MasukTHE 619 BAR
เจ้าของร่างสูงกำยำราวร้อยแปดสิบเก้าเซนติเมตร ชายผู้มีใบหน้าหล่อดุจเทพบุตรแต่นิสัยสุดราวกับซาน กำลังนั่งเท้าแขนดื่มเหล้ากับเพื่อนสนิทที่หน้าเคาน์เตอร์บาร์
เขาสบถหยาบระหว่างพูดถึงงานแต่งเดือนหน้าที่จะถึง สั่งเสียชีวิตที่แสนสงบสุขหลังจากนี้ได้เลย เพราะคงจะมีสงครามประสาททุกครั้งที่เจอหน้ายัยผู้หญิงอวดดีแน่นอน
“นี่กูต้องตัดชุดเพื่อนเจ้าบ่าวรอใช่มั้ยวะไอ้ไป๋”
“ตลกเหรอวะ กูเครียดจะตายห่าอยู่แล้ว”
คนที่นั่งฟังอย่างเพลิงเหมันต์ไม่ได้ทำแค่ฟัง แต่ยังขำพรืดจนไหล่สั่นกับการที่เพื่อนรักถูกจับคู่ลูกสาวของภรรยารอง
คุณหมอไป๋ผู้เงียบขรึมกำลังเดือดกรุ่น เวลานึกถึงใบหน้าของหญิงสาวที่โต้เถียงคอเป็นเอ็นอย่างไม่ลดละ เขาสลัดสีหน้าถือดีของภารัชชาออกจากหัวไม่ได้เลย
“ลูกสาวคุณปรางสิตาสวยอย่างกับนางฟ้า การศึกษาก็ไม่น้อยหน้าลูกสาวเมียหลวงด้วยซ้ำ ไม่แย่หรอกเว้ย”
“มึงพูดได้ไงว่าไม่แย่”
“ก็ไม่แย่นะ ทั้งสวยแล้วก็การศึกษาดีอีก แย่ตรงไหน”
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาระบายลมหายใจใส่ ยิ่งอีกฝ่ายพูดเขาก็พาลหัวร้อนปุดๆ จนอยากเอาถังดับเพลิงมาฉีดดับ ก่อนมันจะลามเผาหัวเขาให้ร้อนผ่าวไปมากกว่านี้
“แต่เธอเป็นลูกเมียน้อย... กูเกลียดคนพวกนี้มึงก็รู้”
หมอไป๋ฝังใจกับคำว่าเมียน้อยแบบสุดโต่ง เพราะหมิงพ่อของเขาก็มีภรรยารองที่เชิดหน้าชูตาเช่นกัน เหตุเช่นนี้เขาจึงเติบโตมากับการแกร่งแย่งชิงดีเป็นที่หนึ่งมาตลอด
เขาจะไม่ยอมแพ้ลูกเมียน้อยของพ่อเรื่องทายาท แต่ก็กล้ำกลืนเกินกว่าจะร่วมหลับนอนกับหญิงสาวที่ไม่พิศวาสลงได้
“มึงก็อย่าเหมารวมเธอเลย”
“น้อยไป”
“สิ่งที่มึงเจอมามันเลวร้ายกูรู้ แต่ใช่ว่าลูกเมียน้อยทุกคนจะแย่เหมือนกันหมด” เพลิงเหมันต์พูดอย่างมีเหตุและผล อีกแง่มุมเขารู้และก็เข้าใจความเกลียดชังของหมอไป๋
“มึงยังไม่เจอเธอเถียงกูฉอดๆ สินะไอ้เพลิง”
“มีคนกล้าต่อปากต่อคำกับมึงด้วยเหรอวะ”
เขาแค่นเสียงในลำคอ พลางยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกดื่ม ในแววตาทอประกายความโหดเหี้ยมอย่างปิดไม่มิด
ไหล่กว้างของเขาทำให้แผ่นหลังดูดุดัน กอปรกับดวงตาดุร้ายราวกับสัตว์ป่ายิ่งทำให้เขามีรัศมีดำทมิฬรายล้อมรอบตัว แต่ในขณะเดียวกันก็น่าค้นหาความลึกลับในตัวเขาเหลือเกิน
“ในที่สุดเพื่อนกูก็เจอคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อหน่อยละ” เพื่อนรักตบบ่าแล้วหัวเราะร่วนชอบใจใหญ่
แค่คิดก็สนุกแล้วกับการจะมีผู้หญิงสักคน กล้าต่อปากต่อคำกับคนที่ถูกขนานนามว่าหมอมาเฟียอย่างซ่งไป๋คนนี้
“อย่าให้ถึงคราวมึงบ้างก็แล้วกัน กูจะหัวเราะให้ฟันร่วงหมดปากเลย” เขาปรายตามองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่องหนัก
เห็นเพลิงเหมันต์หัวเราะไม่เก็บทรง หมอไป๋ก็นับเวลารอวันเอาคืนที่จะมีสาวผู้กล้าสักคน สยบเสือแห่งไฟราคะอย่างเพลิงเหมันต์ให้อยู่ใต้โอวาทสักที
เพื่อนคนนี้มันชอบปากดีกับเรื่องคนอื่น แต่ถ้าได้เจอเข้ากับตัวเองก็คงจะมานั่งหน้าเครียดไม่ต่างกันหรอก
“เอางี้ เดี๋ยวกูหาสาวมาปลอบใจให้”
“กูไม่มีอารมณ์”
หมอไป๋ไม่มีอารมณ์ทำอะไรทั้งสิ้น เขาคิดหาวิถีทางจะล่มงานแต่งครั้งนี้ไม่ออกเลย ในเมื่อภารัชชาดูเต็มใจที่จะเสนอตัวเป็นสะใภ้ตระกูลซ่งเสียขนาดนั้น
อีกอย่างหมอไป๋อยู่ใต้โอวาทพ่อมาตลอด เขาไม่อยากให้พ่อเอาตัวเขาไปเปรียบเทียบกับลูกเมียน้อยให้แม่ลำบากใจ
“ขอชนแก้วด้วยได้ไหมคะสุดหล่อ...” หญิงสาวสวมชุดเดรสรัดรูปสุดเซ็กซี่เดินเข้ามาคุยกับเพลิงเหมันต์ สายตาของหล่อนยั่วยวนชายหนุ่มเหมือนกองไฟที่ล่อแมงเม่าบินเข้ามา
“ได้สิครับคนสวย” คนจอมกะล่อนชนแก้วแล้วยิ้มหวานส่งให้ ผิดกับหมอไป๋ที่ไม่สนใจแม้จะมีสาวสวยมองอ่อยอยู่
“คุณเพลิงจะรังเกียจไหมถ้าจีจี้จะชวนคุณไปนั่งด้วยกัน”
“นี่เธอรู้จักชื่อฉันด้วยเหรอคนสวย”
“คุณเป็นเจ้าของบาร์ที่นี่ จีจี้จะไม่รู้จักคุณได้ยังไงคะ”
หุ้นส่วนร้านนี้อีกคนอย่างหมอไป๋ถอนหายใจใส่ แววตาไอ้เพื่อนตัวดีมันกะลิ้มกะเหลี่ยเกินจะทนมอง เห็นแล้วอยากจะวักน้ำเกลือล้างแผลมาฉีดล้างลูกตาสักที
เพลิงเหมันต์มองตาสาวสวยอย่างรู้กัน แค่สะกิดเครื่องก็ติดง่ายขึ้นมาทันที ของแบบนี้แค่มองตาก็รู้ทั้งใจตับไตไส้พุงแล้ว
เขารวบเอวเธอมานั่งบนตัก ยื่นใบหน้าไปสูดดมกลิ่นหอมจากตัวหญิงสาวด้วยสีหน้าหื่นกระหาย ซึ่งจีจี้ก็ตอบสนองด้วยการจับใบหน้าเพลิงเหมันต์มาซุกที่หน้าอก
“ไปเปิดห้องเถอะไอ้เพลิง อุจาดตาฉิบหายเลยว่ะ”
“งั้นกูขอตัวไปหมับตู๋ก่อนนะครับเพื่อนไป๋”
ชีวิตของหมอไป๋ วนเวียนอยู่กับสองสาวแทบทั้งวัน แต่ส่วนใหญ่เขาจะคอยดูแลเหมยหลินมากกว่า แค่เพราะรู้สึกผิด ที่ไม่สามารถปกป้องเธอไว้ได้จนพลั้งเผลอไปตกหลุมพราง น้องชายสารเลวอย่างเพชรเพทายเหมยหลินเริ่มเบื่อรายการโทรทัศน์ตรงหน้า ยาคลายกังวลที่กินไปก่อนหน้านี้ เริ่มออกฤทธิ์ให้เธอง่วงงุนอยากนอน“ไป๋คะ”“หือ”“คุณชาเขาจะโกรธหลินไหม... หลินมาอยู่แบบนี้”เหมยหลินวางมือบนตักหมอไป๋ เขาหลุบตามองนิ่งๆ ก่อนจับมือบางไปวางไว้ที่ตักเธอแทน พลางลดหนังสือที่อ่านอยู่ลงเล็กน้อยวันนี้เขาไม่มีเคสผ่าตัด เวลาว่างจึงใช้ไปกับการอยู่บ้าน อ่านหนังสือที่อ่านค้างไว้ยังไม่จบ แล้วก็คอยนั่งเป็นเพื่อนเหมยหลิน ตามประกบดูแลอย่างใกล้ชิดตามคำสั่งแพทย์ไม่งั้นเธออาจจะคิดไม่ดีขึ้นมาอีกก็ได้...“อย่าห่วงเลย ภารัชชาไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยอะไร”“ผู้หญิงเราก็คิดเล็กคิดน้อยกันทั้งนั้นค่ะไป๋”เขามุ่นคิ้วคิดไม่ตก จะคิดอะไรให้มากมาย ในเมื่อเขาให้เธอมาอยู่ในฐานะเพื่อน ไม่ได้เอามาเป็นเมียเพิ่มสักหน่อย“แต่ภารัชชา...”“ไป๋รู้จักเธอดีจังนะคะ”ใบหน้าขาวระบายยิ้มอ่อนๆ ต่อให้เหมยหลินรู้สึกดีกับซ่งไป๋ แต่เธอเข้าใจหัวอกผู้หญิงด้วยกันดี ไม่มีหรอ
โรงพยาบาลซ่งไป๋เฝ้าอยู่ข้างเตียงเหมยหลิน เธอจมดิ่งสู้ห้วงนิทรา หลังเอาแต่นั่งร้องไห้จนตัวสั่นโยน สุดท้ายก็ผล็อยหลับไป เพราะคุณหมอให้ทานยาจะได้คลายกังวลก่อนหน้านี้ เธอโทรมาหาเสียงสั่นเครือท่าไม่ค่อยดี ดูหวาดระแวงว่าเพชรเพทายจะทำร้าย เพราะสามีเป็นคนโมโหร้ายใช่ย่อย“ไป๋... เหมยหลินกลัว ฮึก คุณเพชรอารมณ์ไม่ดีเลย ฮือ”สามีเธอคงจะคลั่งปนคับแค้บใจ หลังลูกในไส้หลุดไปก่อนกำหนดเหมยหลินผู้เป็นภรรยา ถึงได้โทรหาให้เขาพาออกมา สุดท้ายเธอก็มีอาการวิตกกังวลหนัก เขาเลยอยากให้อยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดหรือไม่ ทางที่ดีควรจะพบหมอทางใจสักหน่อย เผื่ออาการที่เป็นจะพาลให้บรรเทา ทุเลาทุกความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นได้บ้าง“ภารัชชา...”อยู่ดีไม่ว่าดี เขากลับนึกถึงภรรยาที่ไม่คิดจะรักขึ้นมา พลางยกข้อมือขึ้นดูเวลาที่นาฬิกา ดึกดื่นจนป่านนี้แล้ว เธอคงเปิดไฟนอนสบายใจเฉิบสิท่า ไม่ต้องมาระแวงว่าเขาจะกลั่นแกล้งปิดไฟใส่“ถ้าฉันไม่ใช่ลูกสาวของภรรยารอง...”“ฮึก ...ฉันจะถูกรักบ้างมั้ยคะ”คืนนั้น ภรรยาฝีปากกล้าร่ำไห้โฮ ตัดพ้อที่ไม่เคยเป็นคนถูกรัก ปกติทีท่าเย่อหยิ่งและถือดีเป็นที่หนึ่ง พอเขาได้เห็นว่าเธอร้องไห้เป็น หัวใ
ภารัชชาไม่พูดไม่จาสักคำตั้งแต่เข้าห้องมา นอกจากนั่งกอดเข่าร้องไห้ คุดคู้อยู่บนโซฟาปล่อยโฮจนตัวสั่นโยนเจ้าของห้องอย่างสิบทิศ หยิบยื่นกระดาษให้เธอซับน้ำตา นั่งจมจ่อมอยู่ข้างอีกฝ่ายตั้งแต่สิบห้านาทีก่อน ไม่กล้าถามไถ่ถ้าเธอไม่เล่า เขาก็เลยทำได้แค่นั่งรอให้พายุความเศร้าสงบลงเท่านั้น“น้ำ... น้ำไหมน้องชา”“เอาค่ะ ฮึก ขอบคุณค่ะ”เธอพยักหน้าหงึกหงัก แต่ยังหยุดเสียงสะอื้นร้องไห้ไม่ได้เสียน้ำตาไปก็เยอะ ร้องจนเสียงแหบแห้ง ขอเติมน้ำเข้าไปหน่อยจะได้ช่วยหล่อเลี้ยง ไม่ให้น้ำหมดตัวเพราะเสียน้ำตาเท่าโอ่งซะก่อนสิบทิศรอให้ภารัชชาร้องไห้อย่างใจเย็น แม้จะร้อนรุ่มอยากรู้ก็ตามที เขาเดินเข้าไปเอาผ้าผืนเล็ก ถึงไม่รู้อะไรนำพาเธอให้มาหาเขา อีกทั้งยังตากฝนตัวเปียกมาอีกต่างหากแต่เขาจะไม่ถาม รอให้เธอใจเย็นลงกว่านี้อีกหน่อย“พี่ขอเช็ดให้นะ” เขาพูดขึ้นเบาๆ พอเธอไม่ปฏิเสธ เขาก็จัดการใช้ผ้าซับเส้นผมที่เปียกน้ำฝนให้อย่างเบามือความรักไม่เคยง่ายเลย...โดยเฉพาะการเป็นคนไม่ถูกรัก ไม่ง่ายสำหรับเธอเลยสักนิดภารัชชาเพิ่งเข้าใจก็วันนี้ อาการเจ็บชาในหัวใจมันเป็นยังไง เวลานึกถึงภาพของคนที่ไม่รักกัน เหมือนถูกของแหลมคมกรีดซ้ำ
รถยนต์คันหรูจอดเทียบข้างฟุตบาธ ไม่มีประโยครั้งจากสามี เธอจึงทำได้แค่เดินลงจากรถแล้วมองเขาไกลสายตาออกไปคนเก่าเขาคงสำคัญกว่า...ภารัชชาอยากจะหัวเราะให้ฟันร่วงหมดปาก มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องคิดวกวนให้ซ้ำเติมตัวเองเลยเราทั้งคู่จะกลายเป็นคนรักกันได้ยังไง ในเมื่อคนเป็นสามีไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอแพ้กุ้ง ที่ผ่านมามันก็แค่ความอ่อนไหวชั่วครู่ชั่วคราว เวลาเธอเศร้าหรือไม่มีใคร เขาเป็นเพียงแค่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ต่างจากคนที่กำลังจะจมน้ำ ไขว่คว้าทุกอย่างที่เกาะได้นั่นแหละกลับบ้าน...ความหมายคือกลับบ้านที่เคยอยู่ ไม่ใช่เพนส์เฮ้าส์ของซ่งไป๋ ภารัชชานั่งรถมาลงที่บ้านสกุลนาวารีรักษ์ คนแรกที่นึกถึงคือแม่ ถึงแม้ตั้งแต่เกิดมาจะไม่เคยสัมผัสคำว่าความอบอุ่นก็ตามแต่เธอยังหวังว่าแม่จะแบ่งปันมาให้บ้างในสักวัน...ร่างบางเดินลากเท้าเอื่อยเฉื่อยเข้ามาในบ้าน หันไปยกมือไหว้แม่นมที่เคยเลี้ยง แต่กลับไม่พบคนอื่นอยู่ในบ้านแล้ว อาจเป็นเพราะเวลานี้คือทุ่มกว่า ทุกคนคงแยกย้ายกันกลับไปในพื้นที่ของตัวเอง“แม่คะ...” เธอคลี่รอยยิ้มเศร้า เหม่อมองแม่ที่เดินลงมาจากบันไดบ้านชั้นสองพอดีปรางสิตาที่เห็นลูกสาวก็เบิกตาตกใจ พ
คฤหาสน์ตระกูลซ่งข่าวที่เหมยหลินแท้งลูกไม่ได้ถูกแพร่งพรายออกไป จุดสำคัญคือเธอเป็นนักแสดงมีชื่อเสียง และอีกอย่างคือครอบครัวทั้งสองฝ่ายไม่รับรู้ ไม่มีใครได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเหมยหลินในคืนนั้นเพชรเพทายก็ไม่อยากให้ใครรู้เช่นกัน ไม่งั้นคงมีผลต่อกองมรดกในอนาคตอย่างแน่นอนเหมยหลินสูญเสียลูกในท้อง ภารัชชาที่รับรู้ก็เห็นใจ อยากจะไถ่ถามด้วยความเป็นห่วง แต่เธอคงไม่จำเป็นต้องทำหรอกในเมื่อซ่งไป๋... ออกอาการห่วงกว่าเธออีก“ทานทอดมันกุ้งสิครับ เจ้านี้อร่อยมาก” เพชรเพทายตัดทอดมันกุ้งใส่จานภารัชชา เธอหลุบมองนิ่งๆ ในมือเขี่ยข้าวไม่กินสักที“ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มรับ แต่ใช้ช้อนเขี่ยไปไว้ขอบจาน“ผัดผักน้ำมันหอยด้วย...”เขายังตักอาหารใส่จานเธอต่อ ในขณะที่ผู้เป็นสามีเธอ คอยหยิบยกจานอาหารที่เหมยหลินเรียกหาส่งให้ เพชรเพทายคงประชดประชัน ที่ได้เห็นว่าหมอไป๋ใส่ใจภรรยาเขาเป็นพิเศษเพราะงั้นเขาก็จะใส่ใจภรรยาพี่ชายบ้าง...หมอไป๋ปรายตามองภารัชชาที่นั่งก้มหน้าไม่พูดไม่จา เธอแทบจะไม่แตะอาหารบนโต๊ะด้วยซ้ำ ข้าวในจานก็พร่องไปแค่นิดเดียวเอง เขาเอื้อมแขนตักกุ้งคั่วพริกเกลือใส่จานเธอสายตาของซ่งหมิงและหลี่จูมองทุกคนบนโต๊ะ
“คุณไป๋อย่าเพิ่งค่ะ...”“เธอไม่อยากจูบฉันเหรอ”เธอผงะใบหน้าถอยหนีเขาที่ยื่นหน้าจะโฉบมาจูบ คำอ้อนวอนขอให้เธอจูบมาจากใจจริง หรือเพียงเพราะเขาเมามายจากไวน์ที่ดื่มไปกันแน่ปกติเขาดื่มเวลามีเรื่องให้เครียด หลายวันมานี้ปัญหาถาโถมเข้ามาพร้อมกันไม่หยุด กอปรกับภรรยานอนหันหลังให้ มิหนำซ้ำยังไม่ได้กินมื้อดึกอย่างที่เคยกินอีกมื้อดึกที่ไม่ได้มีอาหารเป็นส่วนประกอบ แต่เป็นการชิมรสหวานจากตัวของภารัชชาต่างหากเครียดจนต้องรีดน้ำออกสักหน่อยไม่ได้ทำหลายวันคงขุ่นข้นจนคลั่กแน่...“คุณดื่มมาเหรอ” เธอถามเขาเมื่อสังเกตเห็นริ้วสีแดงที่ผิวแก้ม“นิดหน่อย” เขาตอบหน้านิ่ง แต่นัยน์ตาทอประกายวาบหวามภารัชชาหรี่ตาแล้วส่ายหน้าไม่เชื่อที่เขาพูด ดื่มนิดหน่อยแต่ตาหวานเยิ้มมาขนาดนี้ คำว่านิดหน่อยที่พูดคือเหลือไวน์แค่ก้นขวดหรือเปล่า“ภรรยาที่ดีไม่ควรหันหลังให้สามี”“สามีที่ดีก็ไม่ควรผิดนัดภรรยาค่ะ”พอเธอยอกย้อนกลับ เขาก็ชะงักตัวไป เถียงไม่ออกสักคำเมื่อถูกเธอตอกหน้าด้วยความจริงที่เขาผิดสัญญาก่อน“คุณอย่าเอาแต่พูดพร่ำอยากได้ภรรยาที่ดี... แต่หน้าที่การเป็นสามีของคุณบกพร่องเลยค่ะคุณไป๋”ภารัชชาย้ำเตือนความจำให้เขาอีกครั้ง สา







