“ผู้หญิงอะไรหน้าไม่อาย...”
เขามองเธอด้วยสายตารังเกียจเดียดฉันท์ พ่นคำพูดที่ไม่ถนอมน้ำใจเพื่อแสดงจุดยืนให้เห็นชัดเจน ว่าตัวเขาไม่ได้ใคร่พิศวาสลูกสาวภรรยารองของบ้านนี้แม้แต่นิดเดียว
แม้ว่าจะปฏิเสธงานวิวาห์จอมปลอมในครั้งนี้ไม่ได้ แต่เขาแค่อยากทำให้ภารัชชาได้เห็นด้วยตาเนื้อ ถ้าหากก้าวขาเข้ามาเป็นสะใภ้ตระกูลซ่งจะต้องเจอกับอะไร
“ฉันก็แค่ยอมให้คุณลามปามถึงแม่ฉัน และดูถูกศักดิ์ศรีของฉันไม่ได้เหมือนกันค่ะ” ภารัชชานั่งหลังตรง สบเข้าที่นัยน์ตาสีรัตติกาลราวกับคืนเดือนดับของเขาไม่ละไปไหน
“แค่พูดความจริงถึงกับรับไม่ได้เชียวเหรอ”
“ฉันรู้ว่าตัวฉันไม่คู่ควรกับคุณเลยสักอย่าง... แต่คุณก็ไม่ได้มีคุณสมบัติสามีที่ดีสำหรับฉันเหมือนกัน”
ภารัชชาไม่ใช่คนชอบมีปากเสียง แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่จะยอมให้เขาประโคมคำพูดแย่ๆ ใส่ฝ่ายเดียวเช่นกัน
“ฉันไม่ปรารถนาสามีที่ไม่ให้เกียรติภรรยาค่ะ... คุณไป๋”
ใบหน้าสวยเข้ารูปรับกับเครื่องหน้า โดยรวมดูอ่อนหวานงดงามดุจภาพวาด แต่ดวงตาคู่งามทำให้เธอดูผยองจองขน เชิดหน้าอย่างหยิ่งทะนงจนน่ากำราบให้ศิโรราบต่อเขา
“เหอะ” ผู้นำตระกูลยิ้มชอบใจ ตอนเห็นสายตาฟาดฟันของว่าที่ลูกสะใภ้โต้กลับ
ซ่งหมิงต้องการดูว่าภารัชชาจะรับมือยังไง เพราะหญิงสาวที่หาให้ลูกชายคนก่อนเก่าก็โดนตะเพิดจนหัวหดกันหมด
“เธอต้องการเงินเท่าไหร่ดีล่ะ”
“เงินอะไรคะ”
“เงินที่จะส่งเธอไสหัวออกไปจากชีวิตฉัน”
ภารัชชายังคงนิ่งต่อสถานการณ์ชวนหัวร้อน ข้อตกลงก่อนหน้านี้เธอได้ยินจากปรางสิตามาหมดแล้ว ครอบครัวนี้ต้องการให้ลูกชายเป็นฝั่งเป็นฝาก็เพื่อผลิตทายาทสืบสกุล
หมอไป๋อายุปาไป 33 ปีให้แล้ว แต่ดันไม่ฝักใฝ่หาคนรักเอาแต่ก้มหน้าทำงาน จนสุดท้ายพ่อกับแม่ก็ต้องหาคู่ครองให้เอง
พวกเขาถึงขั้นออกตามหาแม่พันธุ์ชั้นดีทั่วทุกสารทิศ เพื่อตั้งท้องเลือดเนื้อเชื้อไขของหมอไป๋ แลกกับเงินถึงสามร้อยล้านบาทหากให้กำเนิดลูกชายได้
“ห้าล้านเหรอ”
“คุณไป๋”
“หรือสิบล้าน”
หญิงสาวแสยะยิ้มจนเขาคิ้วกระตุก แค่คิดว่าต้องแต่งกับเธอเข้าเรือนหอ เขาก็รู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็นแล้ว
“3 ร้อยล้านค่ะ”
“ว่าไงนะ”
“ตอนแรกฉันมาเพื่อเจรจายุติงานแต่งครั้งนี้ แต่ดูๆ ไปแล้วฉันอยากลดศักดิ์ศรีคุณมากกว่า”
เขากัดกรามแน่น ไม่เคยพบเจอคนฝีปากกล้าแบบเธอมาก่อน มีหวังตบแต่งกันเข้าเรือนหอคงพังพินาศกันไปข้าง
“นายแพทย์ฝีมือดีที่ได้ภรรยาเป็นลูกเมียน้อย... คงจะทำให้คุณทั้งอับอายทั้งเสียเกียรติและชื่อเสียงไม่น้อยเลยใช่มั้ยคะ”
หมอไป๋ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันกรอด ในแววตาวาวโรจน์ด้วยไฟโทสะที่ปะทุขึ้นมา
หลี่จูไม่ปรามลูกชายหรือห้ามการวิวาทะ ทั้งเธอและสามีก็อยากเห็นเหมือนกันกับว่าที่ลูกสะใภ้จะรับมืออย่างไร เมื่อลูกชายสาดอารมณ์ร้อนแบบไม่ถนอมน้ำใจกัน
“ฉันจะเป็นภรรยาจากลูกเมียน้อยให้คุณเอง และฉันก็จะมีทายาทสืบสกุลตระกูลซ่ง... เพื่อตอกย้ำคุณไปจนวันตาย”
“เหอะ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเลยสินะ”
ใบหน้าหล่อเหลาเหมือนไม่มีอยู่จริงของหมอไป๋ กำลังยิ้มเหยียดหยันภารัชชาและสายตาก็ดูแคลนเธอแบบจมดิน
“ก็ดี ฉันเริ่มสนใจเธอแล้วเหมือนกันภารัชชา”
ภารัชชาขนอ่อนลุกชัน เมื่อเขาจ้องมองเธออย่างคาดโทษ
“ถ้างั้นมาลองดูกัน ว่าเธอจะทำให้ฉันลดตัวไปหลับนอนกับคนชั้นล่างแบบเธอได้ยังไง”
“ค่ะ งั้นเรามาลองดูกันสักตั้งนะคะคุณไป๋”
เธอวาดยิ้มบางเบาบนใบหน้า ทว่าเห็นทำทีท่าอวดดีกับเขาแต่ความจริงกลัวแล้วเธอจนตัวสั่น ภายนอกดูไม่ระคายผิวหากแต่ภายในใจตื่นกลัวนำไปหลายขุมแล้ว
ผู้นำตระกูลนั่งฟังอยู่นาน พอทั้งคู่ยอมสงบปากลงเขาก็พูดขึ้นมาในทันที
“รู้ใช่มั้ยถ้าภายใน 1 ปียังไม่ท้องจะเจอกับอะไร” คนที่หน้าดุเหมือนลูกชายไม่มีผิดพูดกับเธอ
ข้อเสนออาจดูหน้าเลือดแต่ก็แลกมาด้วยเงินก้อนงาม แค่ต้องแลกกับการตั้งท้องลูกชายให้ได้เท่านั้นเอง ย้ำว่าต้องเป็นลูกชายเท่านั้นถึงจะได้รับเงินก้อนนี้ไป
“ภายใน 1 ปีถ้ายังให้กำเนิดทายาทไม่ได้ หนูจะต้องยอมให้คุณไป๋มีภรรยารองเพิ่มได้ค่ะ” เธอตอบกลับไม่ลังเล รอยยิ้มฝืดฝืนดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเต็มประดา
ปรางสิตาแจ้งเรื่องนี้ให้เธอรู้แล้ว ต่อให้อยากปฏิเสธแต่ก็หนีไม่พ้นเงาของพ่อที่คอยควบคุมเธออยู่ดี ภารัชชาก็เป็นแค่ลูกไก่ในกำมือผู้ใหญ่ที่หาแต่ผลประโยชน์ทางธุรกิจเท่านั้น
“หนูภารัชชายอมรับข้อตกลงได้ใช่มั้ยล่ะ”
“ได้ค่ะ หนูยอมรับข้อตกลงนี้ได้คุณหมิง”
หมอไป๋แค่นหัวเราะกับความมั่นใจของเธอ หวังว่าเธอจะไม่หนีหางจุกตูดตอนเจอเขาเอาจริงขึ้นมาก็แล้วกัน
“แต่หนูเชื่อว่าหนูจะมีทายาทให้ตระกูลซ่งได้แน่นอน...”
เช้าวันต่อมาภารัชชาตื่นแต่เช้าเพราะฝืนนอนต่อไม่ไหว เธออาบน้ำชำระล้างทำความสะอาดร่างกาย แต่รอยดูดสีช้ำแดงที่ปรากฏชัดบนเนินอก สะท้อนภาพคืนรักเร่าร้อนให้เธอหน้าเห่อร้อนตอนส่องกระจกร่างบางสวมแค่ชุดคลุมอาบน้ำห่มกาย ก่อนจะหยิบหลอดยาทาในลิ้นชักแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง แต้มยาทาบนโหนกแก้มให้สามีที่ยังหลับไม่รู้สึกตัวเงียบๆถ้ารู้ว่าใจร้อนต้องเจ็บตัวแล้วจะใช้อารมณ์ทำไมกัน...เธออดค่อนขอดเขาในใจไม่ได้ ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาเข้าไปรัวหมัดใส่สิบทิศแบบนั้น จะให้คิดเข้าข้างตัวเองว่าเขามาหึงหวงก็ไม่ได้ ในเมื่อเขาไม่ได้รัก คงโกรธมากกว่าที่เธอซบไหล่ชายอื่นจนอาจทำให้ขายหน้าถึงใจเธอจะโกรธเขาเช่นกัน แต่ก็ยังบรรจงทายาให้อย่างเบามือ ทว่าคำพูดใจร้ายของหมอไป๋ก็ผุดขึ้นมาในหัวอยู่ดี“แค่ตั้งท้องแล้วคลอดลูกให้ฉัน... จากนั้นเธอจะเป็นอิสระ”มือที่กำลังทายาตรงมุมปากให้เขาชะงักไป หัวใจชาวาบขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ คำพูดของเขาช่างใจดำอำมหิต สมคำร่ำลือเกี่ยวกับตัวหมอไป๋แห่งตระกูลซ่งนั่นแหละหมอไป๋ที่หลับใหลไม่ได้สติ เพิ่งรู้สึกตัวจากแสงแดดที่แยงตา เปลือกตาเขาขยับเล็กน้อยก่อนจะลืมขึ้นมอง ภาพใบหน้าสวยสดของภารัชชาเป็นสิ่งแ
หลังทั้งคู่ทะเลาะกันข้างนอก แต่ยังสะสางปัญหาไม่เสร็จ หมอไป๋ก็เหยียบคันเร่งมิดไมล์กลับเพนท์เฮ้าส์ทันที เขาฉุดกระชากภารัชชาบังคับให้เธอเดินตาม อารมณ์บนใบหน้ายังโกรธขุ่นสิ่งที่เธอทำกระทั่งเปิดประตูห้องนอนได้ เขาก็โยนร่างเธอลงบนเตียงกว้างอย่างไม่อ่อนโยน ก่อนจะไล่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกจนเปลือยเปล่า“ฉันไม่อยากทำ...” ภารัชชาเบือนหน้าหนี หลังสามีเตรียมที่จะถอดกางเกงตามเสื้อไปเธอเหม่อมองดวงไฟจากตึกสูงระฟ้า ภายในห้องไม่ได้เปิดไฟแต่เปิดม่านทิ้งไว้ ทำให้แสงไฟจากด้านนอกส่องสลัวเข้ามา พอให้หางตาเธอเห็นภาพเขากำลังเสยผมอย่างหัวเสียอยู่“หมายความว่าไงไม่อยากทำ”“ก็แค่ไม่อยากค่ะ”ซ่งไป๋ผ่อนปรนลมหายใจทิ้งแรงๆ ถ้าเขาฝืนบังคับให้เธอทำทั้งที่ไม่เต็มใจ มันก็ไม่ต่างอะไรจากการที่เขาขืนใจเธอหรอกต่อให้เธอจะมองว่าเขาเลวร้ายแค่ไหน แต่ซ่งไป๋ไม่คิดจะร่วมเตียงกับคนที่ไม่เต็มใจหรอกนะ คนอย่างเขาไม่จำเป็นต้องบังคับใคร ต่อให้ไม่มีภารัชชาผู้หญิงมากมายก็พร้อมใจจะขึ้นเตียงกับเขาอยู่ดี“ถ้าไม่อยากทำ งั้นฉันขอถามอะไรเธออย่างนึง...” เสียงคำถามเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ขณะปลดเข็มขัดและถอดกางเกงออกคนตัวสูงโถมร่างขึ้นคร่อมทับ
สิ่งที่เธอย้อนถามเขากลับมา มันทำให้ภาพรักเก่าที่แสนเจ็บปวด แต่ยังเป็นความทรงจำที่เคยสวยงาม พร้อมใจกันหลั่งไหลย้อนกลับเข้ามาในหัวของซ่งไป๋“เธอรู้ได้ไง...” เขาปรายตามองเธอ แววตาเฉยชาที่มองกัน ทำให้ใจของคนถูกมองรู้สึกเจ็บปวด“สำคัญด้วยเหรอคะว่ารู้ยังไง”ภารัชชาแค่นยิ้ม คงจะจริงจนพูดอะไรไม่ออกเลยสินะ“ประเด็นคือ... ฉันพูดความจริงถูกต้องมั้ยคะ”“จะจริงหรือไม่จริง อดีตก็คืออดีตอยู่ดี”“อดีตที่ยังรู้สึกในปัจจุบันน่ะเหรอคะคุณไป๋... จะเรียกอดีตได้ยังไง”สิ้นประโยคที่แทงใจดำคนฟัง ร่างสูงก็นิ่งงันไม่พูดไม่จาและไม่คิดจะแก้ต่างอะไร จนเธอพอเข้าใจแล้วว่าทุกอย่างที่รู้มาคือความจริงภารัชชารู้เรื่องทั้งหมดจากอิงธารา หลังโทรระบายความในใจกับเพื่อนสนิท อิงธาราพอรู้คร่าวๆ ว่าทั้งคู่เคยมีข่าวฉาวถึงแฟนสาวที่เคยคบกับหมอไป๋ นอกใจไปคบหากับน้องชายต่างมารดาแทนแต่สุดท้ายก็ตบแต่งเข้าตระกูลอย่างเป็นทางการ ก่อนข่าวลือจะซาไปตามกาลเวลา หรือจากอำนาจเงินที่ใช้ปิดข่าวนั่นแหละเธอไม่เคยเอะใจเรื่องนี้สักนิด อาจเป็นเพราะเอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในร้านดอกไม้ ใช้ชีวิตปลงปลดในวัยที่ใกล้เลขสาม เลยไม่รู้สึกระแคะระคายกับสายตาที่ทั้งค
ร่างสูงยังอยู่ในอารมณ์โกรธจัด เหยียบคันเร่งมิดไมล์มาตามภรรยาที่ร้านเหล้า ก้าวขายาวสับปลายเท้าปรี่เข้าไปในบาร์ กวาดสายตามองหาภารัชชาก่อนจะพบว่าเพลิงเหมันต์โบกมือเรียกอยู่ใบหน้าหล่อคมฉายชัดถึงอารมณ์ร้าย ไม่พอใจอย่างยิ่งที่ได้เห็นภาพภารัชชากับหนุ่มรุ่นพี่ นั่งกอดกันกลมราวกับเป็นชู้รักยังไงยังงั้น“มันอยู่ไหน” หมอไป๋กดเสียงต่ำ ดวงตาวาวโรจน์มองหาคู่กรณี“ใจเย็นนะไอ้ไป๋ แค่กอดกันไม่มีอะไรหรอกมึง” คนที่พยายามพูดปลอบยิ้มแห้ง เห็นซ่งไป๋รีบบุ่มบ่ามดูใจร้อนเลยยั้งเอาไว้ก่อน“แต่มันกอดเมียกูจะใจเย็นยังไง”“ยอมรับว่าเธอเป็นเมียแล้วเหรอวะ”เพลิงเหมันต์กระตุกยิ้มชอบใจ มองเพื่อนรักที่แสร้งเบือนหน้าหนีไปถอนหายใจใส่ แต่ความจริงก็รู้อยู่แก่ใจ หึงจนหน้าดำหน้าแดงมาแต่ไกลแบบนี้ ไม่ต้องอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่สั่นแล้ว“แล้วตอนนี้เธออยู่ไหน”“มุมโต๊ะโน่นไง...”ว่าแล้วก็หันหลังชี้ไปที่โต๊ะมุมหนึ่งของร้าน เมื่อมองลอดผ่านผู้คนไปจะเห็นภารัชชานอนซบไหล่สิบทิศอยู่เพลิงเหมันต์กอดอกวิเคราะห์ภาพทั้งคู่อยู่ เขาเองก็ยืนจับตามองอยู่นานสองนาน เห็นแค่สองคนนั้นกอดปลอบกัน แต่ไม่มีอะไรที่ล่วงเกินให้เขาต้องเป็นฝ่ายเข้าไปคลี่คลายส
เพียะฝ่ามือหนาตบเข้าที่ใบหน้าหญิงสาวเต็มแรง จนร่างเธอร่วงลงไปกองกับพื้น ยกมือขึ้นจับหน้าข้างที่ถูกตบแล้วกัดปากล่างแน่นไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกเพชรเพทายทำร้ายร่างกาย แต่เขาทำร้ายเธอทุกทางไม่ว่าจะร่างกายหรือจิตใจ เหยียบย่ำจิตใจผู้หญิงคนนึงไม่มีชิ้นดี โดยที่เหมยหลินไม่สามารถอ้าปากร้องขอความช่วยเหลือได้เลยเพชรเพทายย่อตัวลง เขาโกรธจัดจนตาแดงก่ำ ลมหายใจเพลิงร้อนผ่าว ก่อนจะจับปลายคางเธอให้เงยหน้าขึ้นมอง แล้วออกแรงบีบหนักขึ้นจนเธอเบ้หน้าเจ็บแต่ไม่กล้าต่อปากต่อคำเถียง“อย่านึกว่าฉันไม่รู้ วันนี้ที่เธอไปโรงพยาบาลคือไปหาใคร”“ฉันพูดอะไรไปคุณก็ไม่เชื่อใจกันอยู่ดีนี่คะ”“เธอไปร่านกับมันมาใช่มั้ยเหมยหลิน”เหมยหลินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ น้ำตาเธอเอ่อคลอ ทั้งใต้ตาก็แดงก่ำแต่กลับไม่มีน้ำตาสักหยดรินไหลออกมาสามีอย่างเพชรเพทายระแวงเธอกับหมอไป๋น่าดู เขาส่งคนให้สะกดรอยตามภรรยาไปทุกที่ ในวันนี้พอทราบเรื่องว่าเธอไปโรงพยาบาล เขาก็ไม่ฟังเธออธิบายให้มากความ แต่เลือกใช้ความรุนแรงเป็นทางออกแทน“หะ คิดถึงของเก่าจนอยากโดนมันขึ้นมาหรือไง” เพชรเพทายออกแรงบีบสองแก้มเธอแรงขึ้นเหมยหลินตัวสั่นเทาด้วยความกลัว เธอกลัวจะถูกเขาท
ร่างสูงยืนมองแผ่นหลังของภรรยาจนลับสายตาไป ก่อนจะยกมือขึ้นกุมขมับอย่างหงุดหงิดใจ นอกจากจะไม่ได้ลิ้มรสไก่ตุ๋นโสมแล้ว ยังมีเรื่องให้ต้องผิดใจกันอีกต่างหาก“แม่งเอ้ย” เขาสบถกับตัวเองแล้วขมวดคิ้วแน่นทว่าวินาทีต่อมา หมอไป๋ก็นิ่งงันไปสักพัก คิ้วเข้มที่ขมวดเป็นปมอยู่ก็พลันคลายออกทีละนิดเขากำลังครุ่นคิดกับตัวเอง เหตุไฉนทำไมต้องอารมณ์เสียที่เห็นอีกฝ่ายเดินหนีกัน ในเมื่อตัวของภารัชชาก็ไม่ได้สำคัญกับเขาถึงขั้นที่ต้องตามอธิบาย“อยากเข้าใจแบบไหนก็ตามใจละกัน...”ถึงปากจะตัดพ้อไปแบบนั้น แต่เขากลับเสยผมอย่างหัวเสีย ที่ภารัชชาเข้ามาได้ผิดจังหวะไปหมด เส้นเลือดที่ขมับตอดตุบราวกับมีชีวิต หัวเขาร้อนผ่าวจนเม็ดเหงื่อซึมตามไรผมหมดแล้ววันนี้เขาก้าวเท้าข้างที่ซวยออกจากบ้านรึไงกัน...หมอไป๋เดินกลับมาที่ห้อง สีหน้าฉายชัดว่าไม่สบอารมณ์ ก่อนปรายตามองที่หญิงสาวพร้อมเอ่ยปากไล่ ไม่สนว่าเธอจะสะอื้นไห้เสียใจต่อหน้าก็ตาม“ออกไปจากห้องทำงานฉันได้ละ”“ไป๋...”เหมยหลินเอื้อมมือจะเอาไปจับมือเขา แต่หมอไป๋เป็นฝ่ายเบี่ยงตัวหลบ พลางลอบระบายลมหายใจอย่างเอือมระอาวันนี้เธอมาร้องห่มร้องไห้กับเขา เพราะทะเลาะหนักกับเพชรเพทายมาเรื่