความสนใจคุณหมอปิญชาน์อยู่ประมาณหนึ่งเพียงแต่เธอไม่กล้าออกตัวเพราะคิดว่ายังไงคุณหมอหนุ่มก็คงจะไม่มองใครที่ไหนเนื่องจากตอนนี้เธอเป็นคุณหมอคนเดียวที่ยังโสดอยู่ แต่ความสวยและความโสดก็ได้ทำให้คุณหมอปิญชาน์หันมาสนใจเธอเลยสักนิดเพราะคุณหมอหนุ่มไม่เหลือที่ว่างในหัวใจให้ใครอี
วันนี้การประชุมค่อนข้างน่าเบื่อเพราะเป็นการนำเสนอข้อมูลทางสถิติซึ่งยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจ ไอรดานั้นง่วงจนตาแทบจะปิดเนื่องจากเมื่อคืนกว่าเธอจะได้นอนก็เกือบจะตีสาม ถึงแม้จะเคยอยู่เวรทำงานยาวถึง 48 ชั่วโมงมาแล้วแต่มันต่างกันอย่างชิ้นเชิง “หมออัยย์ ง่วงไหมคะ” “ค่ะ หมอพั้นช์ล่ะคะ” “ง่วงมากค่ะ เมื่อคืนพั้นช์กับหมอภพนั่งดื่มกันจนผับปิดแล้วยังไปเดินรับลมกันต่ออีก กว่าจะได้ขึ้นนอนก็เกือบจะตีสามเลยค่ะ” พัณณ์ชิตากระซิบเบาๆ “ถ้าบ่ายนี้ไม่ได้กาแฟคงนั่งหลับในห้องประชุมแน่ๆ” “กลางวันนี้ไปทานข้าวด้วยกันไหมคะ ขากลับจะแวะซื้อกาแฟเข้ามาด้วยเลยดีไหมคะ เพราะกาแฟที่ห้องประชุมคงเอาไม่อยู่แน่นอนเลย” “ปกติเราก็ไปทานด้วยกันอยู่แล้วนี่คะ” “อัยย์หมายถึงออกไปทานข้างนอกโรงแรม พอดีหมอชาน์เขาจองร้านอาหารไว้” “ไม่ดีกว่าพั้นช์ไม่อยากเป็นก้างค่ะ เดี๋ยวพี่หมอจะมาว่าพั้นช์ทีหลัง” “แต่ร้านนี้อาหารอร่อยมากนะคะ ใครมาภูเก็ตต้องได้ไปทาน เราชวนหมอภพไปด้วยก็ได้นะคะ ไปหลายคนจะได้สั่งทานได้หลายอย่าง” “หมออัยย์ไม
ปิญชาน์และไอรดาเดินคุยกันต่ออีกไม่นานก็พากันกลับเข้ามายังโรงแรมอีกครั้ง ทั้งสองตรงไปยังห้องพักของไอรดาและช่วยกันเก็บเสื้อผ้าของเธอลงกระเป๋าเพื่อย้ายไปอยู่ห้องเดียวกับเขาซึ่งอยู่สูงขึ้นไปอีกสองชั้น ไอรดายังไม่ทันได้เปิดกระเป๋าเพื่อเอาชุดมาแขวนก็ถูกคนตัวโตรวบกอดจนแทบหายใจไม่ออก และเมื่อเธอจะกำลังจะบอกให้เขาปล่อย ริมฝีปากสีสวยถูกประจบจูบลงมาอย่างรวดเร็ว โดยที่หญิงสาวไม่ทันตั้งตัว ปลายลิ้นใหญ่สอดแทรกเข้ามาด้วยอาการรีบร้อน ราวกับว่าถ้าเขาจูบเธอช้ากว่านี้เขาจะขาดใจลงตรงหน้า จูบที่คุ้นเคย กระตุ้นความปรารถนาของในกายให้ลุกโชน ไอรดาตอบรับจูบของเขาอย่างเต็มใจ ปลายลิ้นร้อนสำรวจภายในอุ้งปากของหญิงสาวอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ“ผมคิดถึงคุณมากนะอัยย์ ผมขอโทษที่ไม่ค่อยมีเวลาให้คุณเลย แต่สามวันนี้ผมจะให้เวลาทุกวินาทีกับคุณนะครับอัยย์”“อัยย์ก็คิดถึงคุณค่ะ เรื่องเวลาอัยย์เข้าใจดีค่ะ”ในขณะที่ปากร้อนกำลังดื่มด่ำกับความหวานในโพรงปากนุ่ม มือใหญ่ก็ถอดเสื้อผ้าของเธอออกอย่างรวดเร็ว จนที่สุดร่างกายสาวขาวเนียนก็เปลือยเปล่าสายตาของชายหนุ่ม ไฟแห่งตัณหาเริ่มปะทุขึ้น ปิญชาน์อุ้มคุณหมอสาวยังไปวางบ